บทที่ 952 รุ่งอรุณและราตรี
ตอนนี้เป็นยามรุ่งอรุณพอดี รอบดาวจักรพรรดิโบราณ คลื่นวนยักษ์ทั้ง 5 หมุนวนครืนครั่นเลื่อนลั่น
โครงกระดูกจักรพรรดิมนุษย์ทุกรุ่นในนั้นต่างแผ่ปราณจักรพรรดิน่าตื่นตะลึงออกมา แม้ว่าจะแตกดับไปแล้ว แต่กลิ่นอายนี้ภายใต้การหลอมรวมจากคลื่นวน ก็ยังคงสะท้านฟ้าดิน
ก่อเป็นลำแสงขนาดมหึมา 5 ทาง พวยพุ่งสู่หมู่เมฆ
ต่างจับกันเป็น 5 เหลี่ยม โดยมีดาวจักรพรรดิโบราณเป็นศูนย์กลาง มองไปไกลๆ ภาพนี้เหมือนแท่นบูชา 5 เหลี่ยมขนาดมหึมาแท่นหนึ่ง
แท่นนั้นก่อนหน้านี้แม้จะมีรูปร่างเค้าโครงแต่ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือรูปแบบ แท่นก่อนหน้านี้กับตอนนี้นี้ไม่อาจเปรียบเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
นี่ถึงจะเป็นพิธีสำเร็จเทพของจักรพรรดินี
อีกทั้งเทียบกับก่อนหน้านี้ ในขณะที่พิธีนี้ดำเนินไปก็มีพลังชีวิตเหนือกว่าที่คาดคิดเดือดพล่านอยู่ในนั้น เหมือนว่า…ร่างพิธีกรรมนี้มีชีวิต!
ภาพนี้เป็นภาพที่สวี่ชิงไม่เคยพบเห็นมาก่อน
พิธีสำเร็จเทพที่เขาเคยเห็นมาทั้งหมด ในด้านหนึ่งแล้วก็เป็นเพียงแค่พิธีเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกว่ามีชีวิตแฝงอยู่
มีเพียงภาพที่ได้เห็นเท่านั้นที่เป็นเพียงหนึ่งเดียว
“ตัวเองสำเร็จเป็นเทพมนุษย์ จักรพรรดิมนุษย์ทุกรุ่นสำเร็จเป็นเทพอสุภ…ช่างยิ่งใหญ่เด็ดเดี่ยวนัก!” สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน
คนที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจเขาเห็นมามากมาย ผู้ที่ยิ่งใหญ่เด็ดเดี่ยวก็เคยเห็นมาเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นผู้ชาย
อย่างจักรพรรดินีที่เป็นสตรี วิสัยทัศน์ที่ผู้ชายมากมายก็ยากที่จะมีเช่นนี้ พูดได้ว่าพบเห็นได้ยากยิ่ง!
โดยเฉพาะวิธีที่ทำให้แตกหักกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งห้าวหาญองอาจไม่ธรรมดา
การปรากฏขึ้นของดวงตะวันแห่งรุ่งอรุณทั้ง 49 ดวงอยู่เหนือความคาดหมายของสวี่ชิง และอยู่เหนือความคาดหมายของเผ่ามนุษย์ทุกคน
ด้วยความยิ่งใหญ่เช่นนี้ ควรค่าแล้วกับคำว่าจักรพรรดิมนุษย์ 2 คำนี้
และเรื่องสำคัญของพิธี นอกจากเรื่องเหล่านั้นในตอนนี้ เหมือนว่ายังมีวัตถุอีกชิ้นหนึ่งที่เป็นต้นกำเนิดการลุกไหม้ทุกอย่าง
“เส้นทางที่ก่อขึ้นจากแสงสีเงินแดนศักดิ์สิทธิ์ แสงที่แปรเปลี่ยนจากเศษชิ้นส่วนที่ร่วงลงมาหลังจากที่มันแตกสลาย!”
สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น มองไปทางรอยแยกบนท้องฟ้าที่ปิดสนิทแล้ว
เมื่อครู่ เศษชิ้นส่วนร่วงลงมาจากตรงนั้น แปรเปลี่ยนเป็นแสงสาดส่องไปในเมืองหลวง และหลังจากที่จักรพรรดินีเหนี่ยวนำมา ก็ผสานไปในพิธีนี้
จากนั้นพิธีก็มีชีวิตขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าแสงที่มาจากนอกพิภพ หรือจะพูดในถูกคือแสงที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นวัตถุดิบสำคัญในพิธีสำเร็จเทพของจักรพรรดินี
ทุกอย่างนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ในใจสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่นเท่านั้น เผ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วในใจต่างมีสายฟ้าฟาดผ่าทั้งนั้น
เรื่องในวันนี้ เรื่องเกิดขึ้นเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
และคำพูดของจักรพรรดินีแต่ละคำยิ่งประดุจอัสนีสวรรค์ แต่ละประโยคราวภูเขาไฟปะทุ พูดได้ว่าฟ้าถล่มดินทลาย สั่นคลอนประวัติศาสตร์!
ที่แท้ เรื่องของจักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่งเป็นอย่างนี้เอง
ที่แท้ความโศกเศร้าของจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นเป็นเช่นนี้เอง
ที่แท้ความขมขื่นของจักรพรรดิมนุษย์เซิ่งอวิ๋นหนักหนาเช่นนี้เอง
ที่แท้ความตายของจักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อก็เป็นปริศนามาเนิ่นนานเช่นนี้เอง
ในเสี้ยวขณะนี้ คนทั้งหลายต่างเงียบนิ่ง
มีเพียงจักรพรรดินีที่ยืนอยู่กลางท้องฟ้า อยู่ในเสาแสงทั้ง 5 ทอดสายตามองม่านฟ้า
บนดาวจักรพรรดิโบราณใต้เท้าของนางเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ สีเป็นสีทองอ่อนๆ และกำลังเข้มข้นขึ้น
ในทันทีที่มันเปลี่ยนเป็นสีทองโดยสมบูรณ์ก็หมายถึงว่าพิธีนี้สำเร็จ ถึงตอนนั้น จักรพรรดิมนุษย์ทั้ง 5 จะยกระดับเป็นเทพเจ้า และนางก็จะทำสำเร็จ ก้าวไปสู่ตำนานเล่าขานนับจากนั้นไป
นึกถึงตรงนี้ ในดวงตาจักรพรรดินีฉาบประกายคมปลาบ
ประกายนี้เหมือนว่าสามารถแหวกผืนฟ้า สามารถสั่นคลอนผืนดิน!
ทำให้ในเสี้ยวพริบตาที่ฟ้าดินเปลี่ยนสี ท้องฟ้าก็พลันมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของสายฟ้าดังครืนครั่นมา
เสียงนี้ไม่ได้มาจากท้องฟ้า แต่…มาจากนอกพิภพ!
หลังจากดังเข้ามาในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกึกก้อง สะท้อนไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ ประดุจคำบัญชา
“จักรพรรดิโบราณมีราชโองการ จักรพรรดิปลอมผู้มิใช่แซ่กู่เยวี่ย นิสัยหยาบกระด้าง จิตใจชั่วช้า อดีตเป็นสนมของเสวียนจั้น เข้ารับใช้เป็นข้าบาทบริจาริกาด้วยกายมนุษย์ธรรมดา แอบซ่อนอำพรางวางแผนต่อเสวียนจั้น วางกลอุบายแย่งชิงความโปรดปราน”
“มีจิตใจดั่งอสรพิษ กมลสันดานราวหมาไน จิตคิดร้ายประพฤติชั่ว ล่อลวงขุนนางดี”
“มนุษย์เทพไท้ล้วนเกลียดชัง ฟ้าดินมิอาจยอมรับ”
“ทั้งยังลอบซ่อนความมุ่งร้าย ขโมยอาวุธของเผ่า ดูเถิดว่าฟ้าดินในวันนี้ เป็นของผู้ใด!”
“เผ่ามนุษย์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ คำกล่าวนั้นยังไม่เลือนหาย ความภักดีมิอาจลืมเลือน ขอสั่งโชคชะตาแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ และให้ผู้ปกครองผู้ซื่อสัตย์ ปลดสตรีผู้นี้!”
“ตำแหน่งฐานันดรศักดิ์ทั้งปวง จงคืนสู่ขุนเขาและแม่น้ำ”
“หากยังคงหลงเหลือความทะเยอทะยานอันไม่สมควร เดินอยู่บนหนทางที่ผิด เลอะเลือนโง่เขลาไม่รู้จักสถานการณ์ จะต้องได้รับโทษอย่างมหันต์”
“จบราชโองการ!”
คำพูดนี้ดังออกมา ฟ้าดินเผ่ามนุษย์คำรามลั่น ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วน ในใจยิ่งเกิดลมพายุ
ลมพายุนี้เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ซ่อนอยู่ในสายเลือด ระเบิดปะทุขึ้นในสมอง
แม้แต่พลังชะตาที่วนล้อมอยู่ในเผ่ามนุษย์ ในเสี้ยวพริบตานี้ก็พลันเดือดพล่าน หอบม้วนตลบไปทั่วทุกสารทิศ ก่อเป็นพลังที่ต่อต้านจักรพรรดินี
ชุดจักรพรรดิบนร่างของจักรพรรดินีแหลกละเอียดทันที มงกุฎจักรพรรดิบนศีรษะก็แตกสลายในพริบตาเช่นกัน
เพราะสิ่งที่ส่งมาจากนอกพิภพคือราชโองการที่แท้จริงของเผ่ามนุษย์!
นั่นคือราชโอการแห่งจักรพรรดิโบราณ!
สามารถออกคำสั่งต่อเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย เพียงคำเดียวสามารถตัดสินเป็นตาย เผ่ามนุษย์ก็รวมอยู่ในนี้ พลังชะตาก็อยู่ในการควบคุมเช่นกัน
ดังนั้น จิตใจผู้คนหวั่นไหว ส่วนมังกรยักษ์ที่แปลงมาจากพลังชะตาเผ่ามนุษย์ก็คำรามไปยังจักรพรรดินี ยิ่งมีเงาร่างปราชญ์เมธีนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา จ้องมองจักรพรรดินีอย่างพิโรธโกรธเคือง
ในขณะเดียวกัน การซัดโหมเดือดพล่านของพลังชะตายังก่อเป็นวิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าเผ่ามนุษย์ที่ในห้วงเวลาอันเนิ่นนานมานี้ต่อสู้กับเทพเจ้าจนตัวตาย จำนวนมากมายมหาศาล มืดฟ้ามัวดิน ก่อเป็นพลังสะท้านฟ้า
ทั้งหมดล้วนสีหน้าเจ็บปวดโศกเศร้า มองจักรพรรดินีอย่างโมโหขุ่นเคือง
จะปลดตำแหน่งจักรพรรดินีของนาง จะขัดขวางการสำเร็จเทพของนาง!
นี่ก็คือการโต้ตอบกลับของแดนศักดิ์สิทธิ์!
แต่สำหรับเรื่องทุกอย่างนี้ สายตาของจักรพรรดินีก็ยังคงคมปลาบเช่นเดิม หลังจากที่กวาดตามองวิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏออกมาจากพลังชะตารอบๆ ก็เอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“ความผิดพลาดของจักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่ง พวกท่านล้วนเป็นประจักษ์พยาน”
“ความโศกเศร้าของจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋น พวกท่านล้วนเห็นเป็นประจักษ์”
“ความขมขื่นของจักรพรรดิมนุษย์เซิ่งเทียน พวกท่านล้วนรับรู้”
“การแตกดับของจักรพรรดิมนุษย์เต้าซื่อ พวกท่านล้วนรู้เห็น”
“พวกท่านเป็นปราชญ์เมธีจริงๆ เป็นวิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าจริงๆ เกิดเป็นเผ่ามนุษย์ ตายไปก็ยังคงเป็นเผ่ามนุษย์ ข้านั้นเคารพนับถือ แต่จะ…มองแล้วปฏิเสธ มองข้าม รู้แต่ทำไม่รู้ คบค้าแต่หลอกลวงไม่ได้!”
“อีกทั้งการกระทำทุกอย่าง ความคิดทุกอย่างยังไม่อาจให้โองการจากนอกพิภพโองการหนึ่งควบคุม!”
“ในเวลาเนิ่นนานหลายหมื่นปี เผ่ามนุษย์ทุกข์ระทม ประชาชนยากจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง ความตายเกิดขึ้นทุกชั่วขณะ ศพเกลื่อนกลาดทั่วแผ่นดิน เป็นทาส เป็นสัตว์เดรัจฉาน น่าสมเพชเวทนา…”
“วันนี้ข้าผงาดขึ้น ปรารถนาจะปกป้องคุ้มครองเราเผ่ามนุษย์ หวังจะเรียกผู้ที่พเนจรอยู่ข้างนอกกลับมา หวังจะรักษาแผ่นดินหมื่นหมื่นลี้ ให้เผ่ามนุษย์เรานับจากนี้ไม่อ่อนแออีกต่อไป ให้เผ่ามนุษย์เรานับจากนี้ลืมตาอ้าปากได้!”
