ตอนที่ 221 : ชุมนุมทาโรต์ยกระดับ
เรือโทสะสีครามเปรียบดั่งใบไม้บนผิวน้ำ มันรักษาความสงบนิ่งท่ามกลางระลอกคลื่นซัดสาดของทะเลโซเนียร์ไว้ได้มั่นคง
บางคราวลำเรือถูกยกสูงจากยอดคลื่น บางคราวลำเรือถูกกดต่ำจากท้องคลื่น แต่ก็ไม่เคยปรากฏสัญญาณอันตรายใกล้คว่ำแม้แต่หนเดียว
อัลเจอร์·วิลสันกำลังยืนใจกลางห้องกัปตัน ขณะหันหลังให้ตู้แช่ไวน์ขาวแดง มันตัดสินใจเดินเวียนวนไปมาอย่างกระวนกระวาย
ท้ายสุดมันขบกรามแน่นพลางเดินกลับมายืนข้างโต๊ะทำงานทำจากไม้มะฮอกกานีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อัลเจอร์กวาดเครื่องวัดระยะทางสำริดออกจากโต๊ะ ควานหากระดาษและปากกา ตามด้วยการเอนตัวไปด้านหน้า ก้มศีรษะวาดสัญลักษณ์ตามภาพฉายของเดอะฟูล
ด้วยความทรงจำของนักเดินเรือ มันจดจำพิธีกรรมสังเวยส่วนแรกได้ละเอียดแม่นยำ
ก่อนอื่น อัลเจอร์เปิดลิ้นชักและหยิบเทียนไขสองเล่ม ตามด้วยการสร้างแท่นบูชาตามหลักพิธีกรรมคู่ขนาน เทียนไขเล่มดังกล่าวถูกวางไว้บนกระดาษสัญลักษณ์เนตรไร้ม่านตาและเส้นบิดเป็นเกลียว แทนตัวตนของเดอะฟูล ส่วนเทียนอีกเล่มวางกึ่งกลางแท่นบูชา แทนตัวตนผู้มอบสิ่งของสังเวย
หลังจากเก็บกวาดสิ่งของไม่จำเป็นออกจากผิวโต๊ะ อัลเจอร์ทำการเสกน้ำสะอาดด้วยฝ่ามือซ้ายและขัดถูแท่นบูชาจนหมดจด จากนั้นก็ใช้มีดเงินสำหรับพิธีกรรม สร้างม่านกำแพงวิญญาณล้อมรอบโต๊ะทำงานไว้
เมื่อจัดเตรียมทุกสิ่งเสร็จสรรพ มันใช้พลังวิญญาณจุดเทียนไขสองเล่ม ตามด้วยการก้าวถอยหลังท่ามกลางแสงไฟสลัว
ขณะลมหายใจถูกอัดเต็มปอด อัลเจอร์ก้มศีรษะลงพลางท่องเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ
……
เสียงสวดภาวนาภาษาโบราณดังก้องกำแพงวิญญาณ กระตุ้นให้เกิดสายลมธรรมชาติหมุนวนเป็นเกลียวอย่างเกรี้ยวกราด
เฮอร์มิสโบราณคือภาษาพิธีกรรมเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือผู้วิเศษเผ่ามนุษย์ เต็มไปด้วยปริศนามากมายในตัวเอง ขณะเดียวกันก็มีระดับความปลอดภัยต่ำมาก การพูดส่งเดชอาจนำพาอันตรายร้ายแรงมาสู่ตัว
ผิวหนังเริ่มเกิดความเจ็บปวดคล้ายถูกคมมีดกรีดเฉือน ขณะกัดฟันอดทน อัลเจอร์รีบล้วงหยิบขวดแก้วสีน้ำตามเข้มจากกระเป๋า ตามด้วยการหมุนเปิดฝาและเทวัตถุลักษณะคล้ายเม็ดงาจำนวนมากออกมา
เม็ดหยาบเหล่านี้หมุนเป็นเกลียวขึ้นไปในอากาศด้วยอำนาจแรงลม ผิวของมันสะท้อนแสงเทียนจนส่องประกายคล้ายโลหะแวววาว มอบความงดงามเหนือคำบรรยาย
อัลเจอร์โปรยเม็ดหยาบให้กระจัดกระจายไปกับสายลมท่ามกลางกำแพงวิญญาณ
ฟ้าวว!
