Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1196

ตอนที่ 1196 กายหมานขั้นดับ

“ตัวเลขชุดนี้…” ซูหมิงพูดพึมพำ ตอนที่สัมผัสกับเทพบรรพชนลำดับที่ เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ด ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เลย แต่กลับมีความรู้สึกอบอุ่นจากเทพบรรพชนเข้าสู่ร่างกาย ความรู้สึกนี้อบอวลไปทั่วร่างในพริบตา ซ้ำยังรวมเข้าสู่วิญญาณกลายเป็นความสบายที่ไม่อาจบรรยาย

‘ตัวเลขชุดนี้คือลำดับที่ชาวเผ่าหมานใหญ่ในยุคโบราณแลกมาด้วยชีวิตจริงๆ นี่คือ…ลำดับที่ล้ำค่าที่สุดของทั้งเผ่า!’ ซูหมิงใจสั่นไหว เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นผ่านตัวเลขชุดนี้

ในสายตาคนนอก ร่างซูหมิงในตอนนี้หายไปแล้ว หลอมรวมกับเทพบรรพชนอย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น วิหารเหล่าเทพเปล่งแสงทองสว่างจ้า แสงทองเหล่านั้นโอบล้อมและหลอมรวมเข้าสู่ร่างซูหมิงอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับร่างกายเขา

อีกทั้งขณะเปลี่ยนแปลง ภายในร่างกายเขายังเกิดสิ่งที่เขาคุ้นเคยขึ้น นั่นคือ…ความรู้สึกของการชี้นำหมาน!

ความรู้สึกนี้ไม่ผิดแน่ ขณะเดียวกันวิญญาณเผ่าหมานร้อยล้านดวงบนแผ่นดินข้างล่างต่างคารวะขึ้นฟ้าทั้งหมด เสียงพึมพำดังไม่ชัดเจน แต่เมื่อเข้าถึงหูซูหมิงอย่างเงียบเชียบกลับเกิดเสียงอึกทึกดังในความคิด ประหนึ่งย้อนกลับไปภูเขาทมิฬ กลับไปยังเหตุการณ์ที่ท่านปู่ทำพิธีชี้นำหมานให้เขา!

‘เป็นการชี้นำหมาน! เป็นมันเองที่ให้ข้ามาที่นี่ มันมอบโอกาสให้ข้าเป็นเทพหมาน เป็นมันจริงๆ ที่ให้ข้าได้รับดวงจิตของแผ่นดินเผ่าหมาน!

และเป็นมันที่เปิดโอกาสให้ข้ายกระดับวิญญาณอย่างตอนนี้!’ ซูหมิงใจสั่น เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังการชี้นำหมานในร่างกาย กระทั่งยามนี้ยังมีความรู้สึกเด่นชัดว่าถึงตนจะไม่เลือกหมายเลขเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ด แต่เลือกเทพบรรพชนคนอื่น แม้จะล้มเหลว แต่หลังจากล้มเหลวแล้วเขาจะไม่ถูกลบหายไป ซ้ำยังไม่กลายเป็นร่างเงาสีแดงที่ ไร้จิตสำนึกเหล่านั้น

การชี้นำหมานในร่างกายเป็นเหมือนคำอวยพรและการปกป้อง มันมาจาก เผ่าหมานใหญ่ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างน่าประหลาดบางอย่างกับเทพบรรพชนที่ สืบทอดมาแต่โบราณกับวิหารเหล่าเทพ

และที่มากกว่าคือคำอวยพรของเหล่าเทพ!

ตอนนี้เมื่อกลิ่นอายชี้นำหมานในร่างกายเผยชัดออกมา เมื่อทั่วร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงจากการยกระดับวิญญาณ เขาพลันได้ตระหนักและยังรู้สึกว่ากลิ่นอายชี้นำหมานในตัวตนนั้นไม่ใช่หนึ่งสาย แต่เป็น…สามสิบเจ็ดสาย!

