Skip to content

Outside Of Time 953


บทที่ 953 การตื่นขึ้นของวิถีสวรรค์เผ่ามนุษย์

ภัยพิบัติแห่งความมืดมิดได้มาเยือนแดนใหญ่กลืนนภา ก่อความทุกข์เข็ญให้แก่สรรพชีวิต

ขณะนี้ แสงแห่งอรุณรุ่งกำลังสาดส่องท้องฟ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ลงมายังผืนโลก

ขณะนี้ แสงสว่างและความมืด ปรากฏชัดเป็นพิเศษในภาพกว้างของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

เพียงแต่ในความมืดก็ยังมีการดิ้นรน และในแสงอรุณยังมีอุปสรรคขัดขวาง

ในเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ บนดาราจักรพรรดิโบราณ เมื่อดวงชะตาที่ถูกดึงดูดจากแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมาสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง จักรพรรดินีก็ได้สวมชุดจักรพรรดิและมงกุฎอีกครั้ง และไฟเทวะลุกโชนขึ้นบนดาราจักรพรรดิโบราณ

เปลวไฟนี้ ส่องแสงสีทองอร่ามขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งนี้เกิดขึ้นกับซากศพของอดีตจักรพรรดิทั้ง 5 ในกระแสวนรอบๆ เช่นกัน ในเปลวเพลิงสีทองที่สว่างไสว รูปลักษณ์ของพวกเขาก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ร่างเหือดแห้งของพวกเขาแสดงสัญญาณของการฟื้นคืนชีพ

กลิ่นอายเทพเจ้าค่อยๆ ปรากฏขึ้น

สิ่งที่น่าตกใจที่สุด คือตัวจักรพรรดินีเอง

กลิ่นอายของนางในขณะนี้ช่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อยืนตระหง่านอยู่ที่นั่น ดูเหมือนเป็นเจ้าแห่งฟ้าดิน

ราวกับว่านางได้สำเร็จเทพในโลกแห่งนี้ ทรงภูมิรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง มอบความรู้สึกยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตให้กับผู้คน

โดยเฉพาะแสงสีทองที่ส่องประกายจากกายนาง

เมื่อมองจากระยะไกล เหมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า!

พลังของนางสะเทือนสวรรค์ได้ ความคิดของนางสามารถทะลุผ่านความว่างเปล่า และจิตวิญญาณข้ามผ่านกาลเวลาได้

สิ่งที่ปะทุพร้อมกับพลังของนางคือ ดวงชะตาของเผ่ามนุษย์

ดวงชะตาพุ่งพล่านเป็นระลอกคลื่นก่อให้เมฆปกคลุมไร้จุดจบและสัญญาณมงคลนับไม่ถ้วน

ในขณะนี้ ในเผ่ามนุษย์ไม่มีใครคัดค้านการสำเร็จเทพอีกต่อไป

พลังของเทพเจ้าจักรพรรดิมนุษย์ในอดีตระเบิดออกมา สะท้านผืนฟ้า สะเทือนแดนดิน รวมเข้ากับพลังของจักรพรรดินี กลายเป็นตะเกียงเทพเจ้าที่สว่างจ้า

แสงสว่างส่องไปทั่วดินแดนต้องประสงค์

เผ่าพันธุ์แข็งแกร่งมากมายต่างรับรู้ เทพเจ้าทั้งหลายต่างรู้สึกตัว จึงมีจิตเทพนับไม่ถ้วนจากทั่วทุกสารทิศมารวมกันที่เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์

เพราะกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากกายจักรพรรดินีนั้นช่างน่าตกตะลึงเหลือคณา

พลังของนางนั้นกล้าแกร่งเกินไป

จิตใจของนางทำให้ทุกฝ่ายหวาดผวา

และเจ้าเหนือหัวขั้นสูงสุดนั้นแต่เดิมเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเทียบเท่าเทพชั้นสูง แม้จะไม่ใช่ระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ก็ใกล้เคียงมาก

ในประวัติศาสตร์นั้น เป็นเรื่องยากมากที่ตัวตนหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีทางกลายเป็นเทพเจ้า

เมื่อสำเร็จแล้ว…ด้วยพลังที่ปล่อยออกมาหลังจากไฟเทวะถูกจุดขึ้น อย่างเลวร้ายที่สุดก็อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!

