1103. ทะเลเมฆา
ณ พื้นที่ใจกลางพันธมิตรเซียนมีพื้นที่ดวงดาวที่เต็มไปด้วยเศษก้อนหิน ชายหนุ่มสามคนชุดเหลืองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทั้งสามคนตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ หนึ่งในนั้นมีรอยแผลขนาดใหญ่ลึกจนเห็นกระดูกบนขาขวา แม้จะถูกพันแผลเอาไว้ มันก็มีเลือดซึม สีหน้าซีดเผือด
อีกสองคนบาดเจ็บเช่นเดียวกันโดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงกลางซึ่งกำลังถือธูปเอาไว้ บนหน้าอกขวามีรูอยู่หนึ่งจุด โลหิตไหลออกมาเป็นพักๆ แม้เขาจะอดทนได้อีกคนก็ต้องช่วยประคอง
ด้านหลังคือกลุ่มอสูรยุงนับสิบตัว พวกมันบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ดวงตาแดงฉานจับจ้องไปยังคนสามคนตรงหน้า แต่เนื่องจากก้านธูป มันจึงติดตามไปโดยไม่รู้ตัว
“บัดซบ เราปล่อยให้เจ้าราชาอสูรยุงตัวนั้นหนีไปได้ หากเรานำมันกลับไปทะเลเมฆา เราสามารถแลกเปลี่ยนมันกับสำนักดาราทมิฬเพื่อให้ได้น้ำทิพย์ทลายสวรรค์อันล้ำค่า!” ชายหนุ่มที่มีรอยแผลบนขาพลันสาปแช่งและผิดหวัง
ชายหนุ่มที่มีรูตรงหน้าอกพลันตะโกนขึ้น “หุบปาก! ราชาอสูรยุงนั่นต้องเป็นของคนอื่น มีแต่เซียนแข็งแกร่งในพันธมิตรเซียนเท่านั้นที่สามารถเลี้ยงดูอสูรยุงพวกนี้จนอาละวาดในทะเลเมฆาได้ เราสามคนต้องไปพบผู้อาวุโสให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเมื่อเจ้าของมันเจอเรา จะเกิดผลตามมาไม่อาจจินตนาการถึง!”
“หลังจากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ข้าไม่คิดว่าราชาอสูรยุงจะเริ่มดิ้นรนหลังจากเราออกไปจากเขตตะวันออก ซึ่งทำให้อสูรยุงทั้งหมดเริ่มต่อต้าน หากเราไม่ได้ใช้ธูปวิญญาณยุงสองชิ้น ข้ากลัวว่าเราสามคนคงไม่สามารถนำอสูรยุงพวกนี้ไปได้และคงถูกพวกมันกิน…น่าเสียดายที่เจ้าราชาของมันจากไปแล้ว”
“ถึงกระนั้น อสูรยุงยักษ์ 19 ตัวก็เพียงพอจะทำให้เราได้ผลประโยชน์มหาศาล แม้กระทั่งภายในสำนักประตูสวรรค์ สถานะของเราก็จะแตกต่างทันที!” ชายหนุ่มชุดเหลืองคนสุดท้ายมองพวกอสูรยุงด้วยสายตาโลภ
ขณะที่ทั้งสามคนเหาะเหินไป พวกเขาค่อยๆเข้าสู่ส่วนลึกของพื้นที่ดวงดาวที่เต็มไปด้วยเศษดินเศษหิน มีพื้นที่แห่งหนึ่งปกคลุมอยู่ในม่านแสงสีเขียว ทั้งสามคนนำหินหยกออกมาคนละก้อน กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตไปบนหินหยก
หินหยกทั้งสามส่องสว่างเจิดจ้าและลอยเข้าหาม่านแสง ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนม่านแสงและก่อเกิดเป็นวังวน
ทั้งสามคนพุ่งเข้าไปในวังวน พวกอสูรยุงมากกว่าสิบตัวถูกดูดเข้าไปด้วย
ทั้งสามและเหล่าอสูรยุงปรากฏตัวอีกครั้งในม่านแสง สีหน้าทั้งสามดูผ่อนคลาย ชายหนุ่มที่ถือธูปอยู่พลันเอ่ยขึ้น
