ตอนที่ 267 : คุยกับตัวเอง
เดอะเวิร์ลมองไปรอบตัวและกล่าว
“ผมต้องการข้อมูลของตระกูลขุนนางตกอับทั้งหมดในกรุงเบ็คลันด์ รวมถึงตำแหน่งของบ้านพักอาศัย ยิ่งละเอียดเท่าไรยิ่งดี”
มันไม่ได้เจาะจงเอ่ยชื่อบาโรเน็ตพาวน์ เพราะบนโลกจริง นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้กำลังตามสืบสวนข้อมูลของตระกูลพาวน์จากหลายแหล่ง
ไคลน์ไม่ต้องการให้ ‘จัสติส’ ทราบว่าตัวจริงของ ‘เดอะเวิร์ล’ เป็นใคร
ห้ามละเลยเรื่องเล็กน้อยเด็ดขาด! มันเน้นย้ำกับตัวเองหนักแน่น
เมื่อจัสติส·ออเดรย์ได้ยินเช่นนั้น เธอรีบหันมาสำรวจสมาชิกใหม่บนเก้าอี้ตัวไกลสุดด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนซักถาม
“คุณคิดจะทำอะไร?”
เดอะเวิร์ลแสยะยิ้มเล่า “คุณไม่ต้องกังวล ผมแค่ต้องการข้อมูลไปใช้ทำบางสิ่ง แต่ไม่ใช่การทำร้ายพวกเขาแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ ผมขอสาบานต่อหน้ามิสเตอร์ฟูล”
มิสเตอร์เวิร์ลเก็บซ่อนสีหน้าเก่งมาก…เส้นทางของเขาเป็นของแสลงสำหรับผู้ชมและนักอ่านใจหรือ? ออเดรย์ก้มหน้าไตร่ตรอง
“ดิฉันพอจะมีข้อมูลของตระกูลขุนนางตกอับอยู่บ้าง แต่ไม่ละเอียดนัก ค่อนข้างหยาบและไม่ครอบคลุมทุกรายละเอียด ต้องขอเวลาเตรียมตัวเพื่อให้มันออกมาสมบูรณ์แบบ ช่วยรอสักสามสี่วันได้ไหม?”
ในฐานะขุนนาง เธอจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของตระกูลระดับใกล้เคียงกัน ไม่เพียงเท่านั้น ขณะร่วมงานลีลาศ งานฉลอง หรือซานลอน เด็กสาวมักได้ยินเรื่องราวน่าสนใจโดยบังเอิญเสมอ แต่ข้อมูลก็ไม่ปะติดปะต่อ ยากจะรวมเป็นก้อนเดียว และเหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง จำเป็นต้องเปิดหนังสืออ่านเทียบ ยืนยันให้แน่ชัด เติมเต็มข้อมูลในส่วนขาดหาย จะได้ไม่มีตระกูลขุนนางตกอับใดเล็ดลอดสายตา
“ไม่มีปัญหา” เดอะเวิร์ลหัวเราะในลำคอ “แล้วคุณต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน? ผมพร้อมจ่ายด้วยข้อมูลจากยุคสมัยสี่ ความรู้เกี่ยวกับผู้วิเศษบางเส้นทาง และสูตรโอสถอีกมากพอสมควร แต่ว่ากันตามตรง ผมไม่คิดว่าข้อมูลตระกูลขุนนางตกอับจะมีค่าเทียบเท่าโอสถลำดับแปดและเจ็ด หรือคุณจะให้ผมช่วยสิ่งใดก็ลองพูดมา”
ในเมื่อข้อมูลมีค่าน้อยกว่าสูตรโอสถลำดับแปดและเจ็ด หมายความว่าเราไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถนักจิตบำบัดได้…ออเดรย์เริ่มก้มหน้าครุ่นคิดเคร่งเครียด
ระหว่างกำลังจนปัญญา เด็กสาวเหลือบมองเดอะฟูลบนเก้าอี้โบราณเล็กน้อย หวังว่าจะได้รับคำบอกใบ้จากอีกฝ่าย แต่ผลลัพธ์ก็คือ มิสเตอร์ฟูลยังคงนั่งสงบนิ่งท่ามกลางม่านหมอกหนาทึบเหมือนทุกที ไม่มีการตอบสนองใดกลับมา ราวกับองค์เทพผู้เป็นสักขีพยานในการประชุมของมนุษย์
จริงสิ…! ออเดรย์พลันฉุกคิดได้ เธอเผยรอยยิ้มเจือจางมุมปาก
“ดิฉันต้องการฟังข้อมูลของเส้นทางผู้วิเศษ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า ตัวดิฉันต้องไม่เคยทราบเรื่องนั้นมาก่อน”
“รบกวนมิสเตอร์ฟูลได้ไหมคะ?”
“ไม่มีปัญหา” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ
“ดิฉันต้องการสนทนาตามลำพัง” ออเดรย์หันไปมองเดอะเวิร์ล
ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์เคาะโต๊ะแผ่วเบา เกิดเป็นม่านล่องหนคอยปิดกั้นเสียงไม่ให้แฮงแมนและเดอะซันได้ยิน
ไคลน์พยักหน้าให้กับไอดีเด็ก ส่งสัญญาณว่าบทสนทนาจะไม่รั่วไหลออกไป
เดอะเวิร์ลจ้องมองจัสติส ตามด้วยการเปล่งเสียงแหบพร่าอันเป็นเอกลักษณ์
“คุณรู้จักนิกายแม่มดไหม”
ออเดรย์หวนนึกถึงข้อมูลองค์กรลับจากปากแฮงแมนเมื่อหลายการชุมนุมก่อน ข้อมูลราคาหนึ่งพันปอนด์ ก่อนจะมอบคำตอบแก่เดอะเวิร์ล
“ดิฉันรู้ว่าพวกมันนับถือสิ่งใด เริ่มก่อตั้งในปีไหน ถือครองเส้นทางใดเอาไว้ และแนวโน้มทางเพศของกลุ่มเบื้องบน”
เดอะเวิร์ลหัวเราะแหบ
“เข้าใจแล้ว…คุณแทบไม่รู้อะไรเลย”
“นิกายแม่มดถือครองเส้นทางนักลอบสังหาร ลำดับแปด มีชื่อว่า ‘นักกระตุ้น’”
“เรื่องนั้นฉันทราบดี” ออเดรย์พยายามเตือนความจำอีกฝ่ายว่า ตนต้องการฟังข้อมูลใหม่เท่านั้น
เดอะเวิร์ลยกมือขัดจังหวะ ก่อนจะเลื่อนมาลูบคางตัวเองพลางซักถาม “ถ้าอย่างนั้น คุณทราบชื่อของโอสถลำดับเจ็ด หรือไม่?”
ออเดรย์ส่ายศีรษะ “รอฟังจากคุณอยู่ค่ะ”
“โอสถลำดับเจ็ดของเส้นทางนักลอบสังหารมีชื่อว่าแม่มด” เดอะเวิร์ลเล่ากระชับ
“แม่มด?” ออเดรย์แสดงสีหน้าตกตะลึงโดยไม่ปิดบัง สมองเด็กสาวเริ่มปั่นป่วนกะทันหัน “ถ…ถ้าอย่างนั้น! จ…จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ชายดื่มโอสถเข้าไป?”
ต้องสวมเดรสเหมือนสตรี สวมเครื่องสำอาง แต่งหน้าทาปาก และเลียนแบบพฤติกรรมของหญิงสาวทั้งหมด? ออเดรย์เกิดความคลื่นไส้เหนือพรรณนา
“ผิดแล้ว มิสจัสติส หากบุรุษคนใดดื่มโอสถแม่มด มันผู้นั้นจะไม่ใช่เพศชายอีกต่อไป จะกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัว” ไคลน์ฝืนกลั้นขำขณะควบคุมให้เดอะเวิร์ลอธิบาย
“เทพธิดา! โอสถแม่มดสามารถเปลี่ยนเพศของมนุษย์ได้จริงหรือ?” ออเดรย์โพล่งอย่างตกตะลึง
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! แถมมิสเตอร์ฟูลก็มิได้คัดค้าน หมายความว่าเป็นเรื่องจริง! ปาฏิหาริย์มาก! สมกับเป็นโลกเหนือธรรมชาติ โลกอันเร้นลับ โลกของผู้วิเศษ! เราปรารถนาโลกใบนี้มาตลอด! ร…เรากำลังตื่นเต้นเกินไป…เมื่อเริ่มตั้งสติได้ ออเดรย์รีบชำเลืองไปทางเดอะฟูลด้วยสีหน้าสำนึกผิด เพราะขณะเกิดความตกตะลึงเมื่อครู่ เธอเผลอเปล่งนามของเทพธิดารัตติกาลต่อหน้าเดอะฟูล
เดอะเวิร์ลเล่าต่อด้วยเสียงแหบ
“ถูกต้อง แต่จะเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงเท่านั้น หากเป็นหญิงอยู่แล้ว พวกเธอจะถูกเสริมความงามอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเคยอัปลักษณ์สักเพียงใด ผิวแย่แค่ไหน ทั้งหมดจะถูกยกระดับทันตาเห็น อ้างอิงจากเค้าโครงหน้าเดิม นี่คือเหตุผลว่าทำไม บรรดาอาวุโสระดับสูงของนิกายแม่มดจึงเป็นสตรีทั้งหมด”
“แล้วข้อเสียล่ะ?” ออเดรย์เริ่มซักถามด้วยสีหน้าแววตาสนใจ
เดอะเวิร์ลตอบอย่างไม่เร่งรีบ
“ข้อเสียใหญ่หลวงคือ เทคนิคสวมบทบาทต้องทำบาปกับมนุษย์ นำพาภัยพิบัติ นำพาโรคภัย และความเจ็บปวดทุกรูปแบบ”
ออเดรย์ถอนหายใจ สีหน้าเริ่มปรากฏความผิดหวัง
เด็กสาวก้มหน้าครุ่นคิดหลายต่อหลายเรื่อง จนกระทั่งผุดคำถามใหม่
“ถ้าเกิดว่า…ด…ดิฉันแค่สมมตินะคะ หากสัตว์เลี้ยงดื่มโอสถแม่มดเข้าไปโดยไม่เสียชีวิตหรือคลุ้มคลั่ง เสน่ห์ของมันจะถูกส่งเสริมให้ตรงตามรสนิยมของมนุษย์ หรือเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมมากกว่ากัน? ตัวอย่างเช่น แมวเพศเมียจะทำให้แมวเพศผู้ตกหลุมรักมากขึ้น หรือจะกลายเป็นจุดสนใจของมนุษย์แทน?”
เดอะเวิร์ลพลันชะงัก มันไม่ทราบว่าต้องตอบคำถามนี้เช่นไร ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์นานหลายวินาที
“เสียใจด้วย ผมไม่เคยศึกษาเรื่องนี้”
ระหว่างรอให้จัสติสซักถาม มันเสริม
“ลำดับหก ของเส้นทางแม่มดมีชื่อว่า ‘สุขสม’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘แม่มดสุขสม’ เทคนิคสวมบทบาทจะเป็นการสร้างความสุขให้ตัวเองและอีกฝ่าย หญิงหรือชายก็ได้ทั้งสิ้น แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของเรื่องบนเตียงเท่านั้น แม่มดสุขสมจะมีพลังสำหรับล่อลวงเหยื่อ ชำนาญการใช้ใยแมงมุมชนิดพิเศษ”
ออเดรย์อ้าปากกว้างด้วยกิริยาสง่างาม แต่ยังคงไม่กล่าวสิ่งใด คล้ายกับความต้องการจะย้ายไปเป็นเส้นทางแม่มดพลันดับมอด
“หลังจากได้ทราบข้อมูลข้างต้น ในอนาคต คุณจะแยกแยะได้ง่ายขึ้นว่าใครเป็นแม่มดแฝงตัวมาบ้าง พวกหล่อนอันตรายโดยธรรมชาติ การปรากฏตัวแต่ละครั้งจึงไม่มีเจตนาดีแน่นอน…ฮะฮะ! พึงพอใจกับสิ่งแลกเปลี่ยนของผมไหม?” เดอะเวิร์ลซักถาม
ออเดรย์พยักหน้ารับ
“เป็นประโยชน์กับดิฉันอย่างมาก…การแลกเปลี่ยนของพวกเราเป็นอันเสร็จสิ้น แล้วดิฉันจะรีบเตรียมข้อมูลของตระกูลขุนนางตกอับให้คุณโดยเร็ว ไว้เป็นการชุมนุมคราวหน้าได้ไหม?”
