ตอนที่ 74 : รีเอล·บีเบอร์
แฮ่ก…แฺฮ่ก…แฮ่ก…
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงหายใจแผ่วเบาและเสียงหีบโลหะถูกทุบจากด้านในกำลังดังสอดประสานเข้าจังหวะ ทีมปฏิบัติการเหยี่ยวราตรีทั้งหกคนพลันถูกความตึงเครียดครอบงำ คล้ายกับพวกมันได้ฟังเสียงพึมพำจากปีศาจ
ขณะที่ดันน์ อายร์ และโรล็อตเสียสมาธิ ตัวตลกสวมสูทฉวยโอกาสดึงกระดาษยาวออกจากกระเป๋าเสื้อ
ฟุ่บ!
แผ่นกระดาษยาวแปรเปลี่ยนเป็นแส้หนังสีดำที่มีไฟลุกท่วม ตัวตลกสะบัดปลายแส้ใส่ข้อเท้าตัวเองอย่างแม่นยำ
มันครางเสียงเจ็บแปลบ แต่ก็ฝืนกัดฟันอดทนไว้
เมื่อสัมผัสว่าวัตถุคล้ายโซ่ที่พันธนาการข้อเท้าถูกคลายออก ตัวตลกสวมสูทรีบตีลังกากลับหลังหนี
ปัง! ปัง! ปัง!
ดันน์ อายร์ และโรล็อตยิงใส่คนละนัด แต่ทั้งหมดโดนเพียงกล่องสินค้าที่ทำจากไม้
ตัวตลกสวมสูทไม่คิดเสียเวลาต่อ มันรีบเผ่นหนีพร้อมกับใช้มือกำบาดแผลบริเวณช่องท้องที่ถูกอายร์ยิงใส่ก่อนหน้า ทิศทางที่มันเผ่นหนีคือฝั่งตรงข้ามโกดังสีเทาซึ่งมีเสียงโหยหวนดังระงม
ตัวตลกรวดเร็วขนาดที่ว่า เพียงพริบตาเดียว ทุกคนมองเห็นได้แค่แผ่นหลังไกลๆ
ก่อนจะหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ ตัวตลกสวมสูททำการขยับมือที่กุมท้องมาไว้บริเวณแขนซ้าย ทันใดนั้น บาดแผลตรงช่องท้องหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่
กลับกัน บริเวณแขนซ้ายที่มันเอามือทาบพลันกลายสภาพเป็นแผลเหวอะหวะและมีกระสุนปืนฝังคา
ดันน์ไม่กล้าไล่ตามไป เสียงโหยหวนจากโกดังสีเทาทำให้พวกมันสัมผัสถึงอันตรายใหญ่หลวง
บึ้มมม!
ประตูทางเข้าโกดังสีเทาที่อยู่ในจุดลึกสุดเกิดระเบิดรุนแรง บานประตูหลุดกระเด็นไปไกล เศษชิ้นส่วนรวมถึงแรงกระแทกกระจัดกระจายหลายทิศทาง
ทันใดนั้น วัตถุปริศนาบางชนิดปลิวลอยมาตกตรงหน้าไคลน์ รอบๆ วัตถุดังกล่าวมีสิ่งที่คล้ายผ้าห่อหุ้มไว้
เมื่อลองเพ่งมองให้ดี ไคลน์พบว่ามันคือแขนมนุษย์ ลักษณะบาดแผลคล้ายกับถูกขบเคี้ยวและกระชากออกจากร่างทั้งเป็น เศษกระดูกสีขาวที่โผล่ออกมามีสภาพแหลกละเอียดป่นปี้
แปะ! แปะ! แปะ!
วัตถุชิ้นถัดๆ ไปปลิวตามมาติดๆ ชิ้นแรกเป็นลิ่มเลือด ชิ้นที่สองเป็นดวงตาหนึ่งข้าง และชิ้นที่สามเป็นหูแหว่งที่ถูกกระชากดึงจากศีรษะ
แปะ!
ชิ้นสุดท้ายเป็นหัวใจที่ยังคงยุบพองเบาๆ คล้ายกับยังไม่ตาย มาพร้อมลำไส้เล็กซึ่งมีของเหลวสีเหลืองน่าสะอิดสะเอียนติดมาด้วย
หากไคลน์ไม่เคยเห็นฉากสุดสยดสยองที่บ้านรีเอล·บีเบอร์มาก่อน มันคงอาเจียนออกมาคำโตโดยไม่รีรอ
ขณะสมาธิใกล้หลุดลอยเพราะความรู้สึกคลื่นไส้เวียนหัว ชายหนุ่มพลันเกิดความต้องการแรงกล้าที่จะยิงปืนเข้าไปในช่องว่างประตูที่เปิดออก มันรีบตบโม่เพื่อเทปลอกกระสุนเก่า จากนั้นบรรจุกระสุนปรามมารเข้าไปแทนที่จำนวนหกนัด
ปัง!