และอาจจะมีโอกาสน้อยนิด ที่จะก้าวข้ามระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปสู่…แท่นเทวะ!

ซึ่งก็คือระดับเตรียมสู่มหาจักรพรรดิเซียนในระบบเซียนคิมหันต์!

จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้น ยังบอกแน่ชัดไม่ได้

แต่ที่แน่ใจก็คือ แม้จะมีโอกาสเพียงเศษเสี้ยว แต่ก็ยังมีอยู่!

หลี่จื้อหวาเป็นตัวอย่าง!

ดังนั้น ทุกฝ่ายในดินแดนต้องประสงค์จึงตกตะลึง

แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย แต่เหล่าเทพเจ้าในดินแดนต้องประสงค์ก็ไม่ยอมให้มีเทพเจ้าดังกล่าวเกิดขึ้นอีก

เผ่าพันธุ์ผู้แข็งแกร่งในดินแดนต้องประสงค์ก็ไม่ต้องการให้มีเผ่าพันธุ์อื่นเรืองอำนาจขึ้นมาอีก ในขณะเผ่านภาคิมหันต์กุมอำนาจ

ดังนั้นการที่จักรพรรดินีจะสำเร็จเทพในครั้งนี้ จึงมีอุปสรรคมากกว่าการที่ 3 เทพจะสำเร็จเทพในครั้งก่อนมาก

นอกเหนือจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีสาเหตุอีกประการหนึ่งคือ เนื่องจากนภาคิมหันต์เองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง และทั้งหมดล้วนเป็นเทพเจ้าชั้นสูง ดังนั้นจึงถือว่ามีคุณสมบัติที่จะบรรลุระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติได้ในระดับหนึ่ง แต่เผ่ามนุษย์ไม่มีคุณสมบัติข้อนี้

และในอดีต นภาคิมหันต์เคยมีเพียงอุปราชไอศวรรย์ผู้เดียวที่สำเร็จเทพ แต่เผ่ามนุษย์…หากรวมจักรพรรดินีด้วยแล้ว มีผู้ที่สำเร็จเทพแล้วถึง 6 คน!

ที่สำคัญกว่านั้น คือนภาคิมหันต์ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่เผ่ามนุษย์ไม่เหมือนกัน

พูดให้ถูกต้องก็คือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แดนศักดิ์สิทธิ์ได้ควบคุมเผ่ามนุษย์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นตงเซิ่งหรือเซิ่งเทียน ต่างก็ต้องก้มหัวให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์

แม้ว่าที่เต้าซื่อจะมีความตั้งใจที่จะแยกตัวออกมา แต่การที่สามารถลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิองค์หนึ่งได้ และทำให้กลายเป็นคดีปริศนาที่ไขไม่ได้มาช้านาน แสดงให้เห็นถึงขอบเขตการควบคุมของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อเผ่ามนุษย์ในดินแดนต้องประสงค์

และการที่จักรพรรดินีเลือกที่จะสำเร็จเทพ ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระของเผ่ามนุษย์ในดินแดนต้องประสงค์ และแสดงให้เห็นว่าจากนี้ไปเผ่ามนุษย์ไม่อาจควบคุมได้อีก ดังนั้นแม้จะไม่มีเสียงคำรามของดวงตะวันแสงอรุณ 49 ดวง ดินแดนศักดิสิทธิ์เสวียนโยวก็จะไม่ยอมรับเช่นกัน!

มิฉะนั้นแล้ว คงไม่สัญญากับเผ่ากลืนนภาในตอนแรก ที่ให้จักรพรรดิของตนเป็นคมดาบ ทดสอบพลังของจักรพรรดินี

ดังนั้น สำหรับเผ่ามนุษย์ในเวลานี้แล้วพลังที่ขวางกั้นอาจรวมทั้งเทพเจ้า เผ่าพันธุ์แข็งแกร่ง และแดนศักดิ์สิทธิ์!