ลมกระโชกรุนแรงหนักหน่วง แต่ลดความเกรี้ยวกราดลงจากตอนแรกมาก สายลมเริ่มถูกย้อมเป็นสีดำและเงินอย่างเท่าเทียม
ระหว่างกระบวนการสองสายลมผสมผสานกลายเป็นสีเดียวกลมกลืน ตามด้วยการหลั่งไหลเข้าไปในเทียนไขแทนตัวเดอะฟูล
เพียงไม่นาน พลังวิญญาณเข้มข้นเริ่มก่อตัวเป็นรูปทรง ห้วงมิติในจุดดังกล่าวถูกฉีกขาดและเปิดกว้าง เกิดเป็นประตูมายาขนาดปกติหนึ่งบาน ผิวประตูสลักสัญลักษณ์เดียวกับบนกระดาษทุกประการ
ในเวลาเดียวกัน ไคลน์เริ่มเห็นเค้าโครงบานประตูพร่ามัวก่อตัวด้านหลังเก้าอี้พนักสูงของตน มันสัมผัสถึงพลังวิญญาณจำนวนหนึ่งกำลังกระเพื่อมไปทั่วมิติลึกลับ
‘ได้ผลสินะ’
เมื่อสัญชาตญาณไคลน์บ่งบอกว่าถึงเวลาอันเหมาะสม มันทำการถ่ายพลังวิญญาณตัวเองเข้าไปยังใจกลางความวุ่นวาย ตอบรับการก่อตัวของบานประตู
แอ้ด~
เกิดเป็นเสียงค่อย บานประตูลักษณะพร่ามัวเริ่มเปิดออกอย่างเชื่องช้า
ตัดกลับไปทางห้องกัปตันเรือ บานประตูมายาจากพลังสายลมและแสงเทียนตรงหน้าอัลเจอร์ กำลังเปิดออกอย่างเชื่องช้าไม่ต่างกัน ด้านในมีเพียงความมืดสนิทพร้อมกับเงารางสีดำจำนวนมากในลักษณะเกือบล่องหน รวมถึงริ้วแสงสีสันเจิดจ้าสง่างาม อัดแน่นด้วยมวลความรู้มหาศาล
เหนือภาพเหล่านี้คือพระราชวังโบราณรายล้อมด้วยหมอกสีเทา ประหนึ่งดินแดนเทพสำหรับเฝ้ามองความเป็นไปของโลก การเห็นฉากตรงหน้าเต็มสองตา ร่างกายอัลเจอร์เกิดการสั่นเทาอย่างหยุดไม่อยู่ สองอารมณ์กำลังขัดแย้งรุนแรงในห้วงจิต ทั้งความหวาดกลัวจากก้นบึ้งยากลบเลือน และความตื่นเต้นชนิดมิอาจอธิบายเป็นถ้อยคำ
มันรีบหยิบต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้งออกมาถือสิ่งนี้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว
อัลเจอร์ประคองด้วยสองมืออย่างระมัดระวังศีรษะก้มต่ำลงนอบน้อม ตามด้วยการยื่นวัตถุผิวนิ่มและเปลี่ยนสีตลอดเวลาผ่านวงกบประตูมายาเข้าไป
ทันใดนั้น อัลเจอร์สัมผัสถึงแรงดูดลึกลับพร้อมกับน้ำหนักบนฝ่ามือเบาลง เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า เหตุการณ์เกิดขึ้นและจบลงเพียงเสี้ยวลมหายใจ อาการเหน็บชาจากผิวสัมผัสของต่อมใต้สมองซาลามันเดอร์สีรุ้งไม่หลงเหลืออีกต่อไป
มันก้มหน้าเช่นนั้นเป็นเวลานาน ไม่มีความกล้ามากพอจะเงยศีรษะจ้องมองอีกฝ่าย จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำเจือความเย็นชาของมิสเตอร์ฟูลดังกังวานในโสตประสาท
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับฟังคำขอร้อง ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับเครื่องเซ่นสังเวย ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านเปิดประตูสู่อาณาจักร ทำได้ดี”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ”
อัลเจอร์รีบขานตอบ
เมื่อเงยศีรษะขึ้นอีกครั้ง บานประตูมายาจากสายลมและแสงเทียน หายไปอย่างสมบูรณ์ราวกับเป็นเรื่องโกหก พายุรอบตัวสงบลง สีเปลวเทียนกลับเป็นปกติ
หลังดับเทียนด้วยวิธีปกติแล้ว อัลเจอร์นั่งลงบนเก้าอี้กัปตันด้วยสีหน้าแววตาสับสน หลากหลายอารมณ์กำลังถาโถมสมอง
มันพึมพำในใจ
‘ในตอนแรกท่านสามารถดึงกายจิตของมนุษย์ขึ้นไปบนมิติสายหมอก ถัดมาสักพัก ท่านอนุญาตให้สมาชิกแจ้งข้อความด้วยการสวดภาวนา ขณะเดียวกันก็สามารถตอบกลับได้ทุกเมื่อ มาถึงตอนนี้ ท่านสำเร็จพิธีกรรมสังเวย ท่านกำลังฟื้นคืนพลังทีละนิด เข้าใกล้การหลุดพ้นจากพันธนาการมากขึ้น แล้วท่านจะลงมาบนโลกมนุษย์ในสักวัน’
สมมติฐานหรือการคาดเดาดังกล่าว ได้ทำให้หัวใจอัลเจอร์เกิดความกระวนกระวายสถานหนัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจในปริมาณเท่าเทียม
‘อย่างน้อยเราคือหนึ่งในสมาชิกชุมนุมไพ่ทาโรต์ แถมยังเป็นสมาชิกยุคบุกเบิก’
มันถอนหายใจยาว
…….
