Skip to content

Outside Of Time 1037


บทที่ 1037 เปลวเทียนในเงา

แดนลับต้นกำเนิดโลกอยู่ในเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา เพราะมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะในการสร้างโลกใหม่ของตัว ดังนั้นจึงเป็นสถานที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ

ดินแดนที่มันตั้งอยู่ อยู่ที่ทางเหนือของพื้นที่ตระกูลหลัน ณ ธารรกร้างต้นกำเนิดโลกที่อยู่ห่างออกไป 7,000 ลี้

ธารรกร้างนี้มองจากโลกภายนอกสภาพแวดล้อมอันตราย อสูรร้ายมีอยู่มากมาย หมอกพิษตลบอวล อีกทั้งมีตราผนึกที่พลานุภาพน่าตื่นตะลึง ขัดขวางผู้บำเพ็ญที่จะลองบุกรุกเข้ามาทั้งหมด

หากมีผู้แข็งแกร่งอาศัยพลังของตัวเองฝืนทำลายผนึกบุกเข้ามาได้ก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน

เพราะไม่มีป้ายอาญาสิทธิ์ของตระกูลหลันที่มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนทำขึ้นมาด้วยตัวเองในตอนนั้น พลังบำเพ็ญต่ำกว่ามหาจักรพรรดิลงไป อยู่ที่นี่ไม่สามารถมองแก่นแท้ได้ จะทำได้เพียงตกอยู่ในสภาพแวดล้อมอันสุดแสนอันตราย ไร้ผลเก็บเกี่ยวใดๆ

แต่หากถือป้ายอาญาสิทธิ์ของตระกูลหลัน เช่นนั้น ทันทีที่เดินเข้ามาในธารรกร้างต้นกำเนิดโลกแห่งนี้ ทุกอย่างที่มองเห็นอยู่ข้างหน้าก็จะกลับกันโดยสิ้นเชิง

สิ่งที่เห็นจะไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่อันตราย ไม่ได้เต็มไปด้วยอสูรร้ายเพ่นพ่าน ไม่มีหมอกพิษลอยตลบอบอวลอีกต่อไป แต่จะเป็นที่ราบแอ่งกระทะกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง

ใจกลางของที่ราบแอ่งกระทะมีวัตถุชิ้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่!

วัตถุชิ้นนี้ยิ่งใหญ่มหึมาน่าตื่นตะลึง สูงประมาณหมื่นจั้ง ทั้งวัตถุเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า บนนั้นยังสลักอักขระจำนวนมหาศาล

ผู้คนที่เห็นวัตถุนี้ในผาดแรกไม่ว่าใครก็จะต้องมีสายฟ้าฟาดผ่าในใจอย่างแน่นอน เกิดระลอกคลื่นอารมณ์ไม่สิ้นสุด

เพราะนี่คือป้ายหยกป้ายหนึ่ง!

พูดให้ถูกคือ นี่เป็นแผ่นหยกบันทึกภาพเงาเก่าแก่โบราณแผ่นหนึ่ง

เจ้าของของมันไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ดูจากขนาดของแผ่นหยกแผ่นนี้ เจ้าของของมันจะต้องน่าหวั่นเกรงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ส่วนที่มาที่ไป ในบันทึกของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารบอกว่าในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว มันลงมาเยือนจากนอกพิภพ ร่วงลงมาในเผ่าปีกมารตอนนั้น และภายหลังจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวได้ยืมมันไป

จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นหลายปี ภายใต้ความพยายามจากมหาจักรพรรดิเผ่าปีกมารในตอนนั้น ใช้แต้มความชอบนับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ขอแผ่นหยกแผ่นนี้คืนมาจากจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวทางนั้นได้สำเร็จ

จากนั้นแผ่นหยกแผ่นนี้ก็กลายเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีกมาร

จวบจนเสี้ยวหน้ามาเยือน เผ่าปีกมารติดตามจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจากไป สร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองที่นอกพิภพ และหลังจากนั้นเกิดการพลิกผันอยู่หลายครั้ง วัตถุชิ้นนี้ก็ตกเป็นของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนแต่เพียงผู้เดียว

สุดท้ายก็กลายเป็นสมบัติของตระกูลหลัน

จุดที่แปลกประหลาดน่าอัศจรรย์ของมันอยู่ที่ภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวช่วงหนึ่งที่ประทับอยู่ในนั้น

ถือป้ายอาญาสิทธิ์ตระกูลหลัน ก้าวเข้ามาในแผ่นหยกนี้ ก็จะทำให้คนเดินจากความเป็นจริงเข้าสู่ภาพมายา เดินจากโลกความเป็นจริงเข้าสู่ภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวช่วงนั้นได้

สำหรับรายละเอียดของภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวช่วงนั้น…

มีคนเรียกมันว่าสร้างโลก

หลายปีมานี้ แดนลับแห่งนี้ตระกูลหลันถือครองเอาไว้มาโดยตลอด คนนอกหากอยากเข้ามาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล อีกทั้งสุดท้ายจะได้เข้าหรือไม่ก็ต้องดูอารมณ์ของตระกูลหลัน

หากตระกูลหลันไม่ยินดี ต่อให้จ่ายด้วยค่าตอบแทนมหาศาลแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

ส่วนตอนนี้ นอกธารรกร้างต้นกำเนิดโลกที่ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นสภาพแวดล้อมอันตราย เงาร่างของสวี่ชิงทะยานไปอย่างรวดเร็วในนั้น เข้าไปใกล้ทันที จนกระทั่งหยุดอยู่กลางอากาศ ก้มหน้าลงไปมอง

ที่นี่ผู้คนเบาบาง และไม่มีใครเฝ้าระวัง

จะอย่างไรคนที่ได้สิทธิ์เข้าแดนลับแห่งนี้มีไม่มาก และความอัศจรรย์ของที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องไปเฝ้าระวัง

หลายอึดใจหลังจากนั้น ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาบขึ้นมา ยกมือเอาป้ายที่จักรพรรดินีมอบให้ออกมา ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้นก็พุ่งลงไปยังธารรกร้างข้างล่าง เดินเข้าไป

เหมือนผ่านม่านน้ำชั้นหนึ่ง กรองเอาแม่น้ำ อสูรร้าย หมอกพิษออกไปทั้งหมด

เสี้ยวขณะต่อมา ที่ราบแอ่งกระทะกว้างใหญ่และแผ่นหยกยิ่งใหญ่น่าตื่นตะลึงก็ปรากฏในสายตาของสวี่ชิง

“เดินเข้าไปในภาพบันทึกเคลื่อนไหว…”

สวี่ชิงจ้องมองแผ่นหยกมหึมานั่น สัมผัสถึงกลิ่นอายเก่าแก่โบราณตลอดจนการผันผ่านห้วงกาลเวลามาอย่างยาวนานบนนั้น สุดท้ายสายตาก็จ้องลงไปข้างล่าง

“แผ่นหยกแผ่นนี้ เกือบจะ 3 ส่วนของมันฝังอยู่ในดิน…ส่วนที่โผล่ออกมาประมาณ 7 ส่วนเท่านั้น”

“ตัวตนแบบใดถึงต้องการแผ่นหยกที่ใหญ่ขนาดนี้กัน”

“แล้วเป็นตัวตนแบบไหนที่เข้าไปในภาพบันทึกเคลื่อนไหวสร้างโลกได้”

ดวงตาสวี่ชิงฉายแววคาดหวังกลุ่มหนึ่งออกมา แม้จากในความทรงจำเสี่ยเฉินจื่อเขาจะเข้าใจแดนลับนี้คร่าวๆ แล้ว แต่จะอย่างไรก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง

ส่วนเขา แดนลับที่เคยเข้าไปมีประสบการณ์แม้จะจำนวนไม่น้อย แต่แดนลับที่เหมือนอย่างข้างหน้านี้ก็นับว่าเป็นครั้งแรก

ดังนั้นหลังจากที่มั่นใจว่ารอบๆ ปลอดภัยไม่มีปัญหา อีกทั้งหลังจากที่แผ่นหยกมหึมาข้างหน้านี้โคจรตามปกติ สวี่ก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น มือถือป้ายอาญาสิทธิ์ พุ่งตรงไปยังแผ่นหยก

ประชิดเข้าไปใกล้ทันที ไม่หยุดรั้งรีรอแม้แต่น้อย ทันทีที่สัมผัสกับแผ่นหยกมหึมานี้ เงาร่างของเขาก็หายไปในทันใด

ไม่ได้ผสานไปในแผ่นหยก แต่เหมือนถูกลบเลือนไป

หายไปจากโลก ณ ปัจจุบันด้วยวิธีแปลกประหลาดบางอย่าง!

ในยามที่มาปรากฏตัวขึ้น…ก็มาอยู่ในภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวแล้ว!

