Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 224

Lord of the Mysteries 224

ตอนที่ 224 : นักสืบสายปรัชญา

ห้องสลัวถูกฉาบด้วยแสงจันทร์แดงเจือจาง ทุกสิ่งด้านในจึงไม่ปรากฏให้เห็นรูปทรงชัดเจน บุรุษโค้ทดำจำนวนสามคนกำลังกระจายนอนหลับแต่ละจุด

บนโซฟาหนานุ่ม ดวงตาไคลน์กำลังปิดสนิทและกลมกลืนไปกับความมืด ประหนึ่งกำลังอยู่ในภวังค์หลับลึกไม่แตกต่าง นิมิตความฝันของไคลน์เป็นโลกสีเทาบิดเบี้ยว แต่กะพริบแสงสีขาวเจิดจ้าเป็นระยะ

จนกระทั่งแสงสีขาวหยุดลง และเริ่มก่อตัวเป็นฉากเหตุการณ์เคลื่อนไหว

ภาพตรงหน้าคือมุมหนึ่งของท่อระบายน้ำสักแห่ง สภาพพื้นเจิ่งนองด้วยน้ำเน่าเปียกชุ่ม ในฉากปรากฏร่างของบุรุษผมสั้นสีน้ำตาลอมเหลือง เชิ้ตขาว และกั๊กน้ำตาล กำลังนั่งพิงกำแพงในสภาพไม่ขยับตัว ห้อมล้อมด้วยกองทัพหนูสีเทาซุกซนจำนวนมาก

ริมฝีปากของชายคนดังกล่าวถูกกัดแหว่งเกินกว่าครึ่ง เผยให้เห็นฟันสีเหลืองเรียงรายและเหงือกเน่าด้านใน บริเวณจมูกเหลือเพียงคราบเลือดแห้งกรังและเส้นขนสั้นหนึ่งกระจุก ผิวหนังบนใบหน้าไม่หลงเหลือ บางจุดถูกกัดกินกล้ามเนื้อลึกเข้าไปจนเห็นกระดูกขาว

หนอนแมลงลำตัวอวบอ้วนกำลังชอนไชไปทุกซอกมุม ยุบพองตัวในลักษณะน่าขยะแขยง บริเวณลำคอคล้ายถูกสัตว์ป่าดุร้ายจู่โจม ทั้งเนื้อหนังและกระดูกหายไปเกินกว่าครึ่ง

ไคลน์เกือบเดาไม่ออกว่านี่คือซากศพของเซอเรียล·วิคเตอร์·ลี เพราะช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เมื่อนำไปเทียบกับบุรุษมาดขรึมวัยกลางคนใบหน้าหล่อเหลา จากภาพถ่ายขาวดำของเด็กหนุ่มเอียน

‘เซอเรียลตายแล้ว…ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซากศพอาจถูกแทะจนเหลือเพียงกระดูกสีขาว ไม่สิ อาจไม่เหลือแม้แต่กระดูกด้วยซ้ำ’

ไคลน์ออกจากนิมิตฝันพร้อมกับไตร่ตรองฉากเหตุการณ์เมื่อครู่ ประสบการณ์ในอดีตช่วยให้มันปลงศพ และพิจารณารายละเอียดได้อย่างถี่ถ้วน

ชายหนุ่มหันไปจ้องมองจันทร์แดงด้านนอกหน้าต่าง มันครุ่นคิดราวสิบวินาที ก่อนตัดสินใจสื่อสารกับดวงวิญญาณของชายสวมโค้ทดำข้างโซฟา

ตลอดการเตรียมตัวหลายวัน ไคลน์ได้ปรุงสารสกัดอมานด้าและดวงตาแห่งวิญญาณไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนยาระงับประสาท ของแบบนั้นไม่จำเป็น มันสามารถบุกรุกความฝันผู้อื่นและฝืนสื่อสารกับดวงวิญญาณอีกฝ่าย โดยตัวเองไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะ

หลังจากตั้งแท่นบูชาอย่างง่าย และปลดปล่อยกลิ่นสุขสงบไปรอบห้องเพื่อสร้างบรรยากาศกึ่งล่องลอยในความฝัน ไคลน์รีบสวดภาวนาถึง ‘เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย’ ตามด้วยการส่งตัวเองขึ้นมิติสายหมอกและใช้พลังวิญญาณราวสองในสามตอบรับพิธีกรรม

