Skip to content

Outside Of Time 757


บทที่ 757 ใครกำลังเดินหมาก

ทันทีที่กลิ่นอายน่ากลัวนี้ระเบิด มิติที่ถูกสกัดกั้นแผ่ ระลอกคลื่นมหาศาล นํ้าทะเลสาบซัดโหม มิติบิดเบี้ยว เม็ดฝน สั่นสะเทือน

ม่านฟ้ามิติแห่งนี้เกิดเมฆหมอกเดือดพล่านอย่าง รวดเร็วแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นวน หมุนวนครืนครันเลื่อนลั่น เชื่อมต่อกับหมอกบนทะเลสาบ คล้ายว่าเชื่อมต่อกับฟ้าดิน ก่อ เป็นพายุหมุน

น่าครั่นคร้ามสยดสยองนัก ปกคลุมไปทั่วทุกทิศ นํ้าฝน เทลงมารอบๆ

อักขระสีดำที่ลอยอยู่ข้างหน้าหมอก ภายใต้พายุหมุนนี้ ท่ามกลางกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวนี้ก็สั่นไหวไม่หยุด เกิดรอย แตกร้าวเป็นทางๆ อย่างที่ไม่อาจฟื้นฟูได้

เลือดสีดำไหลริน

บนกระดาษยันต์ที่แปรเปลี่ยนเป็นถนนนั่นยิ่งมีรอยร้าวเกิดขึ้นเช่นกัน

คล้ายว่าการซัดโหมจากหมอกแผ่พลังน่าครั่นคร้าม ออกมาเกินขอบเขตของยันต์ทั้งสองแผ่น ทำให้มันเกิดสัญญาณที่ไม่อาจทนรับได้

ในยันต์ตอนนี้มีใบหน้าปรากฏขึ้นรางเลือน จ้องหมอกที่สวี่ชิงอยู่ในนั้นเขม็ง แม้ใบหน้านี้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่สีหน้ามืดครึ้มอย่างมาก

ขณะเดียวกันโซ่เหล็ก 52 เส้นที่ยื่นออกมาจากใน ทะเลสาบก็สั่นอย่างรุนแรง จากเสียงคำรามต่ำที่ดังมาจากในกลุ่มหมอก โซ่เหล็กสั่นไหวดังเคร้ง ขาดไป 7 เส้นในพริบตา!

ทะเลสาบระเบิดสนั่นหวั่นไหว โซ่เหล็กที่ขาดแหลก ละเอียดเป็นชุ่นๆ กลายเป็นเถ้าธุลี เส้นไหมในนั้นก็เช่นกัน ถูก พลังดิ้นรนรุนแรงที่แผ่ออกมาจากในกลุ่มหมอกกระชากขาดทันที

เห็นเป็นเช่นนี้ใบหน้าในอักขระสีดำสีหน้าฉายแววไม่ยอมจำนน ปากส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา

“ศาสดาจารย์ถาม วารีพิฆาตแลกเปลี่ยน สังหารผีกำจัดภัย พบพานอุปสรรคควรทำเช่นไร ข้าทั้งหลายตอบ ผู้ไม่ฟังคำสั่งข้าสะบั้นเศียร!”

เสียงดุจผีร่ำไห้หมาป่าหอนดังแผ่ไปทั่ว ผิวนํ้าเดือดพล่าน ดาบยาวที่ก่อตัวขึ้นจากนํ้าทะเลสาบด้ามหนึ่งพุ่งออกมาจากผิวนํ้า ฟันไปยังกลุ่มหมอกที่สวี่ชิงอยู่ทันที

รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ซัดเม็ดฝนนับไม่ถ้วน ตัดมิติ ขยี้ความว่างเปล่า ทำลายล้างสังหาร

ขณะเดียวกัน ตัวอักขระสีดำนั่น เปลวไฟสีเขียวลุกโหม เพิ่มพลังให้กับมัน จะฝืนประทับตรา

ยันต์ถนนยาวปะทุเช่นกัน เพิ่มแรงหอบม้วน และสวี่ชิงที่เป็นต้นกำเนิดของทุกอย่างตอนนี้อยู่ในพายุกลุ่มหมอก ร่างโค้งงอ สั่นสะท้านรุนแรง ปากส่งเสียงคำรามที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์

