1111. ต้าเสิน
ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาในยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์ขับไล่ความมืดมิดให้ลับหายไป เหล่าผู้คนตื่นขึ้นจึงทำให้เมืองเมฆาคล้อยมีชีวิตชีวา ร้านค้าเปิดขึ้นทีละร้าน ถนนทางฝั่งตะวันตกคับคั่งไปด้วยผู้คนส่งเสียงร้องตะโกน
ปาท่องโก๋ผุดขึ้นมาจากกระทะร้อนๆ ซาลาเปาก้อนโตเปิดผ่านตระกร้านึ่ง เต้าหู้และของกินอื่นๆทำให้ถนนสายนี้มีชีวิตชีวา
ร้านค้าของเซิ่งฉุยซานเป็นร้านขายเหล้า เหล้าของตระกูลเซิ่งนั้นสดชื่นและรสชาติไม่ขม การดื่มในตอนเช้าไม่ทำให้เมาแต่กลับทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มันจึงค่อนข้างเป็นที่นิยม
เซิ่งฉุยซานอายุราวๆห้าสิบปี ยืนด้านข้างๆร้านพร้อมกับกล้องสูบยา หันมองผู้คนที่กำลังทำงาน ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพึ่งจะซื้อเหล้ามาหนึ่งไหพลันเขย่าก่อนจะดื่มไปอึกใหญ่ เขายิ้มให้แก่ผู้เฒ่าเซิ่งและเอ่ยขึ้นมา “ลุงเซิ่ง เหล้าท่านไม่รสชาติเหมือนก่อนแล้ว ท่านลืมวัตถุดิบอะไรไปรึเปล่า”
ผู้เฒ่าเซิ่งเบิกตาพลางพ่นควันออกมา “ไร้สาระน่า เหล้าของตระกูลเซิ่งข้า…”
ก่อนที่ผู้เฒ่าเซิ่งจะเอ่ยจบ ชายวัยกลางคนหัวเราะ “เหล้าของตระกูลเซิ่งส่งต่อมาหลายพันปี เป็นที่เลื่องลือเหมือนยาอายุวัฒนะ ลุงเซิ่ง ท่านพูดแบบนั้นเกือบทุกวัน ข้ายังต้องออกไปทำงาน ข้าไม่มีเวลามาฟังคำพูดยาวเหยียดของท่านหรอกนะ” ชายวัยกลางคนมองเหล้าด้วยรอยยิ้มและจากไป
ผู้เฒ่าเซิ่งนำกระบอกยาสูบขนาดใหญ่ออกมาและพึมพำ “ไอ้หนูนั่นจะรู้อะไร? เหล้าตระกูลเซิ่งถึงกับทำให้เหล่าเซียนเมามาแล้วมากกว่าพันปี!”
เขายังมีไม้แกะสลักที่มีอายุขัยมากกว่าพันปี ไม้แกะสลักพวกนี้เป็นของบรรพชนตระกูลเซิ่งรุ่นแรกแห่งเมืองเมฆาคล้อยและใบหน้าพร่ามัว!
มีตำนานหนึ่งที่ถูกส่งต่อมาภายในตระกูลเซิ่งอยู่หลายรุ่น ตำนานนั้นกล่าวว่าตระกูลเซิ่งเดิมทีไม่ได้มาจากเมืองเมฆาคล้อย แต่ย้ายมาที่นี่เนื่องจากภัยพิบัติพายุหิมะ
ข่าวลือยังบอกว่าบรรพชนเขายังเคยอาศัยอยู่กับเซียนคนนั้นมามากกว่าหกสิบปี เซียนคนนั้นยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือพวกเขาให้ย้ายมาที่นี่
‘บรรพชนเซิ่งต้าหนิวมีอายุถึง 137 ปี แม้กระทั่งก่อนตายเขายังจดจำถึงเซียนคนนั้นได้ เรื่องราวนี้ถูกส่งต่อมาหลายรุ่น มันจะเป็นเรื่องโกหกไปได้อย่างไร?’ ผู้เฒ่าเซิ่งขมวดสายตา ตบใส่กล้องยาสูบบนพื้น ดูภาคภูมิใจยิ่ง
ทว่าเขาก็ต้องลูบสายตาอย่างรวดเร็ว จ้องมองไปบนท้องฟ้าและอ้าปากกว้าง
เดิมทีท้องฟ้าสว่างสดใส ดวงอาทิตย์เป็นประกาย ทว่าในตอนนี้พลันปรากฏระลอกคลื่นขนาดใหญ่กวาดไปทั่วทั้งน่านฟ้า
เสียงดังสนั่นกึกก้องทำให้ถนนที่มีชีวิตชีวาเงียบลงทันที ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาตื่นตระหนก
หลังจากระลอกคลื่นผ่านไปไม่นาน ลำแสงหลายเส้นปรากฏขึ้นและตกลงมาราวกับอุกกาบาต!
