Skip to content

Outside Of Time 867


บทที่ 867 เป้าหมาย : จี้ตงจื่อ

เทือกเขาสั่นสะเทือน รอยแยกมากมายปรากฏบนหินผา ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ก็แผ่ลามออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักภูเขาเหนือบริเวณที่สวี่ชิงฝึกบำเพ็ญก็เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยใยแมงมุม

รอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

3 อึดใจหลังจากนั้น ภูเขามหึมาก็เหมือนว่าแต่เดิมก่อขึ้นด้วยฝุ่นธุลี ตอนนี้ก็กลับสู่สภาพเดิม เสียพลังที่ค้ำจุนเอาไว้ พังทลายลงมา

ลมเพียงพัดก็เกิดเป็นพายุฝุ่นปลิวกระจายไปทั่วทุกทิศ

สิ่งที่กระจายออกไปยังมีกลิ่นอายที่น่ากลัวจากในส่วนลึกของตัวเองด้วย

กลิ่นอายนี้แฝงไว้ด้วยความทรงพลังสูงสุดกลุ่มหนึ่งด้วย ยิ่งมีอำนาจความน่าเกรงขามของเทพเจ้า ก่อเป็นวงแหวนแผ่ออกไป

ทุกที่ที่ผ่าน แผ่นดินเกิดรอยแยก เกิดเป็นร่องลึกร่องแล้วร่องเล่า

ในขณะเดียวกัน ต้นไม้ใบหญ้าป่าดิบชื้นรอบๆ ภูเขาต่างสั่นไหว เสี้ยวขณะต่อมาก็แห้งเหี่ยวลงทันที กลายเป็นส่วนหนึ่งของพายุฝุ่น

อสูรร้ายในนั้นก็เช่นเดียวกัน จนกระทั่งแผ่ระลอกพลังออกไปเป็นระยะพันลี้ถึงได้หยุดลง

และบริเวณต้นกำเนิดของพายุฝุ่นพันลี้ บริเวณที่เคยเป็นภูเขาในอดีต ในบริเวณใจกลางที่รอยแยกร่องลึกนับไม่ถ้วนตัดสอดประสานกัน มีหลุมลึกยุบลงไปพันจั้ง

มองไปไกลๆ เป็นหลุมลึกที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างหลุมหนึ่ง

ใต้หลุมค่อยๆ มีเงาทางหนึ่งลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ

จากการเดินออกมา พลังกดดันที่ทำให้คนจิตใจสั่นสะท้านแผ่ออกมาจากเงาร่างนี้ ลมพายุโลกภายนอกยิ่งพัดกรรโชก ในยามที่พัดตลบไปทั่วทุกทิศก็ส่งเสียงกรีดหวีดดงสะท้านสะเทือนออกมา

ท้องฟ้าในเสี้ยวขณะนี้ลมเมฆหอบทะลัก คล้ายว่าเปลี่ยนแปลงเพราะการเดินออกมาของร่างนี้

ยิ่งมีเปลวไฟสีดำแผ่ซ่านออกมาจากร่างนี้ วิ่งไปตามร่องลึกบนพื้น เหมือนมาจากน้ำพุเหลือง เป็นตัวแทนของความตาย เป็นตัวแทนของการสังหาร

ทั้งยังมีไหมวิญญาณนับไม่ถ้วนปะทุพวยพุ่งขึ้น มืดฟ้ามัวดิน วนล้อมร่างนี้ หมุนวนอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นในช่องว่างที่แสงเพลิงและไหมวิญญาณสอดประสาน เงาร่างที่เดินมาทีละก้าวๆ นี้ สลัวรางเลือน มองเห็นได้เลาๆ ว่านั่นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง

มองหน้าตาโดยละเอียดไม่ชัด มีเพียงผมยาวทั้งศีรษะที่ปลิวสะบัด ท่ามกลางเปลวเพลิงส่องประกายแสงสีม่วงระยิบระยับ

จนกระทั่งเงาร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากหลุมลึกพันจั้ง ยืนอยู่เหนือพายุ ยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน

ลมพัดเสื้อคลุมยาวสีดำของเขาปลิวสะบัด แฝงไว้ด้วยความเฉียบขาดดุดัน

เขาเงยหน้าขึ้น

นั่นเป็นใบหน้าที่งดงามล้ำเลิศดวงหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกไม่กล้าไปดูหมิ่น ประดุจเทพเจ้าองค์หนึ่ง

สีหน้าของเขาเย็นชา แต่ตราประทับวงกลมที่ฉายแสงวาบขึ้นมาตรงหว่างคิ้วกลับฉายความชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งออกมา นั่นเป็นตราสัญลักษณ์ที่ผู้ใช้วิญญาณนำมา!

