บทที่ 965 อัสนีอยู่ภายใน เทพเจ้าสายฟ้าเร้นกาย
นามองค์รัชทายาทม่วงครามนั้นเป็นนามที่ทรงเกียรติที่สุดในยุคหลังดินแดนต้องประสงค์
เขาเคยถูกยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ดีเลิศที่สุดของเผ่ามนุษย์รองจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า!
เขาเกิดมาพร้อมกับดวงชะตาดินแดนต้องประสงค์ ยามลืมตาดูโลก แดนต้องห้ามทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ต่างร่ำไห้ เลือดประหลาดไหลนอง แพร่กระจายออกไปนอกแดนต้องห้ามทั้งหลาย
เขาเป็นผู้กอบกู้คนสุดท้ายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เพียงเพื่อส่งเขามาเกิดได้ต้องรวบรวมพลังทั้งโลก
เขาได้รับมอบหมายภารกิจให้เป็นผู้รวบรวมดินแดนต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งเดียว และเป็นความหวังสุดท้ายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
เป็นบุคคลที่รวบรวมทุกเกียรติยศที่ฟ้าดินจะมอบให้ได้
แต่สุดท้าย เขาและอาณาจักรของเขาก็พ่ายแพ้
ในวันที่เขาสิ้นลม ภูเขาทั่วทั้งดินแดนต้องประสงค์สั่นสะเทือนราวกับร้องไห้ แม่น้ำไหลย้อนกลับราวกับคร่ำครวญ
วิถีสวรรค์ยังโศกศัลย์
ก่อนที่เขาจะสิ้นลมหายใจ เขาได้ปล่อยลมหายใจสุดท้ายออกมา ซึ่งบรรจุดวงชะตาดินแดนต้องประสงค์ เกียรติยศของเขา และชะตาชีวิตของเขาเอาไว้
ชะตากรรมนั้นสลายในห้วงฟ้าดิน เมื่อลมหายใจนั้นดับสูญ
หลังจากนั้น ร่างกายและจิตวิญญาณองค์รัชทายาทม่วงครามก็สิ้นสูญไป
เมื่อเขากลับมาเกิดใหม่ เขาไม่ได้กลับมาเพื่อเป็นความหวังของดินแดนต้องประสงค์
แต่กลับมาพร้อมกับความคับแค้นอันแรงกล้า
ทว่าวันนี้ มีคนใช้ตนเป็นไม้บรรทัดวัดกาลเวลา ณ ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ
ณ ที่ตั้งเดิมของเมืองเป็นเอก
ณ สถานที่ที่องค์รัชทายาทม่วงครามสิ้นลมในสนามรบ
เอาคิมหันต์เป็นประกาศิต
เอาเซียนเป็นสิ่งเหนี่ยวนำ
บงการฟ้าดิน บัญชาดินแดนต้องประสงค์
นำลมหายใจเฮือกสุดท้ายขององค์รัชทายาทม่วงคราม ที่บรรจุด้วยดวงชะตาดินแดนต้องประสงค์ เกียรติยศ และชะตาชีวิตของเขา…ดูดซับมาจากฟ้าดิน จากกาลเวลา และจากทุกสรรพสิ่ง!
ขณะนั้น ภายในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ผู้บำเพ็ญสำนัก 7 เนตรโลหิตหลายแสนคนต่างเปล่งเสียงแห่งเต๋าออกมา
“ด้วยประกาศิตแห่งคิมหันต์ ใช้เซียนเหนี่ยวนำ เรียกลมหายใจนี้คืนมา!”