“จิตเจตจำนงค์ของข้าฟ้าดินเป็นพยาน วาจาของข้าประจักษ์ไปชั่วกาลนาน ปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์เช่นนี้…พลังชะตาเผ่ามนุษย์อาศัยอะไรมากัดกินข้า!”
เสียงของจักรพรรดินีพลันดังขึ้น ประจุดดาบคม ทะลุฟ้าดิน ฟาดฟันไปพลังชะตา
ทำให้พลังชะตายิ่งเดือดพล่าน วิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าในนั้น ราวถูกถามหยั่งจิตเจตจำนงค์
ส่วนจักรพรรดินียกเท้าขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ฟ้าดินคำรามกึกก้อง พลังอำนาจของนางท่วมฟ้าในทันที ทำให้ฟ้าเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก
เสียงยิ่งราวอัสนีสวรรค์ ฟาดผ่าทั่วสารทิศ
“เผ่ามนุษย์อ่อนแอจนถึงวันนี้ เดินไปทางความตกต่ำ ระหว่างนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ทำเพียงแค่รับผลประโยชน์ ไม่สนใจไยดีความเป็นตายของเผ่า”
“เผ่าเรานั้นยากลำบาก เผ่าพันธุ์แข็งแกร่งผงาดล้อมรอบด้าน จิตละโมบคิดล้างเผ่าพันธุ์เราเป็นนิรันดร์!”
“ข้านับแต่ที่สืบทอดอำนาจ จริงจังตั้งใจระมัดระวังรอบคอบมาจนถึงวันนี้ ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย สร้างดวงตะวันแห่งแสงอรุณ ผนึกกำลังกับพันธมิตร ก็ยังคงราวเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ ขยับแม้เพียงเล็กน้อย เผ่าเราก็จะสูญสลายหมดสิ้น แล้วข้าจะทำเช่นไรได้”
“วิญญาณปราชญ์เมธี ผู้กล้าวีรบุรุษทั้งหลาย พวกท่านช่วยสอนสั่งข้าได้หรือไม่”
“หรือพวกท่านจะมองเผ่าเราดับสูญไปเช่นนี้ มองชีวิตเผ่ามนุษย์กลายเป็นเถ้าธุลีไปเช่นนี้”
“หรือพวกท่านอยากจะเห็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ทุกคนกลายเป็นวิญญาณไปทั้งหมด”
ฝีเท้าจักรพรรดิมนุษย์เหยียบย่างลงมาอีกครั้ง ฟ้าดินสั่นคลอน พลังชะตาเผ่ามนุษย์พลันเดือดพล่าน วิญญาณวีรบุรุษผู้กล้า ปราชญ์เมธีในนั้น ความโศกเศร้าในสีหน้ายิ่งทวีมากขึ้น แต่กลับไม่เห็นความโกรธขุ่นเคืองอีกต่อไป ทว่าเป็นความซับซ้อน
“ข้าทำไม่ได้!”
เสียงจักรพรรดินีกลายเป็นเสียงเพียงหนึ่งเดียวในฟ้าดิน!
“ดังนั้น…จึงมีเพียงสำเร็จเป็นเทพเท่านั้น!”
“ข้าเป็นจักรพรรดิมนุษย์ก่อน จากนั้นจึงสำเร็จเทพ ผลกรรมเวรทุกอย่าง ข้าขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว เพียงเพื่อความรุ่งโรจน์ของเผ่ามนุษย์ ข้าขอถามฟ้า ถามดิน ถามจิตเจตจำนงค์พลังชะตาเผ่ามนุษย์ เหล่าวิญญาณผู้กล้าวีรบุรุษ ปราชญ์เมธีทั้งหลาย วิธีการทำของข้า ผิดตรงไหนกัน!”
“แดนศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจดูแลเผ่ามนุษย์ ข้าดูแลเอง!”
“ฟ้าดินไม่สงสารเผ่ามนุษย์ ข้าสงสาร!”
“พลังชะตาเผ่ามนุษย์ วิญญาณผู้กล้าวีรบุรุษ ปราชญ์เมธี จิตเจตจำนงค์ของข้าเช่นนี้ พวกท่าน…ขัดขวางข้าด้วยเหตุใด!”