ดันน์วิ่งไปทางประตูพร้อมกับบรรจงยิงใส่ความมืดมิด
ทว่า กระสุนของดันน์คล้ายกับยิงลงทะเล ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ไม่มีแม้กระทั่งเสียงกระแทกกับผนังห้องอย่างที่ควร
แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…
ลมหายใจอีกฝ่ายดังชัดเจนขึ้นทุกขณะ ช่องว่างประตูโกดังฝั่งตรงข้ามเริ่มมีวัตถุสีเทาอมขาวกำลังเดินเข้ามาใกล้บานประตูจากด้านใน
ปัง! ปัง!
อายร์·ฮาร์สันและบอร์เจียช่วยกันยิงใส่วัตถุต้องสงสัย แต่กระสุนกลับไม่ทะลุผ่าน ไม่แม้แต่จะเกิดบาดแผลใดๆ บนพื้นผิวสีเทาเลยสักนิด คล้ายกับการยิงลงไปในหุบเหวลึก
ไคลน์กลั้นหายใจทันที มันพยายามหักห้ามสติไม่ให้ลั่นไกยิงมั่วซั่ว ชายหนุ่มเฝ้ารออย่างใจเย็นจนกระทั่งวัตถุสีเทาเผยรูปร่างที่แท้จริงเมื่อเดินเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น
…สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ สูงเกินกว่าสองเมตร ข้อต่อทุกชิ้นบิดงอและแขนขาอยู่ในลักษณะผิดรูปร่าง ราวกับถูกใครบางคนจับหักอย่างทารุณ
เมื่อลองพิจารณาให้ถี่ถ้วน ผิวหนังสีเทาอมขาวของมันมีลักษณะคล้ายกับสมองมนุษย์ที่ทั้งเปียกชุ่มและมันแผล็บ ตามร่างกายหลายจุดมีท่อนกระดูกสีขาวโพลนหักทิ่มแทงโผล่ออกมาจากผิวหนัง
ทั่วทั้งลำตัวสัตว์ประหลาดเปียกชุ่มด้วยของเหลวเหม็นเน่าเหนียวหนืดหยดย้อย เหลือเพียงส่วนศีรษะที่ยังคงความเป็นมนุษย์ไว้มากที่สุด
ใบหน้าอันขาวซีดของบุรุษที่มีริ้วรอยลึกหลายจุด…ใบหน้าของรีเอล·บีเบอร์
เมื่อมันอ้าปากกว้าง ไคลน์เหลือบเห็นฟันปลอมเซรามิกที่ห้อยต่องแต่งใกล้หลุดจากเหงือก รวมถึงน้ำลายสีปนเลือดสยดสยอง
ในสภาพเช่นนี้ รีเอล·บีเบอร์ยังถูกเรียกว่ามนุษย์ได้อีกไหม?
ขณะหัวใจเริ่มเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่อยู่ ไคลน์พยายามกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติ
ปัง!
กระสุนปราบมารจากเลียวนาร์ด·มิเชลทะลุกลางกระหม่อมรีเอล·บีเบอร์แม่นยำจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่
ของเหลวสีเทาขาวพุ่งออกจากปากแผลและหยดไหลลงพื้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหนอนแมลงวันตัวอวบอ้วนสีขาวครีม
แต่สัตว์ประหลาดสูงสองเมตรกลับไม่แม้แต่ชะงัก มันกระโจนใส่บอร์เจียซึ่งอยู่ใกล้ด้วยความเร็วไม่มากไม่น้อย
บางที เป้าหมายแท้จริงอาจเป็นหีบดำที่บรรจุ 2-049 ก็เป็นได้
“ผู้วิเศษคลุ้มคลั่ง…”
ดันน์กล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก ดังมากพอสำหรับทั้งห้าคนได้ยิน
“โรล็อต! สภาพของมันเหมือนกับวิญญาณมรณะ รีบหาจุดอ่อนเร็วเข้า!”
“ตกลง”
โลร็อตไม่กล่าวสิ่งใด เธอเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นไปป้องบริเวณดวงตา
นัยน์ตานักแม่นปืนสาวสวยพลันกลายเป็นสีเทาซีด และยิ่งซีดลงจนเกือบขาวเมื่อผ่านไปสักพัก คล้ายกับเธอกำลังมองผ่านโลกวิญญาณซึ่งเป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยวิญญาณมรณะ
โลร็อตสำรวจรีเอล·บีเบอร์ตั้งแต่หัวจรดเท่าอยู่พักใหญ่เพื่อมองหา ‘จุด’ ให้พบ
หลังจากไคลน์เห็นกระสุนปืนหลายนัดไม่เกิดผล มันไม่คิดสิ้นเปลืองกระสุน การจะปราบสัตว์ร้ายตรงหน้ามีแค่ต้องหาจุดอ่อนให้พบเท่านั้น
ชายหนุ่มเข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณโดยหวังจะช่วยนักขุดสุสาน·โรล็อตค้นหาจุดอ่อน
ทว่า จากภาพการมองเห็น สีออร่าที่ไคลน์พบมีเพียงสองชนิด คือสีเทาหม่นซึ่งบ่งบอกสภาพร่างกาย และสีขาวบริสุทธิ์ที่หมายถึงห้วงอารมณ์สุดบ้าคลั่ง
นอกนั้นก็ไม่พบอะไรเลย
ขณะเดียวกัน อายร์และเลียวนาร์ดต่างลงมือร้องเพลงขับกล่อมพร้อมกัน
“จงหวาดกลัวต่อภัย จงบูชาในจันทร์ชาด หนึ่งสิ่งที่แน่ชัด ทุกชีวิตย่อมอำลา หนึ่งสิ่งที่เที่ยงแท้ อื่นใดล้วนมายา บุปผาที่ถูกเด็ด มีชะตาต้องถึงฆาต”
…
พลังที่ทำให้ผู้คนหลับใหลกำลังสำแดงฤทธิ์เดชรุนแรงกว่าปรกติสองเท่า ร่างกายสัตว์ประหลาดผิวหนังขาวเทาเริ่มชักกระตุก คล้ายกับถูกผลสะกดของบทกลอนเล่นงานอย่างจัง
ทันใดนั้น มันตอบโต้ด้วยการอ้าปากกว้างและเปล่งเสียงหวีดแหลมที่ดังมากพอจะทำให้ผู้ได้ยินหูหนวกไปตลอดชีวิต
“อั่ก!”
…
ปึด!
ไคลน์เจ็บแปลบเจียนตายชั่วขณะ สมาธิขาดห้วงจนหลุดพ้นจากภาวะเนตรวิญญาณ
สองรูจมูกเริ่มมีของเหลวอุ่นๆ ไหลซึม
เมื่อใช้หลังมือเช็ดตามความเคยชิน มันพลันเห็นโลหิตสีแดงฉานเลอะเปรอะเปื้อน
อายร์และเลียวนาร์ดต่างก็ล้มตึงลงไปนอนกับพื้น เลือดไหลซึมออกจากทวารหลายจุด ทั้งมุมปาก จมูก และดวงตา
บอร์เจีย ดันน์ โรล็อต ทั้งสามรีบกระโดดถอยหลังด้วยสีหน้าซีดเผือดคล้ายกับปราศจากเรี่ยวแรง
เพียงสัตว์ประหลาดบัดซบนั่นแหกปากตะโกนหนเดียว กลับรุนแรงพอจะทำให้ผู้วิเศษหกคนอ่อนแอฉับพลัน
ฟุ่บ!
มันกระโจนใส่บอร์เจียที่ยืนใกล้ที่สุดพลางเหวี่ยงแขนซึ่งห้อยผิดธรรมชาติเข้ากระแทก
ปัง! ปัง! ปัง!
บอร์เจียและดันน์กระหน่ำยิง แต่สัตว์ประหลาดรีเอล·บีเบอร์มิได้ลดความเร็วลง
เปรี้ยง!
การโจมตีส่งให้บอร์เจียปลิวกระเด็น ลูกโม่กระบอกยาวในมือหลุดร่วงหล่นพื้น
มันพยายามพยุงร่างลุกยืน แต่ก็ไม่สำเร็จ
สัตว์ประหลาดผิวหนังเทาอ้าปากน้ำลายไหลยืดดุจดังคนเสียสติ ก่อนจะกระโจนใส่หีบสีดำที่มี 2-049 ถูกผนึกอยู่
ปัง!
ในวินาทีหัวเลี้ยวหัวต่อ อายร์·ฮาร์สันเล็งปืนยิงใส่หีบจนกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร จุดประสงค์เพื่อมิให้สัตว์ประหลาดเข้าใกล้
หีบเกิดรอยร้าวเล็กน้อย ขณะเดียวกัน เสียงทุบจากหุ่นกระบอกด้านในเริ่มดังรุนแรงขึ้นทุกที
“เจอแล้ว!”
โรล็อตส่งเสียง
“ตรึงมันไว้ให้ฉันสามวินาที!”
“ตกลง”
ดันน์ไม่รีรอ มันเลื่อนมือขึ้นไปแตะหว่างคิ้วพร้อมกับหลับตา
สภาพคล้ายกับกำลังหลับใหล เพียงชั่วอึดใจ เคลื่อนกระเพื่อมซึ่งยากจะมองเห็นเริ่มก่อตัวแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ศูนย์กลางคือจุดหว่างคิ้วของดันน์·สมิท
สัตว์ประหลาดผิวหนังเทาที่กำลังอาละวาดบ้าคลั่งมีอันต้องชะงักงัน เปลือกตาของมันคล้ายกลับจะปิดลงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ขณะเดียวกัน ร่างกายดันน์เริ่มสั่นระริกรุนแรงหนักหน่วง ผิวหนังใต้เสื้อผ้ามีลักษณะยุบพองขยายตัวผิดธรรมชาติ ราวกับงูเหลือมตัวใหญ่กำลังเลื่อยไต่ใต้เสื้อผ้าที่มันสวม
โรล็อตกระโจนกลิ้งตัวไปยังหว่างขาสัตว์ประหลาด ก่อนจะใช้มือข้างซ้ายยันพื้นให้ร่างตนหยุดนิ่ง และใช้กำปั้นขวาซัดเสยขึ้นไปที่หว่างขารีเอล·บีเบอร์เต็มแรง
โผละ!
เธออดทนต่อแผลกัดกร่อนที่เกิดจากของเหลวหยดใส่ โรล็อตเกร็งตัวและใช้มือซ้ายพยุงร่างให้สูงขึ้น พร้อมกับใส่แรงทั้งหมดไปที่มือขวาเพื่อยืดเหยียดให้เข้าไปลึกมากที่สุด
ปึด!
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ โรล็อตกระชากลำไส้สัตว์ประหลาดหลุดมาทั้งยวงพร้อมกับของเหลวสีแดงปนเหลือง
ภายในลำไส้ที่ติดมือมีวัตถุคล้ายหนังสือหนึ่งเล่มคาอยู่
…สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส
“โฮกกก!”
ขณะกรีดร้องเจ็บปวดทรมาณ ร่างกายสัตว์ประหลาดผิวหนังเทาเริ่มอ่อนตัวลงคล้ายกับกำลังละลาย
“หมอบลง!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนอายร์·ฮาร์สัน ไคลน์พลันเห็นร่างกายสัตว์ประหลาดพองตัวขยายขึ้นจนถึงขีดจำกัด
บึ้มมม!
ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้อง ไคลน์ถูกส่งกระเด็นไปในอากาศและตกกระแทกพื้นรุนแรง
ชายหนุ่มฝืนพยุงตัวลุกยืนด้วยศีรษะที่วิงเวียน เมื่อเงยหน้า มันได้พบซากสัตว์ประหลาดรีเอล·บีเบอร์กระจัดกระจายในสภาพน่าสยดสยอง ขณะเดียวกัน ดันน์และโรล็อตนอนแผ่ห่างออกไปหลายสิบเมตร คงเพราะทั้งสองถูกแรงระเบิดไม่ต่างจากตน
อายร์·ฮาร์สัน บอร์เจีย และเลียวนาร์ด·มิเชลก็นอนหมอบอย่างหมดสภาพ บ้างส่งเสียงโอดครวญ และบ้างฝืนลุกยืนแต่ไม่สำเร็จ
ขณะไคลน์กำลังโล่งใจ หางตามันพลันเหลือบเห็นวัตถุที่คุ้นเคยอยู่ห่างจากตนราวสองเมตร
หีบดำ…ฝาของมันกำลังเปิดอ้าซ่า!
ท่อนแขนทรงกระบอกสีน้ำตาลเริ่มปีนป่ายขึ้นมาจากด้านในหีบอย่างเชื่องช้า
ของวิเศษต้องห้าม 2-049…
เชี่ย!
หัวใจไคลน์หล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อทราบว่าตนเข้าสู่ระยะเล่นงานของหุ่นกระบอกบัดซบ
แรงระเบิดเมื่อครู่ได้ส่งให้หีบดำกระเด็นมาใกล้ราวกับเป็นชะตาฟ้าลิขิต
ในวินาทีนี้ ภาพการมองเห็นของมันเริ่มเฉื่อยชา แขนขาขยับช้ากว่าปรกติหลายเท่า
……………………