1009. รูปปั้นใคร?
ขณะที่นางจ้องมองร่างฉิงซวง ร่างกายสั่นเทา หลังจากนั้นสักพักนางก็หลับตาแต่ขนตาสั่นมิอาจปกปิดความตกตะลึงในใจได้
หวังหลินรู้สึกจิตใจอยู่ตรงลำคอพลางเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของนางอย่างใกล้ชิด หวังหลินเดิมพันว่านางคงจะจำวิชายับยั้งและคงจำฉิงซวงได้!
แม้จะเป็นช่วงเวลาเหมาะแก่การลอบโจมตี หวังหลินก็ไม่ได้ทำสิ่งใด สตรีคนนี้ทำให้หวังหลินสัมผัสวิกฤติรุนแรง ตอนที่นางใช้เสี้ยวต้นตอดั้งเดิมนั้น หวังหลินก็หวาดกลัวพอแล้ว
ถึงแม้ปรมาจารย์จงเฉินจะมีกลิ่นอายต้นตอดั้งเดิม เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้ ทว่าสตรีนางนี้ใช้ต้นตอดั้งเดิมได้จริๆซึ่งทำให้หวังหลินเหลือเชื่อ
ยามที่เผชิญกับศัตรูรูปแบบนี้ การลอบโจมตีเป็นเรื่องไร้ความหมาย
รอบด้านเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง มีเพียงกลิ่นเจือจางของดอกไม้และกลีบดอกร่วงโรยก่อตัวเป็นทะเลกลีบดอกไม้
ผ่านไปสิบห้านาที นางก็ลืมตาขึ้นมามองร่างฉิงซวง นางอ้าปากออกมาราวกับต้องการจะพูด
ทว่าในจังหวะนั้นเกิดเสียงดังสนั่นออกมาไกลจากในถ้ำ เนื่องจากตอนนี้เงียบสงัด เสียงนั้นจึงรุนแรงยิ่ง!
ขณะเดียวกันเสียงสาปแช่งค่อยๆดังออกมาไกล
“วิ่ง? ไม่มีสมบัติใดที่ต้องตาข้าแล้วจะรอดไปได้!” ซือถูหนานเอ่ยน้ำเสียงดังก้องด้วยความโอหังพลางไล่ตามหลังลำแสงสีขาว มีขวดเล็กๆอยู่ในลำแสงนั้นด้วย
ขวดนี้สร้างขึ้นจากหยกขาว มองไกลๆมันเรืองแสงกลมกล่อมราวกับเป็นแกะอ้วนพี
ซือถูหนานปลดปล่อยควันสีดำไว้รอบตัวเองพลางไล่ล่าขวดนั้นไปด้วย เมื่อเห็นว่าขวดวิ่งได้เร็วกว่าเดิม ซือถูหนานสร้างผนึก หมอกควันสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าขวดเปลี่ยนกลายเป็นอสูรร้ายพยายามเข้ากลืนกินขวดเล็กๆนั่น
ขวดหยุดชะงักกึกและแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน เศษน้อยพวกนั้นแทงทะลุผ่านอสูรและก่อตัวอีกครั้งด้านปลายสุด เร่งความเร็วขึ้นต่อไป
ซือถูหนานดวงตาส่องสว่างพลางหัวเราะและไล่ล่ามันอีกครั้ง
ขณะที่สมบัติวิ่งหนีจากซ์อถูหนาน ทั้งสองก็เข้ามาใกล้หวังหลินและสตรีชุดขาวอย่างรวดเร็ว
ดวงตาหวังหลินส่องประกายแทบมองไม่เห็น
ขวดสีขาวรวดเร็วมากและพุ่งเข้าใส่สตรีชุดขาว นางขมวดคิ้วพลางโบกแขนดุจหินหยก ขวดค่อยๆร่อนลงในมือนาง
ทว่านางคว้าขวดไว้ได้ไม่นาน มันก็แตกสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยและลอยเข้าหานาง
ร่างซือถูหนานกระพริบวูบวาลแะร้องตะโกน “หวังหลิน ไปกันเถอะ!”
