บทที่ 1168 อานุภาพของนายน้อย
คำตอบคั่นด้วยหมอกชั้นหนึ่งเท่านั้น
การมาถึงของบุตรสาวจิ่วอั้น ก่อคลื่นลมม้วนพัดหมอกนี้ ดังนั้นจึงเห็นชัดเจน…ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ
แต่หมอกไม่ได้ซ่านสลายทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนยลบุปผากลางสายหมอก
ถึงรู้ว่าเป็นเช่นนั้น แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับบัญญัติตน ดังนั้นจึงหวังว่าโชคจะเข้าข้าง
นี่คือธรรมชาติของมนุษย์
ซิงหวนจื่อก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นี่คือสาเหตุที่เขาทำตาเหม่อลอยกับเสียงแหบพร่า
แต่เขาทราบดีเช่นกัน ถ้าความจริงเป็นอย่างที่เขาเห็น การแก่งแย่งครั้งนี้…ตนไม่มีทางชนะ
ทั้งทราบว่าคืนนี้อีกฝ่ายยอมเปิดหน้าชน นี่ถือเป็นการเปิดฉากศึกตัดสิน!
“ไม่อาจชนะ แต่ข้ามีความเป็นไปได้ว่า…ไม่แพ้!”
นัยน์ตาอริยะเซียนที่ 4 ล้ำลึก จิตสังหารพวยพุ่ง ไม่ใส่ใจเซียนหลิงหวง ไม่สนจิ้งจอกสาวอีก
ร่างวาบไหวไปข้างหน้า
สำหรับเขาตอนนี้ทั้ง 2 คนไม่สำคัญแล้ว
สำหรับเขาเวลาเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง เขาจึงไม่อาจเสียเวลาที่มีเหลือน้อยกับคนอื่น
จิ้งจอกสาวนัยน์ตาหดรัด คิดขัดขวาง แต่อานุภาพกดดันจากป้ายผนึกเทพทำให้นางชะงักเท้า ก่อนมองเซียนหลิงหวง
“ศิษย์น้อง คนผู้นี้ท่าทางร้อนรน พวกเราขวางเขาเป็นอย่างไร”
เซียนหลิงหวงได้ยินแล้วนัยน์ตาวาววาบ แต่สุดท้าย…ไม่เลือกขัดขวาง
“ภารกิจที่คนผู้นั้นให้ข้า มีเพียงปกป้องจิ้งจอกสาว”
หลิงหวงหรี่ตา ปล่อยให้อริยะเซียนที่ 4 ก้าวออกจากเรือน หายไปในพายุฝนกระหน่ำ
เสียงอัสนีดังทั่วทิศ
…
ครืนๆๆ
เงาร่างสวี่ชิงปรากฏตัวนอกที่พักของจงฉือ ได้ยินเสียงฟ้าคำรามก่อนก้าวเข้าไป
เพียงพริบตาที่พักรางเลือน ค่ายกลกับผนึกต้องห้ามทั้งหมดในนั้นขวางคนอื่นได้ แต่กลับขวางสวี่ชิงไม่ได้สักนิด
ดังนั้นแค่ชั่วพริบตาสวี่ชิงพลันปรากฏตัวในที่พัก ยืนหน้าจงฉือซึ่งนั่งสมาธิอยู่
สายฟ้าแลบผ่านด้านนอก ส่องสะท้อนฟ้าดิน ทั้งสะท้อนเข้าที่พักจนจงฉือพลันลืมตา เผยความอึ้งงันตรงนัยน์ตาเขา “นายน้อย?”
การเผยตัวของสวี่ชิงทำให้จงฉือผิดคาด ลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ กำลังคารวะ พลังอ่อนโยนแผ่ออกมาจากตัวสวี่ชิง ทำให้เขาไม่อาจคำนับ
ยามตกตะลึงสวี่ชิงเดินมาข้างหน้าต่างที่พัก มองลมฝนภายนอก ฟังเสียงอัสนีข้างหู สัมผัสลมแรงที่พัดมา เขาสีหน้านิ่งสงบ กล่าวราบเรียบ “หลี่เมิ่งถู่!”
