ตอนที่ 231 : ขาดทุน
ไคลน์ได้พบเยอร์เก้น·คูเปอร์ภายในสถานีตำรวจไรซ์ นักกฎหมายอาวุโสแต่ยังหนุ่มแน่นผู้นี้แต่งกายในชุดออกงานเต็มพิกัดไม่ผิดจากคราวก่อน ประหนึ่งเตรียมไปงานเลี้ยงสรรค์ของชนชั้นสูงต่อทันที
เยอร์เก้นสวมโค้ทกระดุมสองแถวทับเสื้อเชิ้ตขาวปกใส่แผ่นเสริมทรง เนกไทหูกระต่ายเส้นใหญ่ และรองเท้าหนังมันเงา ภาพลักษณ์ทั้งหมดช่วยให้ตำรวจภายในสถานีแสดงท่าทางเกรงอกเกรงใจ
นักกฎหมายหนุ่มใช้มือจับปีกหมวกพลางหันมองไคลน์ด้วยดวงตาสีฟ้า
“ผมดำเนินขั้นตอนสำคัญให้หมดแล้ว คุณจะเป็นอิสระทันทีหลังจากจ่ายเงินค่าประกันตัว สิบปอนด์”
“ขอบคุณมาก”
ไคลน์ไม่กล่าวเพิ่ม เพียงเดินตามนักกฎหมายมาดเข้มแต่การแต่งกายแฝงกลิ่นอายล้าสมัย ไปยังห้องการเงินประจำสถานีตำรวจไรซ์ จากนั้นก็ควักกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตร ห้าปอนด์จำนวนสองใบ
ไคลน์โล่งใจเมื่อตนพกเงินสดไว้กับตัว เก้าสิบห้าปอนด์ เงินก้อนนี้คือทั้งหมดของมันแบบไม่รวมตัวเลขในบัญชีลับ
ไม่อย่างนั้น คงต้องบากหน้าหยิบยืมเพื่อนบ้านแสนรักอย่างเยอร์เก้นไปก่อน
ในกรณีเลวร้าย หากตนเก็บเงินสดไว้ในบ้านและถูกตำรวจค้นเจอระหว่างพยายามหาเบาะแส ไม่อยากนึกภาพตามว่าเงินจะเหลือเท่าไรหลังจากตำรวจกลับไป
ไคลน์ตัดสินใจไม่เก็บเงินไว้ในห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา เพราะมีโอกาสสูงว่าตนต้องติดสินบนให้ตำรวจในขั้นตอนประกันตัว
ตามหน้าหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ตำรวจมักถูกตราหน้าอย่างเสื่อมเสียเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความไม่มืออาชีพ ป่าเถื่อน ฉ้อโกง ข่มขู่ประชาชน และทำตัวเป็นอันธพาล
ไคลน์ไม่กล้าเชื่อทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีจนคิดว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องโกหก และมันค่อนข้างมั่นใจว่าเงินติดตัวของเมอซอลคงเข้ากระเป๋านายตำรวจสักคนในสถานี
หลังจากจ่ายค่าประกันตัวเสร็จ ไคลน์เดินตามเยอร์เก้นออกจากสถานี
สายลมเย็นชื้นพัดปะทะร่างกายจนสั่นเทา
“หลังจากคดีสิ้นสุด คุณจะได้รับเงินประกันตัวคืนหากหลุดพ้นข้อกล่าวหา แต่อย่ารอให้ตำรวจเป็นฝ่ายแจ้ง พวกเขาไม่ทำแน่ ภายในหนึ่งสัปดาห์ถ้าตำรวจยังไม่แจ้งให้ไปรับเงินคืน คุณสามารถเดินทางมายังสถานีเพื่อทำเรื่องรับเงินคืนได้ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่จบแค่นั้นในทางทฤษฎี คุณอาจต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับเจ้าของบ้าน ในกรณีมีทรัพย์สินถูกทำลาย”
