Skip to content

Outside Of Time 946


บทที่ 946 : 4 อ๋องกลืนนภา

เผ่ากลืนนภาในแผ่นดินต้องประสงค์ไม่นับว่าเป็นเผ่าแข็งแกร่ง พูดได้แค่ว่าเป็นเผ่าระดับ 2

เทียบกับเผ่าแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับ 1 แล้ว เผ่ากลืนนภาขาดพลังรากฐาน ขาดพลังชะตา ยิ่งไม่มีเทพเจ้า

ดังนั้นคิดจะให้เผ่าพันธุ์เป็นเผ่าแข็งแกร่งในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ พวกเขาจะต้องพยายามมากขึ้น ทุ่มเทมากขึ้น จ่ายค่าตอบแทนมากขึ้น

และแผ่นดินใหญ่กลืนนภาที่พวกเขาอยู่ ก็ห่างจากดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์มาก

ระยะทางที่ห่างกัน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาก็ต้องบินถึงหลาย 10 ปี

ดังนั้น กับเผ่ามนุษย์จึงไม่เคยมีสงครามใดๆ มาก่อน

แต่เผ่านี้ไม่ยอมที่จะเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะภายใต้ความปรีชาสามารถและการวางแผนของจักรพรรดิกลืนนภา เผ่านี้ก็มาถึงจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์ของเผ่าพวกเขา

กระทั่งว่าจักรพรรดิกลืนนภาผู้นั้นยิ่งไม่รู้ว่าใช้วิธีใดทะลวงขีดจำกัดสูงสุดของระดับเตรียมสู่เทวะ เป็นเจ้าเหนือหัวคนแรกของเผ่านับจากยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจนถึงปัจจุบันนี้

พลังเช่นนี้ทำให้เผ่ากลืนนภาเกิดความทะเยอทะยาน

พวกเขาต้องการเผ่าที่เหมาะสำหรับการกลืนกิน เพื่อเพิ่มพลังรากฐานและพลังชะตาของเผ่าตน ได้คุณสมบัติในการเซ่นบวงสรวงเทพเจ้า ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเผ่าแข็งแกร่งจากการนี้

เผ่ามนุษย์ในฐานะที่เป็นเผ่าแข็งแกร่งในอดีต คือเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเผ่ากลืนนภา

ในเมื่อหากพูดถึงพลังรากฐาน เผ่ามนุษย์ย่อมมีมากพอ และพลังชะตายิ่งเป็นเช่นนั้น

เพียงแต่เผ่ามนุษย์แม้ไม่ใช่เผ่าแข็งแกร่งอีกต่อไป แต่การมีตัวตนอยู่ของมหาจักรพรรดิครองกระบี่ก็ยังสามารถสยบได้ทั่วทุกสารทิศ นอกจากนี้ จักรพรรดิมนุษย์ทุกรุ่นล้วนเป็นเจ้าเหนือหัว ก็ทำให้คนชั่วทั้งหลายต้องเก็บความซ่อนความละโมบลงไป

ดังนั้น หากคิดอยากจะล่าเผ่ามนุษย์ ในการวิเคราะห์ของจักรพรรดิกลืนนภาท่านนั้น จะต้องเก็บซ่อนเป้าหมาย จะต้องระมัดระวังรอบคอบ ยิ่งต้อง…รอคอยโอกาส

เมื่อหลายปีก่อน โอกาสมาถึงแล้ว

ตอนนี้ นอกวังเผ่ากลืนนภา บนลานกว้างขนาดมหึมา มีเงาร่างยิ่งใหญ่ 4 ร่างยืนตระหง่านอยู่

เงาร่างทั้ง 4 ล้วนสูงถึงร้อยจั้ง หน้าตาต่างไปจากเผ่ามนุษย์ มีเพียงตาเดียว อีกทั้งยังอยู่ที่หว่างคิ้ว

ผิวดำ ในขณะที่หยาบกร้านก็แฝงไว้ด้วยพลังกายเนื้ออันน่าครั่นคร้าม

พวกเขาสวมเกราะ ยืนอยู่ตรงนั้นรัศมีอำนาจน่าครั่นคร้าม ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก

ที่บ่าทั้ง 2 ข้าง เหนือศีรษะของทุกคน ภายนอกร่างล้วนแต่มีโลกอย่างน้อย 7 ใบ 2 คนที่มีมากที่สุดยิ่งมีถึง 9 ใบ

ทั้ง 4 คนนี้ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะระดับสูง!

พวกเขาเขาเป็นอ๋องสวรรค์ทั้ง 4 ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ากลืนนภา เป็นกำลังสูงสุดที่ล้ำค่าที่สุดในเผ่ากลืนนภา

ตอนนี้ บนลานกว้างนี้ พวกเขาแต่ละคนเงียบนิ่งไม่พูดจา จ้องมองไปยังนอกวังหลวงที่อยู่ข้างหน้า ร่างหนึ่งที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นยิ่งมีเงาร่างยิ่งใหญ่มโหฬาร

นั่นคือจักรพรรดิของพวกเขา!

