บทที่ 754 เซียนเมามายในโลกแห่งจินตนาการ
ตอนนี้ในสระนํ้าเซียนถํ้าสวรรค์ของหอโลกีย์ เสียงหัวเราะพูดคุย เสียงดนตรี ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ระหว่างบุรุษสตรี
สวี่ชิงก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็ว จากอารมณ์ของทุกคนที่ ปะทุขึ้นในถํ้าสวรรค์ ที่แห่งนี้ก็มีระลอกคลื่นพลังของค่ายกลที่ โคจรแผ่มา
ประโยชน์ของค่ายกลนี้เน้นการรวบรวมมากกว่า คล้ายกับค่ายกลประเภทรวมวิญญาณ แต่สิ่งที่มันรวบรวมคือเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด มองจอกสุราตรงหน้า น้ำ สีเหลืองอำพันส่งกลิ่นสุราที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา ก่อนหน้านี้เขาดื่มไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกได้ว่าสุรานี้ไม่ธรรมดา
“สุราของหอโลกีย์ คนธรรมดาไม่อาจดื่มได้ เพราะดื่มไปอึกหนึ่ง ต้องเมามายจนตายแน่เจ้าค่ะ”
สตรีข้างกายเขาสังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิง จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“สุราของที่นี่ มีชื่อว่าเซียนเมามาย แม้จะมีส่วนประกอบ บางอย่างมากเกินไป แต่ผู้บำเพ็ญที่ระดับตํ่ากว่าหวน สู่อนัตตาก็ยากที่จะใช้พลังบำเพ็ญสลายพิษสุราได้ อันที่จริงใน บางระดับสิ่งนี้ก็นับเป็นพิษชนิดหนึ่ง
“แต่ไม่มีผลร้ายกับร่างกายนะเจ้าคะ ดังนั้น สุรานี้จึงยิ่งลํ้าค่า เพราะสำหรับพวกเรา บางครั้งการโคจรพลังบำเพ็ญคือสัญชาตญาณ ประกอบกับกายเนื้อที่เกินธรรมดา จึงยากนัก ที่จะได้สัมผัสกับความเมามาย”
“มีเพียงเซียนเมามายนี้ ถึงทำให้พวกเราได้สัมผัสถึง มึนเมาหลังร่ำสุรา และทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย”
“ส่วนค่ายกลของที่นี่ ก็คือสาเหตุการฝึกบำเพ็ญของหอโลกีย์แห่งนี้”
สวี่ชิงได้ยินก็กวาดตามองทุกคน เขาไม่ค่อยเข้าใจ พิษ เป็นสิ่งที่ใช้สังหารคนไยต้องกลืนลงไปไขว่คว้าสิ่งที่เรียกว่า ความเมามายนั่น
ไม่ว่าจะที่ทวีปนักษาสวรรค์ทักษิณหรือเขตปกครองผนึกสมุทรก็ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้
‘อาจจะเพราะที่นี่คือเมืองหลวงจักรพรรดิ’
สวี่ชิงไม่เห็นด้วย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เขาไม่เพียงแต่สัมผัสค่ายกลในหอโลกีย์แห่งนี้ได้ และสัมผัสได้ว่าสตรีทุก คนในหอโลกีย์กำลังสูดรับพลังความรู้สึกจากรอบๆ
สภาพแวดล้อมเช่นนี้ สวี่ชิงรู้สึกครั่นเนื้อตัว และรู้สึกเดียดฉันท์ เมื่อสังเกตเห็นเมิ่งอวิ๋นไป๋ชนจอกกับคนอื่น สรวลเสเฮฮา ส่วนหวงคุนทางนั้นก็หน้าบานเป็นกระด้ง พูดคุยกระซิบกระซาบกับสตรีข้างกาย
ทั้งหมดนี้ ทำให้สวี่ชิงยากจะทำตัวให้กลมกลืนได้ จึงไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก กำลังคิดจะออกไป แต่ตอนนั้นเอง ในถํ้าสวรรค์นี้ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น ค่ายกลส่งข้ามสีแดงทางหนึ่ง กะพริบวูบวาบอยู่เหนือสระน้ำเซียน ร่างสองร่างเดินออกมาจากด้านใน
ผูที่มาเยือนเป็นสตรี คนด้านหน้าสวี่ชิงเคยพบแล้ว เป็นแม่เล้า สตรีกลางคนมากล้นด้วยเสน่ห์ที่นำทางมาก่อนหน้านี้คนนั้น
ส่วนสตรีด้านหลัง การปรากฏตัวของนางแทบจะทำให้ สระนํ้าเชียนถํ้าสวรรค์แห่งนี้หม่นหมอง สูญเสียสีสันไปต่อหน้า แสงเจิดจ้าของนาง
ทุกคนในที่นี้หันหน้าไปมอง
สายเลือดจักรพรรดิจากสำนักยอดจักรพรรดิดาราผู้นั้น สายตาก็ยิ่งร้อนแรง เป้าหมายการมาที่นี่ของเขา คือสตรีผู้นี้ หญิงสาวคนนี้สวมผ้าโปร่งคลุมหน้า เผยเพียงดวงตา หยาดเยิ้มฉํ่าน้ำเป็นประกาย สวมชุดผ้าแพรสีเหลืองปักลายพญาหงส์ กระโปรงสีชมพูหม่นพลิ้วไหวไปมา ก้าวเดิน เยื้องย่างทิ้งสะโพกให้เห็นเอวคอดกิ่ว เผยข้อมือขาวเนียนใต้ผ้าโปร่งเล็กน้อย
กิริยาอ่อนช้อยเผยสัดส่วนออกมาวับๆ แวมๆ เย้ายวนอย่างยิ่ง ทั้งยังกอดผีผาสีซีดเอาไว้
ประดับทรงผมงดงามด้วยดอกโบตั๋นบนศีรษะ คิ้ว สีดำขลับเรียวบางราวกับภูเขาเขียวที่ทอดยาวอยู่ไกลๆ ปอยผมดกดำคล้ายหมอกในยามวสันต์อันหนาทึบ
เป็นความงามไร้เทียบเทียมอย่างแท้จริง ทำให้หมู่มวล บุปผาชาติมัวหมอง ทำให้คนทั้งผองริษยา
นางเยื้องย่างยุรยาตร เดินออกมาจากสระนํ้าเซียน แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าผู้คน หลังจากโค้งคารวะ ก็นั่งลงบนหยกสลัก ยกมือเรียวยาวขึ้น เริ่มเล่นดนตรี
ห้วงทำนองแรก นุ่มนวลอ่อนโยน นึกเสียดาย ราวกับ แฝงไว้ด้วยเรื่องราว ร้อยเรียงยืดยาวไม่สิ้นสุด…
จากนั้นระดับเสียงก็สูงขึ้น ไพเราะก้องกังวาน ราวกับมีผี เสื้อกำลังเริงระบำอยู่กลางอากาศ คล้ายกับเสียงน้ำซับไหลผ่านร่องเขา ดุจดวงดาราระยิบระยับพร่างพราย ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางม่านฟ้าราตรี
ราวกับหญิงสาวนึกถึงช่วงเวลาที่แสนงดงามกับคนรัก ซึมซาบเข้าไปในใจของทุกคน ลึกซึ้งกินใจ
แต่ไม่นานนัก ท่องทำนองก็เปลี่ยนไป มีความจากลา และความอาลัยอาวรณ์เพิ่มเข้ามา
ราวกับคนรักต้องไปสนามรบ จำใจต้องจากลา เหลือไว้ เพียงความคะนึงหา
จากนั้น ความโศกาและน้อยใจก็กลายเป็นหัวใจของท่วงทำนอง ราวกับกำลังใช้เสียงเพลงบอกกับคนรัก…ว่าทุกที่ ที่เจ้าเคยไปล้วนมีกลิ่นอายของเจ้า เมื่อเจ้ามา เสียงดนตรีจะบรรเลง เมื่อเจ้าไป เสียงดนตรีนี้ก็จะกลายเป็นเจ้าไปตลอดกาล
ทุกคนสะเทือนใจ
และเสียงผีผานี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้เพิ่ม ความทระนงองอาจ เพิ่มความดุดันเหี้ยมหาญ เลื่อนลั่นไปทั้งสารทิศ ทำให้ที่แห่งนี้มีหิมะโปรยปรายลงมา