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่กล่าวว่านี่เป็นการต่อต้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ดังนั้นจึงมีการกระทำในอดีตที่แดนศักดิ์สิทธิ์ใช้พระราชโองการในการกำหนดและดึงดูดดวงชะตามา

และนั่นเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น

ในขณะนี้ การตอบโต้ขั้นที่ 2 ของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงแล้ว

แดนศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือท้องฟ้า จึงไม่อาจลงมาได้ง่ายๆ ดังนั้นวิธีการของพวกเขาจึงมีข้อจำกัด ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยตรง แต่ลำพังอาศัยสิ่งที่หลงเหลือจากอดีต ก็ยังทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ

ทันใดนั้น บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ก็เกิดความปั่นป่วน เสียงฟ้าร้องดังครืนครั่น จากนั้นก็มีเงาร่างยักษ์ก็บินผ่านความว่างเปล่า เข้ามาแทนที่ผืนฟ้าเผ่ามนุษย์

นั่นคือสัตว์ร้ายที่มีหัวเป็นมนุษย์และลำตัวเป็นมังกร

ร่างกายอันใหญ่โตบดบังท้องฟ้า เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น ผู้บำเพ็ญทุกคนต่างตกตะลึง

ความรู้สึกเคารพบูชาคล้ายจะผุดขึ้นจากจิตวิญญาณของพวเขา ทำให้การแสดงออกของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนไป

ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวนี้มาถึง และกำลังผชิญหน้ากับจักรพรรดินีบนท้องฟ้า ดวงตาเย็นชา ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆ

ใบหน้าของมันไม่บ่งบอกเพศ ลำตัวแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา เกล็ดแต่ละเกล็ดบรรจุกฎเกณฑ์ สามารถสั่นคลอนรากฐานการฝึกบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญทุกคนได้

มันคือวิถีสวรรค์

1 ในวิถีสวรรค์บรรพกาล 99 ตนของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์!

และไม่ใช่แค่ 1 เท่านั้น!

ในทันใดนั้น วิถีสวรรค์ตนที่ 2 ก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือท้องฟ้า

วิถีสวรรค์ตนที่ 2 นี้เป็นสิงโต 9 เศียร เดินทางมาจากระยะไกล นำมาซึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง สร้างพลังกดดันอันรุนแรง ฉีกทึ้งทำลายทุกสรรพสิ่ง

ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในพริบตา รูปปั้นโบราณสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า พลังแห่งการผนึกพวยพุ่งขึ้นจากรูปปั้นดังกล่าว

ต่อมา ก็เป็นนกกระเรียนสีขาวบริสุทธิ์ ส่งเสียงร้องดังกังวาน บินมาจากขอบฟ้า และวนเวียนเหนือเผ่ามนุษย์

นี่ก็เป็นวิถีสวรรค์เช่นกัน

วิถีสวรรค์ตนสุดท้ายที่ปรากฏขึ้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นตราประทับขนาดใหญ่!

ตราประทับนี้เก่าแก่อย่างยิ่ง มันแผ่รัศมีแห่งกาลเวลา บนตราประทับสลักภาพทิวทัศน์ของดินแดนต้องประสงค์ และสลักภาพเผ่ามนุษย์จำนวนมาก ในสัญลักษณ์นั้นมองเห็นเผ่ามนุษย์เหล่านั้นกำลังต่อสู้กับเทพเจ้า

นี่คือ…ตราประทับเผ่ามนุษย์!

เป็นตราประทับของจักรพรรดิโบราณองค์แรกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในอดีตกาล และต่อมาถูกส่งขึ้นสู่ฟากฟ้า กลายเป็นหนึ่งในวิถีสวรรค์บรรพกาลของดินแดนต้องประสงค์

ในขณะนี้ มีวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งหมด 5 ตนรวมถึงตราประทับนี้ด้วย ลอยลงมาจากท้องนภาเผ่ามนุษย์

นี่คือมรดกที่แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนโยวหลงเหลือไว้ในดินแดนต้องประสงค์ และบัดนี้ถูกนำมาใช้เพื่อหยุดยั้งจักรพรรดินี

ในทันใดนั้น ฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนสี ลมพายุพัดกระหน่ำ พลังแห่งวิถีสวรรค์มหาศาล ก่อให้เกิดกฎเกณฑ์กดทับผู้คน