เงาร่างนี้มีขนาดพันจั้ง ทั่วทั้งร่างรัศมีอำนาจท่วมท้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมา เหมือนเทพเจ้าที่แท้จริง

เขายืนอยู่ตรงนั้น เงยหน้ามองท้องฟ้า คล้ายกำลังฟัง

ทั้งลานเงียบสงัด

จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นครู่หนึ่ง จากท้องฟ้าที่สนั่นหวั่นไหว สายฟ้าสีเลือดแต่ละทางๆ พาดผ่าน ก่อเป็นอักขระมหึมาที่ปกคลุมม่านฟ้าหมื่นลี้ตัวหนึ่ง

ในขณะที่อักขระตัวนี้กะพริบแสงวูบวาบ สีเลือดแผ่ลาม สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นวนทรงพลังลูกหนึ่ง

ขณะที่หมุนวนครืนครั่น พลังเหนี่ยวนำเป็นระลอกๆ แผ่ออกมาจากในนั้น ปกคลุมวังเผ่ากลืนนภา

แต่อ๋องสวรรค์ทั้ง 4 บนลานกว้างยังคงนิ่งไม่ขยับ

จวบจนกระทั่ง…

ในสายฟ้าสีเลือดนับไม่ถ้วน สีสายฟ้าสีเงินทางหนึ่ง พาดผ่านผืนฟ้า ตรงไปยังเงาร่างพันจั้งร่างนั้น หลังจากที่ผสานไปในหว่างคิ้ว จักรพรรดิเผ่ากลืนนภาคนนี้ถึงจะพ่นลมหายใจเบาๆ ออกมา

กลิ่นอายแหวกมิติ ทำลายท้องฟ้าไปแถบหนึ่ง

“พวกเขาให้คำสัญญาแล้ว…”

“ท่านทั้งหลาย เพื่ออนาคตของเผ่าพันธุ์ ขอเชิญพวกท่านไปเผ่ามนุษย์สักคราหนึ่ง!”

จักรพรรดิกลืนนภาเอ่ยสงบนิ่ง

อ๋องสวรรค์ทั้ง 4 บนลานกว้าง จิตต่อสู้บนร่างพวยพุ่งทันที ไม่มีใครพูดอะไร ต่างร่างเพียงไหววูบ ก็แปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งยาวที่เหมือนจะฉีกฟ้าดินได้ 4 สาย พุ่งตรงไปยังคลื่นวนสีเลือดที่อยู่ข้างบน

ไม่นานนัก เงาร่าง 4 ร่างก็กายไปในคลื่นวน ในยามที่ระลอกคลื่นพลังส่งข้ามแแผ่ลามในฟ้าดิน จักรพรรดิกลืนนภาท่านนั้นก็ยังคงมองม่านฟ้าสีเลือด เอ่ยเสียงเบาพึมพำ

“ขอเพียงคำสัญญาที่พวกเขาให้มากเพียงพอ…ต่อให้โอกาสนี้เป็นดาบเล่มหนึ่ง จะแทงเข้ามาก่อน”

“แต่ ก็รับได้!”

“ในเมื่อ คนที่ให้คำสัญญา คือพวกเขา…”

จักรพรรดิกลืนนภายิ้ม สายตายังคงจับจ้องไปยังท้องฟ้า เหมือนสามารถมองทะลุเมฆหมอก มองเห็นยิ่งไกลออกไป… ไกลออกไป…ขณะเดียวกัน ดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ บนดาวจักรพรรดิโบราณ จากการลอยขึ้นฟ้าของเลือดทั้ง 12 กลุ่มหน้าองค์ชายสิบเอ็ด คลื่นวนสีเลือดหมุนวนอย่างรวดเร็วที่ม่านฟ้า ในขณะที่เสียงและพลังยิ่งใหญ่ทรงพลัง กลิ่นอายของต่างเผ่าก็ปะทุออกมาจากในนั้น

กลิ่นอายนี้ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกไม่คุ้นเคย และความน่ากลัวและความแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในนั้น ก็ทำให้ผู้ที่สัมผัสได้ทุกคนต่างจิตใจสั่นสะท้าน

เสี้ยวขณะต่อมา เงาร่างร้อยจั้งที่สวมชุดเกราะ พุ่งออกมาจากในคลื่นวนลูกนั้น จากเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่สะท้อนก้อง เงาร่างนี้ก็ทะลวงฟ้าดิน ปรากฏมาบนดาวจักรพรรดิโบราณ!

