บทที่ 890 สิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 ของเทพเจ้า
เวลาไหลผ่าน
สวี่ชิงไม่รีบร้อน นอกจากครั้งแรกที่ลงมือสังหารหมิงเฟยฉับไว 10 กว่าครั้งหลังจากนั้น…เน้นชำแหละกับศึกษาเป็นหลัก
สาเหตุการตายหลาย 10 ครั้งนั้น บางครั้งหมิงเฟยตายเพราะอุทิศตนให้การศึกษาของสวี่ชิงขณะถูกเขาค้นคว้า
หลายครั้งเป็นเพราะหมิงเฟยพ่นพิษเข้มข้นเกินไป ปนเปื้อนรอบด้านจนกระทบความเป็นเทพของสวี่ชิง ทำให้การค้นคว้าของเขามีอุปสรรค
แต่ไม่เป็นไร ทุกครั้งที่หมิงเฟยตายล้วนต้องใช้เวลาหลาย 10 ลมปราณไปฟื้นฟู ขั้นตอนนี้มากพอให้สวี่ชิงใช้ไหมวิญญาณดึงพิษของอีกฝ่ายออกไป
นี่คือวิธีสลายพิษหมิงเฟยในระยะสั้นๆ ที่เขาคิดได้
อย่างไรพิษที่ต่อต้านความเป็นเทพ เป้าหมายของมันก็คือความเป็นเทพ และไหมวิญญาณเกิดจากพลังต้นกำเนิดเทพของสวี่ชิง ย่อมมีความเป็นเทพของเขาอยู่ในนั้นด้วย
พลังพิษต้องห้ามของสวี่ชิงในระดับเดียวกับพิษของหมิงเฟยยังคงต่อต้านกันต่อไป
ในซากปรักหักพังนี้จึงมีไหมวิญญาณถูกปนเปื้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ลอยหมุนเป็นเกลียว ผู้ใดเห็นเป็นต้องตกใจ
ถึงกระนั้น การศึกษาค้นคว้าของสวี่ชิงยังคงดำเนินไป
แม้ว่า…หลังจากตายไปหลาย 10 ครั้งหมิงเฟยที่ฟื้นคืนชีพจะมีกำลังรบเพิ่มขึ้นทุกครั้งก็ตาม ยามนี้เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ถึงกับระเบิดกำลังรบที่เทียบได้กับหวนสู่อนัตตาขั้น 2
แข็งแกร่งทรงพลัง คำรามดุจเสียงคำรนของเทพเจ้า พิษมันยิ่งรุนแรง ถึงกับแพร่ขยายพร้อมโรคระบาด…
แต่จุดจบไม่ได้ต่างจากเดิม ต่อให้กำลังรบของหมิงเฟยเพิ่มขึ้นอย่างไร ครู่ถัดไปสวี่ชิงก็ยกมือคว้าดึงมันมาตรงหน้าอีกครั้งเหมือนที่ผ่านมา
ชำแหละอย่างชำนาญ เลาะผ่าอย่างช่ำชอง สมาธิทั้งหมดจดจ่อกับการค้นคว้า
กับการศึกษาค้นคว้า สวี่ชิงไม่เคยปล่อยวางทั้งยังจริงจังมาก
จุดนี้ยังสะท้อนให้เห็นตอนเขาอยู่ 7 เนตรโลหิตตอนนั้น เหล่านักโทษในคุกกรมปราบพิฆาตล้วนเป็นประจักษ์พยานก่อนตาย
และคนเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สวี่ชิงมีความรู้วิถีพิษในระดับลึกซึ้งมาจนถึงตอนนี้
ว่ากันถึงแก่น สวี่ชิงเป็นคนเคารพความรู้
อย่างเช่นตอนนี้ เขาสะบัดหอกยาวสีดำทะลุร่างหมิงเฟย สังหารหมิงเฟยที่ทนทรมานไม่ไหวจนเตรียมระเบิดตัวเอง
“โครงสร้างร่างกายของหมิงเฟย…ค่อนข้างประหลาด”
“แต่ข้าพอจะเข้าใจวิธีสร้างพิษของมันบ้างแล้ว…”
สวี่ชิงพึมพำ สองนัยน์ตาหรี่ขึ้น กำลังครุ่นคิดบางอย่างโดยไม่ลืมกระจายไหมวิญญาณดึงพิษเฟยในและนอกกายออกไปด้วย จากนั้นจ้องมองจุดที่หมิงเฟยตาย เตรียมเริ่มค้นคว้ารอบถัดไป
ครั้งนี้เขาอยากศึกษาจิตวิญญาณของหมิงเฟยสักหน่อย
