ตอนที่ 219 : คำอธิบาย
หากเดอะฟูลเพียงเล่าว่า ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ได้เขียนถึงความรู้ทั่วไปน่าสนใจสักสองสามหัวข้อ แฮงแมนอัลเจอร์คงไม่ยินยอมจ่ายค่าตอบแทนเพื่อซื้อข้อมูลเหล่านั้นแน่ เพราะคำว่า ‘ความรู้ทั่วไป’ ได้ทำให้ความน่าสนใจของข้อมูลลดลง
ไม่เพียงเท่านั้น ภายในใจลึกๆ ของมันยังกังวล การค้าขายแลกเปลี่ยนกับตัวตนลึกลับอย่างเดอะฟูล ชวนให้นึกถึง ‘การทำข้อตกลง’ กับเทพนอกรีตหรือปีศาจชั่วร้ายเสมอ ดังนั้นเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง
แต่ปัจจุบันอีกฝ่ายยอมเปิดเผยหัวข้อของ ‘ความรู้ทั่วไป’ ออกมาก่อน ส่งผลให้อัลเจอร์เกิดความคาใจเป็นอย่างมาก
ถูกต้อง มันยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของกฏการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง รวมไปถึงแนวคิดหลัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากความกระวนกระวายกำลังสุมในใจแฮงแมน
มันซักถามด้วยความใคร่รู้
“ท่านต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนหรือครับ”
“ชะ…ใช่ค่ะ!”
จัสติส ออเดรย์ รีบผงกศีรษะอย่างตื่นเต้น เป็นพฤติกรรมพบเห็นได้ไม่บ่อยนักสำหรับเส้นทางผู้ชม สิ่งนี้หมายถึง เธอเองก็ปรารถนาคำตอบไม่ต่างจากแฮงแมน
ไคลน์ ผู้กำลังรอคอยท่าทีตอนสนองเช่นนี้ อมยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางเปล่งเสียงทุ้มต่ำ
“เราต้องการข้อมูลลัทธิเร้นลับ”
“ลัทธิเร้นลับ…”
แฮงแมน อัลเจอร์ พึมพำกับตัวเอง
แน่นอน ชื่อดังกล่าวไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ ในการชุมนุมหลายครั้งก่อน มันเคยอธิบายข้อมูลองค์กรลับจำนวนมากให้มิสจัสติส โดยแลกเปลี่ยนกับเงินทอง
ด้านออเดรย์และเดอร์ริคต่างขมวดคิ้วพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว สำหรับเด็กสาว ข้อมูลของลัทธิเร้นลับในความทรงจำ ล้วนมาจากคำบอกเล่าของแฮงแมนทั้งสิ้น ส่วนรายหลังยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เคยได้ยินชื่อลัทธิเร้นลับด้วยซ้ำ
ไคลน์เดาท่าทีตอบสนองได้ จึงไม่แสดงอากัปกิริยาประหลาดใจ จากข้อมูลปัจจุบัน มันเชื่อว่าเมืองเงินพิสุทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัย 3 หรือก็คือ ยุคสมัยหลังจากศิลาเย้ยเทพแผ่นแรกปรากฏตัวได้ไม่นาน จึงมีความเป็นไปได้ว่า ศิลาเย้ยเทพคือตัวจุดชนวนให้เกิดภัยพิบัติในช่วงเวลานั้น
แต่ทางด้านตระกูลซาราธ ก้าวแรกในประวัติศาสตร์ของพวกมันคือช่วงกลางของยุคสมัย 4 และลัทธิเร้นลับถูกก่อตั้งหลังจากนั้นเล็กน้อย ก่อนเกิดสงครามสี่จักรพรรดิ
หรือก็คือเมืองเงินพิสุทธิ์ถูกความมืดมิดปกคลุมก่อนลัทธิเร้นลับถือกำเนิดนานหลายปี ไคลน์คงประหลาดใจไม่น้อยหากเดอะซันบอกว่าตนรู้จักลัทธิเร้นลับ