ไคลน์แหงนหน้ามองฟ้ามันว่าฝนพรำตลอดทั้งวันหยุดลงแล้ว แต่จันทร์แดงยังคงหลบซ่อนหลังหมอกหนาทึบสีคล้ำ ส่งผลให้แสงสว่างเดียวของคนกรุงมาจากโคมตะเกียงสองข้างฝั่งถนน
“เข้าใจแล้ว”
ไคลน์เคยคิดว่าตนคงจากลากับเงิน สิบปอนด์ตลอดกาล เมื่อมองเห็นความหวังได้คืน มันตัดสินใจก้มหน้าบวกลบหาจุดคุ้มทุนหลังจากรับงานของเอียน
ได้รับค่าจ้าง ห้าปอนด์ แต่แลกมากับเครื่องเรือนภายในบ้านเสียหายหลายชิ้น รวมถึงชุดน้ำชาลายครามมูลค่าสูง ไม่ว่าจะซื้อใหม่หรือจ้างคนมาซ่อมก็ถือเป็นค่าเสียหาย
เมื่อคำนึงถึงวัสดุสร้างยันต์หลับใหล ค่ารถม้าเดินทางไปเขตสะพานเบ็คลันด์ รวมถึงค่าซ่อมชุด ไม่ต้องเก่งคณิตศาสตร์ก็มองออกว่าขาดทุนป่นปี้
‘ถ้าทวงเงินค่าประกัน สิบปอนด์คืนไม่ได้ เราจะขาดทุนบัดซบ! แต่ตะกอนพลังของเมอซอลอาจยังพอขายได้ราคา’
ไคลน์นั่งครุ่นคิดหลังจากขึ้นรถม้า
มันเคยเข้าใจมาตลอดว่า ถ้านักสืบเอกชนใช้บ้านของตัวเองเป็นสำนักงานจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้บางส่วน และกำไรในแต่ละงานก็จะมากขึ้น
‘แต่ดูเหมือนจะคิดผิด’
ไคลน์หันไปมองเยอร์เก้นด้านข้าง อีกฝ่ายกำลังนั่งเหยียดหลังตรงอย่างภูมิฐาน
ไคลน์อมยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างจริงใจ
“ขอบคุณมากสำหรับการประกันตัว ผมต้องจ่ายคุณเท่าไร”
เยอร์เก้นผงกศีรษะมาดขรึม
“งานนี้ไม่คิดเงินผมได้ยินจากจ่าฟาซินว่าคุณบังเอิญเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่ ดังนั้นผมคงได้ช่วยคุณอีกหลายครั้งในอนาคต”
‘คงได้ช่วยคุณอีกหลายครั้งในอนาคต…? ’
ไคลน์อดอมยิ้มไม่ได้ มันหันไปมองเยอร์เก้นและกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“คุณนักกฎหมายคงไม่ได้กำลังสาปแช่งผมใช่ไหม”
เยอร์เก้นส่ายหัวขึงขัง
“ไม่ใช่แน่นอน ผมกำลังหมายความว่า นักสืบเอกชนควรมีนักกฎหมายคู่ใจสักคนคอยช่วยเหลือ”
‘มิสเตอร์ อารมณ์ขันของคุณไปไหนหมด ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ …’
ไคลน์ตัดพ้อแต่ภายนอกกำลังยิ้ม
“ช่างบังเอิญ…ผมกำลังต้องการความช่วยเหลือจากนักกฎหมายพอดี เกี่ยวกับรายละเอียดสัญญาการลงทุนในสิ่งประดิษฐ์”
“สัญญาลงทุน?”