เพดานถํ้าสวรรค์ยิ่งมืดมิดไปในพริบตา ค่อยๆ มีดวงดารานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น เคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็ว กลายเป็นป้ายหลุมศพ
ภาพนี้ชักนำความคิดของทุกคน สิ่งที่รู้สึกถึงคือหญิงสาว ได้รู้ว่าคนรักสู้จนตัวตายในสนามรบ ในใจมีความโศกเศร้า
ระคนโกรธแค้น เกลียดสรรพสิ่ง เกลียดฟ้าดิน เกลียดโลกใบนี้อย่างจนใจและไร้กำลัง
นั่นก็คือสนามรบไกลนับหมื่นลี้ไร้คนเก็บกู้กระดูกกลับมา
แต่ละหลังคาเรือนทำได้แต่เรียกวิญญาณกลับมาฝังใต้เมือง สามีตายที่สนามรบทั้งที่กับตั้งครรภ์ ตัวภรรยาแม้นยังอยู่แต่ก็ราวกับเป็นเทียนที่จุดตอนกลางวัน
สระนํ้าเซียนในถํ้าสวรรค์เงียบสงัด
บางคนนึกถึงเผ่าฟ้าทมิฬ บางคนนึกถึงเผ่ามนุษย์ บางคนนึกถึงบรรพบุรุษในครอบครัว
สุดท้าย ท่วงทำนองสุดท้ายของบทเพลงดังยืดยาว และ ค่อยๆ กลับไปที่เสียงทำนองแรก
ราวกับย้อนเวลากลับไปอดีต ทำได้เพียงทอดถอนใจ ชีวิตไม่อาจเป็นดั่งยามที่พานพบ…
“ยอดเยี่ยม!” สายเลือกจักรพรรดิลุกขึ้นยืน ตาลุกวาว เอ่ยด้วยเสียงตํ่าทุ้ม
เมื่อเขากล่าวออกมา ทุกคนรอบๆ ก็พากันลุกขึ้น ต่าง ชื่นชมออกมาจากใจ ต่อให้เป็นสวี่ชิงทางนี้ ก็คลื่นในใจโหมซัด
เขาเคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน แต่ไม่มีสักครั้งที่เป็นเช่นตอนนี้ ราวกับได้ฟังเรื่องราวที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จิตใจกระทั่ง ความคิดคล้อยตามเสียงผีผาของอีกฝ่าย
หญิงสาวก้มหน้าเล็กน้อย หยิบจอกสุราตรงหน้าขึ้น ยก ไปทางทุกคน จากนั้นก็เลิกผ้าคลุมหน้าเล็กน้อย จิบไปหนึ่งอึก มุมหนึ่งของผ้าคลุมหน้าเผยให้เห็นพวงแก้มนวลของนาง ที่งามยิ่งกว่าบุปผา และมือที่เรียวยาวที่ชูจอกสุราก็ราวกับเป็น หัวหอมที่ลอกเปลือกออก ขาวผ่องดึงดูดใจ
ปากเล็กๆ ราวกับกำลังเคลือบชาด จรดจอกสุราลงบนปาก ไม่ว่าจะขมวดคิ้วหรือแย้มยิ้มก็จับใจคน
เพียงมองมาก็ทำให้ใจคนปั่นป่วน รู้สึกอยากครอบครอง และเมื่อเห็นว่าอารมณ์ได้ที่แล้ว แม่เล้าที่มาพร้อมกับ
สตรีผ้นี้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายทุกท่าน เทพธิดาผู้นี้คือท่านหญิงหลิงเหยา
แห่งหอโลกีย์ ปกติท่านหญิงหลิงเหยาไม่ค่อยปรากฏตัวเท่าไรนัก แต่วันนี้ได้ยินว่ามีแขกคนสำคัญ ข้าจึงเชิญมา”
“ส่วนกฎของท่านหญิงหลิงเหยา คุณชายทุกท่านคง ทราบดี”
แม่เล้าอมยิ้มพูดจบ สายเสือดจักรพรรดิแซ่เผิงก็พยักหน้า เอ่ยด้วยเสียงตํ่าทุ้ม
“ย่อมทราบดี หากท่านหญิงหลิงเหยาต้องตาใคร ก็ จะนั่งข้างกายคนผู้นั้น เรื่องนี้ไม่อาจบังคับกันได้”
กล่าวพลาง เขาก็มองหลิงเหยาอย่างลึกซึ้ง ที่เขามาครา
นี้ก็เพื่ออีกฝ่าย เคยแสดงความจริงใจออกมาก็หลายครั้ง จาก ปฏิกิริยาที่เขาสัมผัสได้ อีกฝ่ายก็สนใจตนเช่นกัน