ท่ามกลางพระราชวังโอ่อ่าเหนือห้วงมิติสายหมอกเทา ไคลน์กำลังนั่งเล่นต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้งในมือ
แสงหลากสีสันส่องสะท้อนบนใบหน้าชายหนุ่มพลางสลับไปเรื่อยๆ
ฝ่ามือเกิดอาการเหน็บชาแผ่วเบา ในใจกำลังอิ่มเอมกับความสำเร็จครั้งใหญ่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งความสุขอย่างแท้จริง
‘ในอนาคต ชุมนุมไพ่ทาโรต์จะยิ่งมหัศจรรย์กว่านี้หลายเท่า!’
หลังจากไตร่ตรองสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน ไคลน์แผ่พลังวิญญาณเข้าไปในดาวแดงตัวแทนมิสจัสติส
หลังจากจิตถูกส่งกลับมายังห้องนอน เด็กสาวมิอาจสงบใจนั่งนิ่งตรงขอบเตียง เธอเปิดอ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าอย่างกระสับกระส่าย จับใจความตัวอักษรไม่ได้สักนิด ก่อนตัดสินใจเดินไปนั่งหน้ากระจกเงาเพื่อสงบสติ แต่แววตากลับเอาแต่เหม่อลอยไม่จดจ่อ
เธอตั้งตารอคอยความสำเร็จจากพิธีกรรมสังเวยของแฮงแมน ขณะเดียวกันก็แอบกังวลว่าผลลัพธ์จะออกมาล้มเหลว
‘จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวว่า ภายใต้ทุกสถานการณ์สำคัญ มนุษย์ต้องใจเย็นและคุมสติให้มั่นคงเสมอ ออเดรย์ เธอจะเป็นแบบนี้ไม่ได้! สูดลมหายใจเข้าไว้! หรือเราควรหยอกล้อสุนัขเพื่อสงบจิต แต่แบบนั้นคงไม่ดีแน่ ซูซีสามารถพูดและคิดได้เหมือนมนุษย์ เธอเองก็มีศักดิ์ศรีคงเล่นสนุกเหมือนในอดีตไม่ได้แล้ว’
ความคิดออเดรย์กำลังล่องลอยไร้จุดหมาย เด็กสาวเกร็งมือบีบตุ๊กตาแต่งกายหรูหราไว้แน่นขนัดโดยไม่รู้ตัว
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ม่านหมอกสีเทาหนาทึบปรากฏตรงหน้าเธอในลักษณะกะทันหัน ท่ามกลางความพร่ามัว ออเดรย์มองเห็นเก้าอี้โบราณเด่นตระหง่านไกลออกไป
บุคคลบนเก้าอี้ เดอะฟูล กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“มิสจัสติส การทดลองประสบผลสำเร็จ เจ้าเตรียมวัตถุวิญญาณเอาไว้หรือยัง”
‘เจ๋ง! สมกับเป็นมิสเตอร์ฟูล!’
ออเดรย์หลงลืมชั่วขณะว่าผู้ทดลองพิธีกรรมตัวจริงคือแฮงแมน เธอพยายามข่มอาการตื่นเต้นด้วยพลังผู้ชม
“ค่ะ! ดิฉันเตรียมไว้ข้างกายตลอดเวลา”
บ้านของเธอมีสิ่งของแบบนี้มากมาย เพียงแต่ในช่วงแรกก่อนเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ เด็กสาวไม่ทราบว่าสิ่งใดคือวัตถุวิญญาณบ้าง แต่เมื่อลองรื้อค้นคลังสมบัติของตระกูล ออเดรย์ได้พบกับน้ำมันสกัดหลากหลายชนิด
ไคลน์ผงกศีรษะแผ่วเบา
“พร้อมประกอบพิธีกรรมหรือยัง แต่รอบตัวเจ้าต้องไม่มีผู้วิเศษคนอื่นคอยจับตามอง”
‘เอ่อ…สุนัขวิเศษนับไหมคะ’
ออเดรย์ชำเลืองมองประตูห้องปิดสนิท หลังจากชั่งน้ำหนักอย่างถี่ถ้วน เธอตัดสินใจเอาเองโดยอิงจากสามัญสำนึกเป็นหลัก
“กระทำได้ทันทีค่ะ!”
ไคลน์ทำท่ารับทราบ
“ขั้นตอนพิธีกรรมตรงตามคำอธิบายของพิธีกรรมสังเวยทุกประการ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนบทสวดภาวนาเล็กน้อย ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับฟังคำขอร้อง ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านเปิดประตูสู่อาณาจักร ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาพลัง จงอย่าลืม ต้องประกอบพิธีกรรมแบบคู่ขนานเท่านั้น”
ออเดรย์ครุ่นคิดสักพักก่อนพยักหน้ารับ เธอตัดสินใจเริ่มพิธีกรรมทันทีโดยไม่รีรอ
…….
ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งบานประตูมายาเปิดออก ฉากด้านในปรากฏให้เห็นความระยิบระยับอลังการยิ่งกว่าดวงดาวบนผืนนภายามราตรี ออเดรย์รู้สึกลุ่มหลงเคลิบเคลิ้มไปกับภาพตรงหน้า ทั้งกายใจและเกิดความสั่นเทิ้มอย่างล้นปรี่
สิ่งนี้คือโลกเร้นลับ และเธอก็ปรารถนามันมาตลอด
‘ความรู้สึกแบบนี้แหละ!’
เด็กสาวสรรเสริญเดอะฟูลจากก้นบึ้ง
สำหรับเทพธิดา เธอศรัทธา
แต่สำหรับเดอะฟูล เธอเคารพบูชายิ่งชีพ
ออเดรย์แบ่งแยกลำดับความสำคัญของเทพแต่ละองค์ในใจ
ทันใดนั้น เด็กสาวแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้พบบางสิ่งถูกวางไว้เหนือ ‘แท่นบูชา’ มันคือวัตถุผิวนุ่มหลากสีสันสลับไปมา
“ต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้ง!”
ออเดรย์โพล่งอย่างตื่นเต้น ดวงตาส่องประกายระยิบระยับ ภายในใจเกิดความปรารถนาจะเดินเข้าไปหยิบ
แต่มารยาทของชนชั้นสูงช่วยระงับพฤติกรรมหยาบคายเช่นนั้นไว้ เด็กสาวแสดงการคำนับมิสเตอร์ฟูลอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมรับมอบ ออเดรย์อดใจไม่ไหวอีกต่อไป เธอเดินตรงไปหยิบวัตถุดิบวิเศษหลากสีขึ้นมาพิจารณาอย่างมีความสุขหนแล้วหนเล่า
‘ชุมนุมไพ่ทาโรต์ของเราแตกต่างจากองค์กรลับใดทั้งหมด!’