แผ่นดินสั่นสะเทือน ห้วงสูญตาแตกสลาย ตราประทับนับไม่ถ้วนห่อหุ้มร่างจักรพรรดินี

ชาวเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา ผู้บำเพ็ญ หรือขุนนาง ต่างก็แสดงสีหน้าสับสน งุนงง ยกเว้นเพียงไม่กี่คนที่ยังคงสีหน้าเป็นปกติ

จักรพรรดินีเป็นหนึ่งในนั้น

นางยืนอยู่กลางอากาศ พลังของนางไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด แต่กลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นภายใต้แรงกดดันจากวิถีสวรรค์

ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดขัดขวางความมุ่งมั่นของนางได้

ไม่มีพลังใดที่จะโค่นล้มนางได้

และไม่มีใครที่จะบังคับให้นางก้มหัวได้

ในขณะนั้นเอง นางเงยหน้าขึ้น มองไปยังวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้ง 5 ที่ปรากฏตัวขึ้น และยกมือขวาขึ้นมาโบก

ทันใดนั้น กลองรบขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนดาราจักรพรรดิโบราณพร้อมด้วยเสียงกึกก้อง

กลองรบนี้ถูกหลอมรวมด้วยขุนเขาสายธารของเผ่ามนุษย์ มีเจตจำนงของเผ่ามนุษย์เป็นจุดสูงสุด และมีสายโลหิตเผ่ามนุษย์เป็นพลัง ทันทีที่กลองนี้ปรากฏขึ้น ฟ้าดินเกิดพลิกผัน แผ่พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ที่พิชิตสวรรค์ได้!

นั่นคือกลองรบเผ่ามนุษย์!

“อ๋องเจิ้นชาง”

“ด้วยสถานะของเจ้า เจ้าเหมาะสมที่สุดในตอนนี้ เจ้าจะยอมตีกลองเพื่อข้า เพื่อปราบวิถีสวรรค์ทั้งหลายนี้หรือไม่”

จักรพรรดินีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สุรเสียงของนางดังก้องไปทั่วดาราจักรพรรดิโบราณ และดังก้องอยู่ในหูของสวี่ชิง

นับตั้งแต่ที่สวี่ชิงเคลื่อนไหว เขาก็เฝ้าดูพิธีกรรมสำเร็จเทพอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้มาโดยตลอด เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดินี เขาเข้าใจดีว่าเหตุใดจักรพรรดินีจึงเลือกตน

น่าจะเป็นเพราะทราบเรื่องบุตรชายแห่งวิถีสวรรค์ และเข้าใจว่าตนและวิถีสวรรค์บรรพกาลมีความเกี่ยวพันลึกซึ้งต่อกัน

สวี่ชิงเงียบไป รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินีในขณะนี้ เขาไม่กล้าปฏิเสธ

จึงเงยหน้าขึ้น ร่างกายวูบไหว แล้วตรงไปยังท้องฟ้า ด้วยก้าวเพียง 3 ก้าว ท่ามกลางสายตาของทุกคน เขาก็ยืนอยู่เหนือกลองรบเผ่ามนุษย์ขนาดใหญ่

ร่างกายโคจรพลังบำเพ็ญ เส้นวิญญาณ 4 หมื่นเส้นก็ระเบิดออกมา สร้างโลกมายาขึ้นมา เกราะมหาขุนพลนภาทมิฬก็ปรากฏขึ้น พร้อมด้วยนพกาฬห้อมล้อม พลังและกลิ่นอายของเขาเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด

จากนั้นดวงตาพลันฉายแววเฉียบคม ยกมือขวาขึ้น เหวี่ยงหมัดชกกลองรบเผ่ามนุษย์

หมัดนี้ทะลุผ่านความว่างเปล่า สร้างแรงสั่นสะเทือนโลก ตกลงบนกลองรบเผ่ามนุษย์ ส่งเสียงกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน!

