บทที่ 1040 ข้าขออธิษฐาน…
ระบบดาวที่ 1 มีรูปร่างโดยรวมคล้ายสามเหลี่ยม ในนั้นมืดมัวไปหมด คล้ายว่ามีพลังสูงสุดบางอย่างปกคลุม ไม่อาจสำรวจได้!
ระบบดาวที่ 2 ชัดมาก ในนั้นก็มีสัญลักษณ์เช่นกัน แต่กลับเป็นเพียงแค่เค้าร่างเท่านั้น
ระบบดาวที่ 3 และที่ 4 หลักๆ แล้วก็เป็นเช่นนี้
แต่ระบบดาวที่ 5 ต่างออกไป สัญลักษณ์ชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ใจกลางชัดกว่าค่อนข้างมาก
และกวาดตามองไประบบดาวอื่นๆ ก็ต่างมีสัญลักษณ์น่าครั่นคร้ามเช่นกัน บ้างแจ่มชัด บ้างเป็นเพียงแต่เค้าร่าง ขนาดแตกต่างกันไป รูปร่างไม่เหมือนกัน
จ้องมองพวกนี้ สวี่ชิงในใจราวระเบิดกึกก้องอย่างรุนแรง
ตอนนั้นหลังจากที่เขาฟื้นคืนชีพมาใหม่ด้วยเลือดเนื้อของซ่างฮวง ในความรู้สึกรับรู้ก็มีความรู้ความเข้าใจรางๆ บางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นระบบดาวทั้ง 36
จวบจนกระทั่งติดตามอวี้หลิวเฉินไปยังมหาสมุทรนอก หลังจากถูกวาฬตัวมหึมาตัวนั้นกลืนลงไป เขาก็ได้เจอชายชราที่บอกว่ามาจากเมืองเซียนระบบดาวที่ 5
พูดคุยกับชายชราทำให้โลกทัศน์ของสวี่ชิงกว้างไกลยิ่งขึ้น เขามั่นใจว่าจักรวาลแห่งนี้ที่เขาอยู่เป็น 1 ในระบบดาวทั้ง 36
แต่ก็เพียงแค่นี้เท่านั้น
รู้ข้อมูลแต่ไม่มีภาพที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ระบบดาวไหน
ดังนั้นตอนนี้ในยามที่แผนที่ดาวระบบดาวทั้ง 36 นี้ทันทีที่ปรากฏต่อหน้าเขา จิตใจของเขาก็ระเบิดเสียงดังกึกก้องดั่งฟ้าถล่มปฐพี คลื่นรุนแรงมากพอจะทำให้ทะเลความรู้สึกปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ในที่สุดเขาก็รู้ถึงระบบดาวที่ตัวเองอยู่แล้ว
ระบบดาวที่ 9 !
และในระบบดาวที่ 9 ขั้วอำนาจมากมาย เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตกล้วนมีสัญลักษณ์น่าครั่นคร้ามทั้งนั้น
แต่สวี่ชิงไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรยักษ์หรือจะเป็นแม่น้ำสีทอง หรือจะเป็นเจดีย์สีดำหรือตุ๊กตากระดาษล้วนล้วนกำลังหันปลายทางชี้ไปยังทางเสี้ยวหน้า
คล้ายว่าถูกดึงดูดชักนำ
อีกทั้งหากพิจารณาจากระดับความชัดเจนแล้ว เสี้ยวหน้าคือสัญลักษณ์ที่แจ่มชัดที่สุดในบรรดาระบบดาวทั้ง 36 !
ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมได้
สำหรับสัญลักษณ์อื่นๆ ของระบบดาวที่ 9 ตลอดจนสัญลักษณ์ชายชราของระบบดาวที่ 5 กระทั่งว่ากวาดตามองสัญลักษณ์ทั้งหมดที่ปรากฏให้เห็นในระบบดาวทั้ง 36 ต่างก็ยังด้อยกว่ามันอยู่เล็กน้อย
มีเพียงระบบดาวที่ 1 เนื่องจากรางเลือน ดังนั้นจึงเห็นไม่ชัด ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรที่น่ากลัวอย่างเสี้ยวหน้าหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แผนที่ดาวที่เห็นข้างหน้า ก็ได้สั่นสะเทือนจิตใจของสวี่ชิงราวกับเปิดฟ้า ผ่าแผ่นดิน เปิดโลกทัศน์ของเขาในชั่วพริบตา
โลกอยู่เบื้องหน้า
ดวงดาวอยู่ในสายตา
ระบบดาวกว้างใหญ่ไพศาล
เทียบกันแล้ว แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เหมือนกับเม็ดทรายในหาดทราย เล็กจ้อยไม่มีค่าให้พูดถึง แต่เพราะการมีตัวตนอยู่ของซ่างฮวง ก็ทำให้เม็ดทรายเม็ดนี้…พร่างพรายเจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นจนกระทั่งครู่หนึ่ง สวี่ชิงถึงได้สูดลมหายใจลึก ฝืนให้ตัวเองสงบจิตใจลงมาจากความรู้สึกปั่นป่วนถาโถม
“ระดับขั้นของเสี้ยวหน้าเป็นครึ่งก้าวสู่สุทธิเทพ…ดังนั้น ระดับความเจิดจ้าขององค์ท่านอยู่เหนือซึ่งทุกสิ่ง”
“เช่นนั้นสัญลักษณ์รอบๆ ระบบดาวที่ 9 พลังของเหล่าองค์ท่านจะเป็นระดับใดกัน นายแห่งเทพหรือ ราชาเทพหรือ”
“มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นอย่างหลัง”
“เช่นนั้นเสี้ยวหน้าเทพเจ้าเดิมอยู่ที่ระบบดาวที่ 9 หรือมาจากระบบดาวอื่น”
“เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ทั้ง 4 ทิศล้วนแต่ถูกเสี้ยวหน้าชักนำอยู่รางๆ ทั้งนั้น…”
สวี่ชิงครุ่นคิด สัตว์อสูรยักษ์ทางนั้นเขาไม่คุ้นเคย แม่น้ำสีทองก็ไม่เคยเห็นตัวตนที่คล้ายกันมาก่อน แต่เจดีย์สีดำนั่นเขาเคยเห็นเจดีย์ที่คล้ายกันองค์หนึ่ง
“เศษซากเจดีย์ใต้ทะเลต้องห้าม ภายหลังข้าหลอมผสานมันไปในเรือศึกบรรพกาลของตัวเอง เจดีย์วิเศษเทพศักดิ์สิทธิ์…ไม่รู้ว่ากับเจดีย์สีดำนี้มีความเชื่อมโยงหรือไม่”
“ส่วนตุ๊กตากระดาษสุดท้ายนั่น…”
ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเยือกเย็น เขาคิดถึงในศึกที่มหาจักรพรรดิครองกระบี่แตกดับ เต๋อหลัวจื่อที่ปรากฏตัวคนนั้น!
“วิชาของเต๋อหลัวจื่อเกี่ยวกับกระดาษ จะเกี่ยวกับตุ๊กตากระดาษนี้หรือไม่”
นานจากนั้น สวี่ชิงก็สะกดความคิดต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาไม่หยุดลงไป
สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้น่าตื่นตะลึงนัก เขาต้องการเวลาไปทำให้มันตกผลึกสักหน่อย
และที่นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะ
ดังนั้น สายตาสวี่ชิงกวาดไปรอบๆ ความรอบรู้แห่งเทพแผ่ออก หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองความว่างเปล่าที่ไกลออกไป