เป็นสวี่ชิงนั่นเอง

“สมบัติวิญญาณ…บริบูรณ์”

สวี่ชิงก้มหน้า มองไปยังร่องลึกบนพื้น มองไหมวิญญาณที่วนล้อมรอบๆ เขาสูดลมหายใจลึก

สมบัติวิญญาณขอบเขตนี้ เวลาที่เขาฝึกบำเพ็ญจนมาถึงตอนนี้ใช้ไปมากที่สุด ไม่ใช่เพราะขอบเขตนี้ยากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพราะสมบัติลับของเขาแตกต่างจากผู้อื่น

คนอื่นคือสมบัติลับ ของเขาคือสมบัติเทพ สมบัติจักรพรรดิ สมบัติผู้ใช้วิญญาณ

สิ่งที่เขาอยากได้มีมากมายนัก ดังนั้นทางด้านเวลาย่อมช้า

จวบจนวันนี้ถึงได้นับว่าบริบูรณ์

แต่ห่างจากทะลวงสู่ระดับหวนสู่อนัตตายังมีเงื่อนไขอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มี

“วิถีสวรรค์…”

สวี่ชิงสายตาล้ำลึก

เขานึกถึงสถานที่ที่ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกว่าได้รับวิถีสวรรค์ในตอนนั้น

ด่านที่ 3 ของมหกรรมล่าเหยื่อ แผ่นดินเทวะ!

“ส่วนตอนนี้ แม้ข้าจะยังขาดวิถีสวรรค์อีก 4 องค์ แต่กำลังรบของข้าเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”

ครุ่นคิดครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็เก็บความหวังต่ออนาคตลงไป จากความคิดที่ขยับหมุน ทันใดนั้นไหมวิญญาณรอบๆ ก็ทะลักมา รวมไปที่ร่างสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตา สภาวะเทพขั้นที่ 1 ก็ก่อขึ้นอย่างรวดเร็ว

นั่นเป็นกำลังรบของหวนสู่อนัตตาขั้นที่ 1

จากนั้น ไหมวิญญาณมากกว่าเดิมทะลักเข้าไป เพียงพริบตา สภาวะเทพขั้นที่ 2 ก็ปรากฏขึ้น

ระลอกคลื่นกำลังรบระดับหวนสู่อนัตตาขั้นที่ 2 สั่นคลอนทั่วทุกสารทิศ

จากนั้นไหมวิญญาณมากกว่าเดิมทะลักเข้าไป สภาวะเทพขั้นที่ 3 ปรากฏในฟ้าดิน พลังระดับหวนสู่อนัตตาขั้นที่ 3 แผ่ลามไปทั่วทุกทิศ พลังเทพเจ้าสั่นสะท้านฟ้าดิน

ยังไม่จบแค่นั้น หลังจากที่ไหมวิญญาณกลุ่มสุดท้ายกลับมา สภาวะเทพขั้นที่ 4 ก็ปะทุขึ้นท่วมฟ้าจากบนร่างของสวี่ชิง

นั่นเป็นสภาวะของชื่อหมู่ และเป็นสภาวะขั้นสูงสุดของสภาวะเทพเจ้า

กำลังรบของระดับหวนสู่อนัตตาขั้น 4 โหมซัดท้องฟ้า สั่นคลอนแผ่นดิน บิดม้วนมิติ ไอพลังประหลาดก่อกำเนิดขึ้น

สภาวะนี้ เป็นสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดของสวี่ชิงเมื่อก่อน รวมไว้ซึ่งพลังบำเพ็ญทั้งหมดของเขา แฝงไว้ด้วยอำนาจเทพเจ้าที่เคยสัมผัสมาทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแดดหรือเป็นจันทร์สีม่วง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะนี้ทั้งสิ้น

“สภาวะนี้เป็นขีดจำกัดสูงสุดของข้าก่อนเข้ามาในเขตนพกาฬ”