จักรพรรดินีเงยหน้า เสียงราวอำนาจสวรรค์ คำรามลั่นไปในใต้หล้า
เหนี่ยวนำผลกรรมเวร สร้างมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่!
ด้วยจิตใจที่เที่ยงธรรมซื่อตรง ด้วยวาจาที่ไม่ละอายใจ ก่อเกิดพลังอันยิ่งใหญ่ ถามพลังโชคชะตา ถามวิญญาณผู้กล้าวีรบุรุษ ถามปราชญ์เมธี!
พวกท่านอาศัยอะไรกัดกินข้า
พวกท่านขัดขวางข้าด้วยเหตุใด!
พลังชะตาระเบิดทันที เสียงราวโศกเศร้า วิญญาณผู้กล้าวีรบุรุษ ปราชญ์เมธีที่ปรากฏออกมาต่างเงียบนิ่ง
จากนั้นวิญญาณผู้กล้าวีรบุรุษ ปราชญ์เมธีทั้งหมด ต่างก้มศีรษะไปในฟ้าดิน คุกเข่ามาทางจักรพรรดินี
“จักรพรรดิมนุษย์!”
เสียงวู้มๆ ดังท่วมฟ้าดิน
พลังชะตาเดือดพล่าน เพียงพริบตาชุดจักรพรรดิปรากฏบนร่างจักรพรรดินีอีกครั้ง มงกุฎจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังยิ่งใหญ่ทรงพลัง ยิ่งเข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้
ในเสี้ยวพริบตานี้ ฟ้าดินเผ่ามนุษย์ เจตจำนงค์เผ่ามนุษย์ ประวัติศาสตร์เผ่ามนุษย์ พลังชะตาเผ่ามนุษย์ ทั้งหมดล้วนเพิ่มพลังไปรอบๆ จักรพรรดินี
กลิ่นอายที่น่ากลัว รัศมีอำนาจสะท้านฟ้าน่าตื่นตะลึง พวยพุ่งขึ้นจากร่างของจักรพรรดินี
นับจากจักรพรรดิโบราณ เผ่ามนุษย์ในช่วงเนิ่นนานมานี้ บนดาวจักรพรรดิโบราณในทุกรุ่น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ดาวจักรพรรดิโบราณที่อยู่ใต้นาง เปลวเพลิงยิ่งลุกโชน
ขณะเดียวกัน เผ่ามนุษย์ทางนี้อยู่ท่ามกลางรุ่งอรุณ รัศมีอำนาจพวยพุ่งสู่ผืนฟ้า แต่ในแผ่นดินใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากเผ่ามนุษย์ลิบลับ กลับอยู่ในราตรีมืด
ทุกอย่างกลับกัน
ที่นี่ก็คือแผ่นดินใหญ่กลืนนภา
จักรพรรดิของเผ่ากลืนนภาในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ เงาร่างพันจั้งที่ยืนตระหง่านในวังหลวงกำลังแตกสลาย เลือดมหาศาลไหลจากร่าง ท่วมจมทั่วทุกทิศ
เผ่ากลืนนภานับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ แต่ละคนสีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัว ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง
แต่กลับทำอะไรไม่ได้
และความอ่อนล้าบนร่างจักรพรรดิท่านนั้นของพวกเขาก็เด่นชัดเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จักรพรรดิทุนเทียนผู้นี้ก็ลืมตาขึ้นช้าๆ
“ข้าไม่เป็นไร”
เสียงแหบแห้งดังออกมา เพียงแต่ไม่ว่าใครก็ต่างมองออกทั้งนั้น เขาไม่ใช่ไม่เป็นไร แต่สภาพร้ายแรง ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมา จะต้องปิดด่านทันที
“พวกเจ้า…”
จักรพรรดิทุนเทียนฝืนสะกดต่ออาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะปิดด่านเขาต้องวางแผนอะไรมากมาย แต่ในทันที่เอ่ยปาก ในใจของเขาก็พลันสั่นสะท้าน ความรู้สึกอันตรายอย่างรุนแรงปะทุขึ้นมาในทันใด
เขาเงยหน้าทันที ทอดสายตามองไปยังท้องฟ้ายามราตรีข้างบน สีหน้าฉายแววตกใจออกมา
“นี่มัน…”
ยังพูดไม่ทันจบ ม่านฟ้าเหนือศีรษะของเขา พลันมีเสียงพึมพำดังมา
“พลังปราณหยางสูงสุด 2 กลุ่มผสานซึ่งเนตรแห่งโบราณเทพ เกิดเป็นแสงแห่งห้วงดาราฉายไปในแผ่นดินใหญ่ต้องกระสงค์ สาดส่องลงมายังพื้นแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นดินแห่งเทวะ”
“นามนายแห่งดวงอาทิตย์ เทียนประทีป เทพเจ้าทั้งหลายแห่งจักรวาล”
“อัญเชิญประตูลงมาที่นี่!”
