Skip to content

Outside Of Time 1002


บทที่ 1002 โลกของพวกเจ้า…

นภามืดทะมึน พื้นดินเต็มไปด้วยหนองบึง ซากปรักหักพังกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ก่อเกิดเป็นความวังเวงและกดดันอันหนักหน่วง

โลกในร่างปลาอสูรกลืนเอกภพอันมืดมัวและอับเฉา กลับปรากฏกองเพลิง ปรากฏชายชราเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง

ภาพนี้ช่างแปลกประหลาด

อีกฝ่ายเป็นมนุษย์หรือภูตผี เป็นอสูรหรือเทพเจ้า…สวี่ชิงไม่อาจหยั่งรู้

ทว่าความตื่นตัวและความตึงเครียดในจิตใจ กลับพุ่งทะยานถึงขีดสุด

ด้วยว่าเขาสามารถสัมผัสได้ว่า สายตาที่จ้องมองมารางๆ นับตั้งแต่ย่างกรายเข้าสู่ทะเลนอก…ล้วนมาจากที่แห่งนี้ กล่าวให้ถูกต้องคือมาจากชายชราเบื้องหน้า

และคำตอบนี้ ก็คือต้นตอแห่งความตึงเครียดของเขา

อีกฝ่ายมาเยือนโดยมิคาดคิด เจตนาร้ายดีมิอาจบอกได้

สวี่ชิงยังพอจะจินตนาการได้จากการถูกจับต้องตั้งแต่ย่างกรายเข้าสู่ทะเลนอก จนถึงตอนเผชิญหน้ากันในยามนี้…การที่เขาสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ บ่งบอกว่าพลังบำเพ็ญของบุคคลเบื้องหน้า น่าจะเหนือกว่าขั้นแท่นเทวะ

“หรือว่าจะถูกขังไว้ที่นี่?”

ความคิดเพิ่งผุดขึ้นมาในหัวสวี่ชิงก็ดับลงฉับพลัน เขาเคยข้องเกี่ยวกับเทพเจ้ามากมาย ล่วงรู้ว่าสรรพชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวบางจำพวก เพียงชำเลืองมอง ก็หยั่งปัญญาแห่งเทพล้วงลึกจิตใจของตนได้

ดังนั้น เขาจึงเก็บงำความคิดทั้งหมด ประสานมือคารวะชายชราเบื้องหน้า “คารวะท่านผู้อาวุโส”

เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ เวลานี้มีสีหน้าซีดเผือด นัยน์ตาหดเล็กลง ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย ความปั่นป่วนในจิตใจพลันท่วมท้น

สายตาของอีกฝ่าย เพียงกวาดมองผาดหนึ่ง ก็รู้สึกหมือนถูกมองทะลุทะลวงวิญญาณ ทุกสิ่งที่เก็บงำอยู่ภายในมิอาจซุกซ่อนได้

และผู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เอ้อร์หนิวเค้นความจำ ก็มั่นใจว่าตนมิเคยพบพานชายชราเบื้องหน้ารายนี้มาก่อน แม้กระทั่งความทรงจำในชาติก่อน ก็ยังรู้สึกแปลกหน้าอยู่ดี

ทว่าด้วยความพิเศษของตน ทำให้เอ้อร์หนิวคาดคะเนพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายได้แม่นยำยิ่งกว่าสวี่ชิงเล็กน้อย

“นี่มันระดับพลังอันใดกัน เซียนคิมหันต์? เทพแท้จริง? หรือว่า…เหนือเซียนคิมหันต์? เหนือเทพแท้จริง?”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ลมหายใจของนายกองก็พลันถี่กระชั้น หนังศีรษะชาวาบเล็กน้อย เขารีบทำสีหน้าประจบประแจง โค้งคารวะชายชราที่กำลังย่างเนื้อด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยเฉินเอ้อร์หนิวคารวะท่านผู้อาวุโส ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่กรุณาตั้งชื่อให้กับข้าน้อย บุญคุณอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าน้อยจะตอบแทนด้วยชีวิตและจิตใจ! จากนี้ไป ข้าน้อยมีนามว่าเจ้าตัวขน!”