ความเจ็บปวดที่ยากบรรยายราวฟ้าถล่มดินทลายกวาดโหมไปที่ร่างกายและวิญญาณของเขา ฉีกทึ้งกายวิญญาณของเขา แผ่หมอกพิษดำทะมึนอีกทั้งมากขึ้นออกมา

เพียงพริบตา โซ่เหล็กที่พันธนาการอยู่บนร่างของเขา ภายใต้เสียงเคร้งๆ ก็ขาดไป 7 เส้น

ยิ่งมีตะปูที่ควบคุมวิญญาณของเขาในร่างทั้ง 14 ดอก ต่างถูกบีบออกมาจากร่างของเขา ท่ามกลางเสียงผลุบๆ หอบ ม้วนตลบ พุ่งออกไป ทะลุผ่านกลุ่มหมอก ตรงไปยังดาบวารีที่ ประชิดมา นอกกลุ่มหมอก

เสียงผลุบๆ ดังมา ดาบวารีถูกพุ่งทะลุเป็น 14 รู พุ่งตรง ไปยังอักขระสีดำและยันต์ถนนยาว

เพียงพริบตาก็พุ่งทะลุอีกครั้ง

อักขระสีดำพรุนเป็นรังผึ้ง ยันต์ถนนยาวขณะสั่นสะท้าน ก็หายไปส่วนหนึ่ง และความเสียหายของพวกมันก็ทำให้พลัง พื้นที่ที่ผนึกลดลง เสี้ยวขณะต่อมา การเดือดพล่านของกลุ่ม หมอกก็ท่วมฟ้า

ในเสียงครืนครันเลื่อนสั่นโซ่และเส้นไหมจากนํ้าทะเลสาบที่เหลือ อีกทั้งยังมีตะปูก็ทยอยแตกสลาย ถูกเค้นออกมาอย่างรวดเร็ว

ดาบวารีที่ผุพังนั่นถูกพุ่งทะลุผ่านอยู่ตลอด สุดท้ายใน ยามที่จมไปในกลุ่มหมอกก็แยกเป็นส่วนๆ แตกสลาย

และในเสี้ยวขณะนี้โซ่เหล็กเส้นสุดท้าย ไหมวารีเส้น สุดท้าย ตะปูดอกสุดท้ายก็ทยอยแหลกสลาย กลุ่มหมอกปะทุ

ออกมาขางนอก

ขณะเดียวกับที่เสียงระเบิดดังก้อง ไอหมอกก็หดเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ในยามที่ขยายและยุบตัว ก็เผยให้เห็น เงาร่างที่สั่นสะท้านฟ้าดินร่างหนึ่งในกลุ่มหมอก

โบราณ มืดมิด สังหาร คือความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้

เงาร่างนี้

ทั่วทั้งร่างเขาไม่เห็นผิวหนังใดๆ ทั้งสิ้น ถูกเกราะสีดำ

ปกคลุม แม้แต่ศีรษะก็เช่นกัน น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ตรงนั้นมีเปลวไฟเย็นเยือกลุกไหม้อยู่

ความเย็นชาเด่นชัดเป็นอย่างยิ่ง มากพอจะให้คนที่เห็น หวาดกลัว

ยิ่งมีหมอกสีดำเป็นกลุ่มๆ ลอยอ้อยอิ่งจากบนเกราะ รวมตัวมาอย่างรวดเร็วที่หลังเขา เพียงพริบตาก็เหมือนแปร เปลี่ยนเป็นผ้าคลุมสีดำบดบังฟ้าดิน

ผ้าคลุมปลิวสะบัดไปตามคลื่นวนบนม่านฟ้า ปกคลุมมิติ แห่งนี้ ความเน่าเปื่อยและพิษร้ายแรงแผ่ลามไปอย่างไร้ขอบเขต

ราวมาร

นี่ก็คือสภาวะเทพขั้นที่สองหลังจากที่ซ้อนทับแล้วของสวี่ชิง ภายใต้สภาวะนี้ สรรพสิ่งทั้งหลายต่อหน้าเขาเหมือนจะแห้งเหี่ยว จะดับสลายตายไปทั้งหมด

พันธนาการวารีหยินหยางวิญญาณปรโลกนี่ก็เช่นกัน สวี่ชิงเงยหน้า ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ท่ามกลางฟ้าดินที่สั่นไหว เขามาปรากฏอยู่ข้างหน้าอักขระสีดำนั่น ยกฝ่า มือขวาที่ไม่เหมือนมือมนุษย์ดำทะมึนนั่นขึ้น แล้วคว้าไป อักขระสีดำเผาไหม้รุนแรง แผ่ควันดำออกมา เหมือนมังกรดำเป็นตัวๆ คำรามไปหาสวี่ชิงจากทั่วทุกสารทิศ แต่ในทันทีที่เข้าใกล้ เสียงคำรามของพวกมันก็กลายเป็นเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนา

สภาวะของสวี่ชิงในตอนนี้ สำแดงพิษแข็งแกร่งเฉียบคม ถึงขีดจำกัดสูงสุดของเขาออกมาแล้ว โจมตีทุกสิ่ง มังกรดำ

เหล่านั้นต่างได้รับผลกระทบทั้งสิ้น แตกสลายอยู่ตลอด

หมวกเกราะสีดำปกปิดสีหน้าของสวี่ชิง มีเพียงดวงตา ทั้งสองที่แผ่เปลวไฟเย็นเยือกออกมา เขาเมินมังกรดำที่ร้อง โหยหวนน่าเวทนาพวกนั้น มือขวาคว้าอักขระสีดำเอาไว้แล้ว

บีบเต็มแรง

เสียงกร๊อบดังขึ้น อักขระแตกสลาย มังกรดำรอบๆ ก็แปร เปลี่ยนเป็นเลือดสีดำร่วงหยดไปในทะเลสาบ

ส่วนสวี่ชิงรู้ดีว่าตัวเองภายใต้สภาวะเช่นนี้ไม่สามารถ ยืนหยัดได้นาน ดังนั้นตอนนี้หลังจากบีบอักขระแหลกละเอียด เขาเงยหน้ามองไปยังสุดปลายถนนสายนี้อย่างเย็นชา บนยันต์ถนนที่พรุนเป็นรังผึ้งมีเงาร่างหนึ่งพลันปรากฏ

ขึ้นมา

เงาร่างแปลกประหลาดนี้ไม่ใช่กายเลือดเนื้อ แต่เป็น ตุ๊กตากระดาษสีดำ

มันยืนบนถนนยันต์ที่ม้วนขึ้น ดวงตาที่ถูกวาดไว้ฉายแววตาเย็นชา จ้องมองสวี่ชิง เอ่ยขึ้นเนิบนาบ

“ข้าได้รับโองการปรโลกแดนผี แม่นํ้าสายธารตะวัน จันทรา…”

ในขณะเดียวกับคำพูดที่ใช่แต่ก็เหมือนไม่ใช่นี้ดังออกมา ไม่รอให้มันพูดจบ สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น พุ่งออกไปทันที รัศมีอำนาจน่าครั่นคร้าม ตรงไปยังตุ๊กตากระดาษ

ตุ๊กตากระดาษสีหน้าเป็นปกติ ร่างหงายหลังล้มตึง นอน ไปบนยันต์ทันที เพียงพริบตาก็ผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ปากส่งเสียงต่อไปว่า

“…ขุนเขา มหาสมุทร ดวงดาราอยู่ในฝ่ามือข้า ข้าทำให้มันสว่างก็สว่าง ทำให้มืดก็มืด คำสาปบังเกิดดุจโองการ!”