น้ำเสียงเยอร์เก้นแฝงความประหลาดใจ
“ผมทราบดีว่านี่ไม่ใช่งานของนักสืบ แต่บังเอิญมีโอกาสลงทุนในสิ่งประดิษฐ์น่าสนใจ”
ไคลน์อธิบายอย่างคร่าวๆ
“นักกฎหมายเยอร์เก้น ตามปกติแล้วคุณคิดค่าร่างสัญญาเท่าไร”
“ขึ้นอยู่กับมูลค่าของสัญญา บวกลบกับความยากง่ายในรายละเอียด”
เยอร์เก้นตอบอย่างสุขุม
“มูลค่าสัญญาคือ หนึ่งร้อยปอนด์ ส่วนรายละเอียด…”
ไคลน์อธิบายความต้องการของตนทุกข้อโดยไม่ขาดตกบกพร่อง รวมถึงสิทธิ์ในการครอบครองและสิทธิ์ในการยับยั้งผู้ลงทุนอื่น
เยอร์เก้นก้มหน้าครุ่นคิดนานเกือบสองนาที
“สองปอนด์ เสร็จวันจันทร์เช้า”
“ตกลง” ไคลน์หมดห่วงไปอีกหนึ่งเรื่อง
ตลอดการเดินทางกลับไปยังถนนมินส์ มันตัดสินใจถามเยอร์เก้นเกี่ยวกับรายละเอียดของคดีเมื่อคืน และเมื่อถึงจุดหมาย ไคลน์เป็นผู้เสนอตัวจ่ายค่ารถม้า สามซูล
หลังจากโบกมือลานักกฎหมายหนุ่มผู้เอาจริงเอาจริงกับทุกเรื่อง ไคลน์เดินกลับเข้าบ้าน
มันเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกคือความยุ่งเหยิงเหนือพรรณนา หัวใจไคลน์พลันเจ็บแปลบ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าธุรกิจนักสืบเอกชนจะเริ่มต้นด้วยการขาดทุนย่อยยับเช่นนี้
ขณะชายหนุ่มถอดโค้ทและเตรียมเก็บกวาดทำความสะอาด กริ่งบ้านส่งเสียงดังขัดจังหวะ ไคลน์จึงเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าประหลาดใจ และได้พบสาวใช้ชุดขาวสลับดำกำลังยืนรอด้านนอก
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะมิสเตอร์โมเรียตี้ คุณผู้ชายและคุณนายซาเมอร์ต้องการเชิญคุณไปพูดคุยบางสิ่ง”
ยูเลียนน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความหวาดหวั่นแผ่วเบา
‘จนได้สินะ…คงเป็นเรื่องการชดเชยทรัพย์สินเสียหาย’
ไคลน์เผยรอยยิ้มจาง
“เข้าใจแล้วครับ”
มันเปลี่ยนเป็นชุดสะอาดและเดินตามสาวใช้คนสวยเข้าไปในบ้านหลังติดกัน
ลุค·ซาเมอร์และภรรยา สตาร์ลิ่ง·ซาเมอร์ กำลังนั่งบนเก้าอี้นวมในห้องนั่งเล่น
ลุคร่างท้วมผู้มาพร้อมหนวดเคราขนาดเท่าดินสอ ลุกขึ้นยืนพลางเหยียดแขนขณะเดินเข้าหาไคลน์
“สายันห์สวัสดิ์ มิสเตอร์โมเรียตี้ ผมเพิ่งทราบว่าคุณเป็นนักสืบเอกชน อาชีพนี้คงเผชิญอันตรายมากพอดู…ใช่ไหม?”
“เป็นความผิดของผมเองครับ ผมคิดว่าตัวเองอาจไปได้ดีกับเส้นทางนักสืบ…บางทีผมควรมองหางานใหม่”
ไคลน์กล่าวพลางยื่นแขนจับมือเจ้าบ้าน
“ผมเสียใจกับเรื่องเมื่อคืน และจะชดเชยให้อย่างเหมาะสมแน่นอน”
“ไม่เอาน่า มันก็แค่อุบัติเหตุ”
ลุคกล่าวอย่างผ่อนคลาย
สตรีผมทองตาฟ้า มาดามสตาร์ลิ่งผู้งดงามส่งเสียงซักถามอย่างสนใจ
“คุณลงมือฆ่าผู้บุกรุกเองเลยหรือ? อ้ะ! ว่าแต่จะรับชาดำก่อนไหมคะ?”
ไคลน์ผงกศีรษะ
“มันคงเป็นแค่โจรกระจอกครับ”
ไคลน์ไม่ลงรายละเอียดของปัญหามากนัก มันไม่ต้องการให้สองสามีภรรยาซาเมอร์เกิดความหวาดระแวง
‘ในเมื่อตำรวจไม่ได้เล่าให้พวกเขาฟัง เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำ’
ไคลน์เสริมในใจ
ลุค·ซาเมอร์ฉีกยิ้มกว้าง
“ฝีมือคุณนับว่าไม่เลว ในฐานะเพื่อนบ้าน พวกเรารู้สึกปลอดภัยอย่างมาก บางทีอาจมีงานไหว้วานให้คุณทำในอนาคต”
ไคลน์ยิ้มแห้ง
“ผมเกือบแย่เหมือนกัน”
“แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคือชัยชนะของคุณ!”
ลุคอมยิ้ม
หลังจากพูดคุยในหัวข้อดังกล่าวอีกสักพัก มาดามสตาร์ลิ่งยกถ้วยชาลายครามขึ้นมาจิบ
“ดิฉันนึกสงสัยมาตลอดว่า นักสืบเอกชนมีรายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์เป็นอย่างไรบ้าง”
ไคลน์ไม่คิดปิดบังมันอมยิ้มพลางกล่าวออกไปตามจริง
“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับ ต้องพึ่งพาโชคบางส่วน คล้ายกับเกษตรกรพึ่งพาฟ้าฝนเพื่อให้ผลผลิตงอกเงย สัปดาห์ก่อนผมได้รับค่าจ้าง ห้าปอนด์ ห้าซูล แต่เหตุการณ์เมื่อคืนอาจทำให้กำไรหดหาย”
สตาร์ลิ่งพูดต่อประหนึ่งไม่ได้ยินคำอธิบายในส่วนหลัง
“หากรักษาระดับนี้ไว้ได้คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายภายในเขตเชอร์วู้ดด้วยเงิน ห้าปอนด์ต่อสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องแบ่งเช่าบางส่วนของบ้านให้ผู้อื่น มีเงินเหลือพอสำหรับจ้างสาวใช้และรับชมการแสดงของวงซิมโฟนีทุกสัปดาห์ หรือบางสัปดาห์อาจแบ่งเวลาไปชมโอเปร่า และยังมีโอกาสได้เล่นเทนนิสหรือสควอซ ร่วมซาลอนวรรณกรรม และลิ้มรสอาหารมื้อใหญ่ในภัตตาคาร แต่แน่นอนหากคุณวางแผนแต่งงาน จำเป็นต้องออมเงินส่วนหนึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า กล่าวตามตรง รายได้ห้าปอนด์ยังไม่มากพอจะช่วยให้ใช้ชีวิตหรูหรา”
“แล้วต้องเท่าไรครับ” ไคลน์ถาม
“เจ็ดปอนด์เป็นอย่างน้อย”
สตาร์ลิ่งตอบพลางเชิดคาง
ไคลน์หันมาทางลุคและซักถาม
“ผมได้ยินจากมาดามว่าคุณทำงานบริษัทโคอิม แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นธุรกิจประเภทใด”
“ถ่านหินและถ่านฟืน”
ลุคฉีกยิ้ม
‘เป็นสาเหตุให้เข้าร่วมสมาคมต่อต้านเขม่าแห่งราชอาณาจักรสินะ’
ไคลน์ก้มหน้าตรึกตรอง
“สำหรับเบ็คลันด์ พนักงานระดับผู้จัดการมีรายรับต่อสัปดาห์เท่าไรครับ เรื่องนี้ถูกเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์และวารสารไม่มากนัก”
“ฮ่าๆ ! แล้วแต่ธุรกิจ รวมถึงขอบเขตงานรับผิดชอบ ผู้จัดการธนาคารเบ็คลันด์มือฉมังมีรายรับ ห้าพันปอนด์ต่อปี แต่ผมรับอยู่ราว สี่ร้อยสามสิบถึง สี่ร้อยสี่สิบปอนด์ต่อปีรวมโบนัส”
‘เท่ากับแปดปอนด์ต่อสัปดาห์…’
โดยไม่รอให้ไคลน์ถามต่อ สตาร์ลิ่ง·ซาเมอร์ส่งเสียงตัดพ้อ
“เดิมที พวกเรามีแผนซื้อบ้านเดี่ยวแถวชานเมือง ประเภทมีสวนและลานกว้าง เพราะลุคชื่นชอบการเลี้ยงม้ามาก และเขาอยากมีรถม้าเป็นของตัวเอง แต่ถ้าทำแบบนั้นพวกเราต้องเสียค่าบำรุงรถม้าและใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองนานขึ้น หักลบแล้วไม่คุ้ม”
‘รถม้ารวมม้าสองตัวมีราคาราวร้อยปอนด์ แปดปอนด์ต่อสัปดาห์นับว่าไม่เลว นึกเสียดายชีวิตสมัยได้รับค่าจ้างสิบปอนด์ต่อสัปดาห์…เพิ่งผ่านมาไม่นานเองสินะ’
ไคลน์เผยรอยยิ้มเจือความเศร้า
หลังจากสนทนาอย่างเป็นกันเองอีกสักพัก ชายหนุ่มกล่าวคำอำลาและเดินกลับบ้านพลางถอนหายใจโล่งอก