‘ใช่แล้ว ข้าเคยวนเวียนในวัฏจักรสามสิบเจ็ดครั้งในแดนมรณะหยิน หรือก็คือ ข้าทำพิธีชี้นำหมานสามสิบเจ็ดครั้ง…ข้า…มีโอกาสน้อยสุดสามสิบเจ็ดครั้งที่จะล้มเหลว!’ ขณะเดียวกับที่นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเข้าใจและหวนคะนึงคิด เขานึกถึงสายตาเมตตาของท่านปู่ที่มีต่อตน นึกถึงกลิ่นอายของแผ่นดินหมาน นึกถึงท้องฟ้า เผ่าหมาน นึกถึงทุกอย่างของภูเขาทมิฬ

‘เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ด ห้าร้อยหกสิบสาม สามร้อยเจ็ดสิบเอ็ด สองร้อยสี่สิบแปด เจ็ดสิบเก้า สามสิบสาม….ตัวเลขหกตัวนี้คือลำดับการยกระดับวิญญาณของเผ่าหมาน เผ่าหมานเคยยกระดับสำเร็จมากสุดหกครั้งก็มีภัยพิบัติมาเยือน เลยไม่ทันตัวเลขที่ เจ็ด แปดและเก้า

ทว่า…ท่านปู่ทำพิธีชี้นำหมานให้ข้าสามสิบเจ็ดครั้ง เขาให้โอกาสข้าสามสิบเจ็ดครั้ง ถึงข้าจะล้มเหลวไปหลายครั้งก็ยังมากพอจะหาเส้นทางยกระดับวิญญาณสำเร็จใน แถวเจ็ด แปดและเก้าพบ จนกระทั่ง…หลังยกระดับวิญญาณสำเร็จเก้าครั้งแล้วก็จะกลายเป็นเทพบรรพชน!’ ซูหมิงใจสั่น เขาเข้าใจตัวเลขหลายตัวนั้นรวมถึงความหวังและความห่วงใยที่ยากจะบรรยายจากท่านปู่แล้ว

‘แต่เขาอยู่กับซูเซวียนอี…ข้าเข้าใจแล้ว!’ หากตอนนี้เขายังไม่เข้าใจแผนการระหว่างท่านปู่กับซูเซวียนอีอีก เช่นนั้นเขาคงไม่ใช่ซูหมิงแล้ว

‘ท่านปู่เลือกเผ่ายมโลกให้เป็นความหวังในการผงาดขึ้นของเผ่าหมานใหญ่ เพราะมีเพียงพรสวรรค์ของเผ่ายมโลกเท่านั้นถึงรับวัฏจักรแห่งวิญญาณในระดับนี้ได้!

เขามอบเส้นทางที่ลิขิตไว้แล้วว่าต้องเป็นเทพบรรพชนให้กับข้า…’ ซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงดัง ขณะเดียวกับที่หลอมรวมกับเทพบรรพชนคนนี้ ระหว่างที่ทั่วร่างเปลี่ยนแปลง เขารู้สึกว่าร่างกายตนเหมือนแกร่งขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย คล้ายกับว่าในการหลอมรวมกับเทพบรรพชน มีพลังของเทพบรรพชนที่หมายจะปรับแก้ร่างกายเขาให้กลายเป็นกายเผ่าหมาน อย่างแท้จริง

ตามคำพูดของชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ก่อนหน้านี้ ความแกร่งของร่างกาย เผ่าหมานสามารถต่อกรกับเผ่าเทพแคว้นสู่ได้ กระทั่งในบางด้าน แม้แต่เผ่าเทพยังเทียบไม่ได้

‘ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ในเมื่อเทพบรรพชนกำลังเปลี่ยนร่างกายข้า เช่นนั้นก็เปลี่ยนไปให้มากกว่านี้อีก ให้การเปลี่ยนแปลงบ้าบิ่นยิ่งกว่าเดิม!’ ซูหมิงมีสีหน้าเด็ดขาด ทันทีที่ร่างกายถูกเปลี่ยน เขายกมือขวาขึ้นตบถุงเก็บวัตถุอย่างไม่ลังเล

เขาหมายจะเปิดถุงเก็บวัตถุในขณะหลอมรวมกับเทพบรรพชน ในขณะร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง

ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ที่อยู่ไกลออกไปเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็หน้าเปลี่ยนสี ตอนที่เพ่งมองไป ไม่รู้ว่าซูหมิงจะทำอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาในตอนนี้ ขวางไม่ได้แล้ว เพราะหากมีการรบกวนจากภายนอก หากเกิดอะไรขึ้นกับซูหมิง มีโอกาสสูงมากที่จะส่งผลถึงการยกระดับวิญญาณ นี่คือสิ่งที่เขารับไม่ได้

ช่วงที่ซูหมิงใช้มือขวาตบถุงเก็บวัตถุ ร่างแยกกลืนนภามาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา อีกทั้งวิญญาณที่หลับใหลกลุ่มหนึ่งลอยอยู่กลางมือขวา นั่นคือวิญญาณที่ทำให้ ร่างแยกกลืนนภามีจิตสำนึกขึ้นเองจากวงแหวนอาคมธูปสวรรค์

ทันทีที่เอาวิญญาณออกมา นัยน์ตาซูหมิงจุดประกายความบ้าคลั่ง เขาเข้าใจแล้วว่าจะสิ้นเปลืองโชควาสนาการยกระดับวิญญาณไม่ได้ จะต้องหลอมรวมและปรับเปลี่ยนตามความคิดตัวเอง ยามนี้เขาใช้มือขวาถือวิญญาณร่างแยกกลืนนภาเอาไว้แล้วตบเข้าที่กลางกระหม่อมร่างแยกกลืนนภา พอใส่วิญญาณเข้าไปแล้ว ดวงตาซูหมิงขยับประกายสีแดง ก่อนเริ่มยึดร่างแยกกลืนนภาอีกครั้ง!

ในอดีตตอนที่เอาร่างแยกกลืนนภากับวิญญาณออกมาหมอกจะเปลี่ยนสีในทันใด และจะเรียกร่างเงาสีแดงมาจำนวนมาก แต่ตอนนี้ขณะยกระดับวิญญาณ ภายใต้ แสงทองของวิหารเหล่าเทพจึงไม่มีสีแดงปรากฏเลย ภายนอกยังปกติ

นี่คือการลองยึดร่างสองรอบเป็นครั้งแรกของเขา ตอนนี้ขณะยกระดับวิญญาณ วิญญาณเขาพลันแยกออกและพุ่งไปยังร่างแยกกลืนนภา ซึ่งเขาชำนาญในการยึดร่างอยู่แล้ว ประกอบกับวิญญาณร่างแยกกลืนนภาถูกอัดจนน่วม มีแรงในการต่อต้าน ไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ำก็ถูกเขากินไปจนหมด พริบตาเดียววิญญาณเขายึด ร่างแยกกลืนนภาเอาไว้ หลังจากกลายเป็นร่างแยกตนอีกครั้งแล้ว เขาไม่มีเวลาสนใจว่าหลังยึดร่างสองรอบจะเกิดอะไรขึ้น แต่เก็บร่างแยกกลืนนภาไป แล้วใช้สมาธิกับ การหลอมรวมร่างกายในตอนนี้

‘ในเมื่อพลังในการยกระดับวิญญาณเปลี่ยนร่างกายข้าได้ เช่นนั้นก็ให้มันเปลี่ยนไปยิ่งกว่านี้ ข้าจะหลอมรวมร่างแยกกลืนนภาเข้ากับร่างกายนี้ด้วย ให้มันหลอมรวมไปด้วยกันและรวมออกมาเป็น…ร่างกายที่แกร่งกล้าในระดับสูงสุด!’ ซูหมิงมีสีหน้ายึดมั่น ร่างแยกกลืนนภาหลอมรวมเข้ากับร่างกายเขาตอนนี้โดยพลัน ขณะสองฝ่ายรวมเป็นหนึ่ง พลังที่แฝงอยู่ในเทพบรรพชนพลันมาถึง ชั่ววูบเดียวก็ ปกคลุมร่างซูหมิงที่รวมระหว่างร่างแยกกลืนนภากับร่างคนชุดคลุมดำที่ยึดร่างมา ปกคลุมเขาอยู่ท่ามกลางพลังมหัศจรรย์ที่กลายเป็นแสงทอง

ในเวลาเดียวกัน ความเจ็บปวดถูกฉีกเกิดขึ้นในใจซูหมิง ทว่าก็ไม่เท่าไรสำหรับเขา ในทางตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเด่นชัดในความเจ็บปวด

อันดับแรกที่เปลี่ยนไปคือกระดูก กระดูกแตกหักทั้งหมดกลายเป็นผุยผงแล้วก็ถูกแสงทองจำนวนมากหลอมรวมเข้าสู่ภายใน แสงทองเหล่านั้นกลายเป็นจุดสีทองหลอมรวมเข้าไป ก่อนสร้างมาเป็นกระดูกใหม่อีกครั้ง นั่นคือกระดูกสีทอง เป็นรากฐานร่างกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังแก่กล้า!

