1104. ทัณฑ์สวรรค์
ชั่วขณะภูเขาไฟมายาเหล่านี้ปรากฏขึ้นมา พลังดั้งเดิมจึงเริ่มรวมเข้าหาพวกมัน หวังหลินเคลื่อนไหวจนดูเหมือนมีกลุ่มภูเขาไฟกำลังติดตามเขาอยู่
หากมีคนเห็นเหตุการณ์นี้คงอ้าปากค้างและตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
ภูเขาไฟพวกนี้ดูสมจริงเกินไป แค่ชำเลืองมองก็บอกได้ว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่หากมองครอบสองคงรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ๆกับภูเขาไฟ พวกมันดูสมจริงและส่งผลกระทบต่อจิตใจ
ความแตกต่างระหว่างความจริงและเท็จนี้เพียงพอจะทำให้เซียนต่ำกว่าขั้นทลายสวรรค์ลงมาต้องสั่นสะท้าน แม้แต่เซียนขั้นทลายสวรรค์ก็คงได้รับผลกระทบด้วย นอกจากนี้มันก็ยังเป็นสามวิชาหลังของจักรพรรดิเทพป๋ายฟ่าน
ป่นขุนเขา!
ความโกรธเกรี้ยวในใจหวังหลินก่อตัวอยู่ในภูเขาไฟพวกนี้ พวกอสูรยุงมีกลิ่นพิเศษที่สามารถตรวจจับได้ด้วยเผ่าของตนเองเท่านั้น นาทีนี้เจ้าอสูรยุงสีหน้าดุร้าย กลิ่นพวกของมันรุนแรงมากและไม่จำเป็นต้องค้นหา
ชั่วขณะนั้นคนและอสูรต่างก็เคลื่อนผ่านดาราจักรอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสิบห้านาที หวังหลินขมวดคิ้ว หากอสูรยุงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเช่นนี้ กว่าจะหาคนที่ขโมยอสูรยุงไปจะนานแค่ไหน?
ยิ่งไปกว่านั้นหวังหลินค่อยๆสัมผัสถึงทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังใกล้เข้ามา ผนึกที่เขาวางเอาไว้ตอนใช้วิชาแปลงร่างเก้าลี้ลับกำลังหมดฤทธิ์ลง
นอกจากนี้ ที่ตรงนี้คือมิติด้านนอก ไม่เหมือนกับสำนักวิหคเพลิงซึ่งมีพลังอัคคีดั้งเดิมมากมายตลอดกาลเผาไหม้ พลังดั้งเดิมที่นี่ผมผสานกัน ถึงแม้ระดับบ่มเพาะจะถูกผนึก พลังดั้งเดิมยังเข้าไปในร่างกายและค่อยๆเปลี่ยนเส้นชีพจรในร่าง
เซียนขั้นชำระสวรรค์มีร่างกายที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงจากพลังดั้งเดิม ดังนั้นพวกเขาจึงเหมาะต่อการทำความเข้าใจกฏยิ่งนัก
หวังหลินโบกแขนขวา รอยแตกร้าวขนาดห้าฟุตปรากฏขึ้นมา รรอยแตกนี้ไม่ได้อยู่ที่เดิมแต่เคลื่อนที่ไปกับหวังหลินด้วยความเร็วเท่ากัน
เสมือนกับเรือที่กำลังลื่นไหลบนท้องทะเลกว้างใหญ่ มันดูประหลาดมาก
หวังหลินยื่นแขนขวาเข้าไปและดึงยันต์สีเหลืองออกมา เพียงแค่คิดคราเดียว รอยแตกห้าฟุตพลันหายไปทันที
หวังหลินโยนยันต์สีเหลืองไปบนตัวอสูรยุง มันสั่นเทาจากนั้นลมหมุนรอบร่างกายและพุ่งขึ้นไปในอวกาศเบื้องบน
สายลมหมุนเเปลี่ยนเป็นพื้นดินสีเหลือง พลันปรากฏเสียงสายลมหวีดหวิว ขณะเดียวกันปรากฏวิหคยักษ์อยู่เหนือสายลมหมุนและมันสยายปีกออก อสูรยุงร้องเสียงสั่นสะเทือนปฐพี เคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจประกายสายฟ้า เร็วยิ่งกว่าก่อนหลายเท่าตัว
หวังหลินร่อนลงบนอสูรยุง ตอนนี้มันเร็วมากจนหวังหลินเห็นแค่เพียงภาพสลัวๆ ระยะทางทั้งหมดเปลี่ยนเป็นภาพพร่ามัว
นี่คือความเร็วของเซียนขั้นทลายสวรรค์!