ที่นี่ เขาหาใบหน้าที่หลบหนีไปดวงนั้นไม่เจอ
แต่ความล้ำค่าของแผ่นที่ดวงดาวนี้ มองจากมุมหนึ่งแล้วมีราคาน่าตื่นตะลึงนัก
ดังนั้นสวี่ชิงจึงคัดลอกมันไว้ในสมอง หลังจากจดจำมันได้อย่างขึ้นใจ ร่างก็ไหววูบ เริ่มทำการค้นหาเป็นบริเวณกว้างยิ่งขึ้น
แต่โดยสัญชาติญาณแล้ว เขาไม่ไปเข้าใกล้แแผนที่ดวงดาวยิ่งใหญ่ไพศาลนั่น
แสงเทียนชั้นที่ 1 ของแผ่นหยกมีพลังหลอมผสานที่น่ากลัว เช่นนั้นชั้นที่ 2 นี้ สวี่ชิงรู้ว่าตัวเองจะต้องยิ่งระมัดระวัง
ที่นี่มีความเป็นไปได้สูงมากว่ามีการหลอมผสานที่คล้ายกัน
เช่นนี้เอง 1 ชั่วยามผ่านไป
จากการค้นหาของสวี่ชิง ความรู้สึกอันตรายน่าแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจเขา
รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งตอนนี้มาถึงขั้นอกสั่นขวัญแขวน
นี่ทำให้สวี่ชิงยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองก่อนหน้านี้
“อยู่นานไม่ได้”
แม้จะเสียดายที่การเดินทางครั้งนี้หาใบหน้าดวงนั้นไม่เจอ อีกทั้งไปจากชั้นนี้ กลับไปยังภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวที่เปลวเทียนอยู่ น่ากลัวว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะหาไม่เจอ นี่ทำให้เป้าหมายของสวี่ชิงครั้งนี้ไม่บรรลุผล
แต่สวี่ชิงก็ยิ่งเข้าใจในเรื่องหนึ่ง บางครั้ง วาสนาก็เป็นเช่นนี้
ตัวเองเห็น 2 ครั้ง ค้นหา 2 ครั้ง ล้วนล้มเหลว
นี่หมายความว่า…ใบหน้าดวงนั้นบางทีอาจจะมีจิตเจตจำนงของตัวเอง มันไม่อยากถูกหาเจอ
“น่าเสียดาย…”
สวี่ชิงถอนหายใจ ลูบๆ ขวดหยกในถุงเก็บของ
“หวังว่าฝุ่นสีขาวเหล่านั้นในนี้จะมากพอให้ข้าศึกษาค้นคว้าและใช้”
สวี่ชิงคิดถึงตรงนี้ก็ไม่ลังเลอีก ในใจตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังรอยแยกกลางฟ้าทางนั้นที่อยู่ที่นี่ทันที
“อยู่ในแดนลับต้นกำเนิดโลกแห่งนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ไปจากที่นี่จะเป็นการดี”
สวี่ชิงความเร็วเร็วมาก เหมือนสายรุ้งยาวพุ่งผ่านมิติไปอย่างเร็วรี่ ไม่นานก็กลับมาที่รอยแยกทางเข้า
ก่อนหน้านี้เขาทิ้งจิตเทพทางหนึ่งเอาไว้ที่นี่ หลังจากตรวจสอบว่าไม่มีปัญหา ร่างก็ก้าวออกมา เข้าใกล้รอยแยก จะกลับไปยังโลกเปลวเทียนชั้นหนึ่ง
แต่ในพริบตาที่เงาร่างของสวี่ชิงจะทะลุผ่านรอยแยกแล้วเต็มที จู่ๆ ในมิติข้างหลังเขาก็มีกลิ่นอายที่ทั้งไม่คุ้นเคยแต่ก็คุ้นเคยดีส่งมา
สวี่ชิงเมื่อสัมผัสแล้วร่างก็สะท้านเฮือก พลังบำเพ็ญปะทุ อำนาจ 2 หน้าสาดแสงวาบ พลันหันไป จ้องความว่างเปล่าเขม็ง
ตรงนั้นตอนนี้มีระลอกคลื่นเป็นระลอกๆ กำลังแผ่มา
แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงมองไป ที่ใจกลางของระลอกคลื่นก็มีวัตถุหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
นั่นเป็นหน้ากากอันหนึ่ง!
