Skip to content

Outside Of Time 804


บทที่ 804 ดอกไม้บานในแสงตะเกียง

ความโกลาหลในวังศึกษาสิ้นสุดลงตรงนี้

ใบหน้าของเจ้าดาราจักรพรรดิโบราณจมลงอย่างช้าๆ จนไม่เหลือร่องรอย ศีรษะของรูปปั้นจักรพรรดิก็ค่อยๆ หมุนกลับมาตั้งตรงอยู่หน้าสะพานสายรุ้งและสงบนิ่งลงอีกครั้ง

รัศมีของวังจักรพรรดิก็กลับมาปกติในยามนี้

ในหอเลือนโลกีย์ จิ้งจอกดินบนแท่นบูชาในศาลเจ้าหัวเราะเยาะ หลับตากลายเป็นรูปปั้นดินอีกครั้ง

ม่านฟ้าวังศึกษาและซอกแผ่นดินเทวะก็หายไปหมดสิ้น

และถึงแม้ความวุ่นวายที่เกิดจากเสวนาเต๋าครั้งนี้จะจบลงแล้ว แต่ผลกระทบของมันใหญ่หลวงนัก ทิ้งความพะวงไว้ในใจขุมอำนาจแต่ละฝ่าย คลื่นกระทบที่ส่งผลต่อผู้ร่ำเรียนในวังศึกษาก็คงอยู่อีกยาวนาน

ผู้ศึกษานับไม่ถ้วนล้วนบาดเจ็บหนักเบาต่างกันไป

ความนิ่งเงียบและความสับสนกลายเป็นท่วงทำนองหลักของวังศึกษาในตอนนี้ โดยเฉพาะท้องฟ้าของวังศึกษา เสียหายทั้งผืน เห็นจุดเปราะบางได้หลายตำแหน่ง

ยังมีบางจุดเหมือนพื้นน้ำแข็งละลาย ปรากฏเป็นรูสีดำคล้ายถูกกัดเซาะ ราวกับแผลเน่าเปื่อยบนผิวหนังที่ไม่อาจหายได้เอง

และพื้นดินก็ไม่ได้ดีกว่ากันนัก ไม่เอ่ยถึงหลุมบ่อนับร้อยพัน แต่ก็เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าหลายพื้นที่กำลังถล่ม

มองภาพรวม ความรู้สึกของการพังทลายเด่นชัดเป็นพิเศษ

เห็นทั้งหมดนี้ รอยย่นบนหน้าเจ้าวังศึกษาคล้ายเยอะกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย เขาถอนหายใจเบาๆ มือขวายกขึ้นชี้ไปยังท้องฟ้า

“คืนรูป!”

คนที่ร่วมมือกับเจ้าวังศึกษายังมีเจ้าสายทั้งหมดในวังศึกษา เจ้าสายเซียนต่างวิถีก็รวมอยู่ในนั้น ตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนยกมือขวา เริ่มใช้ข่ายพลังของวังศึกษาที่ตนมีในฐานะเจ้าสาย

ชั่วขณะหนึ่ง เจดีย์ขาวแต่ละองค์แผ่รัศมีสีขาว เกิดเป็นคลื่นปราณขยายทั่วผืนดิน พร้อมปรากฏลำแสงสีขาวพุ่งสู่ม่านฟ้าวังศึกษาเป็นสาย

มองไกลๆ ลำแสงเป็นสายเหล่านั้นอานุภาพสะเทือนฟ้า พริบตาต่อมาท้องนภาปรากฏตราอักขระมากมายเปล่งประกายแสงสีขาว ทุกรูปล้วนมี 8 มุม ขยายทั่วฟ้าแผ่คลุมผืนดิน

ตราอักขระเหล่านี้เรียงแถวกัน เกิดเป็นรูปยันต์ 8 ทิศขนาดมหึมา

ในนั้นเคลื่อนหมุนเป็นวง ต่างโคจรตามวิถีบางอย่าง และทุกการหมุนครบรอบจะทำให้พื้นที่วังศึกษาที่เสียหายถูกซ่อมแซม

