1082. หวังหลิน เจ้าต้องตาย!
ทุกคนตอนนี้รู้สึกเสียวซ่านและกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนต้าเจียมองหาเผ่ามารโบราณที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยสายตาตื่นเต้น
เทียนหยุนยืนอยู่ห่างๆและกระอักโลหิต สายตาสงบนิ่งหายไปแล้ว แขนซ้ายฉีกกระชากผนึกที่สองที่เหลืออยู่อย่างโหดเหี้ยม
วินาทีนั้นเสียงคำรามของเทียนหยุนดังสะท้อนไปทั่ว ปลดปล่อยกลิ่นอายที่มากกว่าเดิมหลายเท่า!
กลิ่นอายแข็งแกร่งจนแม้แต่สนามรบก่อกำเนิดดูเหมือนจะพังทลาย!
“หวังหลิน!! ออกมาซะ!” เทียนหยุนคำราม รูปลักษณ์เปลี่ยนไปหลังจากผนึกที่สองถูกลบออก เขาเปลี่ยนจากชายวัยกลางคนอายุห้าสิบปีไปเป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบ!
เส้นผมสีดำขลับ ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังยิ่งยวด การฉีกกระชากผนึกที่สองคือการปลดปล่อยระดับบ่มเพาะทลายสวรรค์รอบสอง นี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาไม่กล้าปลดปล่อยทลายสวรรค์ครั้งที่สามอย่างลวกๆได้…
หวังหลินเป็นแค่เซียนตัวน้อยๆผู้ทำให้เขาตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า กฏดั้งเดิมนั่นก็ทรงพลังอยู่แล้ว เทียนหยุนว่ามันคือไพ่ตายของเทียนหยุนจึงไม่คิดว่าหวังหลินจะมีวิชาแบบนี้ตอนที่ถูกผลักจนมุม
“หวังหลิน ออกมา!!” เทียนหยุนร้องคำรามเกรี้ยวกราด
แต่ขณะที่เสียงเขาดังสะท้อน เสียงหึ่งๆดังออกมาจากในโ,ก
“ข้าอยู่ข้างหน้าท่านแล้ว!”
น้ำเสียงรุนแรงยิ่งกว่าสายฟ้าหลายเท่า แทนที่เสียงทั้งหมดในสนามรบ ดังสะท้อนในหูทุกคน
เซียนบางคนที่มีระดับบ่มเพาะไม่เพียงพอ โลหิตไหลออกมาจากรูหู ส่งเสียงกรีดร้องดังระงม
แม้กระทั่งเทียนหยุนยังตกตะลึง เขาเงยศีรษะขึ้นไปตามเสียง แต่ทำได้ไม่นาน สีหน้าพลันซีดเผือด สูดลมหายใจเหน็บเข้าไป!
ร่างที่ใหญ่ยักษ์กว่าเทพโบราณแปดดาวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเทียนหยุนและต่อหน้าทุกๆคน ร่างนี้ขนาดใหญ่มากจนไม่อาจบรรยายได้ เทียนหยุนกระทั่งมองไม่เห็นใบหน้าและมองเห็นได้แค่เอวเท่านั้น!
ขณะที่เทียนหยุนเงยศีรษะขึ้น เขาได้ยินเสียงสายลมหวีดหวิวประหลาด ราวกับบางอย่างจากเบื้องบนกำลังส่งลงมาทั้งยังรวดเร็วจนเกิดแรงเสียดทานในอากาศ
สายลมกรรโชครุนแรงพัดพาลงมาจากฟากฟ้า พอถึงพื้นมันทำให้พื้นดินแตกกระจายเป็นรอยร้าว!