และที่สำคัญที่สุดคือผู้บำเพ็ญหญิงของหอโลกีย์ เนื่องจากการบำเพ็ญคือวิถีเลือนโลกีย์ แต่การจะเลือนโลกีย์ก็ ต้องคลุคลีกับทางโลก การคลุกคลีทางโลกไม่ใช่การร้องขอ จากผู้อื่นแต่เป็นการมอบให้ ดังนั้นการบำเพ็ญคู่ครั้งแรกของ พวกนาง จึงมีประโยชน์กับฝ่ายชายอย่างมหาศาล
อีกทั้งยิ่งบำเพ็ญสูงส่งล้ำลึก ข้อดีเช่นนี้ก็ยิ่งน่าตกตะลึง ‘หากได้พลังของหลิงเหยาช่วยส่งเสริม ข้าก็จะยิ่งมั่นใจ
ว่าจะได้เลื่อนขึ้นเป็นหวนสู่อนัตตาจากสมบัติวิญญาณขั้น
บริบูรณ์มากขึ้นอีกหลายส่วน’
ขณะที่สายเลือกจักรพรรดิแซ่เผิงกำลังคำนวณในใจ ห ลิงเหยาที่กอดผีผาผู้นั้น ดวงตาดำขลับเปล่งประกาย ขณะที่ ชายตามองก็ส่งสายตาเย้ายวนราวกับจะดึงดูดวิญญาณ หลังจากกวาดตามองทุกคน สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ร่างสวี่ชิง หัวเราะเบาๆ เยื้องย่างเข้ามา และ,นั่งลงข้างกายสวี่ชิงท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้อง
สวี่ชิงร่างแข็งทื่อไปตามสัญชาตญาณ ปฏิกิริยานี้ทำให้ เขาระวังตัว
เขาไม่รู้จักสตรีผู้นี้ และพบกันครั้งแรกอีกฝ่ายก็นั่งลงข้างๆ เรื่องนี้ไม่มีทางธรรมดาอย่างที่เห็น
คิ้วสวี่ชิงเลิกขึ้นเล็กน้อย หันหน้าไปมองหญิงสาวที่นั่ง ข้างกาย
ดวงตางดงามหลิงเหยาเปล่งประกาย มองสวี่ชิงอยู่เช่นกัน เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า
“คุณชาย ไยมองข้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ”
นํ้าเสียงนุ่มนวลแฝงความเย้ายวน เมิ่งอวิ๋นไป๋ข้างๆ สวี่ชิงได้ยินก็ใจสั่นรัว ส่วนสายเลือกจักรพรรดิแซ่เผิงคนนั้น ตอนนี้ถอนสายตากลับมาด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่พูดอะไรมาก เพียงหยิบจอกสุราขึ้นดื่ม จากนั้นก็วางลง แล้วหลับตา
ส่วนคนอื่นๆ สีหน้าท่าทางก็ต่างกันไป มองสวี่ชิง จากนั้น ก็มองสายเลือดจักรพรรดิ สบตากัน หลังจากเก็บทุกอย่างไว้ในใจ ชายหนุมที่นั่งข้างๆ สายเลือกจักรพรรดิก็หัวเราะฮ่าๆ ให้ สวี่ชิง
“สหายสวี่นี่เป็นหงส์คู่มังกรท่ามกลางหมู่คนจริงๆ มาครั้งแรก ท่านหญิงหลิงเหยาต้องตาเขาแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องมงคล สหายสวี่ ข้าคารวะให้ท่านจอกหนึ่ง จากนี้พวกเราก็พูดคุยพบปะกันบ่อยๆ”
ชายหนุ่มคนนี้กล่าวพลางยกจอกสุราขึ้นอย่างให้เกียรติ จากนั้นก็ดื่มลงไปก่อน
คำพูดและท่าทีของอีกฝ่ายให้เกียรติมาก สวี่ชิงเองก็ปฏิเสธไม่ลง หยิบจอกสุราขึ้นบ้าง และดื่มลงไปเช่นกัน ทว่าเพื่อดื่มหมดก็มีชายหนุ่มอีกคนยกจอกสุราขึ้นอีก
“สหายสวี่รูปงามมากความสามารถ ยิ่งเป็นเจ้าเขต ปกครองเผ่ามนุษย์เรา หลายปีมานี้ข้าได้ยินเรื่องราว มามากมาย ครั้งนี้ได้พบหน้าก็เคารพยิ่ง ข้าดื่มให้ท่าน สามจอก”
พูดพลาง คนผู้นี้ก็ดื่มรวดเดียวสามจอก