‘ถ้าเลื่อนเป็นลำดับ 7 เมื่อไร เราคงใช้พลังมิติสายหมอกช่วยตอบสนองพิธีกรรมสวดภาวนาถึงตัวเองได้ เหมือนกับในกรณีของพิธีกรรมสังเวย และพิธีกรรมอัญเชิญกายจิต’

หลังจากกวาดสายตารอบมิติกว้างใหญ่พลางตั้งสมมติฐาน ไคลน์รีบส่งตัวเองกลับลงมายังโลกความจริง

มันทำการพุ่งผ่าน ‘ทะเลจิต’ อันเต็มไปด้วยดวงดวงระยิบระยับและพายุบ้าคลั่งของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ตามด้วยการแหวกเข้าไปยังทุ่งกว้างแกนกลางจิตใจโดยตรง

ในจุดนี้ มันมองเห็นร่างมายากำลังล่องลอยกลางอากาศอย่างไร้จุดหมาย

“คุณบุกรุกบ้านเซอเรียลตามคำสั่งใคร”

ไคลน์จ้องมองพร้อมกับซักถามเสียงต่ำ

อีกฝ่ายตอบกลับด้วยเสียงล่องลอย ดวงตามายาของมันกำลังว่างเปล่า

“เมอซอล…มันบอกให้ผมดักซุ่มรอเด็กหนุ่มนามว่าเอียน”

ฉากในโลกวิญญาณเปลี่ยนไปฉับพลัน เผยให้เห็นบุรุษรูปร่างผอมแต่บึกบึน ผิวสีเข้ม ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากลุ่มสะกดรอยตามเอียนบนรถไฟใต้ดินเมื่อไม่กี่วันก่อน

‘เป็นมันจริงด้วย…’

หลังจากสูญเสียพลังวิญญาณจำนวนมากไปกับการตอบสนองพิธีกรรมตัวเอง ไคลน์เริ่มเกิดอาการอ่อนเพลีย จึงรีบซักถาม

“แล้วใครออกคำสั่งเมอซอล”

“ไม่ทราบเหมือนกัน…แต่หมอนั่นเป็น ‘เพชฌฆาต’ ประจำกลุ่มซีมังเกอของพวกเรา ไม่มีใครออกคำสั่งได้นอกจากท่านหัวหน้า”

มันตอบเสียงล่องลอย

‘ซีมังเกอ…คำนี้แปลว่า นักรบ ในภาษาของชาวเขา’

ทันใดนั้นนักประวัติศาสตร์เทียมและผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับอย่างไคลน์ ตระหนักว่าสมองของตนเริ่มปวดแปลบ จึงรีบส่งกายจิตออกจากพายุแห่งความคิดของอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ

ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ออกจากพิธีกรรมสื่อวิญญาณสำเร็จ ขมับชายหนุ่มกำลังเต้นระรัวประหนึ่งศีรษะใกล้ระเบิด

มันไม่รีบร้อนออกจากบ้าน ก่อนอื่น ไคลน์บรรจงก้มเก็บขวดวัตถุดิบเข้ากระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ รวมถึงกระจุกเส้นผมสีเหลืองอมน้ำตาล ตามด้วยการเปิดหน้าต่างในห้องนอนเพื่อให้กลิ่นสุขสงบรัญจวนใจของสารสกัดอมานด้าและดวงตาแห่งวิญญาณ ถูกสายลมเย็นยามค่ำคืนพัดพาออกไป

ระหว่างนั้น ไคลน์เดินกลับไปทางระเบียงชั้นสอง ปิดประตูมิดชิดจากด้านในและลบคราบรอยนิ้วมือตัวเองทุกจุดภายในบ้าน จากนั้นค่อยเดินกลับมายังห้องนอน

เมื่อกลิ่นสารสกัดเริ่มเจือจาง ไคลน์หยุดยืนหน้าชายสวมโค้ทดำทั้งสาม ตามด้วยการใช้มือทาบอกและโค้งคำนับอย่างสุภาพต่อหน้าพวกมันเป็นเชิงอำลา