บนฟากฟ้า วิหคเพลิงสวรรค์บินถลา ดวงตาตัดผ่านกาลเวลา ลมายใจทะลวงนิจนิรันดร์
ปีกของมันสยายบดบังท้องฟ้า ก่อให้เกิดพายุพัดโหมไปทุกทิศทาง สะเทือนขุนเขา พัดพาคลื่นยักษ์ในทะเลต้องห้าม
เพื่อเสริมพลังแก่ค่ายกลถนนโบราณอันเหนือชั้นนี้
สุดท้าย พลังทั้งปวงก็รวบรวมอยู่ที่มนุษย์สีเงิน ในมือนายท่านเจ็ดผู้ยืนหยัดท่ามกลางฟ้าดิน
กลายเป็นกลุ่มหมอกสีสันสดใส
ปราณหมอกหมุนวน ดินแดนต้องประสงค์และโชคชะตาบรรจุอยู่ภายใน!
ขณะจ้องมองกลุ่มหมอกนี้ 2 ตาของนายท่านเจ็ดเต็มไปด้วยความผันผวน แผ่กลิ่นอายโบราณ ในที่สุดเขาก็ยกมือขวาขึ้น กดหมอกแห่งชะตาสีรุ้งลงบนหว่างคิ้วของมนุษย์สีเงินที่อยู่เบื้องล่าง
รวมเข้ากับเลือดของสวี่ชิง
หลอมรวมเข้าไปในร่างของมนุษย์สีเงิน
ทันทีที่ร่วงลงมา ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน ลมพายุโหมกระหน่ำ ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสี
ร่างของวิถีสวรรค์ปรากฏเลือนราง ทั่วทั้งเทือกเขาต้องประสงค์ส่งเสียงครืนครั่น แม่น้ำปั่นป่วน และต่างส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนในพริบตา
เลือดประหลาดไหลนองออกมาจากแดนต้องห้ามเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์นี้คล้ายกับตอนที่องค์รัชทายาทม่วงครามถือกำเนิดอย่างยิ่ง!
ขณะเดียวกัน เรือนผมยาวสยายนายท่านเจ็ดสะบัดพลิ้วไปด้านหลัง กลิ่นอายทั่วร่างสะเทือนแผ่นฟ้าอีกครา มือขวาสัมผัสหว่างคิ้วของมนุษย์สีเงิน มือซ้ายประสานปางมือกลางทรวงอก ดวงตาเปล่งแสงแห่งสุริยันและจันทรา ส่องสว่างทั่วฟ้าดิน
“ฟ้าดินสุดลี้ลับ ต้นกำเนิดสรรพสิ่ง บำเพ็ญเพียรนับอสงไขยกัป พิสูจน์อิทธิฤทธิ์ข้า นอกใน 3 โลก มีเพียงเต๋าอยู่เหนือสิ่งใด”
“บัดนี้ขอสั่งโหยวหลิง กายสว่างด้วยแสงทอง ท่องคาถานี้หมื่นจบ ทำลายกฎทำลายเทพ ธาตุทั้ง 5 น้อมรับใช้ หมื่นเทพสักการะ บงการอัสนี ผีร้ายขวัญหนี ปีศาจสูญสิ้น”
ทุกถ้อยคำดุจเสียงสวรรค์ ทุกประโยคราวกับหยุดกาลเวลา
บัดนี้สะท้องก้องไปทั่วทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ณ เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ที่อยู่ห่างไกลเกินจะหยั่งถึงสถานที่แห่งนี้ กลิ่นอายของสวี่ชิงระเบิดออก พวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า
หมอกดำหนาทึบแผ่ปกคลุมร่างกายของเขา ทำลายพลังบำเพ็ญ กระดูก เนื้อหนัง และทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเขา
ในชั่วพริบตา ร่างกายของเขาพลันสลายเป็นเสี่ยงๆ!
พลังจากการระเบิดตัวแผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทางอย่างรุนแรง เมื่อมองจากไกลๆ คล้ายคลื่นหมอกสีดำรูปวงแหวน กวาดต้อนไปทุกทิศทางพร้อมด้วยพลังทำลายล้าง
หากเป็นเพียงแค่การระเบิดร่างกาย ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำหรับองค์รัชทายาทม่วงคราม การระเบิดตัวของมหาขั้นหวนสู่อนัตตา เขาเพียงยกมือก็ต้านทานได้ แม้ผู้แข็งแกร่งเช่นสวี่ชิงก็ไม่ต่างกัน
เขายังสามารถย้อนเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ในพริบตา
แต่การระเบิดของสวี่ชิงนั้นไม่ใช่แค่การระเบิดกายเนื้อ
พูดให้ชัดเจนคือ การระเบิดกายเนื้อเป็นเพียงพลังที่ตกค้างตรงขอบๆ แกนกลางของการระเบิดตัวเองที่แท้จริงคือ…วิญญาณ!
วิญญาณของเขาถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วราวกับกระดาษที่ถูกฉีกขาดจากแรงระเบิด ถึงขั้น…แยกส่วนออกจากกัน
กลิ่นอายที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน เปลี่ยนสีท้องฟ้า การระเบิดวิญญาณนี้ไม่อาจต้านทาน ไม่อาจย้อนคืน พลังอันท่วมท้นพุ่งขึ้น
เสียงดังกึกก้องเข้ามาแทนที่เสียงฟ้าร้องในดินแดนต้องประสงค์
ระเบิดออก
ทันใดนั้น ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ก็สว่างไสวราวกับกลางวัน
แสงสว่างนี้แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จนครอบคลุมทั่วทั้งแดนใหญ่เผ่ามนุษย์ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสว่างไสวราวกับไม่มีความมืดมิด ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่ว
ราวกับช่วงชิงแนวคิดของราตรีไป ตรงข้ามกับอำนาจเทพเจ้าของจักรพรรดินี ส่องแสงให้โลกสว่างไสว มีเพียงตนเท่านั้นที่ดำมืดอย่างที่สุด
ภายในหมอกดำไร้ขอบเขตนั้น คล้ายจะมีหุบเหวที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนต้องประสงค์แฝงอยู่
เสียงคำรามน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทุกทิศทางจากหมอกดำที่เกิดจากการระเบิดตัวของวิญญาณสวี่ชิง
มองเห็นอุโมงค์โบราณที่ปรากฏขึ้นอย่างเลือนลางท่ามกลางปราณหมอกที่ปั่นป่วนรุนแรง
ที่อุโมงค์เส้นนั้น จะเห็นประตูหินนับไม่ถ้วน มีทั้งขนาดเล็กใหญ่ รูปร่างไม่เสมอกัน แต่ละบานส่งกลิ่นอายเก่าแก่ ผันผวน ไร้ที่สิ้นสุด
เสียงคำรามดังแว่วมาจากประตูหินเหล่านี้
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ประตูหินเหล่านั้นก็ยิ่งสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงครืนครั่นราวกับจะสั่นคลอนอดีตจนถึงกาลปัจจุบัน ราวกับเสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในใจสรรพชีวิตทั้งปวง
สิ่งที่อยู่หลังประตูกำลังกระแทกประตูหินอย่างบ้าคลั่ง
ต้องการจะบุกทะลวงออกมาจากภายใน!
ชั่วพริบตาเดียว กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าดิน
สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือ ณ ส่วนลึกสุดของอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยประตูหินนั้น ในความสลัวราง คล้ายกับว่า…มีเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งอยู่!
ฉากนี้เป็นฉากที่ฉู่เทียนฉวิน บิดาของฉู่เซิ่งอวิ๋นเห็นในวิญญาณของสวี่ชิงเมื่อครั้งนั้น
เป็นภาพที่ทำให้เขาคร่ำครวญด้วยความกลัวสุดขีด
เขาไม่รู้ว่าหลังประตูหินเหล่านี้คืออะไร ทว่าเขาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของประตูหินในตอนนั้น สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ เขาจินตนาการไม่ออกว่าในอุโมงค์ที่อบอวลไปด้วยความน่ากลัวนั้น มีเก้าอี้ได้อย่างไร
นี่เป็นเก้าอี้ของใคร
ใครกันที่มีคุณสมบัติสามารถนั่งเก้าอี้ในอุโมงค์ที่รายยล้อมด้วยประตูหินน่ากลัวเหล่านี้ได้!
