1190. ขวดใต้กระดูก
รอยแตกร้าวบนเขตอาคมเหมือนรอยแผลเป็นและกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว คงอีกไม่นานก่อนที่มันจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเป็นแบบนั้นพวกเขาจะถูกไว้ข้างในตลอดกาลเว้นแต่จะมีสมบัติมากมายสำหรับทำลายอีก
ข้างในรอยแตกมีภูเขาเล็กๆอยู่ ปรมาจารย์คังจงซื่อเคลื่อนร่างดุจสายฟ้าเข้าหายอดเขาพร้อมกับสตรีชุดเขียวด้านหลัง ทั้งสองรวดเร็วมากและมาถึงใกล้ๆยอดเขาได้ในทันที
ใจกลางยอดมีประตูหินสูงสองร้อยฟุตพร้อมกับสลักคล้ายสายฟ้าเอาไว้!
“ที่นี่คือตำแหน่งที่วิญญาณอสูรถูกผนึก!” ปรมาจารย์คังจงซื่อส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกมาขณะมาถึงใกล้ประตู จากนั้นนำจี้เงินคล้ายประกายสายฟ้าออกมา!
เขาโยนมันออกไป จี้ลอยเข้าหาประตูพร้อมกับเรืองแสงสีเงินรุนแรง ขณะเดียวกันร่องรอยสายฟ้าบนประตูก็ปลดปล่อยแสงสีเงินออกมาด้วยราวกับกำลังเรียกหาจี้
ชั่วขณะนั้นเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ประตูหินขนาดยักษ์ค่อยๆเปิดออกมา ฝุ่นผงนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายออกไปทุกแห่ง
เมื่อประตูหินเปิดออก เสียงคำรามเสียดแทงดวงวิญญาณโผล่ออกมาจากข้างใน เสียงคำรามจากเหล่าวิญญาณอสูรนั้นเปลี่ยนกลายเป็นสัมผัสวิญญาณที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
“สหายเซียนจ้าว เวลาเป็นสิ่งมีค่า เจ้าเอาวิญญาณอสูรไป ข้าต้องการเพียงคัมภีร์เต๋า!” คังจงซื่อคำนับฝ่ามือให้หญิงชุดเขียว
“หากสหายเซียนจ้าวสนใจ ไปกับข้าดีไหม? บางทีเจ้าอาจจะเข้าใจไปด้วย!”
นางขบคิดเล็กน้อยและค่อยๆส่ายศีรษะ
คังจงซื่อไม่เอ่ยถามอีก เขาเหาะเหินเข้าหาด้านบนภูเขา แม้จะไม่เคยมาที่นี่มาก่อนแต่แผนที่เที่เขาได้มาบ่งบอกตำแหน่งคัมภีร์เต๋าได้อย่างชัดเจน
หญิงชุดเขียวดวงตาส่องสว่าง จ้องมองปรมาจารย์คังจงซื่อและขบคิด นางไม่เชื่อสิ่งที่คังจงซื่อพูดแต่ไม่มีข้อผิดพลาดในประโยคของเขา วิญญาณอสูรที่ผันผวนบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่คังจงซื่อกล่าวเป็นเรื่องจริง มีวิญญาณอสูรจำนวนมากถูกผนึกไว้ในที่แห่งนี้
หลังขบคิดเล็กน้อย หญิงชุดเขียวก็มาถึงใกล้กับประตู ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปข้างใน ดวงตาเผยแสงประหลาด พอวางเขตอาคมไว้หลายชุดนางจึงก้าวเข้าไปข้างในต่อ
ปรมาจารย์คังจงซื่อมาถึงยอดภูเขาแล้ว เขามองลงไปเห็นสตรีชุดเขียวเข้าไปในถ้ำและเยาะเย้ย
‘ข้าไม่ได้โกหก มีวิญญาณอสูรจำนวนมากผนึกไว้ข้างในจริงๆ ข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะไม่เข้าไป แม้จะลอบติดตามข้ามาก็ยังนับว่าดี!’ เขาถอนสายตา แขนขวาสร้างผนึก เกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากประตูหินพร้อมกับมันปิดตัวลงอย่างรวดเร็วและถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของหญิงชุดเขียวดังออกมาจากข้างในพร้อมกับเสียงบางอย่างทุบตรงประตู
คังจงซื่อรู้ตัวว่าเขามีเวลาเหลือไม่มาก เมื่อรอยแยกนั่นปิดตัวลงการออกไปจากที่นี่นับว่ายากยิ่ง เขายืนอยู่บนยอดและสูดลมหายใจลึก ใบหน้าเกิดอาการตื่นเต้น รอคอยวันนี้มาอย่างยาวนาน เขายืนตรงและยกแขนขึ้นมาก่อนจะคุกเข่า จากนั้นชี้ใส่ท้องฟ้าและเริ่มท่องบทสวดประหลาด
บทสวดนี้ประหลาดมากและไม่อาจได้ยินว่าเขาพูดอะไร อย่างไรก็ตามขณะที่เขาเอ่ยออกมา แสงเจ็ดสีในท้องฟ้ายิ่งหนาแน่นขึ้น แทงทะลุผ่านสายหมอกและร่อนตรงเข้าไปบนภูเขา
ลำแสงวนเป็นวงกลมเหนือปรมาจารย์คังจงซื่อก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะพานสายรุ้งยืดยาวออกไปข้างหน้าไร้ขอบเขต
ปรมาจารย์คังจงซื่อระงับความตื่นเต้นในใจ ก้าวเดินข้ามผ่านสะพาน ปลายสุดของสายรุ้งมีวังวนเจ็ดสีลอยอยู่ในอากาศ เขาเดินเข้าไปข้างในวังวนทันที
วังวนเจ็ดสีเต็มไปด้วยความโกลาหลและมีแสงเจ็ดสีโผล่ออกมาจากแผ่นหินจารึกขนาดยักษ์ มันปลดปล่อยแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้ซึ่งทำให้รู้สึกว่าทุกคนที่เข้ามต้องเคารพบูชามัน!
ปรมาจารย์คังจงซื่อไม่มีข้อยกเว้น เขาคุกเข่าลงและเริ่มพึมพำ อักขระเวทย์รอบตัวปรากฏขึ้นมาจนควบแน่นรอบดวงตาเหมือนเป็นผนึก
วินาทีต่อมาเขาก็เงยศีรษะขึ้นมองแผ่นหินจารึก!
ใต้แผ่นหินจารึกมีโครงกระดูกอยู่ร่างนึงเหลือแต่เพียงร่างท่อนบน สองแขนจมเข้าไปในแผ่นหินจารึกด้วยลิ่มเจ็ดสี
มันคือโครงกระดูกของเซียนผู้หนึ่ง ในโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยแสงเจ็ดสี โครงกระดูกนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยแต่กลับเรืองแสงสีดำ!
มีประโยคจางๆสลักเอาไว้บนกระดูกอย่างเหนียวแน่นทั่วโครงกระดูก
ตรงนั้นมีค่ายกลวงกลมขนาดกว้างหลายสิบฟุตและมีอักขระเวทย์นับไม่ถ้วนเข้าไปในวงกลมของค่ายกล ใจกลางค่ายกลซึ่งอยู่ด้านล่างกระดูกสันหลังของโครงกระดูกมีขวดหยกอยู่หนึ่งขวด
ยามที่สายตาปรมาจารย์คังจงซื่อร่อนลงไปในขวดหยก แววตาเต็มไปด้วยความโลภ
เขารู้ว่าประโยคบนโครงกระดูกคือคัมภีร์เต๋าแต่เขาไม่เคยมองดูมัน ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นแค่เรื่องโกหกสำหรับหญิงชราชุดเขียว
‘เมื่อเจ้าได้เห็นคัมภีร์เต๋า เจ้าก็จะกลายเป็นผู้รู้แจ้ง ข้ามีชีวิตมานาน ทำไมข้าต้องมาตายที่นี่?’ เขาเลียริมฝีปาก เป้าหมายที่แท้จริงในการมาที่นี่ของเขาก็คือขวดหยกใต้โครงกระดูก!
ณ วินาทีนั้นแสงสีดำกะพริบออกมาจากกระดูกสันหลังของโครงกระดูก ของเหลวคล้ายหยดเลือดสีดำผุดออกมาร่อนลงบนขวดหยกทำให้เกิดเสียงดังตูม
คังจงซื่อพุ่งเข้าหาโครงกระดูกและมาถึงด้านข้างในพริบตา ยื่นแขนขวาออกไปหาหินหยก! ทว่าขณะที่แขนขวาเข้าสัมผัส ร่างคังจงซื่อสั่นเทา ควันสีขาวจำนวนมากผุดออกมาจากร่างกายและถูกขวดหยกดูดซับ
อย่างไรก็ตามปรมาจารย์คังจงซื่อไม่ตื่นตระหนกราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แขนขวายื่นเข้าหาด้านข้าง เปิดมิติเก็บของ วิญญาณดั้งเดิมหลายดวงลอยออกมา
เพียงชั่วครู่เดียว วิญญาณดั้งเดิมมากกว่าพันดวงลอยออกมา ทั้งหมดถูกผนึกและเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นเส้นเดียว
ปรมาจารย์คังจงซื่อเอ่ยคำพูดประหลาด แขนซ้ายคว้าวิญญาณดวงหนึ่ง
วิญญาณดวงนั้นสั่นเทาและแตกสลายทันที แต่หลังจากนั้นอีกดวงก็เริ่มสั่นเทาต่อกันไป เพียงแค่สิบลมหายใจ วิญญาณดั้งเดิมเกือบพันดวงแตกสลายกลายเป็นควันสีขาวและถูกขวดหยกดูดซับ
ขณะเดียวกัน ปรมาจารย์คังจงซื่อกัดปลายลิ้นพ่นหมอกโลหิตออกมา ไม่นานหลังจากนั้นลำแสงสี่สายผุดออกมาจากปากก่อตัวเป็นกระบี่ทองขนาดเท่าฝ่ามือจำนวนสี่เล่ม พวกมันแทงเข้าหาค่ายกลวงกลมรอบขวดหยก พอร่อนลงไปหมอกโลหิตก็เข้าไปในกระบี่ทั้งสี่เล่มก่อเกิดเสียงปะทุดังขึ้นให้ได้ยิน กระบี่ทั้งสี่ร่อนลงในทิศทางที่แตกต่างกันสี่ทิศ
ณ ขณะนี้คังจงซื่อร้องคำรามและยกแขนขวา ดึงขวดหยกขึ้นมาและรีบล่าถอย
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและสะบัดแขนซ้ายล่าถอยไปด้วย กระบี่สี่เล่มลอยออกมาทันทีแต่เขาไม่ได้เก็บรวบรวมมันเอาไว้ เขาปล่อยให้ลอยออกไปหาโลกเจ็ดสี
“สหายเซียนจ้าว ดูพอรึยัง?”
อากาศบิดเบี้ยวและหญิงวัยกลางคนสวยงามปรากฏขึ้นมา ฝ่ามือสร้างผนึกปรากฏเขตอาคมจำนวนมากขึ้นเบื้องหน้า เขตอาคมก่อตัวเป็นวังวนและหยุดกระบี่สี่เล่มเอาไว้
ทว่ากระบี่ทองทั้งสี่เล่มประหลาดมาก ตอนที่พวกมันเข้าสัมผัสกับวังวน พลันหลอมละลายกลายเป็นหยดสีทองและผ่านวังวนเขตอาคมออกไป พวกมันพุ่งตรงเข้าหาหญิงชุดเขียว
สีหน้านางเปลี่ยนไปและล่าถอยอีกครั้ง หยดสีทองกระจายกลายเป็นหยดนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาหญิงชุดเขียวจากทุกทิศทาง
“สหายเซียนจ้าว แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าหนีออกมาได้อย่างไร เจ้าไม่ตามมา! ที่นี่คือตำแหน่งที่ตั้งคัมภีร์เต๋า จึงสังเกตการณ์ได้ดี!” คังจงซื่อหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขากำลังจะก้าวออกไปจากโลกเจ็ดสีและกลับเข้าสู่ภูเขาที่มีสายรุ้ง
เมื่อเขากลับไปที่ภูเขาได้ เขาจะออกไปจากที่นี่ทันที รอยแตกร้าวบนเขตอาคมจะฟื้นตัวในอีกไม่นานและหญิงชุดเขียวจะถูกกักขังไว้ที่นี่ตลอดกาล! มีเพียงแค่ต้องละทิ้งกายหยาบและเข้าใจคัมภีร์เต๋าเท่านั้นถึงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ แต่ถึงตอนนั้นนางก็ไม่ต่างอะไรจากการตายและกลายเป็นหนึ่งในผู้รู้แจ้ง
ทว่าวินาทีนั้นเสียงลมหายใจเย็นปรากฏขึ้นมา ร่างหนึ่งโผล่เบื้องหน้าปรมาจารย์คังจงซื่อ เขาก็สวมชุดเขียวเช่นกัน และเป็นหญิงชราชุดเขียว!
การปรากฏตัวของนางทำให้ทุกอย่างประหลาดไป แม้แต่ปรมาจารย์คังจงซื่อยังตกตะลึง!
เซียนจ้าวสองคน! ทว่าหนึ่งในนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีและอีกคนเป็นหญิงชราเหี่ยวย่น อย่างไรก็ตามสามารถบอกได้ว่าทั้งสองคนมีบางอย่างที่คล้ายกัน!
“นี่มันไม่ใช่ร่างอวตาร! มันคือวิชาบรรพชนหยินหยาง!” คังจงซื่อท่าทางเปลี่ยนไปและเกิดความคิดนึงขึ้นมา เขาคิดถึงวิชาต้องห้ามในตำนานที่เก่าแก่มาก!
วิชานี้น่าพรั่นพรึงและฝืนหลักปฏิบัติยิ่ง มันฝึกฝนได้ยากมาก แม้กระทั่งตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครทำสำเร็จ ทว่าปรมาจารย์คังจงซื่อเชื่อว่าต้องมีสักคนก่อนหน้าเขาที่บ่มเพาะเคล็ดต้องห้ามนี้และบรรลุระดับสามบรรพชนได้!
วิชาบรรพชนหยินหยางคือวิชาสำหรับเซียนสตรีให้ตั้งครรภ์เป็นเด็กผู้หญิง จากนั้นนางก็จะเติบโตขึ้นในตัวแม่ด้วยวิชาพิเศษซึ่งทำให้แม่และลูกสาวแบ่งปันร่างเดียวกัน!
ต่อมาลูกสาวจะหาเซียนคู่รักสักคนมาตั้งท้องเป็นหญิงสาวอีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็จะใช้วิชาพิเศษเพื่อผสานกันเป็นหนึ่ง!
วิธีนี้ทำให้ระดับบ่มเพาะของคนผู้นั้นเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลและเป็นเพราะการผสานกันของสามดวงวิญญาณ สัมผัสวิญญาณจึงทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง!