1183. อย่าขยับ
ขณะนั้นกระบี่เหินของตวนมู่ก็มาถึงพร้อมปราณกระบี่สั่นสะเทือน มันทะลุผ่านเนื้อหนังเจ้ามังกรและแทงทะลุเข้าไป หลังจากนั้นแสงไฟของเซียนผางก็ตกลงทันทีทำให้เจ้ามังกรร้องคำรามรุนแรง ยิ่งมันดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตวนมู่ใบหน้าซีด ร่างกายเริ่มสั่นเทา
เด็กหนุ่มตวนมู่ร้องตะโกน “อีกห้าลมหายใจ!”
ปรมาจารย์คังจงซื่อรีบสร้างผนึกแตกต่างกันพร้อมกับกระบี่หลายหมื่นเล่มร่อนลงใส่มังกร เจ้ามังกรร้องคำรามและดิ้นรนทำให้ตวนมู่กระอักโลหิต เส้นโลหิตบนร่างปูดโปน ดวงตาแดงฉาน
น้ำแข็งของหญิงชราชุดเขียวเข้าใกล้และสัมผัสมังกร เจ้ามังกรสั่นสะท้านพลันเกิดการแช่แข็งทันที น้ำแข็งปกคลุมไปทั่วทั้งร่างมังกร
ควันสีดำหลายเส้นเริ่มผุดออกมาจากมังกรและโดนน้ำแข็งดูดซับ ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต้องมองดูหญิงชรา หวังหลินเห็นว่าน้ำแข็งช่างแปลกประหลาดยิ่งเพราะมันสามารถดูดซับพลังชีวิตของมังกรได้
เจ้ามังกรพลันเงยศีรษะขึ้นและร้องคำราม ตวนมู่กระอักโลหิตและไม่สามารถผนึกมันได้อีก
เมื่อไร้ผนึกเกิดใหม่ เจ้ามังกรก็เคลื่อนไหว บนเศียรมีหนึ่งเขา ร่างกายโผล่ออกมาจากสายหมอก ซึ่งทำให้หมอกลดลงไปจำนวนมาก
หลังจากผนึกหายไป น้ำแข็งรอบตัวมันแตกสลายทันทีและลอยกลับไปหาหญิงชราชุดเขียว ควันสีดำหลายเส้นเข้าไปในร่างกายนางด้วย ดวงตาพลันเจิดจ้า
‘เซียนเฒ่าพวกนี้ยังซ่อนวิชาของตนเองเอาไว้ ช่างน่าสนใจ!’ หวังหลินเยาะเย้นพลางลอยขึ้นเหนือศีรษะมังกรที่กำลังโผล่ เขาพุ่งเข้าหาสายหมอกเบาบาง
เมื่อเจ้ามังกรก่อตัวจากสายหมอกเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ผลึกดั้งเดิมทั้งหมดจะสูญสลายและพลังดั้งเดิมจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างมัน
‘ข้าร่วมมือได้มากเท่าที่ข้าทำได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัวเพื่อผลึกดั้งเดิมพวกนี้’ หวังหลินไม่สนการต่อสู้และพุ่งเข้าไปในสายหมอก จังหวะที่เข้าไปหวังหลินเห็นผลึกดั้งเดิมจำนวนมากลอยอยู่และยังมีบางส่วนที่กำลังก่อตัว
หวังหลินสะบัดแขนเก็บผลึกดั้งเดิมหลายร้อยชิ้นเอาไว้ วิธีการรวบรวมผลึกดั้งเดิมเช่นนี้ทำให้หวังหลินมีความสุขมาก เขาเคลื่อนผ่านสายหมอกไปดุจสายฟ้า รวบรวมผลึกดั้งเดิมที่ก่อตัวมาตลอดหลายปี
หวังหลินยังได้ยินเสียงมังกรคำรามและเกิดเสียงดังสนั่นข้างนอก หวังหลินรีบรวบรวมผลึกดั้งเดิมหลายพันชิ้น ความจริงแล้วอสูรหมอกระดับสิบสองไม่สามารถสร้างผลึกดั้งเดิมจำนวนมากแบบนี้ได้แต่กลับมีเหล่าเซียนมาหาอสูรหมอกเพื่อเก็บเกี่ยวมากมายจนมีมาถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามในดินแดนเจ็ดสี ไม่มีใครเข้ามาขโมยผลึกดั้งเดิมจากอสูรหมอก ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่จึงมีผลึกดั้งเดิมให้เก็บเกี่ยวจำนวนมาก
หวังหลินใช้เวลาไม่นานเพื่อสังเกตสายหมอกรอบตัวเขาที่เริ่มปั่นป่วนรุนแรงมากขึ้นและเผยการควบแน่น เคลื่อนเข้าหาทิศทางเดียว
หลังจากคำนวณจำนวนผลึกดั้งเดิมได้แล้ว หวังหลินตัดสินใจเลิกเก็บมากกว่านี้และเคลื่อนไหวออกด้านข้าง สายหมอกเริ่มควบแน่นกันเร็วมากขึ้น
ชั่วขณะนั้นสายหมอกทั้งหมดก็หายไปและกลายมาเป็นหางมังกร เจ้ามังกรสูงราวๆหมื่นฟุต ร่างครึ่งส่วนอยู่ในอากาศ ส่วนหางลอยขึ้นกับร่างกาย
เซียนผางหน้าซีดพลางโน้มตัวเข้าด้านข้างภูเขา หน้าอกมีรอยเลือด ส่วนปรมาจารย์คังจงซื่อ หญิงชราขุดเขียวและตวนมู่กำลังต่อสู้ด้านบนเศียรมังกร ทั้งหมดต่างก็ใช้วิชาของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้ามังกรขึ้นไป
เขาสีดำบนเศียรมังกรปลดปล่อยแสงสีดำ ทุกครั้งที่มันกะพริบ ปรมาจารย์คังจงซื่อและพรรคพวกต้องหลบเลี่ยง เจ้ามังกรพ่นหมอกพิษกลิ่นเหม็นออกมาซึ่งต่อกรด้วยยากยิ่ง มันบาดเจ็บหนัก โลหิตไหลออกมาจากรอยแผลบนร่างและหยดลงบนเกล็ด
ขณะนั้นเจ้ามังกรส่งเสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ทำให้ภูเขารอบด้านสั่นเทา ก้อนหินบางส่วนร่วงหล่น หลังจากนั้นไม่นานนักเขาสีดำบนเศียรมังกรเรืองแสงพร่ามัวและกระจายเป็นตาข่ายแสงสีดำ ขณะเดียวกันพลังดั้งเดิมไร้ที่สิ้นสุดรวมตัวกันและบางส่วนถูกแสงเจ็ดสีดูดซับไป
กรรรร!
มังกรร้องคำรามลั่นทำให้จิตใจทุกคนสั่นเทา ตาข่ายแสงสีดำเพิ่มขนาดขึ้นพันฟุต ขณะที่พลังดั้งเดิมและแสงเจ็ดสีถูกดูดซับ ภาพมายาจึงเริ่มปรากฏรอบๆเจ้ามังกร
เงาร่างมายาพวกนี้คือมังกรทั้งหมดเป็นวงกลมรอบบริเวณ ปรมาจารย์คังจงซื่อและคนอื่นๆถูกบังคับให้ล่าถอย
เจ้ามังกรกำลังจะพุ่งขึ้นสู่อากาศ เมื่อมันขึ้นไปได้จะเป็นหายนะสำหรับเหล่าเซียนเพราะไม่สามารถเหาะเหินสูงเกินไปได้
ชั่วขณะนั้นหวังหลินดวงตาส่องสว่างและมองหางมังกร ก้าวไปข้างหน้าและเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากท่อนแขน พลังอำนาจของเทพโบราณพรั่งพรูออกมา กระโดดขึ้นและคว้าหางมังกรเอาไว้ เส้นเลือดบนแขนหวังหลินปูดโปนในทันที
“ลงมาซะดีดี!”
หวังหลินกุมหางมังกรเอาไว้อย่างแน่นหนาและดึงลงมาอย่างโหดเหี้ยม ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้คนที่กำลังหลบวิชาของเจ้ามังกรถึงกับตกตะลึง!
เซียนผางที่โน้มไปข้างถนนถึงกับเบิกตากว้าง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พลังอำนาจเทพโบราณของหวังหลินทั้งหมดพรั่งพรูในร่างกาย เจ้ามังกรดิ้นรน หันศีรษะมาและพุ่งหาหวังหลิน วิชาหลายอย่างวนเวียนรอบร่างมังกร
อย่างไรก็ตามการดิ้นรนของมันทำให้พลังเทพโบราณของหวังหลินพรั่งพรูออกมาเร็วขึ้น
“ลงมาซะ!” หวังหลินส่งเสียงคำรามดุจเสียงเทพเจ้า แขนจับหางเอาไว้และกระแทกร่างมังกรลงบนพื้นทำให้เซียนคนอื่นๆทั้งหมดตกตะลึง
แม้เจ้ามังกรจะมีร่างกายยาวหมื่นฟุต มีระดับขั้นทลายสวรรค์สูงสุด มีร่างที่แข็งแกร่งมากมายเพื่อต่อต้านวิชาส่วนใหญ่ได้ และมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าร่างของเซียนที่ฝึกฝนร่างกาย แต่มันไม่มีค่าอะไรเบื้องหน้าหวังหลิน!
แม้มันจะถลกหนังและกลายเป็นมังกรจริงๆ มันก็ยังไม่สามารถขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องหน้าเทพโบราณได้!