พื้นดินก็เป็นเช่นนั้น ค่ายกลยันต์ 8 ทิศแบบเดียวกัน โคจรเป็นวงเช่นเดียวกัน

ขณะฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น การฟื้นฟูพื้นที่ทั้งวังศึกษาก็รวดเร็วขึ้น จนเวลาผ่านไป 1 ก้านธูป…ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่เหลือส่วนเสียหายสักน้อยนิด

ผืนดินไร้เศษธุลี ดินถล่มทั้งหมดคืนสู่สภาพเดิม

ทุกสิ่งย้อนกลับมาก่อนเสวนาเต๋า

“เสวนาเต๋าสิ้นสุด”

“สายเซียนต่างวิถีชนะ!”

เจ้าวังศึกษาที่อยู่กลางอากาศกวาดสายตามองผู้ร่ำเรียนทั้งหลาย สุดท้ายมองไปยังแท่นเต๋าสายเซียนต่างวิถี จุดหลักที่เขามองคือสวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิลงอีกครั้ง

สายตานี้ลึกล้ำ แอบแฝงความเฉียบคม คล้ายอ่านทะลุใจคนได้

คำพูดของเขาจบเสวนาเต๋าครั้งนี้โดยสมบูรณ์

เงาร่างเขาลอยออกไปหลังกล่าวจบ ส่วนองค์ชายสามที่ติดตามอยู่ข้างหลังโดยตลอด หากไม่ได้เห็นเรื่องนี้กับตา อย่างมากก็อมยิ้มให้กำลังใจเหล่าผู้ศึกษาแล้วจากไป

แต่ตอนนี้ เขาคารวะไปทางสวี่ชิงอย่างเคารพนบนอบถึงกล้าเดินออก

และหลังจากวังศึกษาเงียบลงชั่วขณะหลังพวกเขากลับไป เสียงโห่ร้องยินดีเปี่ยมความเบิกบานดังขึ้น เสียงทั้งหมดมาจากผู้ศึกษาสายเซียนต่างวิถี

เหล่าผู้ศึกษาที่ไม่กล้าคบค้ากับสายเซียนต่างวิถีก่อนเสวนาเต๋า ยามนี้ตื่นเต้นฮึกเหิม

เพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากผ่านเสวนาเต๋าครั้งนี้ ทั้งเอาชนะเปิดโปงสายผสานเทพ สายเซียนต่างวิถี…จะไม่มีอุปสรรคใดอีกแล้ว ต้องทะยานขึ้นฟ้าแน่นอน

กระแสเซียนต่างวิถีมาถึงแล้ว

จุดนี้ก็พอมองออกจากสายรุ้งบนแท่นเต๋าที่ส่องประกายทั่วทิศ

กระทั่งผู้ศึกษามากมายที่เป็นกลางยังใฝ่ฝันหาสายเซียนต่างวิถีหลังจากเห็นเรื่องในวันนี้

แต่เทียบกับสายเซียนต่างวิถีที่ยกระดับอย่างรวดเร็ว สายผสานเทพที่เป็นฝ่ายแพ้ยามนี้ชะตาสิ้นสุดแล้ว ผู้ศึกษาผสานเทพทั้งหลาย ตั้งแต่ศิษย์ตัวแทนสำนักจนถึงศิษย์ทั่วไป ต่างคนจิตใจไม่สงบ บ้างก็งุนงง บ้างก็มีคนเสียใจ

ทั้งหมดนี้ สุดท้ายล้วนกลายเป็นความโกรธ ความโกรธที่มีต่อไป๋เซียวจัว

สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญต่อคือวังศึกษาไปจนถึงเมืองหลวงจักรพรรดิหันมาตรวจสอบไป๋เซียวจัว โดยเฉพาะพวกระดับสูงในสายผสานเทพ ไม่มีใครรอดสักคน นอกจากพวกเขาจะผ่านการสอบสวน ไม่อย่างนั้นความตายคือจุดจบเพียงหนึ่งเดียว

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ขณะเสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้น องครักษ์ชุดดำของวังศึกษาและองครักษ์ส่วนพระองค์ในเมืองหลวงจักรพรรดิมาถึงพร้อมกัน

พวกเขาพาพวกระดับสูงในสายผสานเทพทั้งหมดไปต่อหน้าผู้ศึกษาทั้งหลาย

ทั้งยังบังคับปิดผนึกไม่ให้ผู้ศึกษาผสานเทพออกมา ทำให้เวลาช่วงหนึ่งในภายหน้าพวกเขาต้องอยู่แต่ในวังศึกษา รอคอยการสอบสวนที่จะตามมา

เจดีย์ขาวสายผสานเทพถูกผนึกเหมือนสายเซียนต่างวิถีในตอนแรก!