เมื่อ 3 คำนี้ออกจากปากสวี่ชิง เสียงอัสนีบนโลกภายนอกดังกัมปนาทพอดี ดังนั้นอัสนีบาตเหนือฟากฟ้าจึงเหมือนผ่าลงกลางใจจงฉือ
ทำให้จิตวิญญาณเขาแตกเป็นเสี่ยง ดังก้องหัวเขา
ทำให้สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน คลื่นอารมณ์ถาโถมนับหมื่นจั้ง เมื่อคิดเอ่ยปาก เสียงสวี่ชิงดังก้องราวอัสนีบาต
“เป้าหมายของเจ้า ข้าเห็นชัดเจน”
“เจ้าอาศัยบัญญัติแห่งตน แทรกซึมร่างแฝงเงียบๆ คิดวางยาพิษเขา!”
“แต่ด้วยจิตสำนึกยังอยู่ กอปรกับร่างกายนี้ยิ่งไม่ธรรมดา ดังนั้นเลยยากบรรลุเป้าหมายการวางยาพิษก่อนล่วงหน้า เจ้าจึงรอช่วงประวัติศาสตร์สำคัญ คิดอาศัยพลังคลื่นประวัติศาสตร์ ทำให้พิษบัญญัติแห่งตนส่งผล”
“ทำให้ร่างแฝงของเจ้า จากเดิมที่ควรตายเพราะมหาเคราะห์ เปลี่ยนเป็นถูกบัญญัติพิษเจ้าสังหาร!”
“ด้วยวิธีเช่นนี้ ทำให้พิษเจ้ามีน้ำหนักทางประวัติศาสตร์ ทั้งปรากฏบนหน้าประวัติศาสตร์ก่อนอาจารย์เจ้า”
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าภาพสะท้อนประวัติศาสตร์ช่วงนี้เป็นอย่างไร เจ้าก็มีอาวุธต่อสู้กับอาจารย์เจ้าในอนาคต”
“หากประวัติศาสตร์เป็นจริง บัญญัติพิษเจ้าก็มีพื้นฐานแท้จริง หากประวัติศาสตร์เป็นเพียงภาพสะท้อน สำหรับเจ้าก็เรียกว่าเป็นพื้นฐานมายา”
“มีประโยชน์ต่อการฝึกจิตของเจ้าต่อจากนี้!”
“ความคิดดี!”
สวี่ชิงหันมามอง แววตานิ่งสงบ จ้องมองจงฉือ
คำพูดเขาทำให้เสียงกึกก้องในใจจงฉือดังขึ้นต่อเนื่อง สุดท้ายค่อยถึงขีดสุด กลายเป็นเสียงอึกทึกสนั่นหู
เขาหอบหายใจกระชั้นถี่ทันที สายตานอบน้อมก่อนหน้าถูกความดุดันเข้ามาแทน
ทว่าส่วนลึกของความดุดัน มีความยากจะเชื่อเด่นชัด
ตอนนี้เขาเหมือนเซียนหลิงหวงกับอัจฉริยะหลี่ ขณะเดียวกันยังคิดเหมือนอริยะเซียนที่ 4
บุคคลซึ่งสวมบทบาทไม่ได้กลับถูกยึดร่าง…
สร้างความมึนงงและตื่นตระหนก
เพียงพริบตาทั้งตัวเขาแผ่อานุภาพบัญญัติพิษ จ้องมองสวี่ชิงเขม็ง ข่มคลื่นสะเทือนในใจ ทำให้ตนสงบลงอย่างรวดเร็ว
ในสมองเกิดความคิดนับพันหมื่น ก่อนกล่าวเสียงต่ำลึก “เจ้าเป็นใคร!”
“ยามข้าเอ่ยชื่อเจ้า เจ้าน่าจะเดาได้แล้ว” สวี่ชิงกล่าวราบเรียบ
จงฉือเงียบไป เขาคาดเดาได้จริงๆ เนื่องจากเขาเคยบอกบรรพจารย์ตี้หลิงว่าแจ้งบทบาทเขากับสวี่ชิงด้วย
ทว่าตอนนี้เมื่อเขานึกถึงภาพจำที่มีกับนายน้อย กลับกลายเป็นว่าสับสนอยู่บ้าง
โดยเฉพาะฐานะแท้จริงของเขา ความจริงคาดเดาไม่ยาก พิษ…คือสัญลักษณ์ชัดเจนที่สุด
ดังนั้นจึงคิดเอ่ยวาจา
แต่ตอนนี้เสียงอัสนีภายนอกดังขึ้นอีกครั้ง
สวี่ชิงสังเกตเห็น มองไปข้างนอก
เรื่องที่เขาต้องทำคืนนี้มีมากนัก การอธิบายเรื่องนี้กับจงฉือต้องใช้เวลา เขาจึงกล่าวอย่างรวบรัด “เป้าหมายของเจ้า ข้ามีวิธีที่ดีกว่าเพื่อช่วยเจ้าทำให้สำเร็จ!”
ขณะกล่าวสวี่ชิงเอื้อมมือหยิบแผ่นหยกพิเศษหนึ่งออกมา กำลังจะประทับ แต่กลับคิดอะไรได้ มองมาทางจงฉือ
“บัญญัติพิษที่ให้เจ้า จงตั้งชื่อมา!”
นัยน์ตาจงฉือหดรัด ในฐานะสหายศึกษาของนายน้อย เขาย่อมรู้จักแผ่นหยกนั่น รู้ว่านั่นคือแผ่นโองการของนายน้อย
ดังนั้นจึงใจเต้นรัวทันที พอคาดเดาออกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
การคาดเดานี้เป็นสิ่งที่เขาเคยถวิลหาแม้ยามฝัน แต่ติดว่าบทบาทไม่อาจทำได้
แม้ว่าสงสัยคนตรงหน้า แต่เขายังเอ่ยปากทันที “พิษเมิ่งถู่!”
สวี่ชิงพยักหน้า จากนั้นค่อยบีบแผ่นหยก ประทับจิตเทพ
“ศิษย์แห่งวังเซียนจงฉือ ใช้บัญญัติพิษเมิ่งถู่ซึ่งคิดค้นขึ้นเอง ปกป้องชีวิตนายน้อย สร้างคุณงามความดี!”
“ดังนั้นเลยอนุญาตให้จงฉือสร้างกรมวิถีพิษในตำหนักน้อย พัฒนาพิษซึ่งเจ้าตัวคิดค้น กลายเป็นศิษย์แห่งวังเซียนอย่างถาวร แจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน!”
จิตเทพสะท้อนก้อง ในใจจงฉือสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาทราบดีว่า…
นี่คือการแต่งตั้ง!
แต่งตั้งสถานะของเขา แต่งตั้งฐานบัญญัติพิษ ทั้งวิธีการเช่นนี้ยังดีกว่าเขาวางยาตัวเองนัก เห็นชัดว่าตรงประเด็นกว่า ทั้งสง่างามและลึกซึ้งกว่ามาก!
ถึงขั้นว่าไม่อาจเปรียบเทียบกันได้
ดังนั้นเมื่อประทับโองการแล้ว คลื่นกาลอวกาศถาโถมที่นี่ทันที ระเบิดพลังพร้อมอัสนีบาตภายนอก
“หลังจากผ่านคืนนี้ จำไว้ว่าต้องมาตำหนักน้อย สร้างกรมวิถีพิษของเจ้า”
เมื่อสัมผัสถึงคลื่นกาลอวกาศที่นี่ สวี่ชิงเหวี่ยงแผ่นหยกโองการในมือไปทางจงฉือ
จงฉือคว้าไว้ ตอนนี้ความรู้สึกพร่าเลือนในใจยิ่งเด่นชัด คิดกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรกล่าวอย่างไร
“สุดท้ายส่งพิษส่วนหนึ่งของเจ้ามาให้ข้า จำไว้…เลือกแบบเข้มข้นและพิษแรงหน่อย ไม่อย่างนั้นจะบอกว่าเจ้าคุ้มกันได้อย่างไร!”
ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าสวี่ชิงนิ่งสงบ ตอนนี้เอ่ยปากแล้วมองจงฉือ
จงฉือไม่ลังเล ยกมือกระแทกหน้าอกตัวเองเต็มแรง เลือดสดสาดกระเซ็นทันที
นั่นคือเลือดสีดำ
จากนั้นค่อยหลอมรวมจิตสำนึกตน เชื่อมกับบัญญัติพิษ ทำให้พิษในเลือดค่อนข้างแรงระดับหนึ่ง
ก่อนส่งมอบให้สวี่ชิง
สวี่ชิงรับมาพิจารณา “ดูท่าว่าความรู้ด้านพืชพรรณของเจ้ายังไม่สมบูรณ์ ข้าคืนบัญญัติพิษให้เจ้าถึงตอนนี้ บัญญัติพิษของเจ้าถือว่า…พัฒนาไปไม่มาก”
สวี่ชิงส่ายศีรษะ ก้าวออกไปข้างนอก เงาร่างหายลับไปในลมฝน
ในเรือนพักจงฉือถอนหายใจยาว มองภายนอก คำพูดนายน้อยก่อนจากไปยังดังก้องในหัว สักพักค่อยยิ้มขื่น
“สวี่ชิง เจ้าซ่อนตัวแนบเนียนนัก…”
…
ในวังเซียน ลมฝนพัดแรง ยามซัดกระหน่ำคลื่นนภาที่เกิดขึ้นเพราะความปั่นป่วนของลิขิตฟ้าปรากฏอีกครั้ง
ครึ่งหนึ่งเป็นหมอกแดง
ครึ่งหนึ่งยังดำสนิท!