มันคงต้องทำความเข้าใจประวัติศาสตร์โลกใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเมืองเงินพิสุทธิ์ ดินแดนเทพทอดทิ้ง หรือตระกูลซาราธ
หลังจากก้มศีรษะเงียบงันหลายสิบวินาที อัลเจอร์เงยหน้ามองเดอะฟูลท่ามกลางม่านหมอกสีเทา ตามด้วยการเรียบเรียงคำตอบอย่างระมัดระวัง
“ผมจะช่วยท่านรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิเร้นลับอย่างสุดความสามารถ แต่ตอนนี้ ไม่ทราบว่า ท่านจะกรุณามอบคำตอบล่วงหน้าได้หรือไม่”
ตัวตนระดับเทพย่อมต้องสนใจองค์กรลับเก่าแก่อยู่แล้ว อัลเจอร์จึงไม่มองเป็นเรื่องผิดปกติ
ตลอดหลายการชุมนุมผ่านมา มันพยายามค้นหาตัวจริงของเดอะฟูล และได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า ‘ท่าน’ กำลังอยู่ในร่างไม่สมบูรณ์ ยังมิอาจแสดงอิทธิฤทธิ์หรือปรากฏกายบนโลกมนุษย์ได้ จำเป็นต้องให้เหล่าผู้รับใช้จากทั่วทวีปเหนือใต้ ช่วยกันปลดปล่อยพันธนาการของ ‘ท่าน’ ให้เป็นอิสระ
‘หรือเหตุผลการไม่ปรากฏตัวของเหล่าเจ็ดเทพหลักหลังจากยุคสมัย 4 จะมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ฟูล? ’
ขณะความคิดหลากหลายกำลังถาโถมสมองของอัลเจอร์ ร่างกายมันพลันสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว ศีรษะก้มต่ำนอบน้อม ประหนึ่งกำลังนั่งรอฟังคำพิพากษาบนดินแดนเทพ
“ไม่มีปัญหา หากข้อมูลของเจ้ามีมูลค่าสูงกว่าคำตอบของเรา ขอสัญญาว่าจะชดเชยให้ภายหลังอย่างเหมาะสม”
แล้วใครเป็นผู้ตัดสินว่ามูลค่าของข้อมูลลัทธิเร้นลับจากแฮงแมน สมน้ำสมเนื้อกับคำอธิบายของเดอะฟูลในวันนี้หรือไม่
คำตอบคือตัวเดอะฟูลเอง
‘หากข้อมูลลัทธิเร้นลับจากแฮงแมนมีมูลค่าสูง เราคงต้องเร่งหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแบ่งปัน ถ้าไม่ลืมล่ะนะ’
ไคลน์เสริมเงียบงัน
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาเด็กสาวออเดรย์กำลังเปล่งประกายสุดขีด เธอยกมือขึ้นหนึ่งข้างพร้อมกับรีบโพล่ง
“ดิฉันอยากมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนคราวนี้ด้วยค่ะ!”
ไคลน์คิกคักเสียงค่อย
“แน่นอน”
กล่าวกันตามตรงเป้าหมายหลักของไคลน์คือมิสจัสติสตั้งแต่ต้น เพราะเธออาศัยอยู่ในเบ็คลันด์ และคงได้เข้าร่วมชุมนุมผู้วิเศษจำนวนไม่น้อย
หากนับเฉพาะเบ็คลันด์ เด็กสาวมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลมากกว่าไคลน์ นักสืบหน้าใหม่แกะกล่อง ผู้ยังสัมผัสบรรยากาศภายในเมืองแห่งความหวังได้ไม่ถึงสัปดาห์
เทียบกับแฮงแมน หมอนั่นต้องออกทะเลบ่อยครั้ง และคงไม่มีโอกาสได้อยู่ในเบ็คลันด์เป็นเวลานาน ดังนั้น ข้อมูลจากชาวเบ็คลันด์โดยกำเนิดอย่างมิสจัสติส คงมีประโยชน์มากกว่าใครทั้งหมดในนี้