เมื่อเสียงดังขึ้น ท้องฟ้าพลันคำราม แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อาคารทุกหลังในเมืองหลวงจักรพรรดิต่างสั่นไหว และแผ่นดินนอกเมืองเกิดวความผันผวน

แม้แต่แม่น้ำยังปั่นป่วน ในที่สุดเสียงดังสนั่นของฟ้าดิน เสียงคำรามของแม่น้ำ และเสียงกลองก็รวมกันเป็นเสียงเดียวในฟ้าดิน

เสียงนี้แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า สร้างพลังอันยิ่งใหญ่ มุ่งตรงไปยังวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้ง 5 ตนที่กำลังกดทับลงมา

ไม่เพียงแต่เสียงกลองจะดังกึกก้องเท่านั้น ภายในยังบรรจุเคราะห์กรรมระหว่างสวี่ชิงกับวิถีสวรรค์บรรพกาล และยังมีเสียงร้องไห้ของทารกดังก้องไปทั่วความว่างเปล่า

ในพริบตา วิถีสวรรค์บรรพกาลทั้ง 5 ตนก็สั่นสะเทือนพร้อมกัน

ส่วนสวี่ชิงนั้น หลังจากที่ปล่อยหมัดด้วยพลังทั้งหมดแล้ว ก็มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวสะท้อนกลับมาจากกลองรบเผ่ามนุษย์ กระจายไปทั่วร่างกายของเขาผ่านหมัดของเขา พร้อมกับเสียงแตกหัก พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ไหลผ่านเลือดเนื้อ เส้นลมปราณ กระดูก และวิญญาณของเขา

สวี่ชิงร่างสั่นไหว พ่นเลือดสีดำออกมา

เลือดนี้มีกลิ่นเหม็นเน่าเกินบรรยาย ราวกับพิษร้าย บรรจุความโสมมไว้ไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อพ่นเลือดออกไป สวี่ชิงก็รู้สึกปลอดโปร่งเป็นครั้งแรก มีความรู้สึกเบาหวิวปรากฏขึ้นทั่วร่างกาย กลายเป็นความรู้สึกสบาย

สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาใจเต้นระรัว ดวงตาก็ฉายแววแปลกประหลาด

บาดแผลแฝงที่เขาได้รับจากการต่อสู้มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถูกขจัดออกไปด้วยแรงสะท้อนของกลองรบเผ่ามนุษย์เกือบทั้งหมด ราวกับถูกชำระล้าง

ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะยกมือขึ้นอีกครั้ง โคจรพลังบำเพ็ญทั้งหมด แล้วชกไปที่กลองรบเผ่ามนุษย์เป็นครั้งที่ 2

ตึง!

เสียงกลองดังขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าสั่นสะเทือน จิตใจของผู้คนก็ปั่นป่วน ดวงชะตาบางส่วนลอยขึ้นมาจากร่างกายมนุษย์ทุกคน มารวมกันในร่างมังกรดวงชะตาเผ่ามนุษย์

ทำให้มังกรดวงชะตาตัวนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายเท่า มันเงยหน้าขึ้นฟ้าและคำรามใส่วิถีสวรรค์ทั้ง 5 กวาดเอาดวงชะตาของเผ่าพันธุ์เผ่ามนุษย์ไปด้วย

ในเสียงคำรามของมัน เหล่าวิญญาณของบรรพชนและปราชญ์ที่เคยถวายสัตย์สาบานต่อจักรพรรดิมนุษย์ก็เปล่งแสง ร่างกายของพวกเขาเปล่งประกาย สร้างแรงสังหารไร้ที่สิ้นสุด พลังน่าตกตะลึง

กองทัพนับพัน มุ่งหน้าสู่วิถีสวรรค์

เมื่อครั้งยังมีชีวิต พวกเขาเข่นฆ่าศัตรูเพื่อเผ่ามนุษย์ เมื่อสิ้นลม พวกเขาก็ต้องปกป้องจักรพรรดิมนุษย์!

สังหาร!!