ลำแสงพวกนี้ทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศได้ง่ายๆและเปลี่ยนกลายเป็นเหล่าเซียน
“ซะ…เซียน!!” ผู้คนบนพื้นต่างร้องอุทานและเริ่มสั่นเทา บางคนซ่อนตัวอยู่ในบ้านทันทีและไม่กล้าโผล่ออกมา
“อย่ารบกวนคนธรรมดาพวกนี้ รีบไปรวมกันในทะเลปิศาจ!” เสียงสั่งการดังสะท้อนดุจสายฟ้าร้อง ขณะเดียวกันเหล่าเซียนที่ตกลงมาพลันเหินร่างออกไปไกล
ฉากเหตุการณ์เดียวกันนี้ปรากฏขึ้นไปทั่วดาวซูซาคุ เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงจนหลายจักรวรรดิตื่นตระหนก เหล่าคนธรรมดาทั้งหมดสั่นเทา ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
โชคดีที่เหล่าเซียนพวกนี้ไม่ได้ทำอันตรายใครเลย พวกเขาปรากฏตัวขึ้นและเหินร่างอกไป
เหล่าเซียนบนดาวซูซาคุต่างก็พบเจอเรื่องนี้ไปด้วย ทว่าไม่มีใครกล้าเหาะเหินขึ้นและเอ่ยคำถาม แม้แต่เซียนขั้นตัดวิญญาณและแปลงวิญญาณยังไม่กล้า!
เซียนต่างถิ่นเหาะเหินข้ามผ่านท้องฟ้าพวกนี้แข็งแกร่งพอจะทำให้พวกเขาตัวสั่น บางคนเพียงแค่ส่งสายตาก็ทำให้พวกเขาแตกสลายได้แล้ว
แม้กระทั่งเซียนขั้นเทวะบนดาวซูซาคุยังจ้องมองท้องฟ้าด้วยความตื่นตระหนก!
โจวหวู่ไท่สีหน้ามืดมน เขาสามารถต่อกรกับเซียนที่เหาะเหินอยู่บนท้องฟ้าได้ไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือ แค่เกลิ่นอายก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายแล้ว
โชคดีที่พวกเขามีกองกำลังหลายกลุ่ม ไม่มีใครก่อกวนเซียนบนดาวนี้ ทุกคนต่างก็มุ่งหน้าไปทะเลปิศาจ
ทั่วท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยลำแสง วินาทีต่อมาเงายักษ์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ถูกร่างเงานี้ปกคลุม ทั้งดวงดาวถูกปกคลุมด้วยร่างเงา
เงาเหล่านี้คือตำหนักของอารามเทพอัสนี พวกเขาไม่ได้ตกลงมาบนดาวซูซาคุแต่โคจรไปรอบๆ นอกจากนี้ดาวซูซาคุถือว่าเป็นดาวไร้ค่าอยู่ครึ่งนึง มันจึงไม่สามารถอดทนต่อความผันผวนจากตำหนักได้
หลังจากเงาปรากฏขึ้นเพียงเวลาไม่นาน โลงศพเริ่มตกลงมา พวกมันมีขนาดแตกต่างกันหลายแบบและถูกล้อมรอบด้วยเซียนจำนวนมาก
เหล่าเซียนลอยเข้าหาทะเลปิศาจ พวกเขาเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่บนพื้นซึ่งมันคือรูปปั้นในสำนักฟ้าเมฆา
เซียนโอหังคนหนึ่งจากฝ่ายทุกชั้นฟ้าเห็นว่าดาวเคราะห์เซียนเล็กๆถึงกับกล้าสร้างรูปปั้นแบบนี้ เขารู้สึกว่ารูปปั้นนี้ดูคุ้นๆแต่ไม่คิดอะไรมากความ พลันพ่นลมหายใจและกำลังจะทำลายยามที่ผ่านไป
แต่ขณะที่แขนขวากำลังตกลงไป น้ำเสียงหญิงสาวดังออกมาด้านหลัง
“หยุด!”
เซียนคนนั้นตกตะลึงพร้อมกับหันมองกลับหลัง “ซื่อจื่อเฟิง นี่มันหมายความว่าอะไร?”
คนที่เอ่ยขึ้นมาคือซื่อจื่อเฟิง นางมองเซียนที่โอหังด้านหน้าและเอ่ยท่าทีสงบนิ่ง “ดูให้ชัดๆว่ารูปปั้นนี้สลักใครอยู่!”
เพียงแค่นั้นนางก็ไม่สนใจคนตรงหน้า นางหันไปมองรูปปั้นด้วยสายตาซับซ้อนและถอนหายใจก่อนจะเหินจากไป
เซียนผู้โอหังขมวดคิ้วและมองรูปปั้นอย่างละเอียด ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นๆ จากนั้นดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง “นี่มัน…เทพสายฟ้าซิ่วมู่!”