ยิ่งไปกว่านั้น จากผลการทำนายก่อนหน้า หรือจะเรียกว่าการชี้นำจากเทพ นิมิตความฝันระบุชัดเจนว่า โอกาสพัฒนาของไคลน์อยู่ภายในกรุงเบ็คลันด์ เพราะฉะนั้นเบาะแสของลัทธิเร้นลับก็ควรเกิดขึ้นในเบ็คลันด์เช่นกัน
เดอะซันเดอร์ริค นั่งฟังอย่างเงียบงันพลางใช้ความคิด ก่อนจะส่งเสียงหลังจากไตร่ตรองเป็นเวลานาน
“ผมขอใช้รางวัลติดค้างจากท่าน แลกเปลี่ยนกับความรู้ทั่วไปครั้งนี้”
ย้อนกลับไปในการแลกเปลี่ยนสามทางคราวก่อน เดอะซันได้นำสูตรโอสถนักอ่านใจลำดับ 8 แลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถนักขับขานลำดับ 9 ของไคลน์ มันจึงสัญญาว่าจะชดเชยส่วนต่างให้เด็กหนุ่ม แต่เดอร์ริคเลือกเก็บรางวัลไว้ก่อนเผื่อใช้สำหรับแลกเปลี่ยนสูตรโอสถลำดับถัดไป หรือไม่ก็วัตถุดิบ
ไคลน์ผงกศีรษะแผ่วเบาตามด้วยการเริ่มอธิบายข้อมูลแสนล้ำค่า คำพูดถูกเรียบเรียงในสมองนานแล้ว
“เส้นทางใกล้เคียงหมายถึง ผู้วิเศษทุกคนสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ในลำดับสูง ขอยกตัวอย่างดังนี้ : ลำดับ 5 ของเส้นทางเทพมรณา ผู้เฝ้าประตู นอกจากการเลื่อนลำดับแบบปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางคนยักษ์ลำดับ 4 นักล่าปีศาจได้ด้วย การเปลี่ยนเส้นทางในลักษณะนี้ จะไม่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะคลุ้มคลั่ง และไม่เกิดอาการเสียสติ แตกต่างจากการดื่มโอสถผิดเส้นทาง แน่นอนถ้าไม่ใช่เส้นทางใกล้เคียง การเลื่อนลำดับแบบข้ามเส้นทางจะยังก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงเหมือนเดิม”
“เปลี่ยนเส้นทาง?”
ออเดรย์โพล่งอย่างตกตะลึง เธอประหลาดใจมากหลังจากได้ยิน เพราะเคยเข้าใจมาตลอดว่า เส้นทางผู้วิเศษถูกกำหนดไว้ตายตัวตั้งแต่ตัดสินใจเลือกลำดับ 9
แต่ขณะเดียวกันก็หมายถึงเธอสามารถเปลี่ยนสายได้ในลำดับสูงเช่นกัน และไม่ใช่การเปลี่ยนแบบเสี่ยงต่อภาวะคลุ้มคลั่ง!
‘จากทั้ง 22 เส้นทางผู้วิเศษ มีบางเส้นทางสามารถสลับกันได้ตามใจชอบ!’
ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก เพราะหากทราบภายหลังว่าเส้นทางผู้ชมไม่น่าหลงใหลเหมือนเดิม ตนยังมีโอกาสแก้ไขชะตาชีวิตตัวเอง ประหนึ่งเดินช้อปปิ้งอย่างอิสระในห้างสรรพสินค้าฟิลิป!
ความรู้สึกได้เลือกเองกับมือช่างยอดเยี่ยม!
‘แบบนี้เองหรือ’
อัลเจอร์ก้มหน้าพึมพำเงียบงัน
เพียงพริบตา มันเกิดความกระจ่างในหลายประเด็นพร้อมกัน ชิ้นส่วนข้อมูลปะติดปะต่อเป็นรูปร่าง ความค้างคาใจในอดีตบรรเทาลงหลายส่วน
‘ข้อมูลนี้มีค่ามาก! มิสเตอร์ฟูลไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง…ลำพังความรู้ทั่วไปแสนธรรมดาของท่าน มากพอจะทำให้ผู้วิเศษลำดับต่ำทุกคน หัวใจหยุดเต้นหลังจากได้ยิน!’