ตอนที่ขวดร่อนลงในมือนาง หวังหลินเก็บฉิงซวงและเจดีย์เอาไว้โดยไม่ลังเล จากนั้นล่าถอยดุจประกายสายฟ้า
ซือถูหนานเผยสีหน้าดุร้าย สองฝ่ามือสร้างผนึกกดประทับลงไปและร้องตะโกน “วิชาเทพ รอยแยกมิติ!” เมื่อเสียงดังก้อง มิติบิดเบืดขึ้นเบื้องหน้า
วังวนปรากฏจากไหนสักแห่ง เสียงปะทุดังสะท้อนและลอยเข้าหาสตรีชุดขาว
ซือถูหนาใช้โอกาสนีรีบถอยและพุ่งเข้าหาทางเข้าถ้ำพร้อมกับหวังหลิน
ชิ้นส่วนแตกสลายของขวดสีขาวพุ่งเข้าใส่ใบหน้านาง ทว่าเพียงแค่นางชำเลืองมันก็หยุดกลางอากาศ นางเดินต่อไปด้วยใบหน้าสุขุม
วังวนนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นจากวิชาเทพของซือถูพลันพุ่งไปข้างหน้าแต่ก็ผ่านสตรีชุดขาวไปอย่างประหลาด พวกมันไม่ได้ทำให้นางช้าลงไปเลย
“เจ้าไม่ได้ต้องการเข้าถ้ำใช่ไหม…” สตรีชุดขาวค่อยๆถามออกมา
แม้เสียงยังคงเยือกเย็นแต่ไม่มีจิตสังหารแฝงอยู่แล้ว
หวังหลินล่าถอย แววตาปรากฏความลังเล เขาหยุดและจ้องมองนาง
ซือถูหนานขมวดคิ้วและหยุดลงเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เขาออกไปเพื่อค้นหสมบัติแต่ก็สังเกตวิกฤติที่หวังหลินเผชิญได้ในเวลาไม่นาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหายไปของจ้าวสายลมหวนและคนอื่นๆทำให้เขาตกตะลึง ทว่าเมื่อมีหวังหลินอยู่ที่นี่เขาก็ไม่อาจหนีไปตัวคนเดียวได้ ดังนั้นจึงเสี่ยงมาที่นี่เพื่อสร้างโอกาสหนีรอด
ในตอนที่เขาเห็นหวังหลินหยุด ซือถูหนานก็หยุดลงเช่นกันโดยไม่ลังเล เขาจ้องมองสตรีชุดขาวที่กำลังเข้ามาใกล้ด้วยสายตาเยือกเย็น
หวังหลินคำนับฝ่ามือและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสยอมให้เราเข้าไปใช่ไหม?”
นางขบคิดอยู่นานก่อนจะถอนหายใจ หันกลับมาหาปราสาทและเอ่ยขึ้น “ตามมา”
จากนั้นนางก็ลอยเข้าหาปราสาท หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะชำเลืองไปที่ซือถูหนาน ดวงตาซือถูหนานส่องสว่าง “นางค่อนข้างแปลก!”
“หากเจ้าจะไม่ตามมา เช่นนั้นเจ้าสองคนก็จากไปได้ สหายเจ้าจะต้องรออยู่ข้างนอก” น้ำเสียงเบาบางดังออกมาจากปราสาท ร่างนางไปถึงนอกปราสาทแล้วและเดินเข้าสู่ความมืดของปราสาทเพียงก้าวเดียว
เมื่อคิดถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง หวังหลินเต็มไปด้วยความมั่นใจและเอ่ยขึ้น “ซือถู ข้าจะเข้าไปเอง!”
ซือถูหนานรู้ทันทีว่าหากทั้งสองเข้าไปและมีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกเขาไม่มีหนทางต่อต้านได้เลย เขาพยักหน้าและไม่ได้เอ่ยคำใด
มีบางอย่างระหว่างเขาและหวังหลินที่ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย มันเป็นความเชื่อใจ
หวังหลินไม่พูดอะไรอีก เขาพุ่งไปข้างหน้าและมาถึงปราสาทในพริบตา จากนั้นสูดหายใจลึกและก้าวเข้าสู่ปราสาท!
ปราสาทสีดำสนิท ไม่เพียงแต่ความมืดที่เป็นอุปสรรคทางสายตา มันยังเป็นอุปสรรคกับสัมผัสวิญญาณเขาด้วย เขาสามารถแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปรอบตัวเพียงไม่กี่สิบฟุตเท่านั้น
หวังหลินมองเห็นนร่างเงาจำนวนมากเหมือนรูปปั้น ทว่าพวกมันมืดเกินไปจนเขามองไม่เห็นชัดเจน
ปราสาทแห่งนี้เงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง ได้ยินแต่เสียงก้าวเท้าเบาๆเบื้องหน้าที่บอกเขาว่าสตรีชุดขาวค่อยๆเดินอยู่ห่างๆ
ขณะนั้นเสียงก้าวเท้าก็หายไป น้ำเสียงเบาบางดังขึ้นในห้องโถง
“เจ้าชื่ออะไร?”