เสียงพึมพำเมื่อดังขึ้น วังเผ่ากลืนนภาสั่นคลอน พลังมหาศาลที่น่ากลัวจนไม่อาจบรรยายได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ลงมายังที่แห่งนี้ ลงมาไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่กลืนนภา
ภาพที่เป็นมายาแต่กลับชัดเจนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะจักรพรรดิทุนเทียน
แทนที่ผืนฟ้าที่นี่ แทนที่วิถีของที่นี่ แทนที่ซึ่งทุกสิ่ง
ในภาพนั้นเป็นโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งประหลาดและความลึกลับ
จะเห็นต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้าแต่ละต้นๆ แผ่ระลอกคลื่นคุณสมบัติเทพออกมา จะเห็นอสูรกลายพันธุ์ที่คุณสมบัติเทพกล้าแกร่งมากมาย จะเห็นศาลเจ้าเก่าแก่โบราณที่สูงใหญ่อีกทั้งไม่อาจพรรณาได้มากมาย
ทะเลที่อยู่ในสภาวะแช่แข็ง แผ่นดินที่อยู่ในสภาพอากาศ เมฆรูปร่างมนุษย์ วิญญาณประเภทดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่ยังมีชีวิตรูปร่างเหมือนปลาหมึก นกยักษ์ที่ปีกปกคลุมฟ้าดิน
แต่ละร่างยิ่งใหญ่มหึมา รูปร่างแปลกประหลาดแตกต่างกันไป
และในจุดที่ลึกที่สุด จะเห็นเงามหึมาน่าตื่นตะลึงร่างหนึ่ง เป็นลูกทรงกลมน่าตื่นตะลึงสะท้านฟ้าขนาดหมื่นลี้
ลูกทรงกลมนี้สีดำทั้งลูก มีรยางค์เต็มไปหมด ประเดี๋ยวๆ ก็โบกไหว ในดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งฉายประกายแสงแปลกประหลาด เหมือนว่าสามารถมองทะลุเวลาและห้วงมิติ
เสียงที่ดังออกมาจากในลูกทรงกลมนี้ต่ำทุ้มแต่ก้องกังวาน ประดุจสายฟ้าฟาดผ่าในหมู่เมฆ
จากการขยับไหวของมัน โลกทั้งใบสั่นคลอน แผ่นดินพังทลาย มหาสมุทรซัดโหมบ้าคลั่ง ท้องฟ้าลุกไหม้
ยิ่งกว่านั้นบนผิวลูกทรงกลมสีดำนั่น มีใบหน้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ล้วนแซ่ซ้อง เอ่ยคำรามคำพูดพึมพำเมื่อครู่ออกมา
เป็นแผ่นดินเทวะของเทียนประทีปนั่นเอง
เสี้ยวขณะต่อมา รยางค์นับไม่ถ้วนที่พุ่งออกมาจากก้อนเนื้อสีดำในนั้น ก็พลันยื่นออกมาจากในภาพ รยางค์ทุกรยางค์แผ่พลังอำนาจเทพออกมา เมินซึ่งกฎเกณฑ์ ทะลุผ่านมิติ
จักรพรรดิทุนเทียนหน้าเปลี่ยนสี ร่างถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ยกมือ พลังเจ้าเหนือหัวของเขาลงมาเยือน
เปลี่ยนฟ้าเปลี่ยนดิน เหมือนหั่นแบ่งห้วงเวลาจากในโลกมาเป็นจักรวาลของตัวเอง
รยางค์ประกายแสงสีดำนั่นฉายแสงวูบ ก้อนเนื้อสีดำในนั้นก็พุ่งออกมาจากในแผ่นดินเทวะ กลืนกินจักรวาล หุ้มล้อมเขาเอาไว้
รยางค์นับไม่ถ้วนแผ่ลามอย่างบ้าคลั่ง พันรัดเอาไว้ในทันที
เพียงเสี้ยวพริบตา จักรพรรดิทุนเทียนที่เดิมก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วถูกลากเข้าไปในแผ่นดินเทวะ
จากนั้น ท่ามกลางเสียงร้องหวาดกลัวตื่นตกใจของสมาชิกเผ่ากลืนนภาที่อยู่รอบๆ เงาร่างของเผ่าต่างๆ มากมายก็พลันลงมาเยือนจากในแผ่นดินเทวะของเทียนประทีป
จำนวนมหาศาล ไม่ต่ำกว่าหลายแสน!