หลังจากที่เห็นภาพเบื้องหน้าอย่างชัดเจน สวี่ชิงที่มาปรากฏอยู่ในภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหว ระลอกคลื่นอารมณ์ในใจก็ไม่อาจสงบนิ่งได้อีกต่อไป มันพลันซัดโหมขึ้นมา

“นี่มัน…”

สวี่ชิงลมหายใจขาดห้วงลงชั่วขณะ

สำหรับสวี่ชิงที่รอบรู้เห็นอะไรมามากมาย เดิมจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่ภาพที่เขาเห็นเบื้องหน้ามันช่างน่าตื่นตะลึงเกินไปจริงๆ

นี่เป็นความว่างเปล่าผืนหนึ่ง!

ในส่วนลึกของความว่างเปล่า สวี่ชิงเห็นเทียนเล่มมหึมาเล่มหนึ่ง

เทียนสีแดงกำลังลุกไหม้อยู่

จากการลุกไหม้ แสงไฟจากเทียนส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ทำให้ความว่างเปล่าทั้งแถบกะพริบวูบวาบ และในแสงไหววูบเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างของวงแสง กลับมีดวงดาวนับไม่ถ้วน โลกมากมายมหาศาล กำลังหลอมรวมเป็นรูปร่างในฝุ่นธุลี

มากมายจนไม่อาจนับได้

เห็นเพียงรอบนอกของวงแสง เหล่าดวงดาวและโลกพวกนั้น ในขณะที่หลอมรวมเกิดขึ้นสำเร็จในเสี้ยวพริบตาจากการรวมตัวของธุลี ในเสี้ยวขณะต่อมาก็เหมือนว่าถึงขีดสูงสุดแล้วแตกทลายกลับเป็นฝุ่นธุลีใหม่อีกครั้ง กระจายโปรยปรายไปทั่วทุกทิศ

ขั้นตอนนี้ จากการก่อขึ้นของโลกและดวงดาว ยังมีกฎเกณฑ์และกฎระเบียบอีกนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในนั้น และหลังจากนั้นก็พังทลายลงตามไปด้วย หลอมผสานไปในธุลี

วนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด

ลำพังเพียงสิ่งที่สวี่ชิงได้เห็นเพียงผาดนี้ อย่างน้อยก็มีโลกหลายแสนใบที่เกิดขึ้นแล้วดับสลายไป

แต่ก็อยู่เพียงรอบนอกของวงแสงเท่านั้น

ยิ่งเข้าใกล้เทียนสีแดงเท่าไร ความเร็วที่ดวงดาวและโลกที่เกิดขึ้นในนั้นก็ยิ่งช้าเนิบลงเท่านั้น และการเกิดขึ้นที่ช้าเนิบก็ทำให้การทำลายล้างช้าเนิบด้วยเช่นกัน

ดังนั้นในสายตาของสวี่ชิง ในบริเวณที่เทียนสีแดงเข้าใกล้เปลวเทียนก็จะเห็นดวงดาวที่แทบจะสมบูรณ์ได้มากมาย

“ภาพนี้…”

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก เขาไม่รู้ว่านี่ใช่การสร้างโลกที่แท้จริงหรือไม่ แต่เขาตอนนี้สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ในภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวช่วงนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลกที่เข้มข้นจนถึงขีดสุด

กฎเกณฑ์ กฎระเบียบ พลังต้นกำเนิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเห็นอยู่ที่นี่ได้ทุกที่

สายตาของสวี่ชิงกวาดมองภาพทั้งหมด พึมพำเสียงต่ำทุ้ม “แต่กลับเป็นภาพมายา…”

แต่เขารู้ดีว่า แม้จะเป็นภาพมายาทั้งหมด แม้ตัวเองตอนนี้ก็เดินอยู่ในภาพมายา แต่สำหรับผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ ที่นี่จะเป็นสถานที่สัมผัสรับรู้ที่ยอดเยี่ยมหาที่ใดเปรียบ

“แต่ก็มีอันตราย”

สวี่ชิงแผ่ความรอบรู้แห่งเทพออกปกคลุมทั่วทุกทิศ ร่างเพียงไหววูบก็เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

จากความทรงจำของเสี่ยเฉินจื่อ หุบเขาแห่งนั้นที่ทำให้ชะตาของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ที่มันตั้งอยู่เป็นดวงดาวที่อยู่ตรงกลางวงแสงเปลวเทียนดวงหนึ่ง

สวี่ชิงไม่แน่ใจว่าในหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ดาวดวงนั้นจะดำเนินชีวิตจนถึงจุดสิ้นสุดแล้วดับสลายกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วหรือไม่

ดังนั้น เขาตอนนี้ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ทะยานไปอย่างรวดเร็วในโลกบันทึกภาพเงาเคลื่อนไหวแห่งนี้