อัลเจอร์ถอนหายใจเสียงค่อย
ด้านเดอร์ริคผิดหวังเล็กน้อยเพราะมันไม่ต้องการเปลี่ยนลำดับอยู่แล้ว เป้าหมายของเด็กหนุ่มคือการได้เป็นดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า คอยขจัดปัดเป่าความมืดมิดและคำสาปให้หมดไปจากเมืองเงินพิสุทธิ์
แต่ข้อมูลก็ไม่ได้ไร้ค่าเสียทีเดียว อย่างน้อยก็ช่วยให้มันกระจ่าง เกี่ยวกับเหตุการณ์คาใจสมัยอดีตภายในเมืองเงินพิสุทธิ์
เมื่อหลายปีก่อน อดีตผู้นำของเมือง บุคคลมากพรสวรรค์และถูกยกย่องว่า มีโอกาสมากกว่าใครในการก้าวข้ามขีดจำกัดของลำดับ 4 นักล่าปีศาจ กลับตัดสินใจสร้างสุสานของตัวเองอย่างกะทันหัน และย้ายสิ่งของเข้าไปพักอาศัยด้านในแทนบ้าน
หลังจากนั้น การปรากฏตัวของอดีตผู้นำเริ่มลดลงทุกขณะ จนกระทั่งประตูหลักของสุสานไม่ถูกเปิดออกอีกเลย
ในช่วงเวลาดังกล่าว ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคนต่างเชื่อว่า อดีตผู้นำเกิดปัญหาระหว่างพิธีกรรมเลื่อนลำดับ ส่งผลให้กลายเป็นคนเสียสติและเข้าใกล้ภาวะคลุ้มคลั่ง ชาวเมืองส่วนมากจึงพากันคาดเดาว่า เขาตัดสินใจดับลมหายใจของตัวเองไปภายในสุสานแห่งนั้น
แต่เมื่อเดอร์ริคได้ยินคำอธิบายล่าสุดจากมิสเตอร์ฟูล มันเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ในแง่มุมใหม่
‘อดีตผู้นำอาจพยายามเปลี่ยนไปยังเส้นทางใกล้เคียง! ได้ยินมาว่าหนึ่งในการเดินทางสำรวจความมืดของเขา ท่านอดีตผู้นำบังเอิญค้นพบสูตรโอสถเส้นทางเทพมรณาโดยสมบูรณ์เข้า สิ่งนี้หมายถึง สุสานหลังดังกล่าวคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญของพิธีกรรม! ดูเหมือนผลลัพธ์จะล้มเหลว แต่ทำไมท่านถึงไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาด เกิดอะไรขึ้นภายในสุสานกันแน่ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังคาใจเรื่องหนึ่งมาตลอด เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีสูตรโอสถสูงกว่าลำดับ 4 นักล่าปีศาจแล้วหรือไง’
ขณะความคิดมากมายกำลังโลดแล่น เด็กหนุ่มได้สติกลับมาอีกครั้งจากเสียงใสกังวานเจือความสุขุมของมิสจัสติส
“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันต้องการทราบ เส้นทางผู้ชมสามารถแลกเปลี่ยนกับเส้นทางใดได้บ้าง”
‘ลำดับ 4 นักล่าปีศาจ ชื่อเท่มาก! แถมยังเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของไพ่จัสติส!’
ออเดรย์กำลังตื่นเต้น เพราะเธอเพิ่งเคยได้ยินชื่อโอสถลำดับสูงเป็นครั้งแรก
‘สาวน้อย ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน…’
ท่าทางเว้าวอนของเด็กสาวทำให้ไคลน์ถึงกับใจอ่อน หากมันมีข้อมูลในมือ เกรงว่าคงได้โพล่งออกไปโดยไม่ลังเล
แต่ก่อนจะได้กล่าวสิ่งใด ออเดรย์รีบเสริมด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ดะ…ดิฉันยินดีจ่ายเพิ่มสำหรับคำตอบ! ทะ…ท่านต้องการเงินแลกเปลี่ยนจำนวนกี่ปอนด์หรือคะ บะ…บางที ผู้รับใช้ของท่านอาจกำลังขัดสนด้านเงินทองในช่วงนี้”
เมื่อเอ่ยถึงผู้รับใช้ ออเดรย์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า อีกฝ่ายเป็นตัวตนระดับครึ่งเทพ สามารถดับลมหายใจคีลิงเกอร์ผู้ถือครองยุบพองหิวโหยได้พริบตา การระบุว่าตัวตนระดับครึ่งเทพขัดสนด้านเงินทอง ถือเป็นถ้อยคำเสียมารยาทอย่างมาก!
“ดิฉันผิดไปแล้วค่ะ! กรุณาทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดจาล่วงเกินเมื่อครู่ด้วยค่ะ!”
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องจ่ายเงินซื้อข้อมูลเส้นทางใกล้เคียงของผู้ชม
‘เธอถอยไม่ได้แล้วออเดรย์! บางทีมิสเตอร์ฟูลอาจมีผู้รับใช้อ่อนแอและกำลังร้อนเงินสักคนสองคน!’
เด็กสาวเม้มปากพลางให้กำลังใจตัวเอง
‘กี่ปอนด์งั้นหรือ…’
ไคลน์นั่งไตร่ตรองด้วยมาดเคร่งขรึม ก่อนจะมอบคำตอบ
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้พวกเจ้ารวบรวมข้อมูลของลัทธิเร้นลับให้ได้เสียก่อน เราค่อยกลับมาทำข้อตกลงกันใหม่”
ขณะกำลังพูดสมองไคลน์พลันนึกถึงสายสืบจากสมาคมแปรจิต นายแพทย์ดักซ์เตอร์
‘ทั้งหัวหน้าและเรา…เฮ้อ!’
ดักซ์เตอร์คงไม่ใช่สายข่าวของเหยี่ยวราตรีอีกแล้ว กลายเป็นอิสระเต็มตัว แต่ในทางกลับกัน มันก็ไม่ได้รับการคุ้มครองจากเหยี่ยวราตรี
‘ไม่รู้ว่าดีหรือแย่กับเจ้าตัวกันแน่ แต่น่าเสียดาย เราคงหมดโอกาสติดต่อหมอนั่นแล้ว’
การตีสนิทสมาชิกองค์กรลับไม่ใช่เรื่องง่าย ไคลน์ใช้เวลาและความพยายามอยู่นาน ถึงขั้นเข้านักสืบเอกชน
‘นึกว่าจะไม่ต้องลำบากกับเส้นทางผู้ชมไปอีกพักใหญ่แล้วเชียว…’
ชายหนุ่มยิ้มแห้ง
“ทราบแล้วค่ะ” ออเดรย์ตอบเสียงสดใส
บทสนทนาระหว่างทั้งสองทำให้แฮงแมน ผู้กำลังจะถามในเรื่องเดียวกัน รีบปิดปากสนิท
‘ไว้ค่อยถามท่านหลังจากมีความคืบหน้าของลัทธิเร้นลับก็แล้วกัน’
ระหว่างบรรยากาศกำลังเงียบงัน เด็กสาวผมทองหันไปมองเดอะฟูล พลางยกฝ่ามือขึ้นเสมอหัวไหล่
เมื่อเห็นเดอะฟูลอนุญาต ออเดรย์รีบเบือนหน้ากลับมามองแฮงแมงฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ซักถามอย่างคาดหวัง
“มิสเตอร์แฮงแมน คำสวดภาวนาของดิฉันนำพาไปสู่การสังหารพลเรือโทวายุ คุณเตรียมต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้งโตเต็มวัยไว้แล้วหรือยัง”
‘แน่นอน นั่นคือเหตุผลให้เรารีบกลับทะเล’
อัลเจอร์ผงกศีรษะแผ่วเบา
“ผมรวบรวมวัตถุดิบวิเศษตามความต้องการของคุณเรียบร้อยแล้ว แต่จะให้ส่งมอบอย่างไร”
‘อย่างไร? จริงด้วย เราจะให้เขาส่งต่อมใต้สมองมาถึงมือด้วยวิธีการใดได้บ้าง…’
ออเดรย์ระงับความตื่นเต้นทันที เธอรีบก้มหน้าเค้นสมองคิดอย่างหนัก
‘คงบอกตำแหน่งของคฤหาสน์ไม่ได้…หรือควรฝากไว้กับซิลและฟอร์ส นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน ทั้งสองจะทราบทันทีว่าเรากลายเป็นผู้วิเศษนานแล้ว แต่จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวว่า ถ้าไม่สามารถเลี่ยงอันตรายได้ จงเลือกเส้นทางอันตรายน้อยกว่า’
ทันใดนั้นไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งขึ้นได้มันรีบเคาะขอบโต๊ะทองแดงเป็นจังหวะเสียงค่อย
มุมปากยกขึ้นอย่างมีเลศนัย
“สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี พวกเจ้าช่วยร่วมมือกับเราเพื่อทดสอบบางสิ่งได้หรือไม่ เพราะหากการทดลองสำเร็จ วิธีแลกเปลี่ยนภายในชุมนุมไพ่ทาโร่ต์จะสะดวกสบายกว่าเดิมมาก”
……………..