Skip to content

Outside Of Time 913



HH

บทที่ 913 ข้านั้นไร้เทียมทาน

ตั้งแต่จิ่วหลีถอดเกราะ บรรพจารย์ผู้ใช้เวทปราบปราม มาถึงช้อนจันทรากลางบ่อ เพลิงทมิฬ 7 ตะเกียง รวมถึง 3 อำนาจเทพเจ้ามาเยือน เหล่านี้พูดแล้วยาว แต่ล้วนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น

เวลาชั่วพริบตา เหยียนเสวียนจื่อที่กายเนื้อพรั่นกลัว ร่างกายถูกสะกด วิญญาณถูกสะกด จิตใจก็ถูกสะกด

ความไม่สมบูรณ์ของเขาเป็นเพียงการเทียบเคียง หาใช่เช่นนั้นจริง แต่สำหรับสวี่ชิง ข้อบกพร่องนี้คือความเป็นความตาย

และเขาก็ไม่ต้องการอะไรอย่างตัวตายตัวแทน เทียบกับการให้ผู้แพ้มาตายแทนตนในภายหน้า เขาเอนไปทางฆ่าให้ตายตอนนี้เพื่อตัดผลกรรมมากกว่า

บัดนี้จึงออกมือสุดกำลังโดยไม่มียั้งแม้แต่น้อย

เขายกมือขวาเปลี่ยนเป็นฝ่ามือมหึมา พลันฉวยไปทางเหยียนเสวียนจื่อ

มือนี้ลวงตาก็ไม่ใช่ ของจริงก็ไม่เชิง คล้ายก่อตัวจากชะตากรรม แฝงไว้ซึ่งความลึกลับเหลือเชื่อ ขณะเคลื่อนลง ท้องฟ้าที่กลายเป็นผืนน้ำเกิดคลื่นมากมายกว่าเดิม

ละอองน้ำสาดขึ้นไร้สุ้มเสียง วิญญาณที่สะท้อนกลับบนผืนน้ำของเหยียนเสวียนจื่อถึงกับถูกฝ่ามือยักษ์ของสวี่ชิงตักออกมาพร้อมน้ำในความว่างเปล่ารอบด้าน

พริบตาที่ปรากฏ กายเนื้อของเหยียนเสวียนจื่อพลันสูญเสียพลังชีวิต กลายเป็นซากศพเดินได้ แต่วิญญาณที่ดึงออกมาในฝ่ามือสวี่ชิงกลับเรืองรองอย่างยิ่ง สีสันแวววาม มีเพียงสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกไม่ต่างกัน

ประกายเย็นฉายวาบในตาสวี่ชิง 5 นิ้วพลันหุบเข้า กำไว้อย่างแรง

แต่ในยามนี้เอง เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

วิญญาณที่เคยไร้ความรู้สึกแม้ไม่มีสีหน้าดิ้นรนสักน้อยนิด แต่ตัวมันกลับรางเลือนฉับพลัน ไม่รู้ใช้วิชาฝืนลิขิตสวรรค์อันใด ถึงกับหนีหายจากฝ่ามือที่สวี่ชิงแปลงออกมาในทันที

นัยน์ตาสวี่ชิงฉายประกายเล็กน้อย แทบในพริบตาที่วิญญาณของเหยียนเสวียนจื่อหนีไป คำสาปเพลิงทมิฬ 7 ตะเกียงที่ปรากฏด้านหลังเขาพลันสั่นไหวและดับลงพร้อมกัน

ตอนตะเกียงดับ คำสาประเบิดออก

เสียงแค่นในคอทอดมาจากความว่างเปล่า จู่ๆ วิญญาณที่หายไปของเหยียนเสวียนจื่อก็ถูกบีบออกมาจากที่ไกล รัศมีไม่เรืองรองอีกต่อไป มืดหม่นหาใดเปรียบ ร่างวิญญาณกับสีหน้าก็ล้วนรางเลือน

และในขณะนั้น 3 อำนาจเทพเจ้าข้างหลังสวี่ชิงระเบิดออกพร้อมกัน เกิดเป็นเส้นไหมสีทอง 3 สายแหวกความว่างเปล่า แหวกชะตากรรม แหวกความเป็นความตายวาบไปยังวิญญาณที่มืดหม่นนั้น

กักขังด้วยผลกรรม สังหารด้วยชะตากรรม ปรากฏอยู่รอบวิญญาณนี้

ฉับพลันไหมทอง 3 เส้นตัดกันเข้ามารัด

ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ผืนดินสั่นสะเทือน วิญญาณของเหยียนเสวียนจื่อถูกแบ่งเป็นหลายส่วน กลายเป็นประกายแสงสว่างสลายไปในอากาศ

ฉากนี้เกิดขึ้นฉับไว เห็นถึงความเด็ดขาดของสวี่ชิง

แต่การออกมือของสวี่ชิงยังไม่สิ้นสุด แทบในพริบตาที่สังหารวิญญาณของเหยียนเสวียนจื่อ เขามาถึงข้างกายเนื้อของเหยียนเสวียนจื่อใน 1 ก้าวแล้วลงมือทันใด

สูญเสียวิญญาณ ร่างเหยียนเสวียนจื่อที่กลายเป็นซากศพเดินได้ศีรษะพลันหลุดลอย กายเนื้อยังแหลกสลายกลายเป็นชิ้น

ขณะสวี่ชิงโบกมือ เปลวเพลิงสีดำยังวาดเข้ามาเผากายเนื้อแหลกลาญนั้นจนไม่เหลือชิ้นดี

แม้กายเนื้อเหยียนเสวียนจื่อพิเศษ ยากสลายกลายเป็นเถ้า แต่คิดจะฟื้นคืนชีพด้วยกายเนื้อที่ถูกเผานั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว

เรื่องยังเกิดขึ้นเร็วเกินไป กระทั่งผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ที่จับตาศึกนี้อยู่เบื้องล่าง ยามนี้จิตใจล้วนหวาดกลัว สีหน้าเปลี่ยนไม่น้อย ส่วนใหญ่ต่างเผยความรู้สึกเหลือเชื่อ

ทว่าเหล่าผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์ รวมถึงผู้แข็งแกร่งในเผ่าอาณัติและอุปราชทั้ง 3 กลับไม่มีสีหน้าใดเป็นพิเศษ ต่างคนล้วนอยู่ในท่าทีสงบนิ่ง

แต่ทางด้านสวี่ชิงก็ไม่มีความรู้สึกได้รับชัยชนะจากการสังหารเหยียนเสวียนจื่อเช่นกัน เขามุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย หันมองไปบริเวณที่เศษชิ้นส่วนกายเนื้อของเหยียนเสวียนจื่อถูกเผา

จากนั้นม่านตาพลันหด

เพียงเห็นบริเวณเศษชิ้นส่วนกายเนื้อของเหยียนเสวียนจื่อถึงกับเกิดภาพลวงตาฉากหนึ่งทันใด

ในภาพลวงตานี้มีสุสาน ถึงกับเป็นสุสานจักรพรรดิในแผ่นดินเทวะ ในนั้นจะเห็นเงาร่างเหยียนเสวียนจื่อนั่งขัดสมาธิอยู่บนร่มตาข่ายมหึมา

พริบตานั้นภาพลวงตารางเลือน เมื่อปรากฏอีกครั้งก็ยังเป็นเหยียนเสวียนจื่อ แต่ภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ถึงกับปรากฏเป็นสภาพแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี

จากนั้น ภาพลวงตานี้ปรากฏมากถึงหลายร้อยครั้งในเวลาพริบตาเดียว ทุกครั้งคนที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นเหยียนเสวียนจื่อ…

กล่าวให้ถูกคือเหยียนเสวียนจื่อในช่วงเวลาต่างๆ ที่ผ่านมา

เป็นเงาร่างที่เขาทอดไว้หลายร้อยช่วงเวลาในอดีต

สวี่ชิงไม่ได้ออกมือขัดขวาง แต่นัยน์ตาฉายวาบ จ้องมองฉากที่เหยียนเสวียนจื่อกระทำการประหลาดอันใกล้เคียงกับวิชาเทพโดยไม่มีการป้องกันแม้แต่น้อย

และหลังเงาร่างมายาเหล่านั้นปรากฏก็ทยอยสลายกลายเป็นประกายแสงนับไม่ถ้วน จากนั้นรวมตัวอย่างรวดเร็ว สุดท้ายถึงกับกลายเป็นวงกลมมหึมา