“น่าประหลาดจริงๆที่พวกอสูรยุงยักษ์จากดาราจักรทะเลเมฆามาปรากฏตัวที่นี่ โชคดีที่ไม่ได้มีมากนัก หากมีเป็นกลุ่มนับหมื่นตัวเหมือนที่เราเห็นในแดนสวรรค์วายุหล่ะก็…” ชายหนุ่มสั่นเทา สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ช่างมันเถอะ ไร้ประโยชน์ที่จะคิดไปมากกว่านี้ เราทำภารกิจที่ทางสำนักให้ตรวจสอบแล้ว เราควรจะจากไปให้เร็วที่สุด ข้ารู้สึกว่าจะเกิดเรื่องแย่ๆ”
ทั้งสามมองหน้ากันเองและเหาะเหินต่อไป ชั่วขณะต่อมาค่ายกลยักษ์สร้างขึ้นจากเศษดินเศษหินปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
แสงสีเขียวระเบิดออกมาจากค่ายกล เหล่าเซียนเกือบร้อยคนกำลังขยับเศษดินเศษหินที่นี่และเติมมันให้กับค่ายกล
ด้านบนค่ายกลมีชายชราสองคนยืนอยู่ พวกเขาสวมชุดสีม่วง เรือนผมสีขาวแต่สายตาทรงพลังปลดปล่อยออกมา ทั้งสองกำลังพูดกันด้วยเสียงเบาๆและชี้ใส่ค่ายกลขนาดใหญ่ด้านล่าง
การมาถึงของทั้งสามคนทำให้เกิดความสนใจของคนที่นี่ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรนัก ทว่าเมื่อสายตาไปตกลงบนอสูรยุงด้านหลัง สีหน้าทุกคนจึงเปลี่ยนไป บางคนตื่นตกใจและเกิดความกลัวต่อสูรยุงพวกนั้นและร้องอุทานเสียงดัง
“ยักษ์…อสูรยุงยักษ์!!!”
เกิดความโกลาหลขึ้นทันที เหล่าเซียนเกือบร้อยคนหยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำและจ้องไปที่เหล่าอสูรยุง
ทั้งสามคนสวมชุดเหลืองรู้สึกภูมิใจกับปฏิกิริยาตรงหน้า ตอนที่ทั้งสามเห็นอสูรยุงพวกนี้ พวกเขาก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน
ลำแสงสีม่วงสองสายเข้ามาใกล้ เป็นผู้อาวุโสสองคน หนึ่งนั้นกวาดสายตาผ่านอสูรยุงหลายสิบตัวและร้องตะโกนใส่เหล่าเซียน “ดูอะไรกัน? รีบสร้างค่ายกล!”
ด้วยเสียงตะโกนจากชายชรา เหล่าเซียนรอบด้านจึงกระจายตัวทำหน้าที่ที่ยังไม่เสร็จ ทว่าพวกเขาก็ยังมองมาหาอสูรยุงเป็นพักๆด้วยสายตาโลภ
หลังชายชราตะโกนจบ เขามองอสูรยุงด้วยแววตาประหลาดใจ จากนั้นมองไปสามหนุ่มชุดเหลืองและถามออกมา “ซู่ฉิน แลกอะไรไปกับอสูรยุงยักษ์พวกนี้?”
เด็กหนุ่มบาดเจ็บตรงหน้าอกพลันรายงานทุกอย่างด้วยความเคารพ ท้ายที่สุดเขาก็ลังเลก่อนจะพูดสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางและการที่ราชาอสูรยุงหนีรอดไป
หลังชายชราได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็มืดมน มองดูผู้อาวุโสอีกคนและเกิดความกังวลซ่อนในแววตา
“หากอสูรยุงพวกนี้ไม่มีเจ้าของ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนัก…แต่โอกาสจะเป็นแบบนั้นแทบไม่มี เราไปล่วงเกินคนที่เลี้ยงดูพวกมันแล้วใช่ไหม?”
