Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1187

Cover Renegade Immortal 1

1187. เก็บเกี่ยว

หวังหลินขมวดคิ้วและกำลังจะเอ่ย

“อะไร สหายเซียนไม่พอใจหรือ?” ปรมาจารย์คังจงซื่อมองหวังหลินท่าทีต่ำลง

หวังหลินนิ่งเงียบ

“ในเมื่อสหายเซียนหลิวตกลง เช่นนั้นข้าจะทิ้งให้อยู่กับสหายเซียนผาง” หลังจากปรมาจารย์คังจงซื่อกล่าวจบ เขามองหญิงชราชุดเขียวและทั้งสองก็จากไป พวกเขามุ่งหน้าเข้าหาเทือกเขาเหมือนกำแพงไกลๆ

อย่างไรก็ตามก่อนจะจากไป หญิงชราชุดเขียวชำเลืองหาหวังหลิน เช่นเดียวกัน ปรมาจารย์คังจงซื่อก็มองเซียนผางด้วย

หลังจากทั้งสองจากไป เซียนผางจ้องหวังหลินเผยรอยยิ้มมืดมน เขาลูบแหวนบนนิ้วและเอ่ยขึ้น “สหายเซียนหลิวบ่มเพาะต่อไปเถิด ข้าจะเฝ้าระวังให้”

หลังจากกล่าวจบ เขาก็ตรวจสอบหวังหลินด้วยสัมผัสวิญญาณ พอยืนยันได้ว่าอาการเจ็บของหวังหลินเป็นของจริงจึงไม่ได้มองหวังหลินและเริ่มค้นถ้ำ

หวังหลินหลับตาและไม่สนใจอีกฝ่าย

วันเวลาผ่านไปพอเซียนผางค้นทั้งสามห้องหิน เขาจึงเผยท่าทีปีติยินดี หลังจากกลับมาเขาก็จ้องหวังหลินและหัวเราะขึ้น

“สหายเซียนหลิว ข้าจำได้ว่าท่านเคยบอกอะไรไว้บางอย่าง”

หวังหลินลืมตา จ้องมองเซียนผางด้วยสายตาสงบนิ่ง

พอเห็นสายตาสงบนิ่งของหวังหลิน จึงหรี่ตาแคบแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก “ท่านเคยบอกข้าว่าควรจะระมัดระวังคำพูดไว้ดีดี หากข้าพูดจาไม่ระวังอาจจะเป็นการชวนหายนะเข้ามา”

หวังหลินเอ่ยขึ้นช้าๆด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง “ข้าพูดแบบนั้นจริงๆ และจะขอย้ำอีกครั้งว่า หากเจ้าพูดจาไม่ระมัดระวัง อาจจะเป็นการชักชวนหายนะเข้ามา”

เซียนผางเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง รอยแผลเป็นบนใบหน้าดูโหดเหี้ยมอำมหิต เขามองหวังหลินด้วยสายตาเย็นเยียบ “หากเจ้าไม่บาดเจ็บ ข้าอาจจะหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ตอนนี้ข้าอยากเห็นว่าใครกันที่เป็นคนเชิญหายนะเข้ามา!” เขามองหวังหลินและกระแทกแขนขวาเข้าใส่!

เหตุผลที่เขารอจนมาโจมตีในตอนนี้ก็เพื่อให้ปรมาจารย์คังจงซื่อและหญิงชราชุดเขียวออกไปได้ไกลแล้ว เขากลัวว่านางอาจจะสังเกตได้

หวังหลินยังมีสายตาสงบนิ่งดุจสายน้ำ ชั่วจังหวะที่แขนขวาอีกฝ่ายเข้าใกล้ ในแววตาพลันกะพริบเย็นเฉียบ แขนซ้ายเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าคว้าเอาแขนขวาและจากนั้นบีบรัดอย่างรุนแรง!

พลันเกิดเสียงแตกร้าว รูม่านตาเซียนผางหดลง ความเจ็บปวดผุดออกมาแต่ช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความกลัวในใจเขา

“เจ้า!!” เซียนผางถอยทันทีและกำลังจะใช้วิชา ทว่านาทีนั้นหวังหลินพุ่งออกไป แขนขวากำหมัด เกิดเสียงหวีดหวิวทรงพลังข้างหน้า

เซียนผางอยู่ใกล้หวังหลินเกินไป ดังนั้นจึงไม่สามารถหลบหลีกได้เลย หมัดหวังหลินกระแทกเข้าใส่หน้าอกเซียนผางเสียงดังปัง!

เซียนผางกระอักโลหิต ไม่เชื่อสายตาตัวเอง ร่างกายระเบิดกลายเป็นกองเลือดเนื้อ วิญญาณดั้งเดิมกรีดร้องหนีออกมา เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง!

เขาไม่เคยคาดคิดว่าคนตรงหน้าจะไม่บาดเจ็บ! เขากำลังจะหนีแต่หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏกระบี่เหล็ก ตวัดเข้าใส่โดยไม่มีอาการลังเล!

ปราณกระบี่กะพริบวาบ จากนั้นวิญญาณเขาก็ถูกตัดออกเป็นครึ่งส่วนส่งเสียงกรีดร้อง หวังหลินสะบัดแขนคว้าวิญญาณดั้งเดิมมา บดขยี้วิญญาณไปครึ่งนึง ก่อนที่พลังดั้งเดิมจะสูญสลาย เขาสูดลมหายใจเข้าไป วิญญาณอีกครึ่งส่วนแทบโปร่งแสงแต่ก็ไม่กล้าหลบหนี เพียงใช้กระบี่เหล็กชี้ไปมันก็อยู่ในมือหวังหลิน

ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา หวังหลินจู่โจมสังหารโดยไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย อีกฝ่ายไม่ได้เตรียมการไว้จึงทำให้วิชาและสมบัติวิเศษไร้ประโยชน์

หวังหลินแววตาเยือกเย็นพลางเอ่ยขึ้นอย่างมืดมน “เปิดมิติเก็บของซะ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”

วิญญาณดั้งเดิมอ่อนแอมาก มันรู้สึกว่ากำลังจะสูญสลายไป หวังหลินตอนนี้ดูน่าขนลุกยิ่ง

เขาบอกไม่ได้ว่าสิ่งที่หวังหลินพูดเป็นเรื่องจริงหรือโกหก ถ้าเป็นเรื่องโกหกเขาก็ตาย แต่หากเป็นเรื่องจริงเขายังมีโอกาสรอดชีวิต พลันกัดฟันแน่นและเปิดมิติเก็บของ

หวังหลินโบกกระบี่เหล็กและตัดการเชื่อมต่อระหว่างเซียนผางและมิติเก็บของ จากนั้นริบทุกอย่างข้างในมิติเก็บของมา

เขามองดวงวิญญาณดั้งเดิมของเซียนผาง ในแววตากะพริบจิตสังหาร

เซียนผางกรีดร้องทันที “เจ้าสัญญาว่าจะไม่ฆ่าข้า!”

หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น แขนขวาจับวิญญาณดั้งเดิมเอาไว้และบังคับค้นหาความทรงจำขณะที่อีกฝ่ายอ่อนแรง ครู่ต่อมาเขาก็วางวิญญาณใกล้ตายเอาไว้ในมิติเก็บของ

หวังหลินตัดสินใจไม่ฆ่าเขาจริงๆ หากการตายของเซียนผางทำให้ปรมาจารย์คังจงซื่อเพิ่มความระมัดระวังขึ้น เช่นนั้นคงไม่คุ้มค่าที่มันจะไปทำลายแผนของหวังหลิน

‘คนผู้นี้ใกล้ชิดกับปรมาจารย์คังจงซื่อมาก ดังนั้นคังจงซื่ออาจจะมีตราชีวิต เมื่อเขาตาย คังจงซื่ออาจจะรู้ได้ทันที’ หวังหลินไม่มั่นใจและเขาไม่เห็นมันในความทรงจำของเซียนผาง แต่ก็ระมัดระวังไว้เสมอ