ขณะนี้ ฟ้าดินพลันเปลี่ยนแปลงไป

วิถีสวรรค์บรรพกาลทั้ง 5 บนท้องฟ้าต่างสั่นสะเทือนไปพร้อมกัน พลังแห่งการผนึกกดขี่เริ่มสั่นคลอน

ส่วนสวี่ชิงนั้น รู้สึกว่าร่างกายของตนได้รับการชำระล้างจากการแรงสะท้อน ทำให้บาดแผลที่ซ่อนเร้นทั้งหมดหายไป และพลังกายเลื่อนขั้นขึ้น

โดยเฉพาะความรู้สึกที่ร่างกายและวิญญาณหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้เขารู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบ

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เขาไม่มีเวลาคิดมากนัก ดวงตาของเขาพราวระยับ แล้วชกออกไปเป็นครั้งที่ 3

เสียงกลองดังขึ้น แผ่นดินสั่นสะเทือน มาจากดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ จาก 7 แคว้น จากคลื่นศักดิ์สิทธิ์ จากวิญญาณทมิฬ…และแม้แต่จากเผ่ามนุษย์ที่น่าสงสารที่หลงเหลืออยู่ทั่วดินแดนต้องประสงค์

ไม่ว่าพวกเขาจะกำลังทำอะไรอยู่ ในขณะนี้ พวกเขาต่างถูกสายโลหิตดึงดูด และปลดปล่อยเจตจำนงของตนออกมา

ประกายไฟเพียงเล็กน้อย สามารถลุกลามเป็นไฟป่าได้

เจตจำนงของเผ่ามนุษย์ทุกคนในดินแดนต้องประสงค์ในปัจจุบัน ระเบิดออกมาด้วยเสียงกลองนี้ ผสานเข้ากับเสียงกลองครั้งที่ 3 อย่างไร้รูปร่าง กลายเป็นเสียงคำรามของเจตจำนงเผ่ามนุษย์

“เจี้ยน!”

ตัวอักษรตัวนี้มีความพิเศษมาก เป็นชื่อของยมโลกมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล และหลังจากที่วิถีสวรรค์ถือกำเนิดขึ้น ยกเว้นบางส่วนที่แปลงกายมาจากวัตถุ ส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นวิญญาณของวีรชนที่เสียชีวิตในการสงคราม

ดังนั้น เซียนคิมหันต์จึงใช้คำนี้เป็นชื่อที่แท้จริงของวิถีสวรรค์ทั้งปวง

กล่าวคือ เมื่อคนตายกลายเป็นผี คนเห็นย่อมหวาดกลัว เมื่อผีตายกลายเป็นเจี้ยน ผีเห็นต่างถอยหนี นี่คือวิถีสวรรค์

ในขณะนี้ คำนี้เปล่งออกมาจากเจตจำนงเผ่ามนุษย์ จากพื้นดินสู่สวรรค์ จากเผ่ามนุษย์สู่มรรคา…

โจมตีวิถีวิถีสวรรค์!

วิถีสวรรค์บรรพกาลแห่งดินแดนต้องประสงค์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเจตจำนงของเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย และปกป้องสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ แต่ในขณะนี้…เจตจำนงของเผ่ามนุษย์ ซึ่งเคยเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและเคยรวมดินแดนต้องประสงค์ให้เป็นปึกแผ่นมาแล้วหลายครั้ง ก่อกำเนิดแรงกระแทกที่รุนแรง เมื่อเอ่ยนามที่แท้จริงออกมา ก็ทำให้พลังรากฐานของวิถีสวรรค์สั่นคลอนโดยปริยาย

วิถีสวรรค์ทั้ง 5 ที่ถูกควบคุมโดยแดนศักดิ์สิทธิ์ ต้องยอมศิโรราบต่อแก่นแท้ของพวกมัน ทั้งหมดต่างตะลึงงันก้าวถอยหลังไป 1 ก้าว!