ออเดรย์เกิดความรู้สึกเหนือกว่า
ถัดมา เธอชำเลืองไปทางประตู กังวลว่าสุนัขซูซีอาจเปิดประตูพรวดเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มเสียง
ภายในห้องนอน เด็กสาวตั้งใจปรุงโอสถด้วยสมาธิจดจ่อมากกว่าปกติ ของเหลวในหม้อจะนำพาเธอไปสู่การเลื่อนลำดับพลังขึ้นอีกหนึ่งขั้น
ไม่กี่นาทีถัดมา ในมือเด็กสาวถือขวดบรรจุของเหลวหลากสีสันสลับไปมา ใครได้เห็นเป็นต้องหลงใหลกันถ้วนหน้า
ออเดรย์ยกซดโอสถนักอ่านใจเข้าไปรวดเดียวหมดขวด จากนั้นก็เผชิญกระบวนการหลอมรวมเข้ากับพลังพิเศษ วัตถุดิบแต่ละชนิดแผ่พลังวิญญาณอันเข้มข้นของมันโจมตีผู้บุกรุกหน้าใหม่ แต่สุดท้ายลงเอยด้วยผลสำเร็จลุล่วง
หลังจากพิจารณาวิวทิวทัศน์รอบตัว ภาพการมองเห็นของเด็กสาวคมชัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รวมถึงการยกระดับพลังสังเกตด้านอื่น เธอรีบเข้าฌานตามความเคยชินเพื่อมิให้พลังวิญญาณใหม่ไหลซึมออกจากร่าง
เมื่อพลังลำดับ 8 เริ่มเสถียร เด็กสาวเดินไปเปิดประตูห้องและปล่อยให้สุนัขโกลเดนรีทรีฟเวอร์ขนฟูเดินเข้ามา
ใบหน้าซูซีปรากฏความฉงนชัดเจน
“เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
สุนัขตัวเมียไม่ปิดบังความสงสัย
ออเดรย์อมยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ออตโตมัน* พร้อมกับเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
(เก้าอี้นวม ไม่มีพนักพิง ไม่มีที่วางแขน)
“ซูซี ฉันควรทำอย่างไร จึงจะบอกใบ้ให้ซิลและฟอร์สทราบบางสิ่งโดยไม่เปิดเผยตัวเอง รวมถึงวิธีทำให้พวกเธอสนใจสิ่งนั้น”
หลังจากจบประโยค เด็กสาวเริ่มคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับภารกิจมอบหมายจากเดอะฟูล
สายตาจ้องมองไปทางซูซีอย่างคาดหวัง ในเวลาเดียวกันสุนัขตัวเมียก็แหงนมองกลับ
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งสุนัข กำลังช่วยกันระดมสมองหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างเคร่งเครียด
…….
หลังจากบรรลุเป้ามหาย ไคลน์ส่งตัวเองกลับมายังโลกความจริงและงีบหลับไปหนึ่งชั่วโมงกว่า จากนั้นก็รีบออกจากบ้านเพื่อไปจับจ่ายซื้อของ
หมดเงินราวหนึ่งปอนด์ แลกมากับแว่นตากรอบทอง วิกผม และหนวดปลอมหลากหลายรูปทรง ทั้งหมดใช้วิธีติดกาว ส่งผลให้สามารถกระชากหลุดได้ด้วยมือ
สิ่งเหล่านี้คืออุปกรณ์ปลอมตัวค่อนข้างจำเป็นกับแผนการในอนาคตอันใกล้
ก่อนมื้อค่ำ ชายหนุ่มเดินทางไปยังเขตตะวันออก ย่านอันตรายและมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของเมือง จากนั้นก็เช่าหอพักขนาดหนึ่งห้องนอนในราคาสี่ซูล สามเพนนีต่อสัปดาห์ ก้อนแรกต้องจ่ายล่วงหน้าสองสัปดาห์ เป็นเงินรวม สิบเจ็ดซูล
เมื่อเสร็จสิ้นการเตรียมตัวพื้นฐานสำหรับดำรงชีวิตภายในกรุงเบ็คลันด์เป็นอันเรียบร้อย
ไม่เพียงเท่านั้นเขตตะวันออกยังสร้าง ‘ความประทับใจ’ ให้ไคลน์ไม่น้อย เกือบทุกถนนในย่านนี้มีลักษณะคล้ายคลึงถนนสายล่างของเมืองทิงเก็น แตกต่างกันตรง ขนาดของเขตตะวันออกนั้นกว้างใหญ่กว่าหลายเท่า
ชาวเมืองละแวกดังกล่าวสวมชุดเก่า แต่ไม่ถึงกับสกปรกหรือขาดรุ่งริ่ง มีหลายรายสวมชุดมอมแมม ผิวหนังซีดเซียว โครงร่างผอมแห้งคล้ายกับไม่มีแรง คงไม่น่าแปลกใจหากจะมีใครสักคนอาละวาดบ้าคลั่งเนื่องจากหิวโซ ด้วยเหตุนี้ กลุ่มอันธพาลจึงเพ่นพ่านไปทั่วเขตตะวันออกเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว
หลังจากกลับถึงเขตเชอร์วู้ด ไคลน์รู้สึกเหมือนกับหลุดพ้นจากขุมนรกและย่างกรายเข้าสู่แดนสวรรค์
ในช่วงสองวันถัดไปมันมีแผนทดสอบการสร้างยันต์ผ่านพลังวิญญาณและพิธีกรรมเวทมนตร์
……..
ผ่านมาแล้วหลายวันในเบ็คลันด์ ไคลน์มิได้สวดภาวนาถึงเทพธิดารัตติกาลเลยสักครั้ง มันกำลังรอให้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเริ่มผลิดอกออกผล
จนกระทั่งเช้าวันพฤหัสบดี
เสียงกริ่งของบ้านดังขึ้นเป็นครั้งแรก
……………..