มิหนำซ้ำภายในกระดูกยังแผ่กลิ่นอายพลังเผ่าหมานเข้มข้นยิ่ง นั่นคือกระดูกหมาน เป็นกระดูกหมานที่มีเพียงชาวเผ่าหมานใหญ่เท่านั้นถึงจะมี!

นี่คืออีกขั้นพลังที่แกร่งกล้าของเผ่าหมานที่เหนือกว่าของขั้นเซ่นไหว้กระดูกมากซึ่งตอนนี้ได้สูญหายไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลา! เทียบกับกระดูกหมานที่ซูหมิงเคยได้รับตอนอยู่เผ่าหมานแล้ว คนละความหมายกันเลย

พอกระดูกทั่วร่างเขากลายเป็นกระดูกหมานสีทองสว่างวาววับ เขาก็รู้สึกว่า เส้นเลือดแตก จากนั้นมีเส้นเลือดยืดยาวมา จากในกระดูกหมานอย่างรวดเร็ว แผ่ไปทั่วร่างเขาในทันใด จุดที่ผ่านเลือดเนื้อจะหลอมละลาย ก่อนมีกลิ่นอายพลังเผ่าหมานที่แกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ปะทุมาจากในตัวเขา

นี่คือสายเลือดหมาน เป็นอีกขั้นพลังที่เหนือกว่ากระดูกหมาน ก่อนหน้านี้ขั้นพลังนี้อยู่ในคราบฝุ่นแห่งกาลเวลามาชั่วนิรันดร์ มีเพียงยามนี้ที่ซูหมิงยกระดับวิญญาณถึงถือกำเนิดอีกครั้งในจักรวาลภายใต้การเปลี่ยนแปลงและโชควาสนาสีทอง

ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ระหว่างนั้นโลหิตในตัวเขาไหลเวียนไป โลหิตสีดำที่เกิดจากการกินสัตว์เซ่นไหว้หลายครั้งพลันเปล่งแสงทอง เมื่อกลายเป็นโลหิตสีทองแล้วก็หล่อหลอมกลายเป็นเนื้อหนัง แต่ว่าระหว่างการหล่อหลอม เนื้อหนังใหม่เติบโตขึ้นกลายเป็นร่างกายที่รองรับขั้นพลังของซูหมิงที่มีกระดูกหมาน เส้นเลือดหมานรวมถึงโลหิตหมานได้!

ในเวลาเดียวกัน พลังจากเทพบรรพชนที่กลายเป็นแสงทองปกคลุมร่างกาย คนชุดคลุมดำที่ซูหมิงยึดร่างมาซึ่งหลอมรวมกับร่างแยกกลืนนภาแล้วดำเนินการเปลี่ยนร่างกายนี้อย่างถึงที่สุด ชั่ววูบเดียวก็ปะทุพลังที่ซูหมิงคาดไม่ถึง

นั่นคือกายหมานที่ไม่ดับสูญ มีพลังชีวิตเหลือล้นวนเวียน ถึงขั้นบรรลุถึงขั้น ทุกสรรพสิ่งไม่สูญสิ้น เทียบเคียงได้กับฟ้าดิน!

นั่นคือขั้นดับ!

กายหมานขั้นดับ!

ถึงขั้นพูดได้ว่านี่คือร่างกายในความหมายอย่างแท้จริงของซูหมิงตั้งแต่ที่เขาฝึกฝนมาหลายพันปี ระดับความแกร่งของร่างกายนี้เหนือกว่าทุกสิ่งก่อนหน้านี้ของเขา เรียกได้ว่านี่คือร่างแยกระดับสูงคนแรกของเขา เป็นกายแห่งเผ่าหมาน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version