ไคลน์เหยียดตัวตั้งตรงพร้อมกับสวมถุงมือ ก่อนจะกระโดดไปทางบานหน้าต่างเปิดอ้าอย่างคล่องแคล่ว มันใช้ปลายเท้าเหยียบบนกรอบหน้าต่างแคบด้วยความนุ่มนวล

ถัดมา ไคลน์ดึงกลอนขัดแนวตั้งของหน้าต่างขึ้น พร้อมกับใช้ไพ่ทาโรต์รองก้นไว้เพื่อไม่ให้กลอนตกลงมา เพียงไม่กี่วินาที อาศัยความชำนาญของตัวตลก มันสามารถทำให้กลอนค้างไว้เช่นนั้นโดยไม่หล่นลงมาแม้จะดึงไพ่ทาโรต์ออก

แกร่ก!

เริ่มด้วยไคลน์ปิดอีกครึ่งของบานหน้าต่างพร้อมกับลงกลอนแน่นหนา จากนั้น มันส่งตัวเองออกไปยืนบนขอบหน้าต่างด้านนอกตัวบ้าน ตามด้วยการใช้มือขวากระชากบานหน้าต่างอีกครึ่งหนึ่งเข้าหาลำตัว การกระทำเป็นไปอย่างรวดเร็วจนกลอนขัดไม่หล่นลง นอกเสียจากจะได้รับแรงกระแทกมากพอ

ตึง!

บานหน้าต่างกระแทกกรอบไม้จนเกิดเสียงดังอย่างไม่มีทางเลี่ยง พร้อมกันกับกลอนขัดไหลลงล็อกพอดิบพอดีจนหน้าต่างถูกปิดจากด้านในโดยสมบูรณ์

แต่เสียงเช่นนี้มิได้แปลกประหลาดนัก ฟังดูคล้ายเสียงลมแทกกระแทกหน้าต่างตามปกติ เกิดขึ้นบ่อยครั้งภายในกรุงเบ็คลันด์

ไคลน์ทราบว่าชายสวมโค้ทดำทั้งสามใกล้ตื่นเต็มที จึงรีบกระโดดลงบนถนนโดยไม่รีรอ

สำหรับพลังของมันในตอนนี้ การกระโดดลงจากชั้นสองไม่ใช่เรื่องน่ากังวล ปราศจากอาการบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงทุกชนิด เพียงแต่มิอาจเก็บเสียงได้สมบูรณ์แบบ ส่งผลให้ต้องรีบหนีออกจากจุดเกิดเหตุโดยเร็ว

เพียงไม่นาน ไคลน์หลุดพ้นจากถนนกุหลาบ แต่ไม่ได้เช่ารถม้ากลับไปยังถนนมินส์ในเขตเชอร์วู้ดทันที มันเดินหักเลี้ยวหลายซอยเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออก

อากาศยามค่ำคืนหนาวสั่นสะท้าน สายลมเย็นเฉียบและแห้งผากกันกร่อนผิวหนังเข้าไปถึงไขกระดูก ขณะร่างกายกำลังสั่นเทา ไคลน์สาบานกับตัวเองว่าคดีถัดไปจะสวมเสื้อขนสัตว์ให้หนากว่านี้ รวมถึงการซื้อถ่านฟืนมาตุนไว้เพื่อใช้งานเตาผิงให้คุ้มค่า

……….

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มันเดินเข้าเขตตะวันออกของเบ็คลันด์อย่างชำนาญโดยไม่ใช้แผนผังอ้างอิง ทั้งหมดเกิดจากสัญชาตญาณล้วนๆ

สองข้างฝั่งถนนมีโคมไฟแก๊สไม่มาก แถมระยะยังค่อนข้างห่าง หากไม่เพราะเมฆดำเหนือท้องฟ้าบังเอิญหายไปพอดี ไคลน์เชื่อว่าหลายจุดของถนนเขตตะวันออกจะถูกปกคลุมด้วยความมืดสนิทจนมองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือตัวเอง

ระหว่างก้าวเดิน มันเหลือบเห็นแสงสะท้อนจากดวงตาหลายคู่ท่ามกลางท้องถนนมืดมิดตรงหน้า ดวงตาเหล่านั้นขยับขึ้นลงตลอดเวลาอย่างไม่มั่นคง ระยะห่างขยับใกล้ไคลน์ทุกขณะด้วยความเร็วค่อนข้างเชื่องช้าและปราศจากสุ้มเสียง

‘ซอมบี้? ’

มันชะงักงันตามด้วยการล้วงหยิบยันต์และไพ่ทาโรต์ในกระเป๋าเสื้อ รวมถึงเปิดเนตรวิญญาณสำรวจสีออร่าด้วยสีหน้าตึงเครียด

ทันใดนั้น มันพบสีออร่าสุขภาพเสื่อมโทรมเป็นจำนวนมาก แสงหลากสีสันก่อตัวเป็นเค้าโครงมนุษย์ท่ามกลางความมืด

ทั้งหมดเป็นคนปกติ เป็นคนธรรมดา เพียงแต่สุขภาพร่างกายย่ำแย่สุดขีด สีหน้าเหม่อลอยไร้อารมณ์ ดวงตาว่างเปล่า และย่างก้าวเป็นไปอย่างอ่อนแรง มีทั้งหญิงและชาย

‘เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ทำไมพวกเขายังเดินบนถนนอยู่อีก’

ไคลน์รีบเดินหลบขึ้นไปบนทางเท้าอย่างระมัดระวัง หลังจากสวนทางกับกลุ่มแรก มันได้พบกลุ่มสอง กลุ่มสาม และกลุ่มสี่ ทุกคนมีสีหน้าแววตาว่างเปล่าเหมือนกันทั้งหมด

ชายหนุ่มขมวดคิ้วสับสน แต่ขณะกำลังจะเดินเข้าไปซักถาม โสตประสาทพลันได้ยินเสียงตะโกนกึกก้องมาจากด้านหน้า

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! พวกแกทุกคนลุกขึ้น! ไอ้พวกเวรตะไล! ถนนและสวนสาธารณะไม่ได้มีไว้ให้พวกขี้เกียจมานอน!”

………

ไคลน์สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับนึกถึงวลี ‘กฎหมายคนจน’ ขึ้นมาทันที จึงเริ่มทราบความเป็นไปของเหตุการณ์ เพราะเคยเผชิญหน้าด้วยตัวเองมาแล้วหนหนึ่ง

ฟู่ว!

มันพ่นลมหายใจผ่อนคลาย ตามด้วยการเร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังถนนปาล์มดำของเขตตะวันออก มันเช่าหอพักขนาดหนึ่งเตียงนอนไว้บนถนนเส้นดังกล่าว

ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเป็นเวลาสองชั่วโมง

……….

หลังจากได้รับพลังวิญญาณกลับคืนมาบางส่วน มันเดินลงจากหอพัก หักกิ่งไม้ออกมาใช้แทน ‘แท่งวิญญาณ’ เพื่อค้นหาบางสิ่ง

“พิกัดของศพเซอเรียล พิกัดของศพเซอเรียล”

……….

หลังจากทำนายซ้ำไปเรื่อยๆ ไคลน์เดินตามผลลัพธ์แท่งวิญญาณโดยใช้เส้นผมสีน้ำตาลเป็นสื่อกลาง จนกระทั่งถึงมุมหนึ่งของเขตตะวันออก เป็นจุดทางลงท่อระบายน้ำ

ราวสิบสองปีก่อน หลังจากวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่ อาณาจักรโลเอ็นได้ปรับปรุงคุณภาพท่อระบายน้ำของเมืองหลวงจนแซงหน้า ‘มรดกตกทอดของโรซายล์’ แห่งสาธารณรัฐอินทิส

หลังจากขยับฝาปิดท่อระบายน้ำออก มันกลั้นลมหายใจพร้อมกับปืนลงบันไดโลหะ

เนื่องจากไม่ใช่ชุดสั่งตัดพิเศษ ช่องกระเป๋าจึงน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้พกพาสิ่งของติดตัวได้ไม่ครบครัน ไม่ได้นำ ‘น้ำมันครักซ์’ ตามคำแนะนำของฟรายติดตัวมาด้วย

ไคลน์กำลังนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับการไม่มีตัวช่วยชั้นเลิศสำหรับขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างน้ำมันครักซ์

สิบวินาทีถัดมา ฝ่าเท้าชายหนุ่มสัมผัสกับพื้นเหนียวเหนอะของท่อ สิ่งสกปรกชวนอาเจียนเช่นนี้ส่งผลให้เส้นขนทั่วร่างมันลุกตั้งชันอย่างหยุดไม่อยู่ แต่ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหน้าต่อไป นำพาชีวิตตัวเองผจญภัยไปกับท่อระบายน้ำมืดมิดและเงียบงัน

เมื่อตรงไปได้สักพัก ข้างหน้าเป็นทางแยก หนึ่งในนั้นมีบรรยากาศค่อนข้างไม่น่าอภิรมย์ กลิ่นเหม็นเข้มข้นเด่นชัดลอยโชยมาตามลม

ไคลน์ตัดสินใจเลี้ยวไปทางดังกล่าว จนกระทั่งสุดเส้นทางมันได้พบจุดแสงออร่าจำนวนมากซ้อนทับกันจนมีสีเข้มข้น

โดยไม่ต้องอาศัยเทียนไข ลำพังเนตรวิญญาณก็มากพอจะช่วยให้เห็นมุมมืดและซากศพเน่าเปื่อยของชายคนหนึ่งกำลังนั่งเอนพิงกำแพง ไม่ผิดไปจากนิมิตฝันแม้แต่น้อย

จี๊ด!

ไคลน์เดินเข้าไปใกล้ฝูงหนูสีเทาวิ่งแตกฮือทุกทิศทางอย่างลนลาน แต่ก็มีบางตัวแน่นิ่งในจุดเดิมเพราะไม่ต้องการแยกจากกับมื้ออาหารแสนโอชะตรงหน้า

หลังจากยืนยันว่าเป็นเซอเรียล ไคลน์ออกอาการลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกประกอบพิธีกรรมสื่อวิญญาณ แท่นบูชาอย่างหยาบจึงถูกสร้างขึ้นภายในเวลาอันสั้น

‘ถ้าคำอธิบายของเอียนไม่ผิด และเซอเรียลเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่กี่วัน เรายังมีโอกาสสื่อวิญญาณสำเร็จและได้รับคำตอบกว้างๆ ’

ไคลน์ไตร่ตรองอย่างมั่นใจ

ฟ้าว!

หลังจากกำแพงวิญญาณสร้างเสร็จพร้อมกับเกิดสายลมกรรโชก หนูสีเทาทั้งหมดวิ่งหนีไปโดยไม่หลงเหลือ ไคลน์รีบทำตามแผนทันที

“สาเหตุการตายของเซอเรียลๆ ๆ”

……….

ขณะท่อง ดวงตาไคลน์กลายเป็นสีดำเข้ม ตาดำและตาขาวเลือนหายไป ชายหนุ่มเข้าฌานเพื่อสะกดจิตตัวเองให้หลับ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโลกมายาพร่ามัว ไม่มีฉากใดปรากฏตรงหน้าแม้แต่น้อย

ไคลน์ลืมตาขึ้นอีกครั้งพลางขมวดคิ้วชนกัน ภายในใจเริ่มคาดคะเน

“พิธีกรรมล้มเหลว…มีคนทำลายดวงวิญญาณเซอเรียล”

หรือก็คือคดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้วิเศษ

เมื่อนำไปรวมกับประเด็น มีคนปลอมตัวเป็นเซอเรียลไปร่วมงานเลี้ยงนักสืบ และไม่มีใครในงานตระหนักถึงความผิดปกติ มันจึงมั่นใจว่าคดีนี้ต้องเกิดจากฝีมือผู้วิเศษ

หลังจากเรียบเรียงความคิดอย่างรอบคอบ ไคลน์ได้ข้อสรุปกับตัวเองทันที นั่นคือการตัดขาดจากคดี และไม่ขอสอดมือเข้าไปยุ่งอีก

อย่างน้อยก็ทำตามคำไหว้วานเสร็จแล้ว

“คงต้องบอกให้เอียนติดต่อตำรวจ”

ชายหนุ่มพึมพำพลางสิ้นสุดพิธีกรรม เก็บวัตถุดิบเข้ากระเป๋า และสลายกำแพงวิญญาณ

………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version