ขณะที่หวังหลินเหวี่ยงลงมา เจ้ามังกรไม่ดิ้นรนอีกเลย มันร้องคำราม ร่างกายกระแทกใส่พื้นในทันที เซียนผางรู้สึกท้องฟ้ามืดลง ความคิดจิตใจสั่นคลอนและรีบถอย เขากังวลว่าหากช้าเกินไปและโดนมังกรกระแทกใส่ ร่างกายคงแตกสลายทันทีไม่เว้นแม้แต่ระดับบ่มเพาะ
ท้องฟ้าส่งเสียงดังกึกก้อง มังกรยักษ์กระแทกใส่พื้นเสียงดังสนั่น ก้อนหินจำนวนมากหลุดร่วงจากภูเขาสองข้างทางและทุกอย่างจึงกลับคืนสู่ปกติ
หลังจากมังกรร่วงหล่นลงพื้น ร่างกายบิดเบี้ยว ศีรษะเริ่มสลาย ควันสีดำผุดออกมา เฉินเทียนจุนลอยออกมาจากศีรษะและก้าวถอยหลัง
ปรมาจารย์คังจงซื่อสูดลมหายใจหนาวเหน็บ จ้องมองมังกรและจ้องมองหวังหลิน เกิดความหนาวเย็นขึ้นในใจ
แม้แต่เด็กหนุ่มตวนมู่ยังต้องเลียริมฝีปาก ในสายตาที่มองหวังหลินแฝงความหวาดกลัว
หญิงชราชุดเขียวอ้าปากค้างและครุ่นคิดเงียบๆ
คนที่หวาดกลัวในใจมากที่สุดคือเซียนผางซึ่งสามารถหลบเลี่ยงมังกรได้ พอคิดถึงความอันตรายของหวังหลินจึงเกิดความขมในปาก
หวังหลินหายใจแรงเล็กน้อย มองทุกคนตรงหน้าก่อนจะหันสายตาไปหาโครงกระดูกที่ห่างอยู่ไม่ไกล เขาเดินเข้าไปหาหินหยกข้างใต้โครงกระดูก
ยื่นมือออกไป จากนั้นหินหยกและเม็ดยาร่อนลงในฝ่ามือ โยนเม็ดยาให้ตวนมู่ไป ซึ่งรับเอาไว้และคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน
“ขอบคุณมาก!”
หวังหลินถือหินหยก นั่งลงพิงภูเขา ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในหินหยกและเริ่มอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด
ปรมาจารย์คังจงซื่อมาถึงด้านข้างเซียนผาง แขนขวาตบเข้าแผ่นหลังสหายและส่งเม็ดยาให้พร้อมกับนั่งลง เขามองหวังหลินเป็นพักๆด้วยสายตาลึกลับ
ตวนมู่ถือเม็ดยาเกิดใหม่และเอยอาการตื่นเต้นก่อนจะเก็บกลับไป ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาสูดหายใจลึกและนั่งลงฟื้นฟู
เฉินเทียนจุนนั่งลงเช่นกัน ระหว่างการต่อสู้นี้ทุกคนอยู่ข้างนอกแต่เขาอยู่ข้างในและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากไม่มีคนอยู่ข้างนอกเขาคงไม่สามารถได้วิญญาณมังกรมา
แม้เขาจะไม่สามารถดูดซับมันได้เลย แต่เขาเป็นคนได้รับของที่ดีที่สุดตอนนี้
ส่วนหญิงชราชุดเขียว นางมาถึงด้านข้างซากมังกร วางแขนลงไปบนตัวมัน ควันสีดำผุดออกมาจากร่างมังกรและเข้าสู่ร่างกายนาง
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ปรมาจารย์คังจงซื่อมองทุกคนและเอ่ยขึ้น “มีอสูรหมอกระดับสิบสองอีกหลายตัวที่นี่ แต่ว่ายิ่งอันตรายก็ยิ่งเก็บเกี่ยวได้ดีขึ้น”
ในตอนนี้ซากมังกรเหลือเพียงโครงกระดูก หญิงชราใบหน้าขึ้นสีแดงและนางอ่อนเยาว์ลงอย่างไม่คาดคิด
เซียนผางฟื้นตัวขึ้นมาได้มากขึ้น เขายืนและมองเส้นทางแคบๆที่ไร้สายหมอก ดวงตาส่องสว่าง
ปรมาจารย์คังจงซื่อลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้า “ทุกคนไปกันเถอะ”
หญิงชราชุดเขียวและเฉินเทียนจุนลุกขึ้นในเวลาเดียวกัน เหลือแต่เพียงตวนมู่ที่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วย
หวังหลินนั่งอยู่ไกลจากทุกคนที่สุดและถือหินหยกเฝ้าดูทุกคนเดินเข้ามา มีบางอย่างบันทึกไว้นหินหยกนี้…บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับดินแดนเจ็ดสี
‘สถานที่แห่งนี้มัน…’ กระแสความคิดหวังหลินพังลงเมื่อเขามองด้านหลังทุกคน รูม่านตาหดเล็กลง เส้นขนทั้งหมดบนร่างตั้งชูชัน!
ขณะเดียวกันปรมาจารย์คังจงซื่อและตวนมู่หยุดชะงัก หลังจากนั้นหญิงชราและเฉินเทียนจุนก็สังเกตได้ เซียนผางเป็นคนสุดท้ายที่รับรู้
ปรมาจารย์คังจงซื่อเผยแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาส่งข้อความออกมาผ่านสัมผัสวิญญาณ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามขยับ!”