คำพูดของเอ้อร์หนิวแว่วเข้าหูสวี่ชิง แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าฟาด

เขารู้ไส้รู้พุงศิษย์พี่ใหญ่ของตนเป็นอย่างดี การจะทำให้อีกฝ่ายเคารพยำเกรงถึงขั้นนี้ตั้งแต่แรกพบ เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง

ต้องเท้าความว่าแม้กระทั่งอวี้หลิวเฉิน ศิษย์พี่ใหญ่ก็แค่เสแสร้งทำประจบเอาใจเท่านั้น

ทว่ายามนี้ กลับเอ่ยว่าอีกฝ่ายมีบุญคุณที่ตั้งชื่อให้…

การทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ทุ่มสุดตัวถึงเพียงนี้ได้ สวี่ชิงรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าชายชราผู้นี้น่ากลัวเพียงใด เขาจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น

ข้างๆ กองเพลิง ชายชราแย้มยิ้มคลุมเครือ ทอดสายตาไปยังสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวอีกครา

“เจ้าตัวขน กายเจ้าแฝงด้วยกลิ่นอายคำสาป…น่าสนใจ เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนว่าเจ้าเป็นคนสาปแช่งตนเองเล่า? มีชีวิตมาหลายภพหลายชาติ คงถือว่าเจ้าเป็นเผ่ามนุษย์คนหนึ่งได้กระมัง”

เมื่อคำพูดนี้เปล่งออกมา เอ้อร์หนิวก็หัวเราะแห้งๆ

ขณะที่ชายชราพูดอยู่นั้น มือก็พลิกเหล็กแหลมเสียบเนื้อไปมา กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง ชวนคลื่นเหียน ทว่าเมื่อเขาดอมดมแล้ว กลับกลืนน้ำลายลงคอ ทำราวกับเป็นอาหารอันโอชะ

“พวกเจ้ากินหรือไม่?” ชายชราเอ่ยถาม

สวี่ชิงชะงัก

เอ้อร์หนิวรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ นับตั้งแต่กินไอเย็น เขาก็ท้องไส้ปั่นป่วน ขนงอกเต็มตัว ที่สำคัญเขามิกล้ากิน

แม้เขาเคยคิดว่ากระเพาะของตนมิมีสิ่งใดไม่อาจย่อยได้ ทว่าเมื่อมองไปทางชายชรา ก็รู้สึกว่ามิควรกินดีกว่า

“พวกเรามิกินดีกว่าขอรับ ขออภัยที่เสียมารยาท…พวกเรากินอิ่มมาแล้ว”

ชายชราได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันมืดครึ้ม

ในฉับพลัน ความกดดันโดยรอบก็พลันหนักอึ้ง ท้องนภาคำรามกึกก้อง ประหนึ่งจะถล่มลงมา พื้นดินปั่นป่วน ไอหมอกพลันระเหยขึ้น

บึงหนองประหนึ่งจะเหือดแห้ง!

ภาพนี้ ทำเอาสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวใจเต้นระทึก

สีหน้าเอ้อร์หนิวพลันเคร่งขรึม หันหน้ามองสวี่ชิง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ศิษย์น้องเล็ก ไยเจ้ายังมิรีบไปร่วมรับประทานกับท่านผู้เฒ่าเล่า เคารพผู้อาวุโสเอ็นดูผู้น้อย คือคุณธรรมอันดีงามของเผ่ามนุษย์ ท่านผู้เฒ่าคือผู้อาวุโส เจ้าคือผู้น้อย!”

สวี่ชิงเหลือบมองเอ้อร์หนิว พลางครุ่นคิดในใจ

เขาล่วงรู้ถึงความนัยในคำพูดของนายกอง ชายชราผู้นี้แปลกประหลาด หากยังปฏิเสธต่อไป เกรงว่าอีกฝ่ายจะโมโห อีกอย่างกายเนื้อของตนยังมีความพิเศษ…

เมื่อคิดได้ดังนั้นสวี่ชิงก็เผยแววเด็ดเดี่ยวในดวงตา ก้าวเท้าไปข้างกองเพลิง ย่อกายนั่งขัดสมาธิ

เมื่อเห็นสวี่ชิงเข้ามา ชายชราก็ยกมือขึ้น โยนเนื้อเสียบไม้ให้ไม้หนึ่ง

สวี่ชิงรับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จับจ้องเนื้อเสียบไม้เบื้องหน้า ดมกลิ่นชวนคลื่นเหียนนั้น เขากัดฟันกรอด จรดริมฝีปากกัดกินเข้าไปคำหนึ่ง

ฉับพลัน สีหน้าของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ ก้มลงมองเนื้อเสียบไม้ในมือ กัดกินเข้าไปอีกคำ

ขณะที่เคี้ยวกลืนลงคอ สัมผัสได้ถึงรสเลิศล้ำหาใดเทียมและความเร่าร้อนในร่าง สวี่ชิงกินรวดเดียวจนหมดเกลี้ยงภายในสามสี่คำ

เอ้อร์หนิวซึ่งอยู่มิไกล มองเห็นทุกสิ่ง ก็เริ่มบังเกิดความสงสัย กำลังจะเอ่ยปากถามสวี่ชิง จู่ๆ ชายชราข้างกองไฟก็แย้มยิ้ม มองไปทางสวี่ชิง “รสดีใช่หรือไม่”

สวี่ชิงพยักหน้า เนื้อปริศนามิทราบที่มา เรียกได้ว่าเป็นอาหารโอชารสเลิศที่สุดที่เขาเคยกินมาในชีวิต

ชายชราหัวเราะ ยกมือขวาขึ้น คว้าไปยังความว่างเปล่าเบื้องขวา ทันใดนั้น เสียงกึกก้องสนั่นฟ้าดินก็ดังกระหึ่มขึ้น ผนังเนื้อปรากฎขึ้นจากไกลๆ ราวกับถูกคลื่นยักษ์ดูดกลืนเข้ามา

ผนังเนื้อนี้สูงเสียดฟ้า กว้างใหญ่ไพศาล ประหนึ่งกำแพงของโลกใบนี้ ในทันทีที่ประชิดเข้ามา โลกใบนี้ก็ดูจะเล็กลงไป

ในที่สุดผนังเนื้อนี้ก็หยุดลงข้างกายชายชรา มือของอีกฝ่ายขีดลากไปบนผนังเนื้อ ตัดเอาชิ้นเนื้อเล็กๆ มาเสียบเข้ากับไม้ และย่างมันต่อ

ภาพนี้ ทำเอาสวี่ชิงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

เอ้อร์หนิวยิ่งกว่า จ้องเขม็งไปยังผนังเนื้อนั่น ดวงตาแทบจะถลนออกมา…

นี่มิใช่ผนังอื่นใด แต่คือเนื้อในร่างของสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวที่พวกเขาอยู่ข้างในชัดๆ!

เมื่อเห็นสภาพนี้ เอ้อร์หนิวก็แลบเลียริมฝีปาก รีบเอ่ยปาก “ท่านผู้เฒ่า ที่จริง…ข้าน้อยยังกินมิอิ่มเลย…”

“ข้าก็ยังมิอิ่ม!” ชายชราตอบเสียงเรียบ ยื่นเนื้อเสียบไม้หนึ่งให้สวี่ชิงอีกครา

เอ้อร์หนิวน้อยเนื้อต่ำใจ แต่มิกล้าเอื้อนเอ่ยวาจาใด ได้แต่มองสวี่ชิงตาละห้อย

สวี่ชิงรีบรับมา แล้วกินต่อไปโดยไม่สนใจเอ้อร์หนิว

ความรู้สึกเร่าร้อนในกายยิ่งรุนแรงกว่าเดิม กระทั่งในท้ายที่สุด กลิ่นอายของเขาแทบจะปะทุขึ้นในทุกๆ คำที่กลืนลงท้อง

ยามนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเนื้อเสียบไม้นี้คือความโชคดีในความโชคร้ายของเขา!

วิญญาณได้รับการบำรุงเลี้ยง สายสัมพันธ์กับกายเนื้อ ยิ่งแนบแน่นกว่าเดิม

ดังนั้น เขาจึงกัดกินคำแล้วคำเล่าอย่างเต็มที่

เอ้อร์หนิวนึกกระวนกระวายใจยิ่งกว่าเดิม น้ำลายแทบจะไหลย้อย ทว่ามิกล้าเข้าไปใกล้ สุดท้ายก็ได้แต่ปลอบตนเองในใจว่า แค่เนื้อก้อนเดียว จะมีค่าอะไรเล่า…

ด้วยเหตุนั้น สวี่ชิงและชายชราจึงนั่งกินเนื้อเสียบไปหลายไม้ ต่อภายใต้สายตาละห้อยของเอ้อร์หนิว จนในที่สุดสวี่ชิงก็กินไหม่ไหวอีกต่อไป

แม้เขายังอยากกินอีก อีกทั้งกายเนื้อก็ยังรับไหว ทว่าวิญญาณกลับพองโต ปรากฏความอิ่มเอมในเวลานี้

ชายชราเห็นเช่นนี้ ใบหน้าก็พลันฉายรอยยิ้มบาง

“โปรดปรานการกินถึงเพียงนี้ก็ดี ข้ายังมีผลไม้อยู่บ้าง จะปิ้งให้ก็แล้วกัน”