เหล่าเซียนฝ่ายพันธมิตรเซียนแตกสลายเป็นผุยผงภายใต้พลังสายลมกรรโชกรุนแรง
แม้แต่เหล่าเทพยังหวาดกลัว โดยเฉพาะขุนนางเทพจากพันธมิตรเซียนถึงกับเผยความหวาดกลัวไร้คำพูด ร่างกายสั่นเทายามที่เห็นร่างตรงหน้า
ถึงจะมีระดับบ่มเพาะสูงส่งและจิตใจแข็งแกร่ง ร่างกายสั่นเทา เหม็ดเหงื่อเย็นชุ่มโชก ดวงตาจับจ้องไปบนท้องฟ้า ดูเหมือนอยากจะกล่าวอะไรสักอย่าง
แต่ว่าเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสิ่งที่พึ่งประสบพบเจอมาเป็นแรงกระตุ้นให้เขาบ้าคลั่ง
เขากระอักโลหิต แต่อดีตขุนนางเทพก็ยังบ้าคลั่ง ถอยหลังกลับไปจนกระทั่งหายตัวเข้าไปไหนสักแห่งในโลก
เหตุการณ์ฉับพลันนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีเวลามาคิด สายลมในท้องฟ้าเริ่มรุนแรงขึ้น บางคนมองขึ้นไปเห็นจุดสีดำหนึ่งอยู่ไกลๆ
จุดสีดำนี้ใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พริบตาที่สายลมรุนแรง จุดสีดำเปลี่ยนกลายเป็นกำปั้นขนาดใหญ่ เหมือนเศษก้อนผืนดินกำลังกระแทกลงใส่ เงาของมันแทนที่ท้องฟ้าได้เลยทีเดียว
เทียนหยุนท่าทางเคร่งเครียด กลิ่นอายพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดและโยนตรีศูลเข้าไปในอากาศ จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึก เสื้อผ้าพริ้วไหวราวกับมีควันอยู่ข้างใน เขาอ้าแขนออกจากนั้นร่างกายระเบิดพลังทลายสวรรค์รอบสองพุ่งเข้าหาท้องฟ้า
กำปั้นยักษ์ตกลงมารวดเร็วจนเกิดคลื่นกระแทกพร้อมกับเข้าใกล้ตรีศูล
ปัง!
เสียงดังลั่นและเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากตรีศูล ขณะที่มันกำลังพังทลาย แขนยักษ์คว้าจับเอาไว้ ตกลงมาพร้อมกับตรีศูลในมือ ปะทะใส่เทียนหยุน!
ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!
เสียงสั่นสะเทือนสวรรค์และส่งแรงกระแทกเหนือจินตนาการออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับม่านคลุมถูกยกออกไป ทั้งสนามรบก่อกำเนิดหายวับจากแรงกระแทก
โลกกลับคืนสู่ปกติ วังวนนอกดินแดนวิญญาณปิศาจหายไปแล้ว ดาวเคราะห์เหล่านั้นกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม แม้กระทั่งดินแดนวิญญาณปิศาจก็เป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือตอนนี้มีคนบ้าคลั่งอยู่คนหนึ่ง เหล่าเซียนฝ่ายพันธมิตรหายไปจำนวนมาก และทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ในร่างเทียนหยุนเกิดเสียงปะทุดังขึ้นมาและฟุบลงกับพื้น เขากระอักโลหิตพ่นเศษอวัยวะภายในออกมาด้วย ด้านหลังคือมารโบราณต้าเจีย
“ขอบคุณ…” เทียนหยุนเอ่ยเสียงแหบพร่า กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง
ต้าเจียใบหน้าซีดเช่นเดียวกัน วินาทีนั้นเขาต่อต้านพร้อมกับเทียนหยุน มันคือหนทางเดียวในการรักษาชีวิตจากวิชาอันน่าเหลือเชื่อนี้ได้
ร่างหวังหลินหล่นลงมาจากท้องฟ้าเบื้องหน้าเทียนหยุน วินาทีที่เขาร่อนลงมา กระอักโลหิตและนัยน์ตาขวามีแสงสีฟ้า แต่มันก็พังทลายไปทันทีพร้อมกับโล่ห์ฟ้าคราม
โล่ห์แตกสลายอย่างสมบูรณ์…
ในมือหวังหลินมีอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือตรีศูลของเทียนหยุน! ตอนนี้หวังหลินไม่มีพลังอันใดเพื่อต่อสู้แล้ว แม้กระทั่งสองขายังสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นจากการบ่มเพาะมามากว่าพันปี ตอนนี้หวังหลินคงสลบไปแล้ว
มู่ปิงเหมยตกตะลึงกับเรื่องทั้งหมดและนางยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็น แม้กระทั่งชายชราดินแดนฟ้ากระจ่างยังต้องมองหวังหลินด้วยสายตาที่ต่างกันออกไป
คำพูดของมู่ปิงเหมยดังสะท้อนในหู
“เขาไม่ใช่เซียนธรรมดา…”
เหล่าเซียนฝ่ายพันธมิตรทั้งหมดมองหวังหลินด้วยสายตาเกรงขามและหวาดกลัว ฉากเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีวันลืม
สนามรบก่อกำเนิดเสมือนจริงนั่น เสียงกรีดร้องโหยหวน ร่างไร้เทียมทานยังคงเป็นรอยฝังลึกในจิตใจที่ไม่มีวันลบเลือน
แม้หวังหลินจะไม่มีพลังต่อสู้อีกแล้ว ทว่าไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาข้างหน้าสักคน!
