1128. อวตารสิ้นชีพ
หลังจากตัดศีรษะออกไปหนึ่งหัวได้สำเร็จ แม้แต่หวังหลินก็ยังตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะทำสำเร็จ อีกทั้งจื่อเฉียงก็เป็นอสูรโบราณที่แม้แต่เทพโบราณยังไม่กล้าสู้!
เจตนาเขาคือการทำร้ายจื่อเฉียงและปล่อยคลื่นกระบี่รอบสองโจมตี แต่ไม่คิดว่าหนึ่งการโจมตีจะตัดศีรษะมันออกมาได้
หวังหลินคว้าศีรษะชายวัยกลางคนผู้นั้นโดยไม่มีเวลาให้คิดมาก ซึ่งเขาพบว่ามันประหลาดและรีบหนี อย่างไรก็ตามท้องฟ้าพลันเปิดเข้าไปในเพลิงสีเขียวและมีเศษชิ้นส่วนสีเขียวอยู่ในเปลวเพลิง
ชิ้นส่วนนี้เหมือนเศษถ้วยลายครามที่แตกกระจายแต่มีพลังอำนาจแห่งสวรรค์โผล่ออกมาจากมัน
หวังหลินหรี่สายตาแต่ไม่หยุดหนี คว้าชิ้นส่วนนั้นและเปลี่ยนกลายเป็นเงาพุ่งไปข้างหน้า
ขณะนั้นกิ่งก้านศีรษะที่ถูกตัดออกพลันหายไปกลายเป็นควันสีเขียว ศีรษะที่เหลือสิบเจ็ดหัวมองขึ้นไปจนกระทั่งร่างของมันสั่นเทาอย่างรุนแรง
มันส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ กดดันสายฟ้าและแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง ทั่วดินแดนกลับตาลปัตร กระบี่ที่กำลังเข้ามาทั้งหมดสั่นสะท้าน
จื่อเฉียงพุ่งออกไปประชิดหวังหลินในพริบตา ศีรษะสิบเจ็ดหัวเอ่ยบทร่ายหลากหลายวิชาและพยายามกลืนกินหวังหลินไปทั้งตัว!
ปรากฏพายุลูกหนึ่งขึ้น อากาศเบาบางก่อตัวขึ้นเป็นหมอกสีเขียว ศีรษะสีเขียวยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจื่อเฉียง มันมีใบหน้ามนุษย์แต่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดและมีสายตาโหดเหี้ยม มองไกลๆคงบอกได้ว่ามันมีขนาดใหญ่มาก ไม่น้อยไปกว่าหมื่นฟุต! เรื่องน่าประหลาดก็คือมันมีประทับฝ่ามือตรงกลางหน้าผากเหมือนเป็นผนึกและปลดปล่อยควันสีม่วงมากมาย!
จื่อเฉียงร้องคำราม ศีรษะประหลาดอ้าปากและพยายามจะกลืนกินหวังหลิน!
ขณะที่ศีรษะยักษ์ปรากฏ เส้นสีม่วงนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในท้องฟ้าและค่อยๆก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ มันไม่ได้ตกลงบนศีรษะแต่เข้าหาจื่อเฉียง
ศีรษะของจื่อเฉียงทั้งสิบเจ็ดดูเหมือนไม่ยินยอม ร้องคำรามต่อต้านไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าถึงแม้การเผชิญหน้ากับประทับฝ่ามือจะเป็นเรื่องเสี่ยง มันก็ยังต้องการอัญเชิญศีรษะยักษ์ออกมา
หวังหลินหรี่ตาแคบ ก่อนหน้านี้รู้สึกถึงบางอย่างผิดปกติ แม้จื่อเฉียงจะแข็งแกร่งแต่มันเทียบไม่ได้กับความแข็งแกร่งที่เขาเห็นในความทรงจำของตู่ซือ ถึงแม้ว่าตัวที่อยู่ในความทรงจำตู่ซือจะมีถึงสามสิบหกหัว ตอนนี้เจ้านั่นมีสิบแปดหัวแล้ว
ความสงสัยปรากฏขึ้นในใจแต่ไม่ได้คิดอะไรนัก ขณะที่เริ่มสงสัยบางอย่าง จื่อเฉียงใช้วิชาที่ทำให้เข้าต้องหนังศีรษะด้านชา วินาทีที่ศีรษะยักษ์ปรากฏ ระดับบ่มเพาะหวังหลินถูกหยุดยั้งและตัวแข็งทื่ออย่างสิ้นเชิง
เมื่อศีรษะพยายามกลืนกินเขา พลังดึงดูดอันทรงพลังสายหนึ่งปรากฏขึ้นรอบตัว ซึ่งเขามิอาจต่อต้านได้และยังตัวแข็งอีก หวังหลินจึงถูกดึงเข้าหาปากยักษ์โดยตรง
มันดูเหมือนวิชาที่ศีรษะใช้เพื่อกลืนกินโลก กระบี่เหินในคลื่นระลอกสองถูกถึงเข้าไปทั้งหมด
หากแค่นั้นมันคงไม่แย่นัก สิ่งที่หวังหลินตกตะลึงก็คือกระทั่งโลกยังสั่นสะท้านราวกับกำลังถูกปากยักษ์กลืนกิน โลกถูกฉีกกระชากและถูกดึงเข้าไป
“มีจิตวิญญาณจากยุคบรรพกาลนามว่า จื่อ ทุกครั้งที่มันกลืนกินโลก มันจะได้รับหนึ่งศีรษะ!” ณ ขณะนั้นประโยคนี้ดังขึ้นมาในหัวหวังหลิน ใบหน้าพลันขาวซีด ร่างกายเคลื่อนไหวดุจอุกกาบาต เขากำลังเข้าใกล้ปากนั่นมากยิ่งขึ้น
ในสัมผัสวิกฤติ หวังหลินพยายามยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ตรงกลางหน้าผาก เสียงดังปะทุออกมาจากท่อนแขนจนกลายเป็นหิน แต่เขาก็สัมผัสกลางหน้าผากได้
เพียงแค่นั้นแขนขวาทั้งท่อนระเบิดขึ้นทันที เศษก้อนหินมากมายลอยเข้าสู่ปาก แต่หลังจากระเบิดแขนขวา อาการแช่แข็งจึงลดลงเล็กน้อย
หวังหลินยื่นแขนซ้ายออกไปและเปิดมิติเก็บของทันที รีบโยนชิ้นส่วนและกระบี่เหล็กเข้าไปข้างใน จากนั้นหนังอสูรแผ่นนึงลอยออกมาร่อนลงข้างยันต์เซียนสีเหลืองบนหน้าอก
ยันต์เซียนสีเหลืองคือการเร่งความเร็วและมีหนังสัตว์อีกแผ่นที่สร้างจากต้าซานโดยใช้มรดกตกทอดจากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ารอยสัก หวังหลินเพิ่มความเร็วด้วยรอยสักสองแผ่นขึ้นในระดับเหนือคาดคิด
ใช้ความเร็วนี้กัดฟันแน่นและดิ้นรนหนีออกจากแรงดึงดูด หวังหลินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังกระแทกเข้าสู่ภูเขายักษ์ เสียงดังปะทุสนั่นพร้อมกับก้าวออกมาได้ร้อยฟุต!
วินาทีนั้นขาซ้ายเปลี่ยนกลายเป็นหิน แตกสลายกลายเป็นเศษหินเศษดินถูกดูดเข้าไป
จื่อเฉียงร้องคำรามไม่หยุด ศีรษะสิบเจ็ดหัวกำลังเผชิญหน้ากับประทับฝ่ามือที่กำลังเข้าใกล้ ศีรษะทั้งหมดเส้นเลือดปูดโปน แขนยักษ์ปลดปล่อยแสงสีเขียวกระพริบเจิดจ้าและพลังดึงดูดเพิ่มขึ้น!
เท้าขวาหวังหลินพลันแตกสลายขณะที่พยายามหนีออกจากแรงดึงดูด พอแรงดึงดูดเพิ่มพลังขึ้น ร่างกายจึงไม่สามารถหนีได้อีกต่อไปและถูกดึงเข้าหาปากยักษ์ หวังหลินเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวพลางขยับแขนซ้ายที่กำลังกลายเป็นหิน นำยันต์เซียนและหนังสัตว์ออกมาจากหน้าอกและใช้พลังเฮือกสุดท้ายเก็บมันกลับไปในมิติเก็บของ
เพียงทำแค่นั้น ภาพวิสัยทัศน์จึงพร่ามัวและถูกศีรษะกลืนกินเข้าไปพร้อมกระบี่เหินทั้งหมด
ศีรษะเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีเขียวกลับคืนสู่ร่างจื่อเฉียง นาทีนั้นประทับฝ่ามือหยุดห่างเหนือจื่อเฉียงไปเพียงสิบฟุต
สิบเจ็ดหัวมองขึ้นไปแฝงอาการหวั่นเกรง แต่มันยังคงร้องคำราม นาทีนี้ประทับฝ่ามือส่องแสงเป็นประกาย ลำแสงก่อหุ้มจื่อเฉียงเอาไว้ ร่างกายโปร่งแสงมองเห็นข้างในอย่างชัดเจน
หากหวังหลินไม่ถูกกลืนกิน เขาคงเห็นว่าเก้าในสิบเจ็ดหัวมีชิ้นส่วนลายครามอย่างชัดเจน
แสงสีม่วงค่อยๆหายไปพร้อมกับรอยประทับฝ่ามือราวกับมันไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
สายตาระมัดระวังของทั้งสิบเจ็ดหัวค่อยๆจางลง ก้อนเนื้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ๆกับคอของมันและมีกิ่งก้านยาวออกมาสิบฟุต ท้ายที่สุดมันก็เป็นศีรษะหนึ่งหัว!