จากการเข้าใกล้วงแสง สวี่ชิงสัมผัสถึงความรู้สึกร้อน นั่นเป็นคลื่นความร้อนที่มาจากการเผาไหม้ของเทียนสีแดงในที่ไกล

และตลอดทางมานี้เขาก็หลบหลีกโลกที่แตกทลายแต่ละใบๆ อย่างระมัดระวัง เข้าใกล้สถานที่เป้าหมายไปเรื่อยๆ

จวบจนกระทั่งครึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดจากที่ไกลๆ สวี่ชิงก็มองเห็นดาวดวงนั้นในความทรงจำของเสี่ยเฉินจื่อ

ดาวดวงนี้กำลังแตกสลาย

แต่เพราะพื้นที่ที่มันอยู่ เวลาไหลไปค่อนข้างช้า ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ได้พังทลายไปโดยสมบูรณ์ แค่ถล่มลงไปครึ่งหนึ่ง

แม้เข้าไปใกล้จะมีอันตราย แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง

เห็นเช่นนี้ สวี่ชิงในใจถอนใจโล่งอก กำลังจะเคลื่อนหน้าไป แต่เสี้ยวขณะต่อมาสีหน้าของเขาก็เคร่งเครียด มือขวาพลันยกขึ้นแล้วคว้าไปข้างๆ สุดแรง

ความรู้สึกเย็นเยือกผ่านฝ่ามือของเขาไป

ไม่มีอะไรทั้งนั้น

รอยเต๋าอำนาจในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ จ้องมองรอบๆ ข้อมูลของวัตถุอันตรายอย่างหนึ่งในแดนลับต้นกำเนิดโลกในความทรงจำของเสี่ยเฉินจื่อปรากฏขึ้นในสมอง

นั่นเป็นตัวตนแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง

รูปร่างที่แท้จริง จำนวนจริงๆ ของพวกมัน สำหรับเสี่ยเฉินจื่อแล้วล้วนไม่รู้ทั้งสิ้น

เขารู้เพียงแค่ตัวตนนี้แม้จะไม่อาจมองได้เห็น แต่เมื่อเข้าใกล้แล้ว เนื่องจากความร้อนที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นความเย็นเยือกแบบนั้นก็จะเกิดขึ้น

และรับรู้ได้จากการนั้น

แม้จะไม่รู้ว่ารูปร่างที่แท้จริงของพวกมันเป็นอย่างไร แต่สำหรับที่มา เสี่ยเฉินจื่อรู้

ความเย็นเยือกแปลกประหลาดเหล่านี้เคยเป็นผู้บำเพ็ญมาก่อน

นี่เกี่ยวกับอันตรายอีกอย่างหนึ่งในแดนลับแห่งนี้

นั่นก็คือการหลอมผสาน

ในโลกบันทึกภาพเงาเคลื่อนไหวแห่งนี้ หากอยู่นานเกินไป หรือเข้าใกล้เทียนสีแดงที่เป็นศูนย์กลางมากเกินไป เช่นนั้นก็จะมีโอกาสในระดับหนึ่งที่จะถูกที่นี่หลอมผสาน

หลังจากหลอมผสานแล้ว ผู้บำเพ็ญจะเหมือนถูกลบเลือนไป กลายเป็นสภาวะที่ไม่อาจบรรยายได้ อีกทั้งจะถูกกักขังไว้ในบันทึกภาพเงาเคลื่อนไหวมายานี้ตลอดกาล ไม่อาจเดินกลับไปสู่โลกความเป็นจริงได้

แม้ผู้บำเพ็ญที่มาที่นี่ส่วนมากจะรู้ล่วงหน้า แต่จากการไหลผ่านไปของเวลา อย่างไรก็ยังมีคนเนื่องจากเหตุผลต่างๆ สุดท้ายแล้วก็ถูกหลอมผสานอยู่ที่นี่

และสภาวะของพวกเขาหลังจากถูกลบไปแล้วจะเป็นสภาวะวิญญาณ หรือจะเป็นระดับขั้นอื่น เรื่องนี้บางทีมหาจักรพรรดิอาจจะรู้ แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยเฉินจื่อไม่รู้ไม่เข้าใจ

ดังนั้น หลังจากที่สายตาของสวี่ชิงกวาดมองรอบๆ อย่างเย็นเยียบ ร่างของเขาก็พลันส่งเสียงดังกึกก้อง เลือดลมแผ่ซ่านมา ความพิเศษของร่างกายเขาทำให้ตัวเขามีความมั่นใจว่าร่างของเขาไม่ใช่สิ่งที่ตัวตนพวกนี้จะมาแปดเปื้อนได้

ดังนั้นมองๆ รอบๆ แล้ว สวี่ชิงก็ทะยานอย่างรวดเร็วต่อไป มุ่งไปทางดวงดาวที่กำลังพังทลายนั่น ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

ไม่นานนัก ในพริบตาที่เข้าไปใกล้ สวี่ชิงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก็เหยียบไปบนดาวดวงนี้

ในพริบตาที่ก้าวลงไป ความร้อนหายไปทันที ความหนาวเย็นไร้จุดสิ้นสุดแผ่มาจากทุกทิศ

แม้สิ่งที่เห็นจะเป็นความว่างเปล่า แต่ในความรู้สึกของสวี่ชิงสามารถสัมผัสได้รางๆ ว่ารอบๆ มีสิ่งแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน!

นี่เป็นดวงดาวที่เต็มไปด้วยตัวตนแปลกประหลาดเหล่านั้น!

ขณะเดียวกัน นอกแดนลับต้นกำเนิดโลกใบนี้ ณ ฝั่งตะวันตกของเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา…

ในเขตพื้นที่เผ่าปีกมารฝั่งประจิม แท่นเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนปีกแห่งนั้น ตอนนี้ทอประกายแสงระยิบระยับพร่างพราย

ที่กลางแท่นเต๋า ในจุดที่สูงที่สุด บนแท่นบูชาแปดเหลี่ยม มีเงาร่างหนึ่งขัดสมาธินั่งสมาธิอยู่

ร่างนี้รางเลือน ไม่เห็นรายละเอียด มองเห็นเพียงเค้าโครงเท่านั้น

แม้จะเป็นเค้าโครง แต่ระลอกคลื่นตลอดจนกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นที่ไม่อาจบรรยายได้จากคนคนนี้ ก็ทำให้ผู้ที่มาขอเข้าพบที่นี่ทุกคนต่างจิตใจสั่นสะท้าน ไม่กล้าจ้องมองตรง

เหมือนตอนนี้ เจ้าเหนือเผ่าหัวเผ่าปีกมารฝั่งประจิมคนหนึ่งที่คุกเข่าคำนับอยู่ข้างแท่นบูชาก็เป็นเช่นนั้น

ในใจของเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุมได้ เอ่ยเสียงต่ำ

“มหาจักรพรรดิ ช่วงนี้ ทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นแดนบูรพาหรือประจิม พวกเราก็หาทั่วทุกพื้นที่แล้ว นอกจากสถานที่ที่มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนปิดด่านแล้ว ที่อื่นๆ ล้วนไม่เจอสิ่งที่ท่านกล่าวมาเลย”

มหาจักรพรรดิปีกมารเงียบนิ่ง

เจ้าเหนือหัวที่คุกเข่าคนนั้น รออยู่ครู่หนึ่งถึงได้ลุกขึ้น เอ่ยลาถอยไปอย่างเคารพนอบน้อม

นานหลังจากนั้น บนแท่นบูชาเงียบสงัดมีเสียงต่ำทุ้มของมหาจักรพรรดิปีกมารดังมา “สิ่งนั้นมีอยู่จริงหรือ”

จากคำพูดของเขาที่ดังสะท้อนก้อง เหนือแท่นบูชามีเสียงโซ่เหล็กดังขึ้น ในความว่างเปล่ามีเงาร่างชุดคลุมดำร่างหนึ่งห้อยลงมา

โซ่เหล็กมัดไว้ทั่วทั้งร่าง กำลังกัดกร่อนกายเนื้อ แต่คนชุดคคคลุมดำไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เหมือนไม่สนใจ เอ่ยอย่างสงบนิ่ง

“ข้าบอกกับเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว หน้ากากอธิษฐานมีสติปัญญาของตัวเอง แต่ใดมาไม่ใช่คนอื่นหาเจอ แต่เป็นมันที่ตามหาผู้ที่เหมาะสม”

“หากมันไม่อยากให้เจ้าหาเจอ ด้วยพลังบำเพ็ญของเจ้า ต่อให้มาปรากฏอยู่ตรงหน้า เจ้าก็ไม่อาจมองได้เห็น”

“และเจ้าหามานานขนาดนี้ก็ยังคงหาไม่เจอ นี่ก็เป็นการบอกแล้วว่า…เจ้า มหาจักรพรรดิปีกมาร ไม่ใช่ผู้ที่เหมาะสม”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version