“แต่ตอนนี้…”

สวี่ชิงหลับตา ในร่างสมบัติผู้ใช้วิญญาณที่ 5 ราวภูเขาไฟ เตาหลอมปะทุ เสียงคำรามจากกะโหลกแต่ละกะโหลกจิ่วหลีแต่ละเสียงๆ ดังมาจากในร่างสวี่ชิง

ท้องฟ้าสั่นสะเทือน เมฆหมอกระเบิด มิติแผ่ระลอกคลื่นไม่สิ้นสุด ศีรษะทั้ง 9 ของจิ่วหลีพุ่งออกมาจากในร่างของเขา วนล้อมรอบกาย ก่อเป็นคลื่นวนขนาดมหึมา

แตกต่างกันไป เวียนวนเร็วรี่ ก่อเป็นพลังสยบทั่วทุกทิศ

น่าตื่นตะลึงครั่นคร้ามนัก

ในยามที่หมุนวนสะท้านครืนครั่น ฉิวหนิวพุ่งออกมาจากคลื่นวนเป็นอันดับแรก แปรเปลี่ยนเป็นภาพมังกรมายา พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง แนบติดไปบริเวณคอของเขา ก่อเป็นเกราะมังกร!

มันจะเพิ่มพลังวิถีที่เกี่ยวกับเสียงทุกอย่างให้กับสวี่ชิง และภายใต้สภาวะเทพขั้นที่ 4 ของสวี่ชิง คำพูดก็คือคำรำพันของเทพเจ้า มีการเพิ่มพลังจากฉิวหนิว คำรำพันนี้จะยิ่งน่าสะพรึงกลัว

จากนั้น เชาเฟิงบินมา ผสานไปในร่างสวี่ชิง แล้วปรากฏเป็นปีกสีดำคู่หนึ่งที่หลังของเขา ขณะที่โบกสะบัด ลมแรงพัดกรรโชก ฟ้าดินเปลี่ยนสี

มันจะเพิ่มพลังความเร็วทุกด้านให้สวี่ชิง!

จากนั้นก็เป็นผูเหลา ปี้อั้น ชือเหวิ่น

ศีรษะของจิ่วหลีทั้ง 3 นี้ ผูเหลาแปรเปลี่ยนเป็นเกราะแขน เพิ่มพลังให้กับพลังวิเศษทุกอย่าง นับจากนี้ สวี่ชิงภายใต้สภาวะนี้เคล็ดวิชาพลังวิเศษทุกอย่างที่สำแดงจะได้รับการเพิ่มพลังจากผูเหลา กำลังรบปะทุเพิ่มขึ้น

ส่วนปี้อั้นแปลงเป็นเกราะอก เพิ่มพลังให้กับวิถีการผนึก ไม่ว่าจะเป็นติงหนึ่งสามสอง หรือจะเป็นเคล็ดวิชาผนึกทุกอย่างของสวี่ชิง ภายใต้สภาวะนี้ล้วนจะเปลี่ยนมาน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนชือเหวิ่นแปลงเป็นเกราะหลัง ประโยชน์ของมันง่ายมาก แต่กลับทรงอานุภาพไร้เทียมทาน มันสามารถปัดเป่าเคราะห์ภัยทุกอย่างได้!

จากนั้นก็เป็นป้าซย่าและฟู่ซี่

ฝ่ายหน้าประกอบเป็นเกราะร่างที่เป็นส่วนใหญ่ หุ้มร่างไปเกินครึ่ง สิ่งที่มันเพิ่งพลังให้คือพลังการป้องกันกายเนื้อของสวี่ชิง

นับจากนี้ การป้องกันของสวี่ชิงจะถึงในระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ประโยชน์ของฝ่ายหลังคล้ายกัน แต่ไม่ใช่กับกายเนื้อ เป็นด้านวิญญาณ

ภายใต้สภาวะนี้ ฟู่ซี่ไม่ดับสลาย วิญญาณของสวี่ชิงไม่เสียหาย

นับจากนี้ กายและวิญญาณของเขา ในด้านการป้องกันเทียบกับในอดีตแล้วล้วนแตกต่างโดยสิ้นเชิง

และที่พิเศษที่สุดต้องเป็นซวนหนี!

ประโยชน์ของมันแม้แต่สวี่ชิงก็ยังต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก มันไม่ได้แปลงเป็นเกราะ แต่เป็นควันกลุ่มหนึ่ง ลอยอ้อยอิ่งอยู่ข้างหลังสวี่ชิง เชื่อต่อกับผืนฟ้า สิ่งที่มันเพิ่มพลังให้…คือความเป็นเทพของสวี่ชิง!

ภายใต้การเพิ่มพลังของมัน สภาวะเทพขั้นที่ 4 ของสวี่ชิง ด้านพลังต้นกำเนิดเทพได้รับการเพิ่มขึ้น

จุดนี้ สวี่ชิงหลังจากที่ขบคิดแล้วมีการคาดเดาอย่างหนึ่ง บางทีซวนหนีแต่เดิมไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่เรื่องจากการสะกดควบคุมและการกัดกินจากเทพแมงมุมตนนั้น จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน

และมีเพียงคำตอบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมซวนหนีสภาวะผู้ใช้วิญญาณนี้ของจิ่วหลีจึงเข้าได้กับเทพเจ้า

สวี่ชิงฝังกลบการคาดเดานี้ไว้ในใจ มองไปยังศีรษะสุดท้ายของจิ่วหลี

นั่นคือหยาจื้อ

สิ่งที่มันแปลงออกมาคือหน้ากากเหี้ยมเกรียมอันหนึ่ง ทันทีที่สวี่ชิงมองไปมันก็พุ่งมาอย่างรวดเร็ว มาอยู่บนใบหน้าของสวี่ชิง

และสิ่งที่มันเพิ่มพลังให้คือการสังหาร นับจากนี้ อาวุธเวททุกอย่าง อาวุธทุกอย่าง ภายใต้การผสานจากมัน ก็จะสำแดงความดุร้ายเหี้ยมโหดไร้เทียมทานออกมา

ทันทีที่แนบติดไปยังใบหน้าสวี่ชิง ม่านฟ้าหมองหม่น ทั่วทุกทิศสะเทือนคำรามก้อง สายฟ้านับไม่ถ้วนราวงูสีเงินร่ายระบำ

พายุในเสี้ยวขณะนี้ยิ่งโหมกระหน่ำ ท่ามกลางลมกรรโชก สวี่ชิงที่ยืนอยู่กลางท้องฟ้า หน้าตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!

นั่นเป็นเงาร่างแปลกประหลาดที่ผสานไว้ทั้งสภาวะเทพและสภาวะผู้ใช้วิญญาณ!

เกราะมังกรสีเทาดำฉายรังสีสังหารและความลึกลับ ภาพสัญลักษณ์จิ่วหลี 9 เศียรแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายเก่าแก่บรรพกาล

ปีกข้างหลังและดวงจันทร์สีม่วงที่ลอยขึ้นมา อีกทั้งร่างเทพใต้เกราะมังกร ผสานผู้ใช้วิญญาณและเทพไว้ด้วยกัน

หมอกเทาที่หนาแน่นยิ่งกว่าเดิมแผ่ซ่านออกมาจากในร่างเขา ปกคลุมฟ้าดิน พวยพุ่งไปข้างนอกไม่ขาดสาย ทำให้คนรู้สึกจิตใจสั่นสะท้าน

ภายใต้สภาวะนี้ สวี่ชิงมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง

ม่านฟ้า เขาสามารถทำให้มันมืดมิดได้เพียงเสี้ยวความคิด

แผ่นดิน เขาทำให้มันยุบทลายลงได้เพียงมองไปครั้งเดียว

สรรพชีวิตทั้งหลายเขาทำให้ดับสลายได้เพียงนึก

กฎเกณฑ์เขาสามารถเมินไปได้เพียงแค่ยกมือ

“ที่แท้ นี่ก็คือกำลังรบของระดับหวนสู่อนัตตาบริบูรณ์…”

สวี่ชิงพึมพำ หลังจากนึกย้อนถึงอัจฉริยะของเผ่านภาคิมหันต์ที่เคยสัมผัสสองสามคนก่อนหน้านี้ ในดวงตาของเขาฉายประกายแวววาว

เขารู้ดี กำลังรบของตัวเองตอนนี้ภายใต้การเพิ่มพลังทุกด้านของจิ่วหลี ก็เกินกว่าระดับหวนสู่อนัตตาขั้น 4 มาถึงระดับบริบูรณ์ของระดับหวนสู่อนัตตาระดับนี้แล้ว

กับทั่วสือซาน ฝานซื่อซวงและจี้ตงจื่ออยู่ในขอบเขตกำลังรบเดียวกันจริงๆ แล้ว อีกทั้งยังอยู่ในระดับสูงสุดอีกด้วย

นี่ก็คือสภาวะแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ของสวี่ชิง

“แต่นี่ไม่ใช่สภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดของสมบัติผู้ใช้วิญญาณ!”