ส่วนดำสนิทเงาร่างอริยะเซียนที่ 4 ท่องทะยาน เป้าหมายคือที่พักจงฉือ ในสายตาเขาคลื่นตรงนั้นดั่งคบเพลิง
แต่เมื่อร่างเขาทะลวงผ่าน ปราณหมอกซึ่งหลอมรวมกับรัตติกาลมืดมิดทอดยาวโดยไร้สุ้มเสียง ขวางตรงหน้าเขา!
อริยะเซียนที่ 4 ชะงักฝีเท้า
ในปราณหมอกข้างหน้า เงาร่างอัจฉริยะหลี่ก้าวออกมาช้าๆ นัยน์ตาเขาเผยเจตจำนงต่อสู้ กล่าวเสียงต่ำลึก “ซิงหวนจื่อ รีบไปไหนหรือ”
…
ในความมืดมิด เกิดการเข่นฆ่าห้ำหั่น
ในหมอกแดง สวี่ชิงกำลังมุ่งหน้า
เขาสัมผัสได้ว่ากาลอวกาศทั่ววังเซียนกำลังก่อคลื่นยักษ์เพราะการกระทำของตน
ตอนแรกคือเปลี่ยนเส้นทางของอัจฉริยะหลี่ ทำให้เกิดคลื่นสะเทือนตามปกติ
แต่ด้วยการมีอยู่ของจิ้งจอกสาว คลื่นสะเทือนจึงเพิ่มความแรง
จากนั้นคือการเปลี่ยนแปลงของหลี่เมิ่งถู่ โองการดารา ทำให้คลื่นสะเทือนมีแรงผลักดันมากขึ้น
‘ต่อมาคืออัจฉริยะหลี่แขนขาด กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง’
‘จากนั้นเนื้อหาโองการค่อยส่งผล คลื่นกาลอวกาศปั่นป่วนมากขึ้น!’
‘แต่…ยังไม่พอ’
สวี่ชิงมุ่งหน้าพลางจดจ่อกับโลหิตพิษในมือ
บัญญัติพิษของหลี่เมิ่งถู่ บนโลกนอกจากตัวหลี่เมิ่งถู่กับอาจารย์เขาแล้ว มีอีกคนหนึ่งที่เข้าใจเช่นกัน ถึงขั้นเข้าใจกว่าหลี่เมิ่งถู่ระดับหนึ่ง
คนผู้นี้แน่นอนว่าคือสวี่ชิง
ตอนนี้เขาจึงหลอมรวมการหยั่งรู้ของตนกับโลหิตพิษ ทั้งอาศัยตัวเจ้าของร่างช่วยเสริม ทำให้พิษนี้…เข้มข้นขึ้น
จากนั้นค่อยเผยตัวที่วังทัณฑ์อัสนี นอกตำหนักของกงซุนชิงมู่
เมื่อเขาปรากฏตัว กงซุนชิงมู่ซึ่งกำลังนั่งสมาธิในตำหนักพลันลืมตา แววตาส่องประกายพร้อมเจือความประหลาดใจ สืบสัมผัสภายนอกผ่านประตูตำหนัก
เขาสัมผัสได้ว่าคนข้างนอกคือใคร
แต่คืนนี้ถึงเขาเตรียมพร้อมว่ามีคนมาหา ทั้งมั่นใจว่ารับมือได้ทุกอย่าง
แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่มา…กลับเป็นนายน้อยจี๋กวง!
ในใจเขากับคนอื่นพลันปั่นป่วนชั่วพริบตา
ตอนนี้ลมฝนกรรโชก หมอกแดงพร่างพราว อัสนีบาตดังครั่นครื้น
สวี่ชิงที่อยู่ข้างนอกก้าวมาข้างหน้าโดยไม่เกรงใจ
ทางเข้าตำหนักแตกละเอียด เศษไม้นับไม่ถ้วนม้วนเข้าลมฝน เงาร่างสวี่ชิงก้าวเข้าตำหนัก ยืนตรงหน้ากงซุนชิงมู่
ก้มมองพลางกล่าวราบเรียบ “การกบฏคือวิถีของเจ้า”
“แต่มีข้าอยู่ย่อมทำไม่สำเร็จ!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