สวี่ชิงลุกขึ้นในยามนี้ เดินลงแท่นเต๋าพร้อมเจ้าสายเซียนต่างวิถีและเฉินเต้าเจ๋อ กลับถึงเจดีย์ขาวเซียนต่างวิถีโดยมีผู้ศึกษาเซียนต่างวิถีห้อมล้อมตลอดทาง

นอกเจดีย์ขาว เจ้าสายเซียนต่างวิถีหายใจเข้าลึก ประกาศแก่ผู้ศึกษาว่าพรุ่งนี้สายเซียนต่างวิถีจะเปิดอีกครั้ง

ขณะเสียงโห่ร้องยินดีเบิกบานกว่าเก่า เจ้าสายเซียนต่างวิถีผู้นี้ค้อมกายคารวะไปทางสวี่ชิง เฉินเต้าเจ๋อที่ด้านข้างก็ทำเช่นเดียวกัน

สวี่ชิงรู้ว่าพวกเขามีคำถามมากมายอยากถาม จึงเดินเข้าเจดีย์ขาว

2 คนข้างหลังก้าวตามเข้ามา ประตูเจดีย์ขาวค่อยๆ ปิดเข้าหากัน

กลุ่มผู้ศึกษาภายนอกก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมาะรบกวน จึงต่างคนก้มลงกราบเจดีย์ขาวด้วยใจฮึกเหิมแล้วเลือกเดินจากไป

ในเจดีย์ขาวเป็นความสงบเงียบ

ภายใต้แสงตะเกียงสว่างไสว สวี่ชิงยืนอยู่หน้าชั้นวางแผ่นหยก มองตำราแน่นขนัดบนนั้น เจ้าสายเซียนต่างวิถีกับเฉินเต้าเจ๋อยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างนอบน้อม

ในใจพวกเขามีคำถามมากมายเหลือเกิน แต่ตอนนี้ยืนเผชิญหน้าสวี่ชิงอยู่ตรงนี้ แม้มีคำพูดนับพันหมื่นก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร ต้นกำเนิดสายเซียนต่างวิถีอยู่บนกายสวี่ชิงแล้วจริงๆ นี่ทำให้พวกเขาร้อนใจด้วยนึกถึงส่วนได้ส่วนเสีย

เมื่อมีคนตัดสินความรุ่งโรจน์และความตกต่ำให้เรื่องล้ำค่าที่สุดของเจ้าได้ในประโยคเดียว เช่นนั้นต้องเกิดความกังวลกับความลังเลเป็นธรรมดา

นี่คือบุคคลยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

คำว่าบุคคลยิ่งใหญ่ หลายครั้งไม่ใช่สิ่งแน่นอน หากเป็นสิ่งชั่วคราว

สวี่ชิงเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา ประสบการณ์จาก 7 เนตรโลหิตและเขตปกครองผนึกสมุทร ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็วจากเด็กหนุ่มที่เดินออกจากถ้ำยาจก

เสียงของสวี่ชิงจึงดังก้องไปทั้งเจดีย์ขาว

“เมล็ดพันธุ์มรรคาเซียนต่างวิถี แปลงมาจากเมล็ดพันธุ์วิญญาณข้า”

“คุณและโทษของเมล็ดพันธุ์วิญญาณนี้ ข้าบอกไว้ในแผ่นหยกชัดเจนแล้วตอนส่งให้เจ้าสายครั้งแรก”