เดอะเวิร์ลก้มหน้าตรึกตรอง ก่อนจะส่งเสียงซักถาม
“เร่งให้อีกนิดได้ไหม”
“ถ้าอย่างนั้น หากดิฉันรวบรวมข้อมูลเสร็จเมื่อไร จะรีบส่งให้มิสเตอร์ฟูลผ่านพิธีกรรมทันที จากนั้นค่อยให้ ‘ท่าน*’ ส่งต่อไปยังคุณอีกทอด ทำแบบนี้ได้ไหมคะ? มิสเตอร์ฟูล”
ไคลน์ผู้กำลังนั่งท่ามกลางม่านหมอกหนา พยักหน้ารับโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มรีบแบ่งสมาธิไปบังคับไอดีเด็กอย่างลนลาน
“ท่าน?”
(*ตรงนี้ออเดรย์ใช้คำว่า 祂 [ทา] เป็นสรรพนามสำหรับเรียกเทพโดยเฉพาะ สูงกว่าการเรียก ‘ท่าน’ [เจ้านาย] ทั่วไป)
ไคลน์ตระหนักว่าเด็กสาวใช้สรรพนามเรียกตนแตกต่างจากเดิม ราวกับเทิดทูนประหนึ่งเจ็ดเทพจารีต
เมื่อเห็นเดอะเวิร์ลแสดงสีหน้าประหลาดใจ ออเดรย์ยกมุมปากอย่างซุกซน ดวงตากลอกขึ้นด้านบน จงใจไม่อธิบายเพิ่มเติม
ถัดมา ไคลน์เคาะโต๊ะแผ่วเบา ส่งสัญญาณบอกว่าบทสนทนาส่วนตัวจบลงแล้ว
มันควบคุมเดอะเวิร์ลกล่าว
“ผมมีอีกหนึ่งคำถาม”
สมาชิกใหม่ผู้มาพร้อมความต้องการอันมากมาย…ออเดรย์หันไปมอง สายตาไม่ปรากฏความประหลาดใจแต่อย่างใด
แฮงแมน·อัลเจอร์ และเดอะซัน·เดอร์ริค ต่างส่งภาษากายเป็นเชิงว่าตนกำลังรอฟัง
เดอะเวิร์ลเล่าเสียงแหบ
“ผมต้องการทราบว่า ในปัจจุบัน ตระกูลเซารอนแห่งสาธารณรัฐอินทิสยังมีผู้วิเศษลำดับสูงเหลืออยู่อีกหรือไม่”
ระหว่างเดอะเวิร์ลกำลังพูด ไคลน์ใช้หางตาเหล่มองเดอะซัน และพบว่าเด็กหนุ่มไม่มีท่าทีตอบสนอง
มีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า ตระกูลเซารอนไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เมืองเงินพิสุทธิ์…พวกมันคงเริ่มผงาดหลังจากยุคสมัยแห่งมหาภัยพิบัติ…ไคลน์กวาดสายตาพลางเค้นสมอง มันเห็นจัสติสและแฮงแมนกำลังมองหน้ากันอย่างฉงน เป็นท่าทีของคนไม่ทราบข้อมูล ส่วนเดอะซันก็เอาแต่เงียบงัน
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเคาะโต๊ะอีกหน
“สำหรับคำถามข้อนี้ เรายินดีตอบให้ แต่เจ้าต้องการจ่ายด้วยสิ่งใด?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงเดอะฟูล ไคลน์รีบสลับไปบังคับเดอะเวิร์ล
“สูตรโอสถ…สูตรโอสถลำดับเจ็ด ครับ!”