อสูรยุงไม่เคยมีความเร็วเช่นนี้ เมื่อมันได้มาจึงส่งเสียงร้องออกมาดังๆ
กลุ่มเซียนหนึ่งฝ่ายพันธมิตรซึ่งได้รับคำสั่งให้ถอนตัวจากสนามรบ พวกเขากำลังเหาะเหินผ่านดาราจักร พลันสัมผัสถึงสายลมกรรโชกและได้ยินเสียงสายลมหวีดหวิว สายลมรุนแรงและกวาดผ่านพวกเขาไป แต่ละคนตกตะลึงกับสถานการณ์จนต้องทำให้ตัวเองมั่นคง
“นี่…นี่มันอะไร!?!”
จนกระทั่งพวกเขาได้ยินเสียงร้องของอสูรยุง เสียของมันช้ากว่าความเร็วของตนเองเสียอีก
สีหน้าท่าทางของเหล่าเซียนเปลี่ยนไปมหาศาล พวกเขาขวัญผวา มองหน้ากันเองและจากไปจากพื้นที่แห่งนี้ทันที
ด้วยความเร็วของอสูรยุง ใช้เวลาไม่นานมันจึงตามกลิ่นของพื้นที่ดวงดาวที่เต็มไปด้วยเศษดินเศษหิน ถึงแม้มันจะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่กลาง มันก็อยู่ห่างไกลมาก ตรงนี้มีดาวเคราะห์เซียนอยู่น้อยนิดและส่วนใหญ่ถูกทิ้งร้าง
ทำให้แทบไม่มีเซียนคนใดมาที่นี่เลย
อสูรยุงกรีดร้องเสียงแหลม ความโกรธเกรี้ยวในแววตาช่างไร้ก้นบึ้ง มันพุ่งออกไปจากพิ้นที่เศษซาก กลายเป็นเสียงปะทุออกมา พวกเศษหินที่ขวางทางจึงถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อสูรยุงพุ่งตรงเข้าไปในพื้นที่เศษหินราวกับมันบ้าคลั่งไปแล้ว ทั้งยังก่อเกิดเสียงดังปะทุ
ภายในม่านแสงส่วนลึกของเศษหิน ค่ายกลที่เซียนเกือบร้อยคนสร้างใกล้จะสำเร็จ สองผู้อาวุโสชุดม่วงเผยความตื่นเต้น เมื่อค่ายกลเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาคงสามารถนำอสูรยุงพวกนี้กลับไปในดาราจักรทะเลเมฆาได้
ณ เวลานั้นสำนักประตูสวรรค์สามารถแลกเปลี่ยนกับอสูรยุงพวกนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์มหาศาล
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี สิ่งที่พวกเขากังวลก็คือค่ายกลกำลังเสร็จสมบูรณ์ ทว่าเวลานี้เหล่าอสูรยุงซึ่งถูกก้านธูปผนึกเอาไว้พลันเริ่มร้องเสียงกรี๊ด
ไม่ใช่แค่หนึ่งในนั้นที่กำลังร้อง ดวงตาอสูรยุงทั้งหมดแดงดำและเริ่มดิ้นรน
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้สองผู้อาวุโสชุดม่วงและคนอื่นๆที่กำลังก่อสร้างค่ายกลพลันมองเข้ามไป อสูรยุงพวกนี้บ้าไปแล้วและพยายามหลุดจากกลุ่มก้อนที่ก้านธูปสร้างขึ้นมา
ผู้อาวุโสชุดม่วงหนึ่งในนั้นพลันเอ่ยขึ้น “มีบางอย่างผิดปกติ!”
ผู้อาวุโสด้านหลังกำลังจะเอ่ยแต่พลันสีหน้าเปลี่ยนไปและเขาก็หันตัวกลับ ได้ยินเสียงอู้อี้ดังสนั่นจากม่านแสงที่กำลังปกป้อง
เสี้ยวนาทีนั้นม่านแสงกระพริบไม่มีหยุด จนทำให้พื้นที่ดวงดาวสลับไปมาระหว่างแสงและความมืด
สองผู้อาวุโสสีหน้าพลันมืดมนและเหาะเหินออกไป ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้ พลันได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากด้านนอกม่านแสง
เมื่อเสียงนี้ดังเข้าไป สามชายหนุ่มผู้นำอสูรยุงกลับมาพลันสั่นเทา พวกเขาจดจำเสียงร้องนั้นได้ดีเนื่องจากเป็นเสียงราชาอสูรยุง!