หน้าตาของมันก็คือใบหน้าที่สวี่ชิงเห็นกับตา 2 ครั้งแต่ก็ไล่ตามหาไม่เป็นผลนั่นเอง
เพียงแต่ตอนนี้ มันเป็นรูปธรรมกลายเป็นหน้ากาก
เหมือนว่านี่ถึงจะเป็นร่างจริงของมัน
ตอนนี้มันหันหน้ามาหาสวี่ชิง คล้ายกำลังสำรวจตรวจสอบ ขณะเดียวกันก็กำลังส่ายไปมา เหมือนเตรียมพร้อมว่าหากมีการเคลื่อนไหวแผ่วเบาใดๆ ก็ตามมันจะหนีไปไกลทันที สวี่ชิงระมัดระวังรอบคอบ ไม่ประมาทบุ่มบ่าม แต่ยืนอยู่หน้ารอยแยกตรวจสอบเช่นกัน ในใจขบคิด
“ข้าตามหา เจ้าหลบข้า แต่ตอนที่ข้ายอมแพ้แล้วเจ้ากลับเป็นฝ่ายปรากฏตัวขึ้น”
เช่นนี้เอง เวลา 1 ก้านธูปผ่านไป
ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแต่สายตาต่างสำรวจซึ่งกันและกัน อีกทั้งหน้ากากอันนี้ก็ไม่ได้ส่ายไหวไปมาอย่างก่อนหน้านี้แล้ว เหมือนว่าเพราะสวี่ชิงไม่ได้ลงมือ ดังนั้นจิตใจที่ระแวดระวังจึงลดลง
จนกระทั่งสวี่ชิงหรี่ตาทั้ง 2 ในใจขบคิดว่าจะลงมืออย่างไร แต่ในทันทีที่จะคว้าไปทางหน้ากากอันนี้ มันก็เหมือนสังเกตได้ถึงความคิดของสวี่ชิง ก็รางเลือนไปอย่างรวดเร็ว คล้ายว่าจะเลือนหายไป
สวี่ชิงขมวดคิ้ว ทิ้งความคิดที่จะลงมือ นึกถึงว่าวัตถุนี้ปรากฏขึ้นตอนที่ตนไม่คิดจะตามหา…ดังนั้นเขาจึงทิ้งความคิดที่จะคว้ามันเอาไว้ไปโดยสิ้นเชิง
แทบจะในพริบตาที่เขาปล่อยวางความคิดนี้ หน้ากากก็แจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งจากสภาวะรางเลือน แล้วจ้องมองสวี่ชิงครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ส่งระลอกคลื่นออกมา ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย ก็มีเสียงเฉยชาเสียงหนึ่งดังเข้ามาในใจสวี่ชิง
“เจ้าอยากจะอธิษฐานอะไร”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ความระมัดระวังในใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขาไม่รู้ว่าหน้ากากนี้คืออะไร มันพูดได้ด้วย
แต่ว่าชั่วชีวิตนี้เรื่องแปลกประหลาดเขาก็ได้เห็นมามากมาย ดังนั้นจึงมีการวิเคราะห์ของตัวเอง รู้ว่าคำพูดบางอย่างจะตอบกลับไปส่งๆ ไม่ได้
แต่ในตอนที่สวี่ชิงขอบคิด หน้ากากอันนั้นเห็นสวี่ชิงไม่ตอบก็เลือนรางลงไปอีกรอบ คล้ายจะหายไปอีกครั้ง
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงสายตาฉายประกายวาบ เอ่ยขึ้นทันที “ข้าขออธิษฐาน…”
3 คำนี้พูดจบ สภาวะรางเลือนของหน้ากากอันนั้นพลันหยุดลง กลับมาชัดเจนใหม่อีกครั้ง ในตอนที่จ้องมองสวี่ชิง ร่างของสวี่ชิงกลับถอยไปก้าวหนึ่ง แล้วก้าวเข้าไปในรอยแยกข้างหลัง
เพียงพริบตา เงาร่างของเขาก็อันตรธานหายไป
ในยามที่ปรากฏขึ้น ก็ไม่ได้อยู่ที่ชั้นแผนที่ดาวแล้ว แต่มาอยู่ที่ชั้นที่เปลวเทียนสีแดงอยู่
แสงและความร้อนปะทะหน้ามา
สวี่ชิงไม่ไปสนใจ แต่มองไปทางรอยแยกอย่างรวดเร็ว สำรวจว่าหน้ากากนั่นตามมาหรือไม่
ไม่นานนัก…ที่รอยแยกมิติที่เขามองไปเกิดระลอกคลื่น หน้ากากพุ่งออกมาตามสวี่ชิงจริงๆ
