1010. นางสนมดอกไม้จักรพรรดิ
แค่รูปปั้นจะทำให้เทพโบราณยอมจำนนได้อย่างไร!? หวังหลินยืนตั้งตรง พลังอำนาจเทพโบราณเต็มไปทั่วร่างกาย ดวงตาดุจสายฟ้าจ้องมองรูปปั้นเป็นครั้งที่สอง!
ความคิดดังคะนองแพร่กระจายไปทั่วร่างจนสั่นเทา ดวงตาไม่ยอมพ่ายแพ้
‘ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เทพโบราณยอมจำนนได้! สวรรค์มิอาจทำได้ กฏแห่งโลกมิอาจทำได้และเจ้าก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน!’ ดวงดาวเทพโบราณหมุนระหว่างคิ้วหวังหลินอย่างรวดเร็ว เสียงปะทุดังออกมาในร่างกายแม้จะไม่ได้ขยายร่างให้กลายเป็นร่างเทพโบราณตัวจริง ความแข็งแกร่งของร่างก็เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสูง
หวังหลินยืนขึ้นดุจภูเขาที่ปะทุกลิ่นอายไม่ยอมแพ้ออกมา
กลิ่นอายต่อต้านแรงกดดันของรูปปั้น!
ระลอกคลื่นสะท้อนอย่างเงียบๆก่อตัวเป็นพายุพัดกวาดทั่วโถงทำให้หวังหลินถอยอีกครั้ง
หวังหลินร้องคำรามพลางดิ้นรนให้หยุดลงพร้อมกับจ้องรูปปั้นไปด้วย วินาทีนี้เขาเกิดภาพมายาว่ารูปปั้นมีชีวิตและกำลังมองเขาอย่างเย็นชา
กรรร!
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นทันที ร้องเสียงคำรามเทพโบราณ ทุกชีวิตจะต้องยอมสยบเบื้องหน้าเสียงคำรามเทพโบราณ ไม่มีใครจะมีคุณสมบัติยืนเบื้องหน้า!
ขณะร้องคำรามออกมา ถ้ำก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับไม่สามารถต้านทานเสียงคำรามได้ ขณะเดียวกันหวังหลินก็ยกเท้าและก้าวออกไปอย่างรุนแรง!
แม้การก้าวเท้านี้จะเรียบง่ายแต่ยากมากสำหรับหวังหลิน ยามที่เผชิญหน้ากับแรงกดดันพลังและกลิ่นอายที่สามารถทำให้คนบาดเจ็บสาหัสได้ หนทางเดียวคือต้องถอย ทว่าการถอยเป็นการยอมแพ้และหากเขาไม่กู้สถานการณ์ก็คงพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
เหล่าเทพโบราณกล้าต่อต้านแม้กระทั่งสวรรค์และเต๋า หากเขายอมจำนนให้แก่รูปปั้นนี้ หวังหลินคงไม่มีค่าพอจะเป็นเทพโบราณจริงๆ!
เพียงการก้าวนั้นหวังหลินได้ยินเสียงความหวาดกลัวแตกสลายอยู่ในร่างกาย การก้าวครั้งนี้หมายความว่าเขากำลังจะเผชิญกับแรงกดดันตรงๆและไม่เจรจาต่อรองทุกอย่าง!
ทว่านี่กลับเป็นสิ่งที่การสืบทอดเทพโบราณที่อยู่ในตัวหวังหลินต้องการ!
จะถอยสิบก้าว ร้อยก้าวหรือยืนอยู่ที่เดิมและดิ้นรนไปด้วยก็ยังถือว่าอ่อนแอเกินไป ความตั้งมั่นเดินบนเส้นทางแห่งเต๋าเป็นเพียงความต้องการสวรรค์เท่านั้น!
ทว่าหนึ่งก้าวนี้นั้นแตกต่างยิ่ง มันหมายถึงการต่อต้าน มันหมายถึงการฝืนลิขิต!