พลังเวลาเข้มข้นระเบิดในนั้นฉับพลัน

กระทั่งผ่านไปเจ็ดแปดลมปราณ ร่างจริงของเหยียนเสวียนจื่อปรากฎในนั้น และก้าวออกมาจากวงแหวนรัศมี

ชั่วขณะที่ปรากฏ เลือดเนื้อที่ลอยอยู่รอบด้านพากันกลายเป็นเศษธุลี และวงกลมด้านหลังเขาก็หดตัวฉับพลัน สุดท้ายกลายเป็นไข่มุกตกในมือเหยียนเสวียนจื่อ

รูปลักษณ์เขาดูไม่ต่างอันใดกับก่อนหน้านี้ แต่พลังกลับต่างไป แม้เหยียนเสวียนจื่อในอดีตรูปโฉมไม่ธรรมดา แต่มีความแข็งกล้าเสียมาก จึงเรียกเขาว่ารูปงาม

แต่ตอนนี้…ได้เพียงบรรยายด้วยคำว่างดงาม

เขา กลายเป็นนาง

ร่างกายก็เช่นกัน หน้าอกพองขึ้น ช่วงเอวคอดกิ่ว 2 ขาก็ถูกขับให้เรียวเล็กกว่าเดิมมากในชุดตัวยาว ความแข็งกล้าไม่มี แทนที่ด้วยความงามเย็นเยือก

นี่คือลักษณะของอีกฝ่ายในความทรงจำของสวี่ชิง

กลุ่มคนเงียบลงในพริบตา คนที่รู้ว่าเหยียนเสวียนจื่อมีพลังวิเศษมหัศจรรย์มิได้แสดงสีหน้า แต่คนที่ไม่รู้กลับนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น

นายกองที่อยู่ในนั้นกะพริบตาปริบๆ ในใจหัวเราะคิกคิก

ขณะเดียวกัน สวี่ชิงที่อยู่กลางอากาศคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง

‘นายกองเคยบอกว่าเห็นคนผู้นี้ใช้พลังวิเศษที่ใกล้เคียงกับวิชาเทพที่แผ่นดินใหญ่ผืนคีรี วิชานี้มหัศจรรย์ ใช้แล้วเพศจะเกิดการเปลี่ยนแปลง’

‘ดูท่าจะเป็นวิชานี้’

‘วิชานี้ใกล้เคียงวิชาเทพจริง สามารถเวียนเขากลับออกมาได้จากเวลาในอดีต ปรากฏแล้วพลังบำเพ็ญกับกำลังรบดูเหมือนยังรักษาไว้ระดับสูงสุดด้วย’

สวี่ชิงพึมพำในใจ ยามขบคิดวิธีสังหาร เหยียนเสวียนจื่อที่เดินออกจากวงกลมจ้องมองสวี่ชิง ในใจแอบรู้สึกเสียดาย

ตอนนางใช้พลังวิเศษเมื่อครู่ เดิมสำเร็จได้เร็วกว่านั้น แต่นางตั้งใจชะลอความเร็วหมายจะรอสวี่ชิงออกมือ

พอสวี่ชิงออกมือตอนนั้น นางก็สามารถฉวยจังหวะดึงเขาเข้ามาในพลังวิเศษของตน และใช้พลังคัมภีร์นี้แปดเปื้อนบนกายอีกฝ่าย

ทำให้ความกลัวทั้งหมดในความทรงจำอีกฝ่ายกลายเป็นมาร จากนั้นเกิดเป็นเพลิงมารเผาผลาญวิญญาณและร่างกาย

‘เสียดายวิชาที่ข้าสืบทอดมีแค่ตำราอมตะกับตำราโบราณครึ่งแรก ขาดตำราคงกระพันกับตำราโบราณครึ่งหลัง’

‘ตำราอมตะก็ขาดหายไปเล็กน้อย แม้ข้าเพิ่มเติมด้วยวิชาทาบกิ่ง แต่สุดท้ายยังทำให้การใช้คัมภีร์โบราณนี้มีข้อเสีย’

‘แต่ว่า ตราบใดที่สวี่ชิงทำลายคัมภีร์เวียนอดีตของข้าไม่ได้ ศึกนี้ใช่ว่าข้าจะไม่มีโอกาสชนะ!’