“อสูรยุงยักษ์มีค่ามากในดาราจักรทะเลเมฆา อสูรพวกนี้มักจะอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มหลายแสนตัว การจับพวกมันเป็นเรื่องยากมาก แม้แต่เซียนระดับหกหรือสูงขึ้นไปยังต้องปวดหัวถ้าพยายามจับมัน อสูรยุงยักษ์หลายสิบตัวพวกนี้มีค่าอย่างยิ่งต่อสำนักประตูสวรรค์…”
ทั้งสองมองตากันเองและเห็นความโลภ แต่ละคนมีสายตาเด็ดเดี่ยว
“ด้วยม่านแสงสีเขียว พวกพันธมิตรเข้ามาข้างในไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นขั้นทลายสวรรค์ระดับสูงสุดยังต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำลายค่ายกลที่สำนักระดับแปดมอบให้เราได้ เราแค่ต้องซื้อเวลากลับไปดาราจักรทะเลเมฆา หากพวกมันไล่ล่าเราไปที่ดาราจักรทะเลเมฆา…ฮึ่ม เราจะทำให้พวกมันไม่มีวันได้กลับ!”
“เร่งสร้างค่ายกล!” ทั้งสองมีความเห็นเป็นเอกฉันท์
สามหนุ่มผู้นำอสูรยุงกลับมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อผู้อาวุโสยอมรับเรื่องนี้ พวกเขาก็ปลอดภัย เมื่อกลับไปสำนักได้จะได้รางวัลอย่างงามแน่นอน
ชายหนุ่มที่เจ็บตรงขาพลันหัวเราะด้วยความภูมิใจ “ฮี่ฮี่ ตอนนี้ข้าอยากจะเห็นเจ้านายของอสูรยุงพวกนี้เข้ามาเสียเหลือเกิน ข้าอยากจะเห็นว่าเขาจะพยายามทำลายม่านแสงได้อย่างไรและเขาต้องมองดูอสูรยุงของตัวเองจากไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้”
ณ ตอนนี้เจ้านายเหล่าอสูรยุง หวังหลินพลันยกแขนขึ้นมาและสีหน้าเย็นเยียบ หากใครคุ้นเคยกับหวังหลินคงพอจะรู้ว่าตอนนี้โกรธเกรี้ยวมาก
หวังหลินมีหลักการของตัวเอง หากคนอื่นไม่หาเรื่องเขา เขาก็จะไม่ไปหาเรื่องก่อน! หากไม่ใช่เพราะต้าเสินจะออกมาไล่ล่าเขา หวังหลินคงไม่วางแผนต่อสู้กับต้าเสิน อสูรยุงเขาไม่ได้ไปหาเรื่องคนอื่น แต่พวกเขาก็ล่อพวกมันไป ทั้งยังทำร้ายอสูรยุงของหวังหลินจนบาดเจ็บสาหัสและเกินเส้นกั้นเขาไปแล้ว
หวังหลินกำหมัดแน่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ยามที่เขาบรรลุขั้นชำระสวรรค์ หวังหลินสัมผัสถึงทัณฑ์สวรรค์เจือจาง
แต่ว่าเขาอยู่ภายในสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ หากทัณฑ์สวรรค์ตกลงมามันคงทำให้เกิดความเสียหายต่อสำนักอย่างคาดไม่ถึง แม้คนอื่นสามารถช่วยเขาได้ หวังหลินก็ไม่ต้องการช่วยในตอนนี้ เขาต้องการทำสอบความแข็งแกร่งของพลังอัคคีและสายฟ้าภายในทัณฑ์สวรรค์