แต่ในยามนี้เอง ไอหมอกบนพิภพผืนนี้พลันพลิกม้วน สาดซัดอย่างบ้าคลั่งกลางฟ้าดินราวกับมหาสมุทร ครู่ต่อมาพุ่งมารวมตรงจุดที่หมิงเฟยตาย ชั่วพริบตา…หมิงเฟยปรากฏอีกครั้ง
ขณะปรากฏตัว กลิ่นอายหวนสู่อนัตตาขั้น 3 ปะทุขึ้น ม้วนเอาไอหมอกพร้อมความบ้าคลั่งและความโกรธแค้นพุ่งเข้าหาสวี่ชิง
นัยน์ตาสวี่ชิงจดจ่อ หอกยาวสีดำพลันพุ่งไปจากเหนือศีรษะเขา เห็นว่าใกล้เข้ามา หมิงเฟยที่ถูกหอกนี้สังหารหลายครั้งร่างกายพลันเลือนหาย ถึงกับหลบหอกยาวสีดำมาปรากฏตรงหน้าสวี่ชิง หมายจะพ่นหมอกพิษ
แต่พริบตาต่อมา ดาบสวรรค์เคลื่อนลง
สังหารมันฉับพลัน
ร่างหมิงเฟยสั่นสะท้าน แยกเป็น 2 ส่วน ล้มลงตรงนั้น
ตอนมันตาย วิหคทองด้านหลังสวี่ชิงปรากฏออกมา ส่งเสียงหวีดร้องทะลวงทองทลายหินผา ดูดเอาวิญญาณหมิงเฟยที่ล้มลงทันที
หมิงเฟยสลาย วิหคทองฉงน
สวี่ชิงมุ่นหัวคิ้ว
เขาสัมผัสได้ว่าการดูดครั้งนี้ไม่มีจิตวิญญาณใดถูกวิหคทองดูดรับไปเลย
และการกระทำของเขาราวกับละเมิดข้อห้ามบางอย่าง ทันใดไอหมอกบนพิภพนี้ยิ่งรุนแรง เกลียวคลื่นบนท้องฟ้าก็สนั่นหวั่นไหวด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่ในพริบตา
ฟ้าแลบเป็นสายถึงกับแหวกว่ายกลางฟ้าดิน ท้องนภาบิดเบี้ยว ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงคำรามของหมิงเฟยที่ดังทอดจากความว่างเปล่าเป็นสายเริ่มปรากฏชัด
จากนั้นเกลียวคลื่นบนฟ้าพลันกระจายตัว หมิงเฟยขนาดพันจั้งเดินออกมา
มันที่ปรากฏตัวในครั้งนี้ ไม่ว่าพลังหรือร่างกายล้วนเหนือกว่าที่ผ่านมามากโข พริบตาที่ปรากฏเสียงคำรามของมันยิ่งสะเทือนจนหูแทบหนวก ประหนึ่งเสียงเบิกฟ้าแหวกผืนดิน
จากนั้นไม่รอสวี่ชิงออกมือ มันอ้าปากกว้างดูดรับทันที
ไอหมอกทั้งพิภพกำลังพลิกม้วนในยามนี้ พุ่งจาก 8 ทิศเข้าปากหมิงเฟย ชั่วพริบตาพิภพเกลี้ยงเกลา ไอหมอกทั้งหมดถูกหมิงเฟยดูดเข้ามา
แข็งแกร่งทรงพลังหาใดเปรียบ
และไอหมอกที่มันดูดรับมาไม่ใช่แค่จากภายนอก แม้แต่ร่างกายของมันเองก็รวมอยู่ในนั้น
เห็นได้ด้วยตาเนื้อว่าร่างกายพันจั้งของมันถึงกับเริ่มแห้งเหี่ยว เหมือนถูกดูดกระนั้น จนครู่ต่อมาร่างกายมันเหือดแห้ง ทั้งร่างมีเพียงตาเดียวบนหน้าที่ยิ่งแวววาม แสงเลือนรางปกคลุมพิภพ กลายเป็นสิ่งเดียวที่ดึงดูดสายตา
มันจ้องมองสวี่ชิง
สวี่ชิงเงยหน้า นัยน์ตาฉายแววประหลาด
“ไม่ให้ข้าศึกษาจิตวิญญาณ…”
ขณะเดียวกัน ยามฟ้าดินเปลี่ยนสี โลกพลิกกลับ เสียงมีพลังเจือแววร้อนรนของต้นชิงมู่ในเอกภพดังก้องในจิตใจสวี่ชิงอย่างรีบเร่ง
‘ความช่วยเหลือของสหายได้ผลดีเยี่ยม แต่จงระวัง ปีศาจร้ายนั่นเข้าสู่ขั้นสุดยอดแล้ว จำต้องส่งพลังผสานเข้าร่างต้นกำเนิดมากขึ้นเพื่อใช้พลังวิเศษจากแก่นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของมันมาสังหารเจ้า’
‘สิ่งนี้คือ…สิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 ของเทพเจ้า!’