สีหน้าสวี่ชิงราบเรียบ มองชายหนุมคนนี้ผาดหนึ่งก็เข้าใจมูลเหตุ ไม่นานนัก คนอื่นก็ทยอยทำตาม ทุกคนล้วนคารวะสุรา และเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม สีหน้ายิ่งฉายความเป็นมิตร การทำเช่นนี้ แม้จะเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย แต่ก็กล่าวอะไรไม่ได้ เมิ่งอวิ๋นไป๋ลุกขึ้นคิดจะช่วยเหลือ แต่สวี่ชิงก็ปรามไว้
พิษสุราเหล่านี้ สำหรับคนทั่วไปจะทำให้เมามาย แต่สำหรับสวี่ชิง หากเป็นพิษเขาล้วนไม่สนใจ จึงไม่ปฏิเสธ ดื่มไปจอกแล้วจอกเล่า หลังจากวนจนครบทุกคน ต่างก็เริ่มโซเซ มีเพียงสวี่ชิงที่ยังปกติ
สายตาทุกคนในที่แห่งนี้ที่มองสวี่ชิงจึงฉายแวว ประหลาดใจเล็กน้อย
ส่วนสวี่ชิงหลังจากจดจำชื่อและหน้าตาของแต่ละคนไว้ในใจ ก็ยิ้มให้
“วันนี้ได้มาพบกับยอดคนทุกท่านช่างน่ายินดียิ่ง ทุกท่าน ล้วนเป็นกระดูกสันหลังของเผ่ามนุษย์ เป็นผู้มีความสามารถ พวกเรายิ่งต้องทำให้เผ่ามนุษย์รุ่งโรจน์สืบต่อไป ไม่เช่นนั้น พวกเรามาดื่มกันคนละไหเป็นอย่างไรขอรับ”
สวี่ชิงพูดพลางมองไปทางแม่เล้า แม่เล้าทางนั้นก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็สั่งให้สาวใช้นำสุราสิบกว่าไหมา
เห็นเช่นนี้ ทุกคนก็พากันลังเล สุราของที่นี่ พวกเขาก็ไม่กล้าดื่มมากนัก
และสุรา บางครั้งก็เป็นอาวุธได้เช่นกัน
สวี่ชิงรู้สึกสบายใจ อมยิ้มแบบที่ศิษย์พี่ใหญ่สอนมา
“เชิญ!”
ทุกอย่างหยุดนิ่งไปเล็กน้อย สายเลือดจักรพรรดิลืมตา มองสวี่ชิงด้วยสีหน้าราบเรียบ ไร้อารมณ์ ลุกขึ้นยืนจะเดิน ออกไปด้านนอก
“วันนี้เหนื่อยแล้ว ไว้เจอกัน”
คนอื่นๆ ก็ทยอยลุกขึ้น เมิ่งอวิ๋นไป๋มองภาพนี้ ขอโทษขอ โพยสวี่ชิง จากนั้นก็มองทุกคน ขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยปาก ตอนนี้เอง บนสระนํ้าเซียนก็มีแสงเจิดจ้า หญิงชราผม ขาวโพลนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านใน
หญิงชราผู้นี้สีหน้าเคร่งขรึม เจือความเข้มงวด หลังจาก ปรากฏตัวก็สั่นไหวไปทั้งถํ้าสวรรค์
การมาเยือนของนาง ผู้บำเพ็ญหญิงหอโลกีย์ทั้งหมดในถํ้าสวรรค์ พากันลุกขึ้นคารวะ “ท่านแม่ใหญ่”
แม้แต่พวกสายเลือดจักรพรรดิ ก็สีหน้าเคร่งขรึมและ หันมาคารวะให้หลังจากเห็นหญิงชรา
ด้วยเหตุนี้จึงมองสถานะของนางออก คนผู้นี้คือผู้นำสูงสุดของหอเลือนโลกีย์ จัดการงานต่างๆ ทั้งหมดของสำนักในเมืองหลวง
หลังจากนางปรากฏตัว เพียงพยักหน้ารับการคารวะจาก พวกของสายเลือดจักรพรรดิเท่านั้น สำหรับนางแล้ว ล้วนเป็น ชนรุ่นหลังทั้งสิ้น
นางไม่ใส่ใจ ตอนนี้เมื่อกวาดตามอง ก็มาหยุดอยู่ที่ร่าง สวี่ชิง ความเคร่งขรึมบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เอ่ยด้วย รอยยิ้ม
“ท่านคือคุณชายสวี่ใช่หรือไม่”