“ตกลง” เมื่อขานตอบ ไคลน์สร้างม่านล่องหนปิดกั้นเสียง จากนั้นก็นั่งมองไอดีเด็กของตัวเองโดยไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน
พฤติกรรมเช่นนี้ส่งผลให้จัสติส·ออเดรย์ และแฮงแมน·อัลเจอร์ ต่างมองเดอะฟูลเป็นตัวตนยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม ว่ากันตามตรง พวกมันสองคนก็อยากทราบคำตอบเช่นกัน แต่อีกใจหนึ่งก็มองว่า ข้อมูลดังกล่าวมิได้สลักสำคัญขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่คุ้มกับการแลกด้วยสูตรโอสถลำดับเจ็ด
หลังจบ ‘บทสนทนาส่วนตัวปาหี่’ ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลให้เปล่งเสียง
“ท่านมิสเตอร์ฟูล ขอบคุณสำหรับคำตอบ เป็นประโยชน์กับผมมากทีเดียว!”
“เป็นการแลกเปลี่ยนเท่าเทียม ไม่ต้องขอบใจกัน” ไคลน์พยายามระงับอาการขนลุกขณะส่งเสียงตอบ มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องเล่นบทคุยกับตัวเองอย่างไร้ยางอายเช่นนี้
ถัดมาเป็นการพูดคุยอิสระราวสิบนาที ก่อนไคลน์จะประกาศยุติชุมนุมทาโรต์อย่างเป็นทางการ ตัดการเชื่อมต่อกับดาวแดงของสมาชิกทุกคน
เมื่อร่างของจัสติส แฮงแมน และเดอะซันกลายเป็นเพียงละอองแสง ไคลน์นั่งมองไปยังเดอะเวิร์ลบนเก้าอี้ไกลสุดฝั่งตรงข้าม มุมปากแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ด้วยไอดีเด็ก จะทำอะไรก็สะดวกไปหมด”
“ช่างน่าเสียดาย ดวงตาสีดำล้วนไม่สามารถนำออกไปใช้นอกมิติสายหมอกได้”
หลังจากกล่าวจบ ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลให้ลุกยืนและโค้งคำนับ ก่อนจะเสกให้หายไปภายใต้พระราชวังโบราณ
การควบคุมไอดีเด็กสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก แถมยังเป็นครั้งแรก พลังวิญญาณไคลน์จึงถูกสูบจนเหือดแห้ง มันไม่คิดอยู่บนมิติสายหมอกนาน รีบปลดดวงตาสีดำล้วนออกจากข้อมือและโยนไปยัง ‘กองขยะ’ ด้านหลังเก้าอี้เดอะฟูล ปิดท้ายด้วยการห่อหุ้มพลังวิญญาณดำดิ่งกลับสู่โลก
ในเวลาปัจจุบัน ด้านนอกผ้าม่านกำลังเผยให้เห็นแสงแดดสุดหายากของเมืองเบ็คลันด์ กล่าวกันว่า สามารถพบได้เพียงในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเท่านั้น
ไคลน์ไม่เชยชมทัศนียภาพนานนัก มันรีบทิ้งตัวงีบหลับราวครึ่งชั่วโมง หวังฟื้นฟูพลังงานกลับมา
…
เมื่อตื่นขึ้น เป็นเพราะจัสติสให้คำมั่นสัญญาไว้แล้ว รวมถึงเรื่องของบาโรเน็ตพาวน์ก็ไม่ได้เร่งด่วนขนาดนั้น ชายหนุ่มจึงไม่มีแผนตระเวนไปตามหอสมุดภายในเบ็คลันด์ แต่ก็ยังพาตัวเองออกจากบ้านเหมือนเดิม ปลายทางคือหนึ่งในสุสานจำนวนมากบริเวณรอบนอกกรุงเบ็คลันด์
ไคลน์มีแผนทดสอบคุณสมบัติของนกหวีดทองแดงอะซิก เพื่อหาว่าสมบัติชิ้นนี้มีระยะแสดงผลเท่าไร และสำแดงอิทธิฤทธิ์กับเป้าหมายชนิดใดบ้าง
แน่นอน การทดลองจะเริ่มขึ้นหลังจากท้องฟ้ามืดสนิท แต่เหตุผลให้ไคลน์รีบออกจากบ้านก่อนฟ้ามืด เพราะพฤติกรรมการเช่ารถม้าไปยังสุสานในช่วงหัวค่ำ คงไม่มีมนุษย์ปรกติหน้าไหนเขาทำกัน
………………….