ในพริบตาที่สวี่ชิงมาถึง เสียงหายไป และยันต์ถนนแผ่นนี้ ตอนนี้เดือดพล่านรุนแรง ปะทุจากข้างหน้าสุดและข้างหลังสุดขึ้นพร้อมกัน หอบม้วนมาทางสวี่ชิงทางนี้อย่างรวดเร็ว เหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดหอบ แผ่พลังกดดันน่าหวาดกลัว เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงยกมือขวาขึ้นกดไปที่พื้นอย่าง โหดเหี้ยม

ทันทีที่ซัดไปยังผิวนํ้า มิติแห่งนี้ก็สั่นไหวรุนแรง ทุกอย่างรอบๆ ล้วนเน่าเปื่อย ล้วนถูกโจมตี

นํ้าทะเลสาบกลายเป็นสีดำในพริบตา กฎเกณฑ์ที่นี่ถูก บังคับให้แปดเปื้อน

ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิษต้องห้าม ถูกสวี่ชิงควบคุม ระเบิดขึ้นพร้อมกัน คลื่นวนเหนือม่านฟ้ามิติแห่ง นี้ก็ลงมาเยือนในเสี้ยวขณะนี้เช่นกัน ผสานกันหมอกพิษต้องห้าม ทำการควบคุมยันต์ที่มีขนาดเท่ากับถนนเส้นนี้อย่างเต็มแรง

เสียงระเบิดราวระฆังดังก้องไปทั่ว ยิ่งมีเสียงกระจกแตกดังก้อง การสกัดกั้นผนึกจากวารีพิฆาตหยินหยางพังทลายทันที

โลกในดวงตาสวี่ชิงก็ฟื้นฟูกลับมาในเสี้ยวขณะนี้

ถนนยังคงเป็นถนน

หยาดฝนยังคงโปรยปราย

มีเพียงเงินกระดาษสีดำเป็นแผ่นๆ ที่ร่วงหล่นจากฟ้า ขณะที่หลอมละลายแยกส่วนแหลกสลายไปในสายฝน หนึ่งใน นั้นมีหนึ่งแผ่นที่สวี่ชิงรับเอาไว้ได้

ร่างของเขาก็ฟื้นฟูในเสี้ยวขณะนี้ ทันทีที่คลายสภาวะเทพ เลือดสดๆ ก็ไหลจากมุมปากสวี่ชิง

และที่ไกลๆ ตอนนี้มีเสียงแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว การต่อสู้วิชาเวทที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเช่นนี้ แม้จะมีวิชาปกปิด แต่ก็ยากที่จะคงอยู่ได้นาน ตอนนี้ถูกค้นพบแล้ว สวี่ชิงไม่ขยับ ความระมัดระวังของเขายังคงมีอยู่ มองไปข้างหน้า ขณะเดียวกันก็เอาแผ่นหยกออกมา เริ่มสื่อเสียงออกไป

ไม่นานนัก เงาร่างแต่ละทางๆ ก็ปรากฏขึ้น ล้วนเป็นผู้ ครองกระบี่ทั้งสิ้น พวกเขาคือคนที่ลาดตระเวนที่นี่ จึงตามมาในทันที หลังจากเห็นสวี่ชิงและเงินกระดาษสีดำที่ร่วงโปรยปรายรอบๆ แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี หลังจากมองหน้ากัน ก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่!

อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง เกิดการลอบลังหารที่นี่ เรื่องนี้รุนแรงสาหัสเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเป้าหมาย การลอบสังหารคือสวี่ชิง!

เช่นนั้นเรื่องนี้ก็เลวร้ายแล้ว จึงเริ่มค้นหาร่องรอยที่นี่ทันที

เวลาไม่นานนัก รุ้งยาวสองทางก็พุ่งมาอย่างรวดเร็วจาก คนละทิศ หลังจากปรากฏที่ถนนเส้นนี้ก็ตรงมาหาสวี่ชิงทันที คนหนึ่งคือจื่อเสวียน คนหนึ่งคือหลี่อวิ๋นซาน เห็นทั้งสองคน สวี่ชิงก็โล่งอก

หลี่อวิ๋นซานสีหน้าเคร่งขรึม ตรวจสอบรอบๆ

จื่อเสวียน สีหน้าโกรธเคือง หลังจากมาถึงแน่ใจว่าสวี่ชิงไม่เป็นอะไร สีหน้าของนางจึงผ่อนคลายเล็กน้อย หลี่อวิ๋นซานทางนั้น กำลังจะพูดอะไร สวี่ชิงส่ายหน้า “กลับไปค่อยคุยกัน”