‘สหายช่วยถ่วงเวลาให้มันกินแรงอีกหน่อย ศึกของข้ากับมันในเอกภพมาถึงช่วงสำคัญแล้ว’
หลังเสียงต้นชิงมู่โบราณในเอกภพทอดมา ม่านฟ้าสั่นสะเทือน ราวกับในเอกภพเหนือท้องนภามีคลื่นบ้าคลั่งยิ่งกว่ากำลังระเบิด
ชั่วขณะหนึ่งทั้งพิภพล้วนสั่นไหว เริ่มพังทลายลง
พื้นดินแตกแยก เศษหินขนาดต่างกันลอยขึ้นกลางอากาศ ท้องฟ้าเกิดรอยแยกดุจกระจก รอยนั้นมากขึ้นจนใกล้แตกกระจาย
พิภพคล้ายกำลังเผชิญวันสิ้นโลกอย่างแท้จริงในยามนี้
กายสวี่ชิงบนหอเอนยืนขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิเป็นครั้งแรก
พริบตาที่ยืนขึ้น รูม่านตาแนวตั้งในตาเดียวของหมิงเฟยบนท้องฟ้าพลันขยาย!
พลังเก่าแก่ทั้งชั่วร้ายหาใดเปรียบพลันปรากฏ
ตามด้วยเสียงวิถีลึกลับระเบิดขึ้นในหัวสวี่ชิง
‘สิ่งแปดเปื้อนที่ 1 เพลิงเทวะเกิดควัน เดิมเพลิงเทวะไร้ควัน หากเกิดควันผสม ถือว่าไม่บริสุทธิ์’
‘สิ่งแปดเปื้อนที่ 2 จิตเทพเกิดความอยาก เดิมจิตเทพไร้ซึ่งความอยาก หากเกิดความอยากปะปน เท่ากับสูญสิ้นปัญญา’
‘สิ่งแปดเปื้อนที่ 3 กายเทพเกิดความเสื่อม เดิมกายเทพไม่มีเสื่อมถอย มีเสื่อมมีถอย เมื่อนั้นสังขารไม่เที่ยง’
‘สิ่งแปดเปื้อนที่ 4 ศาลเจ้าเกิดธุลี เดิมศาลเจ้าไม่มีธุลี มีธุลีย่อมสิ้นความรุ่งเรือง ไม่มีธูปเทียนสักการะอีกต่อไป’
‘สิ่งแปดเปื้อนที่ 5 ความเป็นเทพแปดเปื้อน เดิมความเป็นเทพนั้นบริสุทธิ์ แปดเปื้อนไร้สติปัญญา ย่อมตกต่ำลง’
นี่คือสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 ของเทพเจ้า
เสียงวิถี 5 ประโยคดังขึ้น ร่างกายสวี่ชิงสั่นสะเทือน ในตัวเขาไม่มีเพลิงเทวะ แต่ยังคงปรากฏสัญญาณของสิ่งแปดเปื้อนที่ 1 เกิดควันดำขึ้นภายใน ราวกับมีสิ่งปนเปื้อนเกิดขึ้นเอง ทำให้คนรู้สึกไม่บริสุทธิ์
จากนั้นวิญญาณเขาสั่นคลอน 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาระเบิดออกมาอย่างไม่อาจควบคุม ราวกับกระแสน้ำหมายจะทำให้เขาจม 5 ประสาทสัมผัส 6 ความรู้สึกหายไปหมดสิ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายเขายังเริ่มแก่ชรา พลังชีวิตริบหรี่ เกิดความเสื่อมถอยขึ้นเอง
ถัดมาเป็นไหมวิญญาณทั้งหมดในกายเขา ไหมที่เกิดจากพลังต้นกำเนิดเทพเหล่านี้ราวกับแทนศาลเจ้าในสิ่งแปดเปื้อนที่ 4 เกิดฝุ่นธุลี สูญสิ้นรัศมี
สุดท้ายคือความเป็นเทพของเขา มันระเบิดรุนแรง ความเป็นมนุษย์และความเป็นสัตว์ไม่อาจควบคุม ราวกับตัวตนของเขากำลังตกต่ำ
ฉากนี้ต่อให้เป็นสวี่ชิงก็สีหน้าออก
เขาสัมผัสได้แล้ว นี่…ก็คือพิษที่ต่อต้านเทพเจ้าโดยเฉพาะ!
เมื่อประสบด้วยตัวเอง ในที่สุดสวี่ชิงก็เข้าใจว่าทำไมหมิงเฟยถึงเหมาะเป็นวิถีสวรรค์พิษต้องห้ามของตน
เพราะสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 ของเทพเจ้านี้เข้ากับคำสาปเทพเจ้าของเขาโดยสมบูรณ์ เกิดเป็นสิ่งแปดเปื้อนที่ 6
ดวงชีพเทพเกิดคำสาป เดิมดวงชีพเทพไร้คำสาป เกิดคำสาปย่อมชะตาขาด พลังต้นกำเนิดเทพถูกทำลาย
ความคิดเหล่านี้พลันปรากฏขึ้นในหัวสวี่ชิง และความโหดเหี้ยมของสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 ของเทพเจ้าก็ระเบิดถึงขีดสุดในไม่กี่ลมปราณสั้นๆ
ประกายรางฉายวาบในตาสวี่ชิง ครู่ต่อมาด้านหลังเขาสะเทือนเลื่อนลั่น เงานาฬิกาแดดมหึมาปรากฏขึ้นทันใด
เข็มบนนั้นเคลื่อนหมุน คล้ายเปิดเส้นทางแห่งเวลา สะเทือนถึงสายน้ำแห่งกาลเวลา ทำให้คลื่นที่โหมขึ้นมา 5 ลมปราณที่แล้วสลายหายไปบนสายน้ำ
เวลา…ถอยหลังพร้อมเข็มนาฬิกาแดด!
ควันดำปนเปื้อนที่เกิดจากสิ่งแปดเปื้อนที่ 1 ในกายเขาหายไปในชั่วลมปราณ
ความสั่นคลอนทางวิญญาณรวมถึง 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาที่เกิดขึ้นก็สงบลงในพริบตา 5 ประสาทสัมผัส 6 ความรู้สึกที่หายไปล้วนชัดเจนแจ่มแจ้ง
ความแก่ชราทางร่างกายฟื้นฟูฉับพลัน ไม่มีความเสื่อมถอยใดอีก
ไหมวิญญาณในกายไม่มีฝุ่นธุลีอีกต่อไป รัศมีของมันปรากฏอีกครั้ง
ความเป็นเทพ ความเป็นมนุษย์และความเป็นสัตว์กลับมาสมดุล
ทุกสิ่งดูเหมือนไหลย้อนพร้อมเวลา กลับไปก่อนได้รับสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 นั้น แต่เมื่อนาฬิกาแดดสลาย สวี่ชิงพลันขมวดคิ้ว
เขาพบว่าแม้นาฬิกาแดดย้อนเวลาให้ตนฟื้นฟู แต่ไม่อาจย้อนสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 กลับไปได้
ต้นกำเนิดพิษสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 5 ยังคงอยู่
เพียงแต่ไม่ระเบิดออกมาอีก กลับรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนคล้ายกำลังสะสมพลัง นึกภาพออกว่าใช้เวลาไม่นานจะกระจายทั่วร่างอีกครั้ง
แต่เรื่องพิษสวี่ชิงมีประสบการณ์รับมือกับมันมากมาย ไม่ว่าบังคับสั่งให้เจ้าเงาไปกลืนกิน หรือดึงมันเข้ามาไว้ในนิ้วมือเทพเจ้า หรือเปิดประตูจักรพรรดิวิญญาณโบราณแล้วระบายพิษเข้าไป ล้วนลองทำได้
ยังถึงกับใช้วิธีต่อกรคำสาปเทพเจ้าในตอนนั้นได้ เอานาฬิกาแดดมาช่วยให้ร่างกายสร้างตัวต้านที่เหมาะสมได้อย่างต่อเนื่องเพื่อคอยรับพิษนี้
ทว่าสวี่ชิงไม่ได้เลือกวิธีการใด เขาเลือกยกมือขวา พริบตานั้นทั้งฝ่ามือและแขนเริ่มเลือนอย่างประหลาด กลายเป็นกึ่งโปร่งแสง
จากนั้นถึงกับกดลงบนหน้าอก ทะลวงผ่านกายเนื้อโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยื่นมือขวาเข้าไปในทะเลความรู้สึกของตนด้วยวิธีพิศวง เหวี่ยงหมัดใส่ประตูที่ปิดสนิทของสมบัติที่ 2 อันเป็นที่อยู่ของพิษต้องห้าม
แม้ประตูสมบัติที่ 2 นี้ไม่มีวิถีสวรรค์ แต่ด้วยการทุ่มแรงของสวี่ชิงยังคงเปิดรอยแยกได้ระยะหนึ่ง
และในชั่วขณะที่รอยแยกปรากฏ แรงดูดมหาศาลพลันระเบิดด้วยการควบคุมของสวี่ชิง แผ่คลุมต้นกำเนิดพิษและดูดมันเข้าประตูสมบัติที่ 2 จนสิ้น
รอยแยกตรงประตูพลันหายไป ปิดสนิทอีกครั้ง
ต้นกำเนิดพิษถูกผนึกเข้าสมบัติเทพพิษต้องห้ามแล้ว
ทำเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงเงยหน้ามองกลางอากาศ สังเกตหมิงเฟยที่มีสีหน้านิ่งอึ้งด้วยพิษแปดเปื้อนในกายหายไป มือขวายกขึ้น หอกยาวสีดำฉายวาบ เสกดาบสวรรค์ออกมา
สะบัดดาบหอกพร้อมกัน สะบั้นฟ้าดิน
หมิงเฟยที่ว่าแข็งแกร่งห้าวหาญยังตัวสั่นทั้งกาย แหลกสลายตรงนั้น
สิ่งที่พังทลายไปด้วยยังมีพิภพที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมผืนนี้ หลุดลอกออกทีละแผ่นราวกับกระจกแตกร้าว เผยให้เห็นเอกภพเบื้องหลังม่านฟ้า
กลางเอกภพ ร่างจริงขนาดมหึมาของหมิงเฟยส่งเสียงโอดครวญไม่ยินยอม มันอ่อนแอลงอย่างมาก ตาเดียวจ้องมองสวี่ชิงด้วยความโกรธแค้น
มันคิดจะตอบโต้ แต่ไม่อาจกู้สถานการณ์ ร่างกายถูกต้นชิงมู่โบราณรัดอย่างรุนแรง ไม่ว่ามันดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
สุดท้ายถูกกิ่งไม้เหล่านั้นแทงทะลุร่าง ขณะฝนโลหิตสาดกระเซ็น กิ่งไม้ฉีกเลือดเนื้อออกมาจากหลายตำแหน่งบนร่างกายมัน
น่าเวทนาถึงขีดสุด ค่อยๆ หมดการเคลื่อนไหว
เอกภพสั่นสะเทือน ราวกับต้นกำเนิดความแค้นสลายไปและกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง
ต้นไม้ใหญ่ก็ทุ่มสุดกำลัง ยามนี้พลังชีวิตแห้งเหือด เผยให้เห็นความอ่อนแอและความปล่อยวาง
“ขอบใจมาก ข้าไม่เสียดายอะไรแล้ว”
ขณะเสียงคร่ำโลกก้องสะท้อน กิ่งไม้หนึ่งฟาดลงบนหน้าของร่างหมิงเฟย หัวมันแหลกเละ เหลือเพียงตาดวงเดียว ถูกกิ่งไม้นั้นม้วนมาทางสวี่ชิง
“สหาย ของที่สัญญาไว้ ข้าให้เจ้า”
ตั้งแต่ต้นจนจบ สวี่ชิงที่นิ่งเงียบเป็นส่วนใหญ่ ยามนี้ยังคงนิ่งเงียบ พริบตาที่ลูกตาดวงเดียวนั้นยื่นเข้ามา เขายกมือขวาเผยดาบสวรรค์ ถึงกับฟันลงไปที่ตาเดียวนั้นประหนึ่งฟ้าผ่า
เสียงสนั่นหวั่นไหว!
ตาเดียวแหลกเป็นชิ้น!
“เสแสร้งพอหรือยัง” สวี่ชิงเอ่ยคำราบเรียบ
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