หลังก้าวครั้งนี้ แรงกดดันจากรูปปั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าราวกับมีภูเขานับไม่ถ้วนกระแทกลงใส่หวังหลินไม่ยอมให้เขาต่อต้าน!
โลหิตพุ่งออกมาจากรูขุมขนบนแผ่นหลัง แต่เขาก็ยังก้าวเท้าต่อไป!
‘ข้าหวังหลินเป็นเซียนฝืนลิขิตฟ้า ข้ากล้าฝืนชะตาฟ้า ต่อต้านสวรรค์ แล้วข้าจะยอมจมกับที่นี่ได้อย่างไร!?’ การก้าวของหวังหลินเหมือนการก้าวบนสายน้ำและความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์ แรงกดดันทรงพลังมากกว่าเดมิเข้าบดขยี้ใส่เขา
‘ผู้เสาะหาเต๋าเกิดขึ้นยามรุ่งอรุณและมอดดับยามอาทิตย์ตกดิน เซียนฝืนลิขิตฟ้ามีหัวใจแห่งการต่อต้าน จะกลัวอะไรเล่า? ก็แค่ตาย!’
โลหิตสาดกระจายออกมาจากร่างหวังหลินภายใต้แรงกดดันมหาศาล ร่างชุ่มไปด้วยเลือดแต่ก็หัวเราะ เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยกลิ่นอายไม่ยอมพ่ายแพ้!
ตอนนี้หวังหลินจิตใจแจ่มชัด ความคิดไร้สาระทั้งหมดถูกโยนออกไป สิ่งเดียวในหัวคือคำว่า “ฝืนลิขิต!”
ตอนนั้นเขาก็ต่อต้านสวรรค์ในดินแดนวิญญาณปิศาจเพื่อบรรลุขั้นเทวะ ที่นี่เขาเผชิญกับแรงกดดันยิ่งกว่าดินแดนวิญญาณปิศาจ ธรรมชาติการต่อต้านที่หวังหลินผนึกเอาไว้และระงับตลอดที่อยู่ทุกชั้นฟ้าพลันระเบิดขึ้นอีกครั้ง!
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหมือนเวรกรรม!
หวังหลินก้าวอีกก้าวพร้อมเสียงหัวเราะ เมื่อก้าวที่สาม แรงกดดันในปราสาทก็หายไปราวกับไม่มีอยู่มาก่อน!
สตรีชุดขาวจ้องมองหวังหลินอยู่ใต้รูปปั้นด้วยสายตาตกตะลึงและเผยอารมณ์ซับซ้อน
เสียงหัวเราะหวังหลินดังกึกก้องในปราสาทและค่อยๆสลายไป!
ตอนที่เขาเห็นรูปปั้นหวังหลินก็คาดเดาได้ว่าเป็นใคร รูปลักษณ์ของเขาคือคนที่คุ้นเคยต่อฉิงซวง
ถึงจะเป็นเพียงแค่รูปปั้นแต่กลับปลดปล่อยแรงกดดันขนาดนี้ได้!
‘จักรพรรดิเทพฉิงหลิน!’ แผ่นหลังหวังหลินชุ่มอยู่ในเหงื่อ อันตรายที่รู้สึกเบื้องหน้าไม่เคยมีมาก่อน หากไม่ใช่เพราะมีพลังของเทพโบราณ หวังหลินคงระเบิดและตายไปแล้ว
ในสายตาแฝงความเยือกเย็นและมองสตรีชุดขาว
นางก้มศีรษะลงและเอ่ยเสียงเบา “เจ้าผ่านการทดสอบ!”
หวังหลินเอ่ยถาม “เจ้าเป็นใคร?”