สยบทุกสิ่งทุกอย่าง
ฉู่เทียนฉวินในยามนั้นไม่พบคำตอบ
ทว่าจื่อชิงในเวลานี้ กลับรู้อะไรบางอย่าง
ดังนั้น องค์รัชทายาทม่วงครามจึงถอนใจ
ขณะมองหมอกสีดำที่เกิดจากการระเบิดตัวของสวี่ชิง มองประตูหินท่ามกลางปราณหมอก มองเก้าอี้ตรงสุดอุโมงค์
จื่อชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ถึงจะไม่ใช่ข้า แต่มันก็ไม่ใช่ของเจ้าตั้งแต่แรกนะน้องชาย”
เป้าหมายของเขาคือเก้าอี้ตัวนี้!
เมื่อเขาค้นพบสิ่งนี้เมื่อครั้งนั้น เขาก็คาดเดาไปต่างๆ นานา และรู้แน่ชัดว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับรัฐม่วงคราม ทว่าเกี่ยวข้องกับเป้าหมายอื่นของเขา
กลายเป็นเทพแท้จริง!
หรืออาจจะเป็นถึงเทพชั้นสูงที่เหนือกว่าเทพแท้จริง
เขาต้องการผสานเก้าอี้ลึกลับตัวนี้เข้ากับดวงชะตารัฐม่วงครามที่หวนคืน จากนั้นรวมเข้ากับบัลลังก์จักรพรรดิม่วงคราม เพื่อผลักดันตนเองไปสู่ระดับเทพเจ้าที่สูงขึ้น
เสริมพลังให้รัฐม่วงครามก้าวสู่จุดสูงสุด
นี่คือเป้าหมายสูงสุดของพิธีกรรมสำเร็จเทพจักรพรรดิมนุษย์ที่เขาทำ เพื่อหวนคืนสู่รัฐม่วงคราม
ต้องบรรลุเป้าหมยข้างต้นทั้งหมดก่อนเท่านั้น จึงจะมีพื้นฐานไปสู่การบรรลุผลขั้นสุดท้าย
ดังนั้นตอนนั้นเขาจึงเย็บร่างสวี่ชิงกลับเข้าด้วยกัน ตัดเวลาและแก้ไขชะตากรรมของเขา
เพราะสิ่งนี้หลอมรวมอยู่ในวิญญาณของสวี่ชิง และมีวิญญาณที่ไม่อาจแก้ไขได้อยู่ การบังคับช่วงชิงสิ่งนี้ไปจึงยากที่จะทำให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้จึงมีวันนี้…
เขาหวังว่าสวี่ชิงจะยอมรับตำแหน่งองค์รัชทายาทม่วงคราม และยอมรวมร่างกับเขา แบ่งปันอนาคตร่วมกัน
ทว่าวิธีการของสวี่ชิง เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงทำลายสถานการณ์นี้
จื่อชิงส่ายหน้า
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงต้องบังคับเอามา แม้ว่าการทำแบบนั้น จะทำให้เกิดข้อบกพร่องไม่น้อยก็ตาม
ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือขวาเข้าไปในหมอกสีดำ เอื้อมมือเข้าไปในกองเลือดเนื้อและวิญญาณของสวี่ชิงที่ระเบิดออกมา
มือของเขายืดยาวเหมือนกาลเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในอุโมงค์นั้น เขาเดินผ่านประตูหินที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรง ไม่สนใจสิ่งใด และเมื่อถึงปลายทาง เขาก็เดินไปยังเก้าอี้ กำลังจะคว้ามันไว้
ทว่าในตอนนี้เอง!