นาทีนี้จิตใจแต่ละคนยังเต้นกระดอนรุนแรงกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นและไม่อาจสงบจิตใจลงได้…ร่างหวังหลินคล้ายจะทับซ้อนกับร่างไร้เทียมทานในจิตใจพวกเขา
ขณะที่ยืนอยู่ เขาส่งกลิ่นอายบารมีที่มองไม่เห็นออกมา
ชายชราดินแดนฟ้ากระจ่างมองหวังหลินและถอนหายใจ คนตรงหน้าทำให้คิดถึงพยัคฆ์ขาวแห่งจตุรศักดิ์สิทธิ์ พยัคฆ์ขาวเมื่อตอนนั้นสามารถขัดขวางเหล่าเซียนทรงพลังนับไม่ถ้วนจากพันธมิตรเซียนและดินแดนฟ้ากระจ่างได้ด้วยตัวคนเดียว แม้หลังจากเขาตาย ก็ทำให้ศัตรูไม่กล้าเข้ามาใกล้เป็นเวลานาน…
หวังหลินกลายเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในสนามรบแห่งดินแดนวิญญาณปิศาจไปอย่างสิ้นเชิง แม้ระดับบ่มเพาะไม่ได้สูงที่สุด ไม่มีใครกล้าไปตอแยเขาอย่างแน่นอน!
“หวังหลิน เจ้าต้องตาย!” เทียนหยุนมองหวังหลินและยกแขนขวาขึ้นมา ทว่าก่อนที่จะได้ใช้วิชา ท้องฟ้าด้านบนเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง คนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา
คนผู้นี้คือชายวัยกลางคน แต่มาที่นี่ด้วยวิญญาณดั้งเดิมเท่านั้น ทั้งยังปลดปล่อยกลิ่นอายทรงเกียรติ ด้านหลังคือคนหลายสิบคนจากสำนักมังกรฟ้า สำนักเต่าดำและสำนักพยัคฆ์ขาว!
เบื้องหลังคนหลายสิบคนมีสมาชิกของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์อีกนับไม่ถ้วน การมาถึงของพวกเขาดูเหมือนจะทำให้โลกเปลี่ยนสีและสายฟ้าคำรามไปทั่ว ทุกคนต้องเงยศีรษะขึ้นมามอง
“ใครกล้าสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของเราต่อหน้าข้ากัน?” ชายวัยกลางคนผู้นี้คือจักรพรรดิวิหคเพลิง น้ำเสียงสงบนิ่งแต่เมื่อเปล่งออกมากลับทำให้ดินแดนวิญญาณปิศาจต้องสั่นเทา หลายคนบนพื้นต้องถอยร่นราวกับไม่อาจทนต้านน้ำเสียงนี้ได้
“สหายทั้งหลายมากันแล้ว…” ชายวัยกลางคนมองไปรอบๆ
“จักรพรรดิวิหคเพลิง…” เทียนหยุนสีหน้ามืดมน เทียบกับจักรพรรดิวิหคเพลิงแล้ว เทียนหยุนเป็นแค่ผู้น้อยไปเลย ในพันธมิตรเซียน มีอยู่น้อยคนที่จะเทียบเคียงจักรพรรดิวิหคเพลิงได้
แค่ก้าวเท้าคราเดียว ชายวัยกลางคนปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลิน มองดูหวังหลินอย่างละเอียดก่อนจะเผยรอยยิ้มชื่นชมและพยักหน้า “เยี่ยม! เยี่ยมจริงๆ!”
แม้จะเป็นแค่สองคำ แค่นั้นก็เพียงพอต่อการเผยความพอใจในตัวหวังหลินแล้ว ความจริงเขามาถึงแล้วแต่ที่ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาก็เพราะต้องการใช้โอกาสนี้ทดสอบหวังหลิน
ความจริงก็คือหวังหลินทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!
“การต่อสู้ถึงเวลาจบสิ้นแล้ว!” ดวงตาของจักรพรรดิวิหคเพลิงส่องประกายและเผยความดุร้าย ยกแขนขวาขึ้นปรากฏเศษก้อนหินสีขาว
พลังร้อนระอุปรากฏในโลกทันที มิติรอบด้านเริ่มพร่ามัวราวกับไม่ควรดำรงอยู่และกำลังปฏิเสธ
เศษหินสีขาวละลายกลายเป็นหยดโลหิตเผาไหม้…มันลอยเหนือฝ่ามือของชายวัยกลางคน ใครที่มองโลหิตหยดนี้จะรู้สึกเหมือนกลืนความร้อนเข้าไปในปากและร้อนรุ่มในใจ
ชายชราดินแดนฟ้ากระจ่างจ้องมองสิ่งของในมือจักรพรรดิวิหคเพลิงและเอ่ยขึ้น “สมบัติจากยุคก่อกำเนิดของสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์!”