ชายชรากล่าวพลาง ยกมือขึ้นคว้าจับความว่างเปล่า ทันใดนั้น พวงองุ่นสีดำก็เหินเวหาออกมาจากความว่างเปล่า ตกลงมาในมือของเขา

องุ่นพวงนี้มี 30 กว่าผล เกาะกลุ่มกัน ผลแต่ละลูกล้วนเต่งตึง

เพียงแต่..เมื่อสวี่ชิงพินิจมอง ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา

จนกระทั่งได้เห็นองุ่นพวงนั้น เขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง องุ่นลูกหนึ่งมีรอยปริแตก ราวกับดวงตา

จิตใจสวี่ชิงพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “นี่มัน…”

เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ ยิ่งกว่าถูกอัสนีฟาด จิตใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

ในห้วงที่คนทั้งคู่จิตใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง ชายชราก็ใช้นิ้ว 2 นิ้วคีบองุ่นผลหนึ่งไว้ ภายใต้เสียงโหยหวนอันโศกาดูรที่เลือนราง ราวกับว่ากำลังดับดิ้น ทว่ากลับทรงพลังยิ่งนัก ดึงทึ้งลงมา โยนไปยังเบื้องข้าง

ทันใดนั้น องุ่นผลนั้นก็ระเบิดออกเสียงดังสนั่น แล้วขยายใหญ่ขึ้นฉับพลัน

แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาอันมหึมา แผ่ประกายเจิดจ้าบาดตา

นั่นคือดวงตะวันที่ปรากฏขึ้นในห้วงฝันศักดิ์สิทธิ์ที่สวี่ชิงและพวกพบในระหว่างทาง

ยามนั้น เอ้อร์หนิวเคยกล่าวว่า เทพเจ้าองค์นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ความฝันขององค์ท่านเป็นความจริงครึ่งหนึ่ง

และในยามนี้…ดวงตะวันแห่งห้วงฝันกึ่งจริงนี้ กลับปรากฏในมือชายชรา แปรเปลี่ยนเป็นผลไม้ตามคำพูดของเขา

สวี่ชิงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เอ้อร์หนิวจิตใจส่งเสียงคำรามกึกก้อง

พวกเขามองชายชราที่กรีดเฉือนเนื้อจากดวงตะวันยักษ์ เสียบไม้หลายไม้ กันตาค้าง…

กำลังจะนำไปปิ้งย่าง

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก รีบลุกยืน คารวะด้วยความนอบน้อม “ท่านผู้อาวุโส ให้ข้าน้อยจัดการเถิด”

ชายชราแย้มยิ้ม ส่งไม้ให้สวี่ชิง

สวี่ชิงรับมา รู้สึกถึงพลังมหาศาลที่ปะทุในมือ แต่จู่ๆ มันก็ร่วงลงมา จากนั้น เขาก็โคจรพลังบำเพ็ญ และทุ่มพละกำลังในกายเนื้อทั้งหมดจับมันไว้อยู่หมัด

เอ้อร์หนิวจ้องมององุ่น ความปรารถนาแผ่ขยายไร้ที่สิ้นสุด ดังนั้นเขาจึงรีบตบหน้าอกตนเองทันที

“ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยเห็นว่าเพลิงใกล้จะมอดแล้ว ข้าน้อยเป่าฟืนไฟเก่ง ข้าน้อยเก่งเรื่องนี้มากเลยขอรับ”

เอ้อร์หนิวกล่าวแล้วรีบวิ่งปรี่เข้ามา คุกเข่าลง หันหน้าไปยังกองเพลิง แล้วเป่าลม

ชายชราจ้องมองคนทั้งคู่ เผยรอยยิ้มคลุมเครือ มิได้ห้ามปรามแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนั้น ด้วยความมานะของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ในที่สุดก็ปิ้งองุ่นสำเร็จ

ไม้แรก แน่นอนว่าเป็นของชายชรา

ไม้ที่ 2 สวี่ชิงเหลือบมองศิษย์พี่ใหญ่ผู้ขยันขันแข็ง

“ให้เขาเถิด” ชายชราเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

เอ้อร์หนิวปิติยินดี รับเนื้อองุ่นเสียบไม้ที่สวี่ชิงส่งมา กัดกินเข้าไปคำโต ดวงตาเปล่งประกาย

ไม้สุดท้ายสวี่ชิงสูดลมหายใจลึก กัดกินลงไปคำหนึ่ง ทันใดนั้นร่างกายพลันคำรามกึกก้อง วิญญาณที่อิ่มเอมแล้ว กลับลุกโชนขึ้นอีกครา ยิ่งไปกว่านั้นพลังต้นกำเนิดเทพในร่างก็ยิ่งเดือดพล่าน