“เมล็ดพันธุ์วิญญาณนี้ ข้าเอากลับมาได้ในหนึ่งความคิดจริง สามารถดึงพลังฝึกบำเพ็ญทั้งหมดที่เกิดจากเมล็ดพันธุ์วิญญาณนี้กลับมา”

“แต่ข้าจะทำเช่นนี้ในกรณีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ…ขัดต่อวิถีมนุษย์”

สวี่ชิงพูดจบ หันมองเจ้าสายเซียนต่างวิถีกับเฉินเต้าเจ๋อด้วยสายตาเฉียบขาด

ทั้ง 2 ก้มหน้า ประสานมือคารวะ

หากเปลี่ยนเป็นไม่รู้ฐานะของสวี่ชิง เช่นนั้นคำพูดเหล่านี้พวกเขาก็ได้แต่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คงมีทั้งเตรียมป้องกันทั้งระวังตัว ถึงสุดท้ายจะก้มหน้าก็เป็นแค่แผนเพื่อสิ่งที่ควรได้และการเลือกใช้ประโยชน์ระหว่างกัน

แต่ว่า…ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น

ในฐานะของสวี่ชิง มีฐานะหนึ่งสำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือผู้ถือครองกระบี่

ถูกจักรพรรดิยอมรับเป็นผู้ถือครองกระบี่ เช่นนั้นคำพูดของเขาย่อมมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว

ดังนั้นสำหรับเจ้าสายเซียนต่างวิถีกับเฉินเต้าเจ๋อ พวกเขาเชื่อคำเหล่านั้นที่สวี่ชิงบอก

สวี่ชิงพลันโบกมือขวา นำเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีม่วงออกมาอีก 3 เมล็ดจากที่เหลืออยู่ในกาย 98 เมล็ด ยื่นให้ 2 คนตรงหน้า

“พวกท่านเลือกผู้เหมาะสมมาผสานเมล็ดพันธุ์วิญญาณสีม่วงนี้ได้ แต่การจัดการในสายเซียนต่างวิถี พวกท่านต้องตัดสินใจเอง”

“หลังจากนี้ ข้าจะนำภาพวาดที่อิงจากรายละเอียดภาพสัญลักษณ์อันใหม่ส่งมาที่นี่ ผู้ศึกษาที่มาภายหลังสามารถฝึกบำเพ็ญโดยใช้สิ่งนี้เป็นทิศทางได้”

“รับโองการ!”

เจ้าสายเซียนต่างวิถีหายใจเข้าลึก กล่าวคำหนักแน่นและรับเมล็ดพันธุ์วิญญาณ 3 เมล็ดนั้นไว้ด้วยทะนุถนอมยิ่ง จากนั้นใคร่ครวญแล้วประสานมืออีกครั้ง

“เจ้าแดนสวี่ ฐานะภายนอกของข้าคือที่ปรึกษาวังพิธีการ หากต้องการสิ่งใดเชิญสั่งมาได้เลย”

สวี่ชิงไม่ได้ถามฐานะภายนอกของเขา แต่ในฐานะผู้ผูกมัดทางผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุด เจ้าสายเซียนต่างวิถีคิดว่าตนควรบอก

เฉินเต้าเจ๋อที่ด้านข้างก็นิ่งเงียบแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“เจ้าแดนสวี่ ข้าไม่ได้ออกจากวังศึกษามา 2,000 ปี ดีที่ได้เมล็ดพันธุ์วิญญาณจึงฟื้นสติสัมปชัญญะ ควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง ตอนแรกฐานะภายนอกของข้าคือหนึ่งในผู้ปกครองอาวุโสของยอดสำนักจักรพรรดิดารา บัดนี้เรื่องเซียนต่างวิถีจบลงชั่วคราว ข้าก็หมายจะกลับสำนักข้างนอก”

‘ยอดสำนักจักรพรรดิดารา?’ สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง เขานึกถึงสำนักย่อยจักรพรรดิดาราที่เดาว่านายกองจะไป จึงพยักหน้า

และหลังจากสวี่ชิงเป็นฝ่ายเอ่ยปาก เจ้าสายเซียนต่างวิถีกับเฉินเต้าเจ๋อก็ถามสวี่ชิงเกี่ยวกับวิชาฝึกบำเพ็ญของไหมวิญญาณเซียนต่างวิถี