เงาร่างเหล่านี้ บางร่างรังสีอำมหิตตลบอวล เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง บ้างใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนคนทั่วไป บ้างอมยิ้มอ่อนโยนเป็นที่สุด
ต่างบุคลิกแตกต่างกันไป เผ่าพันธุ์มากมาย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือในสถานที่ที่พวกเขาอยู่ ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานที่เคยทำการแสดงสีเลือดทั้งสิ้น
พวกเขาก็คือสมาชิกองค์กรเทียนประทีปที่มาจากเผ่าต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์!
และผู้ที่ลงมาเยือนนอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีตัวตนที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าจำนวนหนึ่งอีกด้วย
ตัวตนเหล่านี้ล้วนสวมชุดคลุมยาวสีดำ ปกปิดร่างกาย แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาเย็นเยือกน่ากลัว เหมือนวิญญาณเก่าแก่โบราณที่มาจากยมโลก
ทั่วร่างแผ่หมอกสีดำออกมา วนล้อมอยู่รอบกาย แปรเปลี่ยนเป็นศีรษะปีศาจมากมาย น่าสยดสยองขนลุกขนพอง
ยิ่งมีบางร่าง ร่างเหมือนผสานขึ้นมาจากต้นไม้ แต่ละร่างหากไม่สูงใหญ่ ก็แปลกประหลาด บ้างเป็นรูปร่างมนุษย์ บ้างเป็นรูปร่างสัตว์ ทั่วทั้งร่างแผ่ไอพลังที่มีเฉพาะเทพเจ้าออกมา
หากสวี่ชิงอยู่ที่นี่จะต้องมองออกทันทีแน่นอน
พวกนี้ก็คือร่างทดสอบเทพเจ้าที่เขาเคยเห็นในตอนนั้นนั่นเอง!
และหลังจากที่ลงมาเยือนที่นี่ ผู้บำเพ็ญแปลกประหลาดเหล่านี้ ในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก ส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมออกมา
“ที่นี่ก็คือที่ที่รัชทายาทเลือกให้พวกเราอย่างนั้นหรือ”
“กลิ่นอายงดงามจริงๆ ด้วย…”
“เช่นนั้นก็ฆ่าเถิด ทำตามคำสั่งของรัชทายาท ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่นี่เปลี่ยนเป็นวัตถุดิบเลือดเนื้อให้หมด!”
ขณะพูด ผู้ที่ลงมาเยือนทั้งหมดร่างเพียงไหววูบก็พุ่งไปทั่วทุกทิศ
เพียงพริบตา ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เผ่ามนุษย์ทางนั้นดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน การสังหารฆ่าล้างที่น่าตื่นตะลึงก็เปิดฉากขึ้นในเมืองหลวงกลืนนภา แล้วยิ่งแผ่ลามไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่อย่างรวดเร็ว
สูญเสียจักรพรรดิ สูญเสียอ๋องสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 4 เผ่ากลืนนภาที่เดิมมีพลังที่ไม่ธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับองค์กรเทียนประทีปที่ลงมาเยือนทั้งหมด เผชิญหน้ากับร่างทดสอบเทพเจ้าที่สามารถระเบิดตัวเเองได้เหล่านั้น เผชิญหน้ากับแผ่นดินเทวะที่ปรากฏขึ้นบนฟ้า…
จุดจบของพวกเขาสามารถจินตนาการได้
โดยเฉพาะ…ในแผ่นดินเทวะที่อยู่บนท้องฟ้า ตัวตนแปลกประหลาดเหล่านั้นลงมาเยือนจากท้องฟ้า แผ่ความน่ากลัวไปในฟ้าดินแถบนี้
ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่กลืนนภา เคราะห์ภัยพิบัติไม่สิ้นสุด!
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