ในเสี้ยวพริบตาที่ลงมาเยือน ฟ้าดินสั่นสะท้าน พลังชะตาเผ่ามนุษย์ล้วนเดือดพล่านรุนแรง

และยักษ์ขนาดร้อยจั้งนั่น ดวงตาที่หว่างคิ้วกวาดตาไปทั่วสารทิศ ในยามที่มุมปากฉายรอยยิ้มบ้าคลั่ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวในคลื่นวนสีเลือดดังขึ้นอีกครั้ง เงาร่างที่ 2, 3, จวบจนร่างที่ 4 ลอยต่ำลงมาพร้อมกัน

ล้วนมีขนาดร้อยจั้ง ล้วนสวมชุดเกราะ ล้วนกลิ่นอายอำมหิตจิตสังหารสะท้านฟ้าดิน

พวกเขาก็คืออ๋องสวรรค์ทั้ง 4 ของเผ่ากลืนนภา!

เสียงสูดลมหายใจนับไม่ถ้วน ดังออกมาจากนอกดาวจักรพรรดิโบราณอย่างยากจะสะกดกลั้น

“นี่คือเผ่าใดกัน”

“เตรียมสู่เทวะ 9 โลก!”

ต่อให้เป็นคนทั้งหลายที่อยู่ในดาวจักรพรรดิโบราณก็ล้วนแต่เกิดคลื่นอารมณ์ในใจ ต่อให้จักรพรรดิมนุษย์กำลังสำเร็จเป็นเทพ ทว่า…หลังจากที่ต่างเผ่าลงมาเยือน อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว

กลิ่นอายแต่ละทาง…แต่ละทาง พลันปะทุมา จับเป้าหมายผู้มาเยือน

ขันทีชราที่อยู่ข้างหลังจักรพรรดิมนุษย์ สายตาคมปลาบเป็นอย่างยิ่งทันที

ส่วนองค์ชายสิบเอ็ด ตอนนี้เสียงดังก้องขึ้นมา

“ผู้มาเยือนจงรักษาสัญญา สังหาร…จักรพรรดิมนุษย์!”

อ๋องสวรรค์ทั้ง 4 ของเผ่ากลืนนภาได้ยินก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขามาที่นี่ก็ตั้งใจมุ่งมั่นแล้ว ตอนนี้ต่างโคจรพลังบำเพ็ญ กลิ่นอายสะท้านฟ้า ก้าวไปยังจักรพรรดิมนุษย์ที่ถูกโซ่พันธนาการเอาไว้

ส่วนขันทีชราสีหน้าอึมครึม ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พยายามจะขัดขวาง

ขณะเดียวกัน อ๋องสวรรค์จำนวนไม่น้อยที่อยู่ข้างกายสวี่ชิง ก็ต่างทะยานขึ้นฟ้า เสี้ยวขณะต่อมา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นบนม่านฟ้าดาวจักรพรรดิโบราณ สะท้อนก้องไปทั่วทุกสารทิศ

เพียงพริบตา ท้องฟ้ารางเลือน ในนั้นอันตรายรุนแรง อีกทั้งการประมือของอ๋องสวรรค์เหล่านี้ปั่นป่วนมิติ ทำลายห้วงกาลเวลา ทำให้กลิ่นอายสำเร็จเทพที่ลอยขึ้นในดาวจักรพรรดิโบราณกระเพื่อมระลอกคลื่นมา

สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไม่ใช่ปัญหาระหว่างภายในของเผ่ามนุษย์แล้ว แต่เป็นการรุกรานของต่างเผ่า

จากนั้นท้องฟ้าระเบิดก้อง องค์ชายสิบเอ็ดที่อยู่ในนั้น มองจักรพรรดิมนุษย์ที่ตอนนี้ก็ยังคงสีหน้าสงบนิ่ง เอาวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา หัวเราะพลางเอ่ยปาก

“เสด็จพ่อ ดวงตะวันแห่งแสงอรุณดวงนี้ ท่านน่าจะจำมันได้ คิดแล้วก็คงจะรู้แล้วว่าอยู่กับข้าที่นี่”

วัตถุที่เขาถืออยู่ในมือ ก็คือดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายปีก่อนดวงนั้นนั่นเอง!

“ข้าประหลาดใจนัก ในเมื่อท่านรู้ว่าดวงตะวันแห่งแสงอรุณเป็นข้าที่เป็นคนเอาไป เช่นนั้นวันนี้มีการเตรียมการรับมืออะไรกับของชิ้นนี้เล่า”

องค์ชายสิบเอ็ดดวงตาฉายแววโหดเหี้ยม มือยกขึ้นสะบัด แล้วพลัน…โยนดวงตะวันแห่งแสงอรุณในมือไปยังส่วนลึกของดาวจักรพรรดิโบราณ!

ดวงตะวันแห่งแสงอรุณแผ่แสงเจิดจ้ารุนแรงออกมาทันที ประดุจดวงอาทิตย์ พลันปะทุพลังออกมา!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version