หลังจากคำนวณอยู่เล็กน้อย หวังหลินเปิดมิติเก็บของตัวเองอย่างสบายใจและค้นหาของของเซียนผาง เนื่องด้วยเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ ดังนั้นจึงมีสมบัติจำนวนมาก หินหยกสวรรค์หลายแสนก้อนและมีผลึกดั้งเดิมกว่าห้าถึงหกหมื่นชิ้น

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรและสูตรยาจำนวนมาก เซียนผางเตรียมการมาเต็มที่กับการเดินทางครั้งนี้

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องรอง แผนหลักของหวังหลินคือค้นหาในหินหยก ท่ามกลางหินหยกพวกนี้เขาพบแผนที่สองแผ่นและบทร่ายออกไปจากที่นี่

สองแผนที่เกี่ยวข้องกับดินแดนเจ็ดสี ถนนบางส่วนทำรอยเอาไว้แล้วรวมไปถึงสถานที่ที่สามารถให้หินหยกสวรรค์กับอสูรหมอกเพื่อให้ได้ผลึกดั้งเดิมด้วย มันมีรายละเอียดเอาไว้

น่าเสียดายที่หวังหลินไม่สามารถค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงของปรมาจารย์คังจงซื่อในความทรงจำของเซียนผางได้ แม้กระนั้นเซียนผางรู้แค่ว่าที่นี่มีวิญญาณอสูรผนึกเอาไว้มากมายก็เถอะ

หวังหลินยังเรียนรู้ได้อีกหลายอย่างเกี่ยวกับดินแดนเจ็ดสี

พอขบคิดเล็กน้อยจึงตรวจสอบทุกอย่างต่อไปรวมถึงของที่เซียนผางได้มาจากถ้ำด้านหน้าหวังหลิน มันมีเม็ดยาจำนวนมากและสิ่งที่หวังหลินสนใจคือกระบี่สั้น!

กระบี่สั้นเล่มนี้ถูกแทงเข้าไปในโคงกระดูกอสูรในห้องหินที่สาม

หวังหลินสะบัดแขนกะพริบแสงสีเงินปรากฏกระบี่สั้น เซียนผางพึ่งได้มันมาและไม่ได้มีโอกาสตรวจสอบมันก่อนจะกลับมาหาหวังหลิน

พอกวาดสัมผัสวิญญาณผ่านกระบี่สั้นไป หวังหลินสังเกตถึงกลิ่นอายไม่ธรรมดาออกมาจากมัน เขารู้สึกว่ามันคุ้นเคยแต่จำไม่ได้ว่ามันคืออะไร อย่างไรก็ตามมันมีผนึกอยู่บนกระบี่ ถ้ามันไม่เปิดออกมาก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน

หลังขบคิดอยู่เล็กน้อย หวังหลินมาถึงห้องที่สามและเห็นโครงกระดูกอสูรอยู่บนพื้น อสูรตัวนี้ไม่ได้ใหญ่มาก ขนาดเพียงคนธรรมดาและมีรูปร่างเหมือนกวาง

กระดูกมันเป็นสีดำล้วน มีหลายส่วนกลายเป็นฝุ่นผง หลังจากมองใกล้ๆแล้ว ฝุ่นพึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เห็นได้ชัดว่าเซียนผางทำแบบนี้ไปตอนที่รับกระบี่มา

หวังหลินมองกระดูกอสูรและค่อยๆขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมถึงมีกวางอยู่ในถ้ำนี้? อีกทั้งมันเห็นกระบี่ได้ง่ายไปจึงไม่ปกติ แม้มันจะยังถูกผนึกอยู่แต่เมื่อเปิดผนึกออกมาพลังของมันคงเหนือจินตนาการ สมบัติแบบนั้นถูกแทงเข้าไปในกวางตัวนี้และทิ้งไว้ที่นี่เสียแบบนั้น