‘โชคยังดี มิสเตอร์และมาดามซาเมอร์ค่อนข้างใจดี หากเป็นเจ้าบ้านใจร้าย คงคืนเงินค่าเช่าให้เราโดยหักบางส่วนเป็นค่าซ่อมแซม จากนั้นก็ไล่ตะเพิดทันทีโดยไม่ปรานี’
เมื่อกลับถึงบ้าน ไคลน์เริ่มงานกรรมกรเก็บกวาด มันไม่รีบร้อนเข้าไปในห้วงมิติเหนือสายหมอกเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุความอบอุ่นบนหลังมือ รวมถึงทำนายเพื่อไขความกระจ่างทุกข้อสงสัย
ไคลน์มั่นใจอยู่หลายส่วนว่ากองทัพกำลังส่งคนคอยเฝ้าจับตามองตนอีกสักพัก สิ่งนี้ทำไปเพื่อช่วยอารักขาและจับผิดในเวลาเดียวกัน
ในวันพรุ่งนี้มันมีแผนเดินทางไปยังผับตามคำบอกเล่าของเอียน เพื่อซื้อปืนและกระสุนจำนวนหนึ่งสำหรับรับมือศัตรูไม่คาดฝันในอนาคต การป้องกันตัวเบื้องต้นคือสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในเบ็คลันด์
ไม่เพียงเท่านั้น ไคลน์ยังมีแผนจ้างคนคุ้มกันชั่วคราว บอร์ดี้การ์ดผู้วิเศษ
เหตุผลแรกก็คือการได้รู้จักแวดวงผู้วิเศษในเบ็คลันด์เพิ่มเติมโดยไม่ต้องเหนื่อย และเหตุผลข้อสอง ไคลน์กังวลว่าราชทูตจะส่งมือสังหารคนอื่นมาเพิ่ม เป็นประเภทแข็งแกร่งจนผู้วิเศษของกองทัพตรวจจับไม่พบ
ค่อนข้างน่าขบขันไม่น้อยเมื่อวิญญาณอาฆาตรอวันแก้แค้นอย่างตน กลับต้องการคนคุ้มกันแม้จะเป็นถึงผู้วิเศษลำดับ 8 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไคลน์ไม่กล้าประมาท มันจัดลำดับความปลอดภัยของตัวเองไว้สูงสุดเสมอ
‘ถ้าหากราคาค่าจ้างสูงเกินไป เราคงต้องเป่านกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิกแทน… แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้สักเท่าไร เพราะตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลของ 0-08 เพิ่มเติม’
ไคลน์พึมพำกับตัวเองเรื่อยเปื่อยขณะเก็บกวาดบ้านให้สะอาด
……..
หลังจากพิธีกรรมชำระล้างเสร็จสิ้น ชายสวมหน้ากากขาวกล่าวกับซิลและฟอร์ส
“ไม่ว่าวิญญาณร้ายตนนั้นจะเป็นตัวอะไร แต่มันถูกผมจัดการเรียบร้อยแล้วแน่นอน เพราะถ้าวิญญาณร้ายมีระดับสูงจนพลังของผมเอื้อมไม่ถึงก็ต้องมีการตอบสนองกลับมาบ้าง แต่ผมสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”
เมื่อกล่าวจบมันรินน้ำบริสุทธิ์ใส่แก้วแจกจ่ายให้ซิลและฟอร์ส ของเหลวชนิดนี้เกิดจากการกลั่นด้วยตราสัญลักษณ์แห่งสุริยันผ่านพิธีกรรม
“โปรยไว้รอบบ้านเพื่อขจัดเศษเสี้ยวของความชั่วร้ายให้หมด”
“ขอบคุณมาก”
ซิลจ่ายค่าตอบแทนด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ เงินก้อนโตจากมิสออเดรย์ร่อยหรอภายในเวลาไม่กี่นาที แต่สตรีร่างเล็กก็รู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมาก
เมื่อสองสาวกลับมาห้องรับแขกผู้ช่วยมิสเตอร์ A เดินนำกระดาษมาวางบนโต๊ะ
“ถึงมิสผู้ตัดสิน…ผู้เพิ่งซื้อสูตรผลิตโอสถเจ้าพนักงานไปในวันนี้ คุณสนใจมาคุยกันในห้องอ่านหนังสือสักหน่อยไหม บางทีผมอาจมีสิ่งของตรงตามความสนใจพวกคุณ”
…………….