“หนึ่งในแปดนางสนมจักรพรรดิ ดอกไม้จักรพรรดิ ฮานหยาน” นางมองรูปปั้น สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสัมผัสความรักอันลึกซึ้ง
นางถอนหายใจพลางโบกแขน พื้นดินสั่นไหวและยกตัวขึ้นสู่อากาศ
ราวกับมีพลังประหลาดเต็มไปทั่วพื้นที่ทำให้แผ่นกระเบื้องลอยขึ้นสู่อากาศ ก่อตัวเป็นค่ายกลประหลาดระหว่างหวังหลินและสตรีชุดขาว
เมื่อไร้แผ่นกระเบื้องปูพื้น พื้นดินก็เผยดวงดาวส่องประกาย ความมืดมิดนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มก๊าซและดวงดาวเป็นประกาย
สิ่งน่าตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือดวงดาวไม่ได้อยู่คงที่แต่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ทำให้หวังหลินต้องหรี่ตาแคบ
“ดินแดนวิญญาณปิศาจคือถ้ำเทพ และมันเคลื่อนที่ในอวกาศด้วยวิธีพิเศษ สิ่งที่เจ้าเห็นไม่ใช่ภาพมายาแต่ความจริง…”
“การเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายนี่เจ้าจะสามารถเข้าสู่ดินแดนปิดผนึกได้ หากเจ้ามีความสามารถในการเปิดมัน เจ้าก็สามารถเข้าสู่ถ้ำเทพที่แท้จริงได้”
“ถ้ำเทพนั้นคือจุดที่จักรพรรดิฉิงหลินอยู่ใช่ไหม?” หวังหลินเลื่อนสายตาออกจากดวงดาวไปหาค่ายกลที่สร้างขึ้นจากแผ่นกระเบื้อง
สตรีชุดขาวขบคิดเงียบๆและมองไปยังรูปปั้น หลังจากนั้นนางก็เอ่ยเสียงเบา “ตอนเขากลับมาก็บาดเจ็บแล้ว จากนั้นก็ถูกคนนอกผู้ต่ำต้อยสองคนโจมตีอีก หลังจากกลับมาก็กระตุ้นถ้ำเทพเพื่อรักษาตัว”
“ปกติแล้วมันไม่มีทางเข้า แต่จากนั้นเขาก็สร้างทางเข้าไว้สี่แห่ง หากสี่แห่งทั้งหมดถูกเปิดขึ้น ทางเข้าจริงๆจะปรากฏในดินแดนวิญญาณปิศาจตรงใต้ตำแหน่งที่เขาปิดด่านฝึกตน…”
“เจ้ามีวิชายับยั้ง ศพของฉิงซงและยังชื่อหวัง ดังนั้นข้าจะไม่หยุดเจ้า…หลังจากเจ้าเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย สหายเจ้าจะปรากฏขึ้นในความคิดเจ้า” นางถอนหายใจพลางหันตัวกลับและเดินเข้าสู่ส่วนลึกของห้องโถง หวังหลินมองร่างของนางที่เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและโศกเศร้า
หวังหลินรีบถาม “หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่า ‘ชื่อหวัง’?”
“หากมีโอกาส เจ้าจะรู้เอง…” น้ำเสียงนางค่อยๆอ่อนลงจนจมลึกในความมืด
หวังหลินมองออกไปไกลและรีบเอ่ยปาก “ด้วยพลังของผู้อาวุโส ทำไมท่านไม่ไปกับข้า?”