“ในเศษชิ้นส่วนความทรงจำของกะโหลกจิ่วหลี สภาวะผู้ใช้วิญญาณของเขาไม่ใช่แบบนี้”

สวี่ชิงนึกย้อนถึงเศษชิ้นส่วนความทรงจำที่ดู ตอนนั้นที่นอกค่ายกลสังหารเทพ จิ่วหลีที่นั่งขัดสมาธิตรงนั้น สิ่งที่ลอยอยู่ข้างหลังเขาเป็นหมอกสีเทาทรงพลังมากมหาศาลกลุ่มหนึ่ง

ในส่วนลึกของหมอกมองเห็นเงาร่างยิ่งใหญ่มหึมาร่างหนึ่งรางๆ กลิ่นอายน่าหวาดกลัว สั่นคลอนฟ้าดิน อีกทั้งไม่ใช่ร่างมังกร

แต่เหมือนเป็นร่างมนุษย์!

“นั่นถึงจะเป็นบรรพจารย์สภาวะผู้ใช้วิญญาณที่แท้จริงของจิ่วหลีในฐานะที่เป็นบรรพจารย์ผู้ใช้วิญญาณของเผ่าผู้ใช้วิญญาณนภาทมิฬ!”

สวี่ชิงจิตใจหวั่นไหว ลองกระตุ้นสมบัติผู้ใช้วิญญาณที่ 5 แต่ไม่ว่าเขาจะสำแดงอย่างไร สมบัติผู้ใช้วิญญาณที่ 5 ก็แค่เดือดพล่าน ไม่มีสัญญาณอะไรอีก

ขณะเดียวกัน ข้อจำกัดที่มองไม่เห็นบางอย่าง ผุดขึ้นมาในใจสวี่ชิง

เหมือนปราการแข็งแกร่ง ไม่อาจทำลายได้

สวี่ชิงหรี่ตาทั้ง 2 ข้างลง วิเคราะห์ในใจ

“ด้วยพลังที่แท้จริงของข้าตอนนี้ยังไม่สามารถสำแดงมันได้…”

“บางที ในยามที่ข้าได้วิถีสวรรค์มาอีก 4 องค์ ทะลวงระดับสมบัติวิญญาณก้าวสู่ระดับหวนสู่อนัตตาถึงจะทำสามารถทำลายปราการนี้ได้ ทำให้สภาวะผู้ใช้วิญญาณจิ่วหลีปรากฏขึ้นอีกครั้ง”

นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็เก็บความคิดลงไป เงยหน้าทอดสายตามองไปยังที่ไกล

ในใจมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่มาถึงแผ่นดินใหญ่ผืนคีรีผุดขึ้นมา จากได้เจอจี้ตงจื่อ ถูกไล่ล่าสังหารหนีเข้ามาในเขตต้องห้ามนพกาฬ จวบจนกระทั่งดิ้นรนเสี่ยงตายในนั้น สุดท้ายได้ผลเก็บเกี่ยวมหาศาลเช่นนี้

ผ่านจากประสบการณ์ทั้งหมดในช่วงนี้ และประวัติศาสตร์แท้จริงที่ได้เห็นทำให้เขามีความรู้สึกสะท้อนใจอย่างไม่อาจบรรยายได้ออกมา

นานหลังจากนั้น ในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายประกายวาววาม

“ข้าในเมื่อออกไปจากเขตนพกาฬได้ เช่นนั้น…จี้ตงจื่อ!”

จิตสังหารในใจสวี่ชิงเดือดพล่าน ร่างเพียงไหววูบ จากเสียงฟาดผ่าของสายฟ้าบนท้องฟ้า เงาร่างของเขาก็แหวกอากาศจากไป

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version