ชั่วขณะหนึ่ง นอกเหนือจากเสียงเพลิงลุกโชนและเสียงกลืนกิน ที่แห่งนี้ก็ไร้ซึ่งสรรพสิ่งอื่นใด

ครู่ใหญ่ให้หลัง สวี่ชิงกินต่อไม่ไหว เมื่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่ยังตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อย จึงมอบเนื้อเสียบไม้ของตนที่เหลืออยู่ครึ่งไม้ให้

เอ้อร์หนิวซาบซึ้งใจ กัดกินอย่างมูมมาม

ชายชราข้างๆ มองภาพนี้ ลูบท้องลุกยืน

“พบพานถือว่าเป็นวาสนา เจ้าตัวเล็กที่ข้ารอใกล้จะมาถึงแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ”

กล่าวพลาง เขาก็จ้องมองพวกสวี่ชิง

“พวกเจ้าแม้มิใช่เผ่าพันธุ์ของข้า ทว่าก็เป็นเผ่ามนุษย์ ทว่าโลกที่พวกเจ้าอยู่นั้น ดึงดูดเผ่ามนุษย์เข้ามา…มิรู้ว่าสำหรับสรรพชีวิตในโลกของพวกเจ้าแล้ว เป็นเรื่องดีหรือร้าย”

“และเจ้าหนุ่มน้อย…”

ชายชราทอดสายตามองสวี่ชิง

“ผู้ที่ช่วยเจ้าหลอมร่างเนื้อ คงเป็นผู้อาวุโสของเจ้ากระมัง ช่างกล้าหาญเสียจริง ดิบเถื่อน องอาจ ทว่าเจ้ามิควรมาที่ห้วงสมุทรบรรพกาล การมาเยือนที่แห่งนี้ กลิ่นอายบนร่างเจ้าจะแผ่ซ่านไปทั่วระบบดาว”

“นี่ก็คือเหตุผลที่ข้ารับรู้ถึงเจ้า และนำพาเจ้ามายังที่แห่งนี้ ข้าอยากเห็นกายเนื้อที่หลอมมาจากเลือดเนื้อของซ่างฮวงของเจ้า”

“ช่างเป็นหนทางที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ทว่าเผ่ามนุษย์ในโลกของพวกเจ้ารู้จักห้วงสมุทรบรรพกาลน้อยเกินไป มิรู้ต้นสายปลายเหตุที่มิควรมาที่นี่ย่อมเป็นเรื่องปกติ”

ชายชรากล่าวพลาง จ้องลึกในดวงตาสวี่ชิง ด้วยความชื่นชม

“เจ้าหนุ่มน้อยอุปนิสัยก็มิเลว รู้จักให้ความช่วยเหลือ มิใช่ผู้ที่เอาแต่กินแรงผู้อื่น เจ้าตัวขนนี่ก็ช่วยอีกแรง เช่นนั้นก็ดี ข้าจะช่วยพวกเจ้าปัดเป่าสิ่งโสมมที่ติดตัวพวกเจ้าให้ก็แล้วกัน”

กล่าวจบ ชายชราก็ยกมือขึ้นโบกสะบัด

ฉับพลัน กระแสลมร้อนก็พัดกระหน่ำไปยังสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว

พริบตาต่อมาสวี่ชิงได้ยินเสียงโหยหวนอันโศกาดูรก้องกังวานจากเบื้องหลัง

เงาวิญญาณเลือนราง 2 ร่าง ปรากฎขึ้นจากร่างของเขาและร่างเอ้อร์หนิว และถูกพัดไปในสายลมร้อน ลอยไปไกล และแล้วเงาวิญญาณทั้ง 2 ก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายร่างเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่พวกเขาพบเจอในคราแรก

มันมิเคยจากไปไหน!

ทันทีที่ปรากฏกาย เด็กหญิงตัวน้อยก็มีท่าทีหวาดกลัวต่อชายชรา

“ไสหัวไป” ชายชราเอ่ยเสียงเรียบ

เด็กหญิงตัวสั่นเทา หายลับไปในชั่วพริบตา

สวี่ชิงและนายกองจิตใจปั่นป่วน รีบลุกขึ้นคารวะขอบคุณ ในใจเกิดข้อสงสัยต่างๆ นานา แต่มิกล้าเอื้อนเอ่ย

ชายชราเงยหน้าขึ้น ทอดสายตาไปยังเบื้องบน ใบหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าตัวน้อยที่ข้ารอ มาถึงแล้ว”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version