สตรีชุดขาวก้าวเข้าไปในความมืดได้เพียงครึ่งก้าวพลันหยุดชะงัก หันแผ่นหลังให้หวังหลินพลันเผยใบหน้าขมขื่นและเอ่ยขึ้น “ข้ามิอาจไปได้…”
เมื่อนางพูดจบ ร่างกายก็เข้าสู่ความมืดมิดจนหมดและหายวับไป
สตรีชุดขาวปรากฏภายในส่วนลึกของปราสาทตำแหน่งที่หวังหลินไม่สามารถรับรู้นางได้ ใบหน้านางยังคงเจ็บปวดรวดร้าว เรืองแสงสีขาวออกมาแต่ผสานเข้ากับความมืดมิดจนไม่มีใครด้านนอกจะมองเห็น
นางค่อยๆหยุดเคลื่อนไหว แสงสีครามแพร่กระจายออกมาจากฝ่าเท้า ในไม่ช้าก็ปกคลุมร่างกายและหายวับในพริบตา
สิ่งที่มาแทนที่นางคือดอกไม้อันงดงามที่เบ่งบานในส่วนลึกของห้องโถง
‘นางสนมดอกไม้จักรพรรดิตายไปแล้ว…เหลืออยู่สิ่งเดียวคือดอกไม้สวรรค์…ดอกไม้สวรรค์นั้นไม่สามารถออกไปจากถ้ำนี้ได้…’
ดอกไม้เบ่งบานแต่ให้ความรู้สึกโศกเศร้า ความน่ารักเบ่งบานในความมืดที่ไม่มีใครมองเห็น
หวังหลินมองค่ายกลเคลื่อนย้ายเบื้องหน้าและก้าวเข้าไป
ทว่าในจังหวะที่เขาเข้าไป สายตาตกลงบนความมืดห่างไกลราวกับมีความคิดบางอย่าง
เขาเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายและเริ่มส่องแสง จากนั้นร่างหวังหลินก็หายวับไปข้างใน
หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ในมิติมายา ค่ายกลยักษ์ถูกแกะสลักไว้บนพื้น มีก้อนหินสีดำใหญ่อยู่ตรงใจกลาง
หลังจากสังเกตรอบด้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน หวังหลินเข้าไปในค่ายกลขนาดใหญ่และมาถึงด้านข้างก้อนหินสีดำ วินาทีต่อมาเขาก็ตบกระเป๋านำกุญแจที่ได้รับไว้ออกมา
เมื่อมันปรากฏพลันเปลี่ยนเป็นควันสีเขียวและเข้าไปในก้อนหิน
แสงโผล่ออกมาจากค่ายกลยักษ์ในเสี้ยววินาที อักขระรูนลอยขึ้นไปในอากาศทีละชิ้นและเต็มไปทั่วพื้นที่ ค่ายกลค่อยๆถูกกระตุ้น
เมื่อค่ายกลกระตุ้นขึ้นแล้ว จึงปรากฏการเชื่อมต่อลึกลับระหว่างค่ายกลและหวังหลิน เขารู้สึกวิสัยทัศน์พร่ามัวจากนั้นเห็นทุกอย่างภายในถ้ำที่สี่
ราวกับถ้ำนี้อยู่ในใจหวังหลิน เพียงแค่คิดก็สามารถทำลายกฏเกณฑ์ใดก็ได้และควบคุมได้ทุกอย่าง
ยกเว้นปราสาทซึ่งเกินจะควบคุม
เขาเห็นซือถูหนาน จ้าวสายลมหวนและคนอื่นๆซึ่งหายไปอยู่ใต้ทะเลดอกไม้
เพียงแค่คิดคราเดียว จ้าวสายลมหวน สามพี่น้องเฉิน หัวโตและเล่ยจีก็หายตัวไป ซือถูหนานยืนขมวดคิ้ว ตั้งแต่หวังหลินหายตัวไปเขาก็ระมัดระวังมาตลอด ในแววตากระพริบแสงเย็นเยียบ
ณ วินาทีนั้นสีหน้าซือถูหนานพลันเปลี่ยนไปเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสวิญญาณกวาดผ่านเขา สัมผัสวิญญาณเป็นคนที่เขาคุ้นเคยยิ่ง
“หวังหลิน!”
ร่างซือถูหายวับไป ปรากฏตัวอีกครั้งด้านข้างค่ายกลยักษ์
“ถ้ำแห่งนี้ถูกเปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว เล่ยจี ระดับบ่มเพาะเจ้ายังขาดแคลน อยู่ที่นี่รอเรากลับมา!” หวังหลินเอ่ยเสียงกึกก้อง ค่ายกลบนพื้นเริ่มกระพริบ
ขณะเดียวกันเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงขึ้นในดินแดนวิญญาณปิศาจ!