“เขามาด้วยตนเอง เมื่อผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ เราอาจจะมีโอกาสจับราชายุง!” ทั้งสามมองหน้ากันเองและลอยเข้าหาม่านแสงสีเขียว
ด้านนอกม่านแสง อสูรยุงกระแทกใส่ม่านแสงด้วยความโกรธ เสียงดังคะนองกึกก้องไปทั่วม่านแสง
ทว่าม่านแสงนี้แข็งแกร่งมาก มันจึงไม่ขยับเขยื้อนเลย อสูรยุงเจอการดีดกลับไปเกือบพันฟุต หากว่าหวังหลินไม่ได้ลดพลังการสะท้อน อสูรยุงคงบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง
อสูรยุงเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหารพร้อมกับเริ่มส่งเสียง
หวังหลินยืนอยู่ด้านข้างและจ้องม่านแสงสีเขียว สีหน้าท่าทางสงบนิ่งพลันก้าวเท้าออกไปปรากฏข้างม่านแสงสีเขียว วางมือลง พลังอัคคีดั้งเดิมในร่างกายพุ่งออกไป ทะเลเพลิงจึงถูกม่านแสงสีเขียวล้อมรอบในทันที
มีเสียงบางอย่างกำลังเผาไหม้ แต่ม่านแสงก็ไม่หายไปเลย
“เจ้าประเมินตนเองสูงไป!” น้ำเสียงเยาะเย้ยดังออกมาจากข้างในม่านแสง สองผู้อาวุโสในชุดคลุมสีม่วงต่างก็มอไปที่หวังหลินด้วยความดูถูก
ความคิดจิตใจผ่อนคลายเมื่อเห็นระดับบ่มเพาะของหวังหลิน สองผู้อาวุโสไม่ใช่เซียนขั้นทลายสวรรค์หรือขั้นชำระสวรรค์สูงสุด พวกเขาเป็นแค่เซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับปลายเท่านั้น ทั้งยังไม่ใช่ผู้อาวุโสตัวจริงแห่งดาราจักรทะเลเมฆา ซึ่งมาที่นี่ด้วยวิธีการลึกลับ
หวังหลินโบกแขน ทะเลเพลิงถอยห่างจากม่านแสง สายตาแทงทะลุผ่านม่านแสงสีเขียวและร่อนลงบนผู้อาวุโสสองคนข้างใน
หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงมืดมน “ส่งอสูรยุงและเจ้าหนูน้อยผู้กล้าดีทั้งสามคนนั้นมา และข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าที่เหลือ!”
สองผู้อาวุโสพลันเริ่มหัวเราะ หนึ่งในนั้นเผยท่าทีเยาะเย้ย “ข้าไม่คิดว่าพันธมิตรเซียนจะมีคนโอหังขนาดนี้ การคุกคามเราสองคนด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้ามันช่างไร้สาระ”
แม้ทั้งสองคนจะดูถูกหวังหลินแต่ก็ระมัดระวังและไม่ออกไปจากม่านแสง ในสายตาเขาคนผู้นี้ไม่ได้เจ้านายของอสูรยุง แต่เป็นศิษย์ของคนที่อยู่ที่นี่เพื่อล่อพวกเขาออกมา
เซียนแข็งแกรร่งที่แท้จริงต้องซ่อนตัวเองอยู่ด้านนอกโล่ห์แสงเขียว แม้แต่ละคนจะรู้ว่าสัมผัสวิญญาณนั้นไม่พบอะไร แต่นี่ก็ทำให้พวกเขาระมัดระวังยิ่งขึ้น
หวังหลินไม่ยอมเสียเวลาอีก ยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ท้องฟ้า จากนั้นสูดหายใจลึก ปลดปล่อยผนึกเปลี่ยนร่างเก้าลี้ลับจนระดับบ่มเพาะระเบิดขึ้น นาทีนั้นกลิ่นอายของเซียนขั้นชำระสวรรค์ปรากฏจากร่างหวังหลิน พลังดั้งเดิมจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย
ขณะที่พลังดั้งเดิมหนาแน่นเข้าสู่ร่างหวังหลิน พลันเกิดเสียงปะทุดังกึกก้องจากภายใน ขณะเดียวกันพลังอันแข็งแกร่งก็เริ่มรวมตัวกันในดวงดาว
ก้อนเมฆทัณฑ์สวรรค์เริ่มรวมกันเหนือพื้นที่ดวงดาวที่เต็มไปด้วยเศษดินเศษหิน เพียงเสี้ยวพริบตาเหล่าก้อนเมฆจึงปกคลุมไปทั้งพื้นที่ดวงดาว
ขณะเดียวกันอำนาจแห่งสวรรค์ตกลงมาจากก้อนเมฆเข้าไปในพื้นที่ดวงดาว มันแยกดวงดาวแห่งนี้ออกมาจากดาราจักรส่วนที่เหลือ
“นี่…นี่มัน…”
“ทัณฑ์สวรรค์!!!” ผู้อาวุโสสองคนดวงตาเบิกกว้างและไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น พลันกระพริบความหวาดกลัวทันที แม้สองผู้อาวุโสจะเป็นเซียนขั้นชำระสวรรค์ พวกเขาไม่ได้รู้เรื่องทัณฑ์สวรรค์มากนัก เหตุผลที่พวกเขาจดจำมันได้เป็นเพราะพึ่งเห็นทัณฑ์สวรรค์ในดาราจักรทะเลเมฆาก่อนจะมาที่นี่