ในด้านวิชา สวี่ชิงไม่อาจแนะนำอะไรได้ แต่เขามีความเข้าใจในแก่นแท้สายเซียนต่างวิถีของตนเอง บวกกับสภาวะเทพ เขาบอกความคิดของตนแก่ทั้ง 2

สำหรับทั้ง 2 คน คำพูดของเขาเปี่ยมความหมายลึกล้ำ ทำให้จิตใจพวกเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่

‘ผลลัพธ์ของไหมวิญญาณ เลียนแบบพลังต้นกำเนิดเทพ…’

‘เผาไหม้เงาเทพเจ้า ทลายกำแพงขวางกั้น!’

‘ที่ว่าเซียนต่างวิถี คือการเป็นเทพเป็นเซียนในหนึ่งความคิด…’

ทั้ง 2 เกิดความคิดเป็นพันหมื่น เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป กระทั่งตอนสวี่ชิงออกจากเจดีย์ขาวมุ่งไปเมืองหลวงจักรพรรดิ เป็นกลางดึกแล้ว ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยม่านสีดำ ดูลึกล้ำเงียบสงัดกว่าปกติ

ดาวประดับฟ้ายามราตรี เหมือนดวงตาลึกลับเป็นคู่ๆ แอบสังเกตการณ์บนโลก

ลมอ่อนพัดมา 2 ฝั่งถนนเงียบสงบ เกิดเสียงซ่าซ่าจากต้นไม้ที่ไหวเอนดังขึ้นในหูสวี่ชิง ฝีเท้าเขาหยุดชะงัก กล่าวคำราบเรียบ

“คราวก่อน คนสะกดรอยตามที่ปรากฏตัวต่อหน้าข้าในเมืองหลวงจักรพรรดิยามกลางคืน ตายไม่เหลือชิ้นดี”

เมื่อสวี่ชิงเอ่ยคำ ในแสงจันทร์ข้างหลังเขาเผยเงาร่างสตรีสายหนึ่ง

สตรีผู้นี้สวมหน้ากาก นัยน์ตาเจือแววฉงนระคนตกใจ และยังมีความยั่วยุ

“เจ้าลองดูก็ได้”

เป็นสตรีลึกลับที่ปรากฏตัวในสำนักย่อยจักรพรรดิดารา!

สวี่ชิงหันกาย แสงจันทร์ขยายฉับพลัน กลายเป็นแสงจันทร์สีม่วงปกคลุมถนนสายยาว

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงประหลาดกำลังเกิดขึ้นในดาราจักรพรรดิโบราณ

ดาราจักรพรรดิโบราณ เมฆหมอกแผ่ขยาย เคลื่อนไหลอย่างเชื่องช้า

ในส่วนลึกเหนือวังจักรพรรดิ กลางแท่นบูชารูปทรง 5 เหลี่ยมขนาดมหึมา โลงศพสีทอง 5 เหลี่ยมแผ่ไอจักรพรรดิน่าหวาดกลัว

ไอจักรพรรดิเหล่านี้คล้ายเคยถูกกัดกร่อนบ่อนทำลาย เป็นสีดำมืด ประหนึ่งหมู่มังกรดำแห่งความตายส่งเสียงร้องโหยหวน หมุนรอบตะเกียงที่ใจกลางด้วยความเร็ว

และตะเกียงสีม่วงดวงนี้ เดิมอยู่ในสภาพดับสนิท แต่ในพริบตานั้น บริเวณไส้ตะเกียงปรากฏแสงไฟไหวระริก

นั่นเป็นไฟสีแดงทอง 2 ดวง ริบหรี่นัก คล้ายลมพัดก็จะดับ

กลางดวงไฟ มีดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์ของลิขิตสวรรค์กับชีวิตและความตายปรากฏเป็นระยะ

ดอกไม้นี้ เป็นดอกไม้ที่ไป๋เซียวจัวแสดงให้เห็นครั้งสุดท้าย และเป็นของจัดแสดงชิ้นสุดท้าย…

ในชีวิตของเขา

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version