เสียงแห่งเต๋าอันไร้ตัวตนก็ดังก้องในโถงทางเดินแห่งนี้
“บัดนี้ขอสั่งโหยวหลิง กายสว่างด้วยแสงทอง ท่องคาถานี้หมื่นจบ ทำลายกฎทำลายเทพ ธาตุทั้ง 5 น้อมรับใช้ หมื่นเทพสักการะ บงการอัสนี ผีร้ายขวัญหนี ปีศาจสูญสิ้น”
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น กลิ่นอายที่มีวิญญาณของสวี่ชิงเหนี่ยวนำ ก็เชื่อมต่อกับสูญตา
หลังจากที่สวี่ชิงระเบิดตัวเอง วัตถุที่หลอมรวมกับสูญตา ก็ถูกยึดครองและถูกดึงดูดเข้ามาในพริบตา
นั่นคือแสงสีทอง!
ที่ส่องประกายออกมา ท่ามกลางเสียงนั้น
แสงสีทองเจิดจ้าปกคลุมร่างของเขา สัญลักษณ์เต๋าที่ได้รับการเสริมพลังนับหมื่นครั้ง ส่องประกายอยู่บนร่างของเขา ปลดผนึกที่ปิดกั้นความรู้ทั้งปวง!
พลังทำลายล้างอันไร้ขีดจำกัดอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถกดข่มทุกสรรพสิ่งได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขา!
นั่นคือเหล็กแหลม!
บนเหล็กแหลมนั้นมีวิญญาณอยู่
นั่นคือบรรพจารย์วัชระ
หรืออีกชื่อหนึ่งคือโหยวหลิงจื่อ!
ดังนั้นตัวอักษร 4 คำแรกในเสียงเต๋านั้นจึงเป็น บัดนี้ขอสั่งโหยวหลิง
บรรพจารย์สำนักวัชระและเหล็กแหลมที่เขาอยู่อาศัยถูกนายท่านเจ็ดเอาไป ก่อนที่สวี่ชิงจะมาเยือนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ เขาขัดเกลาบรรพจารย์ เมื่อกลับไปอยู่ในมือของสวี่ชิง พลังของมันก็เลื่อนขั้นอย่างมาก
แต่หลังจากนั้นก็อ่อนแอลงเล็กน้อย
จนกระทั่งตอนนี้เมื่อเสียงเต๋าถูกเปล่งออกมา พลังที่แท้จริงของเขาจึงถูกปลดปล่อยสู่โลกในที่สุด
ราวกับหนาม!
ล้อมรอบด้วยอัสนี!
พุ่งตรงไปยังมือของจื่อชิงที่กำลังเอื้อมคว้าไปทางเก้าอี้กลางอุโมงค์
แหวกผ่านห้วงสูญตา ทำลายไอพลังประหลาด สะเทือนอำนาจเทพเจ้า
ความเร็วของมันไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น
พลานุภาพของมันทำให้เทพเจ้าหวาดหวั่น
ทว่าผู้บำเพ็ญไร้ความรู้สึกกับมัน มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่สั่นคลอน!
เพียงชั่วพริบตา มันก็ตกลงในฝ่ามือมหึมาขององค์รัชทายาทม่วงครามองค์รัชทายาทม่วงคราม เมื่อสัมผัสกับมัน มันไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย ทว่าพุ่งเป้าไปยังเทพเจ้าด้วยพลังทำลายล้ายอันล้นหลาม
ตรงเข้าไป…ทะลุผ่านฝ่ามือของจื่อชิง
ท่ามกลางเสียงร้องคำราม ฝ่ามือของจื่อชิงแหลกเป็นผุยผง เนื้อและกระดูกนิ้วของเขาแตกกระจาย
โลหิตเทวะสาดกระเซ็น
ด้านนอกอุโมงค์ นอกปราณหมอก มือขวาขององค์รัชทายาทม่วงครามแตกละเอียดกลายเป็นเถ้าถ่านกลางอากาศ สลายไปจากโลกพร้อมกับโลหิตเทวะ
สีหน้าของเขาค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้น
ก่อนจะหันไปทอดมอง…ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ
“โลกนี้มีหอกสังหารเทพอยู่!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