ทันทีที่ปรากฏขึ้นก็จ้องมองสวี่ชิง
เหมือนรอให้สวี่ชิงบอกคำอธิษฐาน
สวี่ชิงหรี่ตาทั้ง 2 ร่างเพียงไหววูบก็ทะยานไปที่ไกล ขณะเดียวกันก็สังเกตหน้ากากทางนั้นด้วย
และหน้ากากอันนี้สีหน้าฉายความลังเลกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็เลือกที่จะตามมา พุ่งไปหาสวี่ชิง
เหมือนการเอ่ยวาจาของสวี่ชิงเมื่อก่อนหน้านี้บรรลุเงื่อนไขอะไรบางอย่าง
และสวี่ชิงกลับไม่เคยบอกคำอธิษฐานออกมา ทำให้เงื่อนไขนี้ไร้ซึ่งผล
ดังนั้นหน้ากากจึงไม่จากไปอีก แต่ติดตามอยู่ข้างหลังสวี่ชิง
เช่นนี้เอง หลังจากเหาะออกมาได้ครึ่งก้านธูป สวี่ชิงก็พลันถอยหลัง เพียงพริบตาก็มาปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับหน้ากากที่อยู่ข้างหลัง ยกมือขึ้นคว้า
ครั้งนี้หน้ากากไม่ได้รางเลือนหายไปอย่างที่เคยเป็น แต่ปล่อยให้สวี่ชิงคว้าเอาไว้
อยู่ในมือของเขา หน้ากากจ้องมองสวี่ชิง คล้ายว่ากำลังรอคำอธิษฐานของเขา
ใบหน้าสวี่ชิงไม่มีอารมณ์ใดๆ เก็บหน้ากากอันนี้ไว้ในแขนเสื้ออย่างสบายๆ
วัตถุชิ้นนี้เก็บไว้ในถุงเก็บของ สวี่ชิงไม่วางใจ ในเมื่อมันเป็นวัตถุที่มีชีวิต
และวิชาผนึกอะไรพวกนั้นก็อาจจะเพราะจิตมุ่งร้ายจากการกระทำ ส่งผลให้ทำลายสภาวะของกันและกันในตอนนี้
โดยเฉพาะการทดลองเมื่อก่อนหน้านี้ สวี่ชิงวิเคราะห์ว่าวัตถุนี้มีความเป็นไปได้ว่าก่อนที่ตนจะอธิษฐานอะไร มันก็จะคอยติดตามอยู่ตลอดแบบนี้
ดังนั้นอยู่ในแขนเสื้อเหมาะสมที่สุด
ส่วนรายละเอียดของหน้ากากอันนี้ ตลอดจนผลกรรมเวรของการอธิษฐาน และยังมีเรื่องฝุ่นสีขาว สวี่ชิงวางแแผนว่าหลังจากไปจากแดนลับต้นกำเนิดโลกนี้ค่อยศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด
และตอนนี้เป้าหมายที่มาที่นี่ก็บรรลุสำเร็จแล้ว อีกทั้งอยู่ที่นี่นานก็มีความเสี่ยง ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่ลังเล เอาป้ายอาญาสิทธิ์แดนลับต้นกำเนิดโลกออกมา เพียงบีบ ก็ไปจากที่นี่
แต่จากการบีบนี้ เปลวเทียนสีแดงที่อยู่ที่ไกล แสงเทียนก็พลันปะทุวาบขึ้น ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด และส่องสะท้อนสวี่ชิงไว้ในนั้นด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงเทียนนี้หรือไม่ ป้ายนี้…เปลี่ยนมาไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ
สวี่ชิงเงยหน้ามองไปทางเทียนสีแดง
“เป็นเพราะหน้ากากอยู่กับข้า ดังนั้นเทียนแดงเลยไม่ยอมให้ข้าจากไปหรือ”
“หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นทำให้เทียนแดงเมื่อครู่นี้แสงเทียนส่องสว่าง…”
“หรืออาจจะเป็นแค่ความบังเอิญ”
สวี่ชิงครุ่นคิด บีบป้ายอีกครั้ง เปลวเทียนของเทียนสีแดงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ทำให้ป้ายไร้ผล
ภาพฉากนี้ จิตคิดร้ายที่แผ่มา ทำให้สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