ศีรษะนี้ดูเหมือนหวังหลิน!
ณ เวลานี้ในภูเขาบนดวงจันทร์นอกดาวซูซาคุ หวังหลินซึ่งอยู่ในค่ายกลเทพพลันลืมตาขึ้นมาและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
‘จื่อเฉียง!’ หวังหลินสูดหายใจลึก ไม่คาดคิดว่าร่างอวตารที่สร้างขึ้นมาเพื่อสังเกตพลังของต้าเสินจะมาตายด้วยจื่อเฉียงก่อนจะได้เห็นคู่ต่อสู้เสียอีก
‘แม้อสูรตัวนี้จะแข็งแกร่ง ข้ายังสามารถต่อกรกับมันและตัดศีรษะมันออกไปได้…แต่ดูตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ บางทีมันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง…’ หวังหลินคิดถึงประทับฝ่ามือยักษ์ที่ปรากฏขึ้นบนศีรษะยักษ์หลังจากเรียกออกมา
‘หรือมันจะถูกผนึก? ถ้ามันใช้พลังจริงๆจะไปกระตุ้นผนึก…ศีรษะที่ปรากฏขึ้นมานั่น…น่าหวาดกลัวเกินไป! ด้วยรอยสักร่วงโรยสองชิ้น ความเร็วข้าจึงเทียบได้กับเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับปลาย แต่ข้าไม่สามารถต่อต้านพลังดึงดูดได้!’
หวังหลินมองไปข้างหน้าและขบคิดอยู่สักพัก จากนั้นถอนหายใจพึมพำด้วยรอยยิ้ม “หวังหลิน ระดับบ่มเพาะเจ้าไร้อันใดในโลกนี้ ข้ายังต้องระมัดระวังทุกอย่าง!”
หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่น ในดินแดนวิญญาณปิศาจเขาต่อสู้กับปรมาจารย์ชีกง ต่อสู้กับเทียนหยุนด้วยแยกราตรี ต่อสู้กับมารโบราณด้วยความฝันยุคบรรพกาล และจากนั้นก็กลายเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิง หลังจากช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้าได้สำเร็จและปลุกจักรพรรดิเทพฉิงหลิน ระหว่างทางระดับบ่มเพาะหวังหลินเพิ่มขึ้นและหลังจากกลายเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิง เขาก็ได้กองกำลังมากมายเพื่อต่อสู้กับต้าเสิน
ทั้งหมดนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนทุกอย่างอยู่ใต้การควบคุม การต่อสู้กับเซียนขั้นทลายสวรรค์ได้ทำให้เขารู้สึกหลงระเริงโดยไม่รู้ตัว
หากเขายังคงระมัดระวัง คงพยายามวิ่งหนีจากจื่อเฉียงแทนที่จะไปทำร้ายมัน และผลลัพธ์จึงทำให้เขาตาย
การตายของร่างอวตารเป็นเสมือนระเบิดรุนแรงใส่จิตใจหวังหลิน มันสลายความหลงระเริงทั้งหมดในใจเขาจนถึงจุดที่ไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้อยู่เลย
ชั่วขณะรู้สึกตายคราวนั้นเป็นของจริงมากและทำให้หวังหลินลิ้มรสความตายเป็นครั้งที่สอง หวังหลินคิดอยู่นานก่อนจะมองขึ้นไปอีกครั้งด้วยสายตาเคร่งขรึม ฝ่ามือสร้างผนึกชี้ใส่กลางหน้าผาก เศษเสี้ยวอีกหนึ่งวิญญาณแยกออกมา
หวังหลินสร้างอีกร่างอวตารเหมือนก่อนหน้านี้ด้วยก้อนหินรอบๆ ส่งวิญญาณดั้งเดิมเข้าไป จากนั้นร่างอวตารก็หายไปจากภูเขาในพริบตา
‘วิชาเทพของฉิงหลินต้องการพลังเทพต้นกำเนิดมากเกินไป ดังนั้นหากข้าสร้างร่างอวตารจำนวนมากมันจะส่งผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิม อวตารร่างที่สองเป็นขีดจำกัดของข้าแล้ว…’ หวังหลินหลับตา วางความสนใจไปที่ร่างอวตาร
หวังหลินใช้บิดมิติ ปรากฏบนดาวซูซาคุอีกครั้ง เดินทางสู่ดินแดนเทพโบราณโดยไม่ลังเล สูดหายใจลึกก้าวเข้าไปในทางเข้า
เคลื่อนผ่านเส้นทางนรกด้วยความระมัดระวังเหมือนตอนที่เป็นขั้นแกนลมปราณและมาถึงวังวนบททดสอบแรกในไม่ช้า ยื่นแขนขวาคว้ากระบี่เหินจากมิติเก็บของ ใส่สัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างใน ใช้กระบี่เหินลอยเข้าสู่วังวน หลังจากกระบี่เข้าไปเขาก็ตรวจเจอพายุทราย