หลี่อวิ๋นซานพยักหน้า ดังนั้นภายใต้การอารักขาของพวกเขา สวี่ชิงจากไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัยตลอดทางกลับ มาถึงจวนของหนิงเหยียน

ทันทีที่กลับมาถึง การป้องกันในจวนเข้มงวด นายกองที่ หายตัวไปหลายวันตอนนี้ก็กลับมาแล้ว สีหน้าเคร่งขรึม มอง

ไปทางสวี่ชิงด้วยกันกับจื่อเสวียนและหลี่อวิ๋นซาน
“นี่เป็นแผนการที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า”

สวี่ชิง เอ่ยอย่างสงบนิ่ง

“เมิ่งอวิ๋นไป๋เชิญข้าไปหอเลือนโลกีย์ เขารู้เส้นทางของข้า เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย

“ในหอเลือนโลกีย์ สายเลือดจักรพรรดิสำนักยอด จักรพรรดิดารามีความขัดแย้งที่ไม่ชัดเจนกับข้า เขาก็อาจจะ เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยได้เช่นกัน

“แล้วก็ยังมีทุกคนที่ข้าได้พบทั้งหมดในการเดินทางนี้ รวมถึงหวงคุนไปในนั้นด้วย ล้วนน่าสงสัยหมด

“แต่พวกนี้ล้วนเป็นเพียงผิวเผินในที่ลับและยังมีที่อื่นๆ ทำการลอบสังหารด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น องค์ชายเจ็ดก็มีแรงจูงใจ”

“นักลอบสังหารเป็นตุ๊กตากระดาษสีดำ ไม่มีชีวิต เป็น เหมือนร่างแปลงมากกว่า พลังบำเพ็ญไม่ใช่ระดับสมบัติวิญญาณ แต่เป็นระดับหวนสู่อนัตตา…”

“แล้วก็ยังมีวิชาเวทของมันมันเรียกวาคำสาปเต๋า แฝงด้วยความรู้สึกเหมือนแดนผี แต่ชัดเจนเกินไป มีความน่า สงสัยว่าจะป้ายสี”

“นอกจากนี้การลอบสังหารครั้งนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอีกหลายจุด”

“หนึ่ง ทำไมถึงกล้าลอบสังหารข้าในเมืองหลวง หาก ข้าตายจะไม่เป็นเรื่องดีกับทุกฝ่ายในเมืองหลวง แต่ทุกฝ่าย กลับรู้สึกตัวข้าอย่างเห็นได้ชัด”

“สอง นักลอบสังหารดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่จาก ความเข้าใจต่อแต่ละฝ่ายของข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้ามีดวงตะวันแห่งแสงอรุณ ยิ่งมีวีรกรรมสงครามเป็นชุด ไม่ควรส่งนักลอบสังหารระดับแค่นี้มา”

“สาม ในช่วงที่ต่อสู้ ข้ามีลางสังหรณ์หนึ่ง อีกฝ่ายเป็น เหมือนนักรบพลีชีพ คิดจะให้ข้าระเบิดดวงตะวันแห่งแสงอรุณ แต่ความรู้สึกนี้ก็ยากจะวิเคราะห์ว่าเป็นอีกฝ่ายจงใจสร้าง ความรู้สึกนี้ให้ข้า ทำให้ความคิดปั่นป่วนวุ่นวายหรือไม่”

สวี่ชิงพูดถึงรายละเอียดและจุดน่าสงสัยของการลอบสังหารครั้งนี้ หลังจากพูดออกมาหมดแล้วก็ยกมือขวาขึ้น กลางฝ่ามือมีกระดาษสีดำแผ่นหนึ่ง

“สุดท้ายการลอบสังหารครั้งนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่าไม่ใช่เพื่อฆ่าข้าจริงๆ แต่ใช้วิธีนี้ทำให้ข้ากลายเป็นหมาก ให้ข้าเดินตามที่ คนเบื้องหลังอยากจะให้เดิน”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version