หากเป็นในอดีต หวังหลินคงไม่สามารถการลงมาของทัณฑ์สวรรค์ได้ แต่หลังจากเรียนรู้วิชาเปลี่ยนร่างเก้าลี้ลับ หวังหลินสามารถเปลี่ยนมันได้
ชั่วขณะที่เขาบรรลุขั้นชำระสวรรค์ หวังหลินใช้วิชาเปลี่ยนร่างวิหคเพลิงเก้าลี้ลับเพื่อผนึกระดับบ่มเพาะไปที่ขั้นส่องสวรรค์ให้รั้งทัณฑ์สวรรค์เอาไว้
หวังหลินรู้ว่าเพียงแค่เขาคิดก็บรรลุขั้นชำระสวรรค์ได้จริงๆ ชั่วนาทีนั้นทัณฑ์สวรรค์คงมาถึงอย่างรวดเร็ว
แผนเดิมของเขาคือออกไปจากสำนักวิหคเพลิงเพื่อหาสถานที่ห่างไกลในเขตตะวันออกให้ผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ แต่การปรากฏตัวของอสูรยุงได้เปลี่ยนความคิดหวังหลินไปอย่างรวดเร็ว
หวังหลินสะบัดแขนเก็บอสูรยุงที่บาดเจ็บสาหัสไว้ในรอยร้าว จากนั้นหวังหลินก็ก้าวไปข้างหน้าโดยใช้ทิศทางจากความทรงจำของอสูรยุง
แค่ก้าวเดียวปรากฏระลอกคลื่นเบื้องหน้าหวังหลินและเขาจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
บิดมิติ!
ในขอบของทิศตะวันออกแห่งดาราจักรพันธมิตรเซียนปรากฏระลอกคลื่นขึ้นแพร่กระจายออกไปราวกับมีคนโยนหินลงน้ำ
หวังหลินก้าวเดินออกจากใจกลางระลอกคลื่นพร้อมกับจิตสังหารเย็นเยียบเต็มเปี่ยม
หวังหลินมองรอบด้านอันเงียบสงัด ที่แห่งนี้คือตำแหน่งที่อสูรยุงและสามเซียนชุดเหลืองต่อสู้กัน แววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารวาบพลางก้าวออกไปข้างหน้า
จากนั้นเปลี่ยนเป็นลำแสง พุ่งหายวับไปอย่างรวดเร็ว
หวังหลินเคลื่อนผ่านดวงดาวจนเกิดเสียงสายฟ้าคำรามดังสนั่นและก่อเกิดคลื่นกระแทก หวังหลินสวมชุดคลุมสีขาวหิมะ แขนขวายื่นออกไปนำอสูรยุงที่บาดเจ็บสาหัสออกมา
เม็ดยาหวังหลินทั้งหมดคือเม็ดยาเทพ ดังนั้นมันจึงยอดเยี่ยม หลังจากได้เม็ดยาไปเจ้ายุงจึงดูมีชีวิตชีวาเล็กน้อยและบาดแผลหยุดเลือดไหลแล้ว มันเผยสายตาเย็นเยียบเหมือนหวังหลิน มองไปข้างหน้าและส่งเสียงร้องรุนแรง
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ยินยอมพร้อมใจ หากไม่ใช่เพราะธูปหอม ราชาอสูรยุงพร้อมกับพรรคพวกหลายสิบตัวจะได้รับบาดเจ็บจากเซียนทั้งสามคนได้อย่างไร และกระทั่งลูกน้องมันถูกจับตัวไปด้วย? มันไม่เคยรู้สึกถึงความอัปยศเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่เริ่มติดตามหวังหลิน
เมื่อเจ้านายอยู่ใกล้ๆ อสูรยุงจึงฮึกเหิม มันเลือกหนึ่งทางและพุ่งตรงไปทางนั้น
หวังหลินติดตามอสูรยุงไปด้วยสีหน้ามืดมน ความโกรธในจิตใจมีมากมายมหาศาล ภาพมายาของภูเขาไฟขนาดเล็กปรากฏขึ้นรอบตัวเขาทั้งหมด