‘เมื่อที่นี่ไม่ใช่ถ้ำของซือหม่าโม่ แล้วเป็นถ้ำของใคร…’ หวังหลินค้นในความทรงจำของเซียนผางและพบว่าที่นี่ไม่ใช่ถ้ำของซือหม่าโม่ ปรมาจารย์คังจงซื่อไม่เคยตั้งใจพาเขามาที่ถ้ำจริงๆ

ที่นี่เป็นแค่ถ้ำที่ปรมาจารย์คังจงซื่อค้นพบแบบสุ่มๆเท่านั้น

ซือหม่าโม่ตายในถ้ำบนแผ่นดินนี้จริงๆแต่ไม่ใช่ที่นี่ ตอนนี้หวังหลินรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของมันแล้ว

พอเห็นโครงกระดูกบนพื้น หวังหลินขบคิดอยู่นานก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขาไม่พบเบาะแสอะไรและไม่สามารถวิเคราะห์ได้เลย เขาวางกระบี่สั้นเอาไว้และกำลังจะจากไป

จากนั้นฝีเท้าหวังหลินหยุดชะงักพร้อมกับคิดอะไรได้บางอย่าง หันกลับมามองที่พื้น ในมุมห้องมีแหวนหนึ่งวงอยู่ในกองเลือด

หวังหลินจำได้ว่าแหวนวงนี้คือสมบัติอสูรของเซียนผาง มันเป็นของที่เขาได้มาจากดินแดนเจ็ดสีแต่หวังหลินฆ่าเขาทันทีก่อนจะทันได้ใช้มัน

หวังหลินยื่นแขนออกไปให้แหวนลอยเข้ามา หลังจากปาดคราบเลือดออกจึงตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กๆ

บนแหวนวงนี้มีผนึกทั้งหมดเก้าชั้น เซียนผางเปิดไปแล้วเจ็ดชั้นจึงควบคุมแหวนได้บางส่วน เขายังทะลวงชั้นที่แปดไปแล้วมากกว่าครึ่ง

หวังหลินลบรอยประทับและใส่ของตัวเองลงไป จากนั้นมองมันอย่างละเอียด ด้วยความรู้ด้านเขตอาคม การทำลายผนึกที่เหลือจึงไม่ยากนัก แขนซ้ายสร้างผนึกส่งเขตอาคมร่อนลงไปบนแหวน เกิดเสียงปังดังสนั่นทำลายชั้นที่แปดแตกกระจาย วงแหวนเรืองแสงห้าสีอย่างไม่คาดคิดและห้าวงแหวนก็ล้อมรอบหวังหลิน

ลำแสงทั้งห้าก่อตัวเป็นโล่แข็งแกร่ง สามารถป้องกันวิชาทุกอย่างไม่ให้เข้าใกล้ได้

‘หากเซียนผางเปิดผนึกที่แปด ข้าคงไม่สามารถฆ่าเขาได้เร็วนัก’ เพียงคิดแค่นี้ลำแสงห้าสายก็กลับเข้าไปในแหวน หวังหลินเก็บกลับไป

เขาสูดหายใจลึกมองออกไปนอกถ้ำ แววตากะพริบแสงเย็นเยียบ พุ่งตัวออกไปตามหลังพวกเขา! ขณะเคลื่อนไหวหวังหลินไม่ได้แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา เขาเพียงแต่ห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ เดินทางผ่านหุบเขาด้วยการเชื่อมต่อประหลาดที่เขารู้สึก

หากปรมาจารย์คังจงซื่อเห็นเส้นทางของหวังหลินคงตกตะลึงยิ่ง ถนนเส้นนี้เหมือนกับที่เขาเข้ามาพร้อมกับหญิงชราชุดเขียว!

‘ข้าหวังหลิน จะให้เจ้าสวมเกราะมารของข้าเปล่าๆได้อย่างไรเล่า?’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version