คิดถึงตรงนี้ เจตจำนงต่อสู้ปรากฏในตาเหยียนเสวียนจื่ออีกครั้ง ขณะก้าวเดินพลางยกมือขวาขึ้นโบก ไข่มุกแห่งชีวิตในมือพลันเปล่งแสง ถึงกับเกิดวงกลมเหมือนเมื่อครู่หลายสิบวงอยู่รอบกายเขา

จากนั้น เงาร่างเป็นสายพุ่งออกมาจากในวงกลมเหล่านั้น

ล้วนเป็นเหยียนเสวียนจื่อ

แม้พลังบำเพ็ญห่างชั้นกับร่างเดิม แต่พวกมันล้วนเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก ร่วมมือลึกล้ำไม่ธรรมดา

บัดนี้ปรากฏตัว หลังเจตจำนงต่อสู้ของเหยียนเสวียนจื่อปะทุ ร่างในอดีตของนางเหล่านี้ต่างเกิดกลิ่นอาย พลันบุกสังหารสวี่ชิงจากทั่วทิศ

พลังเทียบกับที่ผ่านมา นอกจากไม่ลดลงแล้วยังมากขึ้น

นัยน์ตาสวี่ชิงมีประกายฉายวาบ มือขวาพลันยกขึ้นลดลงเบื้องหน้า ฉับพลันไหมทองอำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะที่ด้านหลังหายไปในพริบตา ถึงกับปรากฏในดวงชะตาของเหยียนเสวียนจื่อด้วยวิธีลึกล้ำในล้ำลึก

พลังเคราะห์หายนะตกลงในดวงชะตาทันใด

ชั่วลมปราณเกิดคลื่นกระจายออกมา

เพียงเห็นร่างอดีตเหล่านั้นของเหยียนเสวียนจื่อล้วนทยอยสีหน้าเปลี่ยน บ้างปรากฏห้วงอากาศกลืนกินอยู่เบื้องหน้าเหมือนปากขนาดใหญ่ตอนกำลังพุ่งมา

บ้างรัศมีที่ตัวพลันสลาย พลังบำเพ็ญถึงกับปั่นป่วนโดยไร้สาเหตุ

ยังมีบางส่วนเหนือจินตนาการกว่านั้น พลังวิเศษโคจรมาแว้งกัดกะทันหัน

อีกหลายร่างจิตเทพยุ่งเหยิง เชื่อมโยงกับร่างจริงของเหยียนเสวียนจื่อติดบ้างขาดบ้าง

เหตุการณ์ร้ายแรงกว่านั้นคือดวงตาแดงฉาน ถึงกับเปลี่ยนทิศทางหันมาฆ่ากันเอง

ฉากพิสดารไร้ใดเทียมนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญทุกคนที่เห็นต่างเกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ ในผู้สูงศักดิ์ก็มีคนเอ่ยเสียงค่อย “พลังเคราะห์หายนะ”

ด้านเหยียนเสวียนจื่อก็สีหน้าเปลี่ยน แต่นางรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาครุ่นคิด จึงประคองเจตจำนงต่อสู้ไว้ระดับสูงสุด พุ่งตรงเข้าหาสวี่ชิง

สวี่ชิงสายตาเย็นเยือก ศึกนี้เห็นพลังวิเศษของเหยียนเสวียนจื่อมามากแล้ว แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ความคิดเดิมของเขาตั้งแต่ต้นล้วนเป็นการรีบสู้รีบตัดสิน

ในเมื่อมีวิญญาณของอีกฝ่ายเป็นจุดด้อย เช่นนั้นย่อมต้องรับมืออีก

ดังนั้นหลังจากเคราะห์หายนะ อำนาจเทพเจ้าพิษต้องห้ามข้างกายสวี่ชิงพลันปรากฏ พริบตาเดียวก็เกิดเป็นหมอกดำเทียมฟ้า มีเสียงคำรามสะเทือนโลกาทอดมาขณะไอหมอกพลิกม้วน

เงามหึมาของหมิงเฟยเลือนรางอยู่ในนั้น บีบคั้นฟ้าดินราวกับมีเทพเจ้าอยู่ข้างใน

ตาเดียวของมันฉายวาบ มองไปยังเหยียนเสวียนจื่อที่ใกล้สวี่ชิงในระยะร้อยจั้ง

สิ่งแปดเปื้อนทั้ง 6 ของเทพเจ้ามาเยือนฉับพลัน

“สิ่งแปดเปื้อนที่ 1 เพลิงเทวะเกิดควันผสม ถือว่าไม่บริสุทธิ์”

เสียงสวี่ชิงทอดออกจากปากหมิงเฟยดุจคำสั่งควบคุม ฟ้าดินคล้ายเป็นหนึ่ง เกิดเป็นเสียงวิถีสวรรค์

คำเอ่ยออกมา ทั้งกายเหยียนเสวียนจื่อสั่นสะเทือน สิ่งแปดเปื้อนมากมายปรากฏขึ้นในกาย เกิดเป็นจุดดำนับไม่ถ้วนขยายทั่วตัวทั่วหน้า

การเปลี่ยนแปลงรุนแรงที่มากะทันหันนี้ทำให้ร่างนางสั่นสะเทือน

“สิ่งแปดเปื้อนที่ 2 จิตเทพเกิดความอยากปะปน เท่ากับสูญสิ้นปัญญา”

คำพูดสวี่ชิงเย็นเยียบดุจเสียงสวรรค์ เหยียนเสวียนจื่อสีหน้าเปลี่ยนไม่น้อย การรับรู้ทั้งหมดพลันหายไป

“สิ่งแปดเปื้อนที่ 3 กายเทพมีเสื่อมมีถอย เมื่อนั้นสังขารไม่เที่ยง”

จุดดำทั้งหลายพากันเน่าเปื่อย พริบตาเดียวเหยียนเสวียนจื่อเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง เลือดเนื้อหลุดออกจากกาย กระดูกกำลังผุกร่อน

“สิ่งแปดเปื้อนที่ 4 ศาลเจ้าเกิดธุลีสิ้นความรุ่งเรือง ไร้ธูปเทียนสักการะ”

ฐานวิถีพังทลาย เหยียนเสวียนจื่อส่งเสียงโอดครวญ พลังบำเพ็ญสั่นสะเทือน

“สิ่งแปดเปื้อนที่ 5 ความเป็นเทพแปดเปื้อนไร้สติปัญญา ย่อมตกต่ำลง”

พลังวิญญาณดับสิ้นเริ่มทำลายล้าง

“สิ่งแปดเปื้อนที่ 6 ดวงชีพเทพเกิดคำสาปชะตาขาด ทำลายพลังต้นกำเนิดเทพ!”

จิตสังหารปะทุในตาสวี่ชิง เสียงดุจอัสนี ทุกคำสะเทือนฟ้า ทุกประโยคสะท้านโลกา

สิ่งแปดเปื้อนทั้ง 6 ของเทพเจ้าเปล่งประกายบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นครั้งแรก

ด้วยพลังของมัน กายเนื้อของเหยียนเสวียนจื่อพลันแหลกสลาย วิญญาณกลายเป็นเศษธุลีในพริบตา ร่างอดีตทั่วทิศดับสลายไม่มียกเว้น

แต่ในตอนนั้นเอง พลังแห่งเวลาปะทุขึ้นอีกครั้ง ภาพลวงตาแต่ละฉากปรากฏซ้ำ เห็นเหยียนเสวียนจื่อยังจะใช้วิชาลับพลังวิเศษก่อนหน้านี้ สวี่ชิงสีหน้าเย็นเยือก

ก่อนหน้านี้เขากำลังหาวิธีแก้ และหาเจอแล้ว!

ไม่ต้องไปทำให้เสื่อมทีละครั้ง กำจัดทีละหน เขาจะทำลายวิชาของอีกฝ่าย…ในคราวเดียว

ยามนี้มือขวายกขึ้นวางลง ฉับพลันอำนาจเทพเจ้าจันทร์สีม่วงด้านหลังเปล่งแสง เกิดเป็นจันทร์สีม่วงดวงหนึ่ง แสงจันทร์สาดบนภาพลวงตาของเหยียนเสวียนจื่อ ทั้งสาดในดวงชะตาของนาง

ภายในภาพลวงตาที่ปรากฏจึงมีแต่แสงจันทร์สีม่วง

แสงจันทร์นี้ผสานเข้าทุกบริเวณในอดีตทั้งหมดของเหยียนเสวียนจื่อ

ยามนี้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับนางล้วนปรากฏในใจสวี่ชิงโดยมีแสงจันทร์เป็นตัวนำ แทบรับรู้ทุกอย่าง!

เหยียนเสวียนจื่อยังอยากดิ้นรน สวี่ชิงส่ายหน้า กระบี่คำรนในกายพลัน แสงเย็นสายหนึ่งพุ่งออกจากกายเขาด้วยจิตจักรพรรดิสูงสุดพร้อมพลังเบิกฟ้า

ท้องฟ้าเปลี่ยนสี รุ้งขาวส่องโลกา

นั่นคือเงากระบี่สายหนึ่ง!

เป็นกระบี่จักรพรรดิในกายสวี่ชิงนั่นเอง!

เขาใช้วิญญาณจักรพรรดิเหนือถือกระบี่ของจักรพรรดิครองกระบี่ ควบคุมอยู่ภายใน แม้ยังไม่อาจทำให้กระบี่จริงปรากฏข้างนอก แต่กลับทำให้เกิดเงากระบี่ได้

กระบี่หนึ่งเคลื่อนลงโดยมีแสงจันทร์สีม่วงเป็นตัวนำ!

กระบี่นี้สามารถทำลายการเวียนว่าย สามารถตัดอดีต สามารถตัดปัจจุบัน

ในภาพลวงตา เหยียนเสวียนจื่อทุกร่างล้วนกระอักเลือดสด สีหน้าคลุ้มคลั่งในพริบตานั้น

กลุ่มคนทั่วทิศต่างส่งเสียงเอะอะอื้ออึง ผู้สูงศักดิ์แต่ละคนยามนี้ล้วนสีหน้าออก

นัยน์ตา 3 อุปราชพลันวาบไหว เด็กหนุ่มในนั้นร่างหายไป ตอนปรากฏถึงกับโผล่ในภาพอดีตลวงตาทั้งหมดของเหยียนเสวียนจื่อ ล้วนปรากฏอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย ยกมือหมายขัดขวางเงากระบี่จักรพรรดิที่เคลื่อนลงมาในภาพอดีตลวงตานับไม่ถ้วน

นัยน์ตาสวี่ชิงฉายวาบ หลังใช้สมองอย่างรวดเร็ว พลันสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นกระบี่จักรพรรดิพลังเจิดจ้าถึงกับหายไปทันที

เงากระบี่ไม่ได้เคลื่อนลง มันสลายหายไปเอง กลิ่นอายสงบลง ฟ้าดินกลับสู่สภาวะปกติ

สวี่ชิงประสานมือคำนับไปยังอุปราชเด็กหนุ่มอย่างสงบนิ่ง จากนั้นถึงกับไม่สนใจอีก ก้าวเดินไปทางกลุ่มคนและยืนอยู่ข้างนายกอง

และตอนนี้ หลังม่านฟ้ากลับเป็นปกติ หลังเงากระบี่ในภาพลวงตาของเหยียนเสวียนจื่อหายไป วิชาลับของเขาสำเร็จในที่สุด เมื่อก่อร่างขึ้นอีกครั้ง เขายืนเงียบอยู่ตรงนั้น มองเงาหลังสวี่ชิงด้วยความสับสน

“ข้าแพ้แล้ว ภายหน้า ข้ายินดีตายแทนเจ้าครั้งหนึ่ง!”

เขาพูดพลางยกมือขวากดหว่างคิ้ว โลหิตวิญญาณหยดหนึ่งมุ่งตรงไปหาสวี่ชิง

สวี่ชิงยกมือรับไว้ ไม่ได้เอ่ยคำ

ส่วนอุปราชเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเหยียนเสวียนจื่อผู้นั้น ยามนี้จ้องมองสวี่ชิงด้วยสายตาลึกล้ำ เอ่ยคำเสียงต่ำ “เจ้ารู้ทุกสิ่ง?”

สวี่ชิงได้ยินแล้วส่ายหน้า “มิใช่รู้ทุกสิ่ง เพียงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง”

คำเอ่ยออกมา รอบด้านเงียบไร้สุ้มเสียง

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version