แม้ฝ่ายทุกชั้นฟ้าจะถอนตำแหน่งหวังหลินออกไปแล้ว ทว่าการต่อสู้เพื่อตำแหน่งของเขาต่างก็โด่งดังมาก มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ในเวลาไม่กี่ร้อยปี
เซียนผู้โอหังคนนี้พลันหนังศีรษะด้านชา เขารู้จักอีกฉายาของซิ่วมู่ว่าคือจ้าวปิศาจและไม่ใช่สิ่งที่เขาจะลืมเลือนได้ เขาพลันรู้สึกว่าการทำลายรูปปั้นใครสักคนเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงหันตัวกลับและรีบจากไป
ปรมาจารย์จงเฉินและพรรคพวกพร้อมกับคนแห่งสำนักซากศพต่างก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ หลังจากส่งคำสั่งออกไปจึงไม่มีใครกล้าคิดทำลายรูปปั้นอีกเลย
สำนักซากศพ ฝ่ายทุกชั้นฟ้าและกองกำลังพันธมิตรเซียนต่างก็รวมกันบนดาวซูซาคุ ทั้งหมดรวมกันที่ทะเลปิศาจโดยใช้ข้อมูลที่ได้รับมา! ดาวซูซาคุไม่ได้ใหญ่มากดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่ทะเลปิศาจอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วไม่มีฝั่งไหนส่งเซียนมาที่ดาวซูซาคุมากไปนัก ทั้งหมดมีอยู่ราวๆเจ็ดพันคนซึ่งเป็นคลื่นลูกแรกเข้าตรวจสอบพื้นที่ นอกจากนี้ถึงแม้ข้อมูลของหวังหลินจะมีความน่าเชื่อถือสูงมาก พวกเขาก็ยังต้องยืนยันก่อน
เซียนอีกหลายคนกำลังลอยตัวอยู่นอกดาวซูซาคุ ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มของตนเอง รอคอยข่าวจากกลุ่มแรก
กฏเกณฑ์ทั้งหมดที่ขวางทางสู่ดินแดนเทพโบราณเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับสายตาเซียนพวกนี้ ทั้งหมดทะลุผ่านและมาถึงพื้นที่ดาราล่มสลายซึ่งเป็นจุดทางเข้าสู่ดินแดนเทพโบราณ
เสียงคำรามดุร้ายดังออกมาจากทางเข้ารูปทรงไข่ซึ่งนำทางสู่ดินแดนเทพโบราณ บททดสอบแรกในการเข้าไปดินแดนเทพโบราณคือนรกมืดมิดเต็มไปด้วยก้อนหินลอยเคว้งคว้าง แต่ในขณะนี้ก้อนหินทั้งหมดแตกสลาย ดวงตาหลายคู่ส่องสว่าง
สถานที่ที่หวังหลินเกือบตายและเจอกับคางคกสายฟ้า ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยอสูรดุร้ายมากมาย รอคอยอย่างเงียบๆ
เสียงคำรามผุดออกมาจากรูปทรงไข่ในทะเลปิศาจซึ่งนำทางสู่ดินแดนเทพโบราณ เซียนรอบด้านหยุดชะงักชั่วครู่เดียวก่อนจะก้าวเข้าไปในนั้น
ยามที่เซียนกลุ่มแรกปรากฏตัวขึ้นมา ลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากขุมนรกไร้ก้นบึ้ง แค่เซียนคนหนึ่งกำลังขยับ แสงสีแดงกระพริบออกมาจากด้านล่างและร่อนลงใส่
ร่างคนผู้นั่นสั่นเทา ตกอยู่ในความมึนงงชั่วขณะ แสงสีแดงใกล้เข้ามา มันคืออสรพิษสีแดงยาวเกือบหมื่นฟุตเข้ากลืนกินเซียนคนนั้นทันที
การโจมตีนี้เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มสังหาร อสูรดุร้ายหลายตัวพุ่งออกไปและเริ่มการต่อสู้เป็นตายกับเหล่าเซียนที่เข้ามา!
โลหิตไหลย้อมเป็นสายฝนในนรกแห่งนี้ กระตุ้นนิสัยอันดุร้ายของพวกมันตามธรรมชาติออกมา ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป พลังดั้งเดิมผันผวนค่อยๆแพร่กระจายไปสู่ส่วนลึกของนรกที่แม้แต่หวังหลินก็ไม่ได้สำรวจ ดวงตาสีแดงโลหิตสองดวงมองขึ้นไปยังเหล่าเซียนด้านบน
ขณะเดียวกันภายในทะเลโลหิตส่วนลึกของดินแดนเทพโบราณ ต้าเสินเรือนผมสีแดงกำลังนั่งอยู่บนยอดเสา นิ้วมือกำลังวาดอยู่บนพื้นเกิดเสียงแกรกๆ เขาค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมาเผยรอยยิ้ม จากนั้นยกแขนขวาขึ้นมาบีบรัดอย่างรุนแรง!