หวังหลินตอบ “หวังหลิน”
“หวัง…” นางดูคล้ายจะพูดกับตัวเองพลางพึมพำ “เขาชื่อหวังจริงๆ…”
ปราสาทเงียบสงัดอีกครั้ง แม้หวังหลินจะมีสีหน้าเป็นปกติแต่เขาตื่นตัวยิ่ง พลังดั้งเดิมเต็มไปทั่วร่างกาย หากมีสิ่งใดผิดปกติจะตอบโต้ได้ทันที
นอกจากนี้ระหว่างคิ้วปรากฏตาที่สาม แม้มันไม่ได้เปิดออก ต้นตอพลังดั้งเดิมข้างในสามารถแพร่กระจายออกไปได้เพียงแค่คิด
หวังหลินหวาดกลัวสตรีชุดขาวอย่างมาก เขาเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางสูงสุดและสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรค์ได้ด้วยร่างเทพโบราณ ทว่าหวังหลินรู้ตัวเองว่าเขาไม่อาจประมือกับนางผู้นี้ได้เลย
อย่างไรเสียถึงแม้มันจะอันตรายก็เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ นั่นเป็นตัวตนหวังหลิน
สตรีชุดขาวโบกแขนและปรากฏลำแสง แสงนี้ไม่ใช่แสงธรรมดา มันเหมือนเพลิงในความมืดมิดที่จุดพื้นที่ให้ส่องสว่างสลัวขึ้น
หวังหลินหยิบยืมแสงสลัวนี้จึงเห็นสิ่งที่อยู่ในปราสาทได้ชัดเจนและอ้าปากค้าง
สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนอารามนักพรตของคนทั่วไป มีรูปปั้นทั้งหมดเก้ารูปในปราสาท แปดรูปอยู่ด้านข้างและมีหนึ่งรูปอยู่ตรงกลางแกะสลักด้วยของหลายอย่างและส่องแสงสีทองริบหรี่
ทว่าแสงสีทองนี้อ่อนแอมาก เมื่อมันปรากฏขึ้นจึงถูกความมืดกลินกิน มันจึงเก็บไว้ในรูปปั้นเท่านั้นทำให้ส่งกลิ่นอายประหลาดออกมา
รูปปั้นนี้คือรูปปั้นชายวัยกลางคน เขาหน้าตาหล่อเลา ดวงตาฉายแววล้ำลึก สวมชุดสีเหลืองและมีกลิ่นอายของคนชั้นสูง!
เสื้อสีเหลืองปักษ์มังกรม่วงเก้าตัวเผยสีหน้าท่าทางดุดัน แม้พวกมันจะเป็นแค่รูปภาพแต่กลับทำให้รู้สึกดุร้ายเหนือจินตนาการได้
บนพื้นหลังมีก้อนเมฆแกะสลักไว้เต็มไปหมด ทว่าก้อนเมฆนี้ไม่ใช่สีขาวแต่เป็นสีดำ ทำให้ชายวัยกลางคนดูทรงเกียรติยิ่ง
เมื่อหวังหลินมองชายวัยกลางคน เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ กลิ่นอายเหนือจินตนาการกระแทกเข้าไปในร่างกาย
กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งที่สุดที่หวังหลินเคยสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นฉิงชุ่ย ปรมาจารย์จงเฉินหรือเทียนหยุน กลิ่นอายพวกเขาอ่อนแอกว่ามากนัก แม้แต่ผู้อาวุโสลึกลับขั้นที่สามจากทุกชั้นฟ้าก็ยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย
กลิ่นอายนีทรงพลังยิ่ง สร้างผลกระทบที่มองไม่เห็นออกมา เพียงหวังหลินชำเลืองมองก็ทำให้ร่างกายสั่นเทาจนกระอักโลหิตออกมาได้แล้ว เขารีบถอยและต้องการใช้พลังดั้งเดิมเพื่อฟื้นฟูความหวาดกลัว แต่พลังดั้งเดิมกลับล่าถอยไปด้วย มันหดกลับลงไปราวกับหวาดกลัวที่จะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพลังนี้!
แรงกดดันที่มองไม่เห็นทำให้พลังดั้งเดิมในร่างหวังหลินถูกระงับเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์!
พลังดั้งเดิมของโลกต้องยอมจำนนเบื้องหน้ารูปปั้นนี้!
หวังหลินตื่นตระหนก ตอนนี้เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วระรัว ราวกับโลหิตหยุดไหลเวียน แต่วินาทีถัดมาโลหิตทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาหัวใจ
หวังหลินไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มากก่อนจากการฝึกเซียนมากกว่าพันสามร้อยปี แต่ไม่ว่าจะใช้เวลาคิดอย่างไร พลังดั้งเดิมก็ไม่สามารถใช้ได้ โลหิตที่ไหลอยู่ในร่างทำให้เขาสั่นเทา
แรงกดดันเหนือจินตนาการทำให้เขาต้องคุกเข่าและยอมจำนนต่ออำนาจของรูปปั้นนี้!
ดวงตาหวังหลินส่องประกายสีแดงพลางร้องคำราม พลังอำนาจเทพโบราณจุดปะทุ
เทพโบราณไม่ได้เคารพต่อสวรรค์หรือทำตามเส้นทางแห่งเต๋า พวกเขาเดินบนเส้นทางต่อต้านสวรรค์ เป็นส่วนหนึ่งของบัญชาโบราณ!