เมื่อเห็นเช่นนั้น ดวงตาของจักรพรรดินีก็เป็นประกายวาววับ

เมื่อ 3 เทพเลื่อนขั้นในอดีต พวกเขามีสมบัติแดนสงครามและแม้แต่ความเป็นอมตะมาต้านทานอุปสรรคขัดขวางจากเทพเจ้า นี่คือสมบัติอันทรงพลังของเผ่านภาคิมหันต์ และเป็นมรดกของ 3 เทพ

ส่วนเผ่ามนุษย์…แม้ในอดีตจะเคยมีมรดกอันยิ่งใหญ่ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็เสื่อมถอยลงไป จนถึงปัจจุบัน หลงเหลือมรดกไม่มากนัก แต่…เจตจำนงของเผ่ามนุษย์ยังคงอยู่ในดินแดนต้องประสงค์ที่โหดร้ายแห่งนี้

เสียงกลองปลุกให้ตื่นขึ้น

ในขณะนี้ มันส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน

ส่วนสวี่ชิง ในขณะนี้ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ร่างกายเหมือนมังกร ด้วยพละกำลังขั้นสูงสุดในขณะนี้ และด้วยความสมบูรณ์แบบของตนเอง เขาชกออกไปเป็นครั้งที่ 4

เสียงกลองดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน

พร้อมกับเสียงก้องกังวานไปทั่วทิศทาง เจตจำนงเผ่ามนุษย์ ดวงชะตาเผ่ามนุษย์ ขุนเขาธาราเผ่ามนุษย์ และสายโลหิตเผ่ามนุษย์ ต่างสั่นสะเทือนไปพร้อมกัน และในที่สุด…กาลเวลาอันเป็นนิรันดร์ก็เชื่อมโยงกัน ความรุ่งเรืองในอดีตฉายชัดออกมาในเสี้ยงสะท้อนสั้นๆ นี้

นั่นคือแผนที่อาณาเขต!

มันถูกดึงออกมาจากกาลเวลาด้วยเสียงกลอง และรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า

อาณาจักรทั้งหลายในดินแดนต้องประสงค์ ล้วนเป็นดินแดนของเผ่ามนุษย์

เผ่าพันธุ์ทั้งหลายในดินแดนต้องประสงค์ ล้วนต้องสักการะ

จักรพรรดินียกมือขึ้น ถือแผนที่มายาโบราณไว้ในมือ

“วิถีสวรรค์ ในอดีตนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นโดยเผ่ามนุษย์ของเรา และเผ่าพันธุ์อื่นๆ ต่างเห็นพ้องที่จะสร้างขึ้นร่วมกัน”

“บัดนี้ที่ท่านทั้งหลายมาที่นี่ การกระทำของท่าน… นับว่าเป็นการขัดขืน!”

“อย่าลืมสิว่า เผ่ามนุษย์ของเราก็มีวิถีสวรรค์เป็นของตนเอง ซึ่งเป็นวิถีสวรรค์สูงที่สุดในบรรดาวิถีสวรรค์ทั้งปวงของดินแดนต้องประสงค์ นอกเหนือจากวิถีสวรรค์ที่ถือกำเนิดจากเซียนคิมหันต์!”

“มันได้เข้าสู่การหลับใหลหลังจากที่เสี้ยวหน้ามาเยือน และหลังจากที่เสี้ยวหน้าจากไปจวบจนปัจจุบัน เป็นเวลาแรมปี”

“บัดนี้ถึงเวลาตื่นขึ้นแล้ว!”

“สวี่ชิง ตีกลอง!”

จักรพรรดินีกล่าวด้วยเสียงดังก้อง เหวี่ยงแผนที่อาณาเขตที่อยู่ในมือ กลายเป็นไม้กลองขนาดใหญ่ แล้วโยนให้สวี่ชิง

สวี่ชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พลังบำเพ็ญทั้งหมดในร่างกายเพิ่มขึ้น เลือดลมในร่างกายเดือดพล่าน เขารับไม้กลองที่ทำจากแผนที่อาณาเขตยุครุ่งโรจน์ของเผ่ามนุษย์

แล้วตีกลองรบเผ่ามนุษย์ด้วยพลังทั้งหมด!

ตึง!

เสียงครั้งที่ 5 !

เมื่อเสียงดังก้องไปทั่วดินแดนต้องประสงค์ กังวานไปทั่วผืนฟ้า เสียงคำรามราวกับดังมาจากโบราณกาลก็ดังขึ้นมาจากห้วงกาลเวลา สะท้อนก้องในความว่างเปล่าเหนือฟากฟ้า

ในทันใดนั้น ท้องฟ้าทั้งผืนก็กลายเป็นสีทอง

มังกรทอง 7 กรงเล็บปรากฏในหมู่เมฆ

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version