Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1203

Cover Renegade Immortal 1

1203. แก่นแท้เต๋า

พลังดั้งเดิมจำนวนมากมายเต็มไปทั่วหุบเขาที่มีถ้ำของซือหม่าโม่ตั้งอยู่ พลังดั้งเดิมสร้างวังวนลอยอยู่เหนือหุบเขา ด้านล่างวังวนคือหวังหลิน

ประวัติศาสตร์ของดินแดนเจ็ดสีนั้นลึกลับมาก มีสิ่งประหลาดหลายอย่างที่นี่เต็มไปด้วยอันตราย ทว่ามันก็เป็นโอกาสอันใหญ่หลวงให้แก่หวังหลินด้วย

หลังจากดูดซับความทรงจำของปรมาจารย์คังจงซื่อ หวังหลินจึงเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนเจ็ดสีแห่งนี้มากขึ้น เขารู้เรื่องวิธีใช้ขวดของเหลวและวิธีออกไปจากที่นี่ด้วย

หากไม่ได้ทะลวงผ่านขั้นชำระสวรรค์ระดับต้นไปสู่ระดับกลาง เขาคงลังเล อีกทั้งหวังหลินก็ได้รับรู้เรื่องอันตรายที่นี่อีกมากขึ้นหลังจากได้รับความทรงจำของคังจงซื่อมา สิ่งสำคัญยิ่งไปกว่านั้นเขาได้รู้จักตัวตนของภูเขาในส่วนลึกของดินแดนเจ็ดสี

ทว่าเขตแดนหวังหลินได้ทะลวงผ่านระดับไป ดังนั้นจึงแค่ต้องดูดซับพลังดั้งเดิมให้เพียงพอก็จะบรรลุขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางได้ ตอนนี้ด้วยร่างเทพโบราณ เขาสามารถฆ่าเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับกลางได้อย่างไม่ยากเย็น มีเพียงขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายเท่านั้นที่เป็นเรื่องท้าทาย

‘หากข้าสามารถบรรลุขั้นชำระสวรรค์สูงสุดได้ เหล่าเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!’ หวังหลินสูดหายใจลึก พลังดั้งเดิมจำนวนมากพุ่งเข้าไปในร่างและถูกดูดซับไปหมด

เส้นผมพลิ้วไหวพร้อมกับเสียงปะทุดังสนั่น วิญญาณดั้งเดิมเขาก็บ่มเพาะไปด้วยทั้งยังบวมเป่งเนื่องจากกลืนกินพลังดั้งเดิมไปจำนวนมาก

ยิ่งพลังดั้งเดิมเข้าไปมากขึ้น วิญญาณหวังหลินก็ยิ่งมีขนาดใหญ่เหมือนร่างกาย หวังหลินลืมตาขึ้นทันที ดวงตาดุจแสงดวงดาวส่องสว่าง มองทะลุผ่านฟ้าดินออกไป

วินาทีที่เขาลืมตา ผลึกดดั้งเดิมจำนวนมากรอบตัวเขาก็สลายกลายเป็นฝุ่นผง ก่อตัวเป็นวงแหวนรอบๆ

ขั้นชำระสวรรค์ระดับกลาง!

หวังหลินยิ้มและเป่าลมหายใจเหม็นๆออกมา จากนั้นสะบัดแขนปรากฏขวดหินหยก มันคือของที่เขาชิงมาจากปรมาจารย์คังจงซื่อ

‘ใช้เหล่าผู้หลงทางมากลืนกินเต๋า ใช้ผู้รู้แจ้งมาหล่อเลี้ยงเต๋า จากนั้นเต๋าที่หล่อเลี้ยงจะถูกแผ่นจารึกหินทั้งสี่ดูดซับและใช้คัมภีร์ที่ฝังไว้บนโครงกระดูกใต้แผ่นจารึกเพื่อเปลี่ยนเต๋านี้ให้กลายเป็นพลังเหนือจินตนาการ ใช้พลังนี้มาแยกโลหิตสีดำออกจากโครงกระดูก แต่มันไม่ใช่โลหิต มันคือแก่นแท้เต๋าของคนผู้นั้น!’ ดวงตาหวังหลินส่องประกายเจิดจ้า นี่คือข้อมูลสำคัญที่เขาได้มาจากความคิดของคังจงซื่อ

หวังหลินไม่รู้ว่าปรมาจารย์คังจงซื่อได้รับข้อมูลนี้มาได้อย่างไร นอกจากนั้นคังจงซื่อก็เป็นขั้นทลายสวรรค์ระดับกลาง วิชาค้นวิญญาณไม่ได้ผิดพลาดแต่หวังหลินไม่สามารถได้ทุกอย่างมาก

‘กุญแจสำคัญของแก่นแท้เต๋าคือตัวตนของโครงกระดูกครึ่งร่างนั่น! จากที่ข้าเห็นมีแผ่นจารึกหินสองแห่ง แต่ละแห่งมีโครงกระดูกครึ่งร่างฝังเอาไว้ด้านล่าง ดังนั้นมันคือหนึ่งคน!’

‘เขาต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก ไม่รู้ว่าเขาถูกข้าหรือมีใครสักคนขุดโครงกระดูกเขาขึ้นมา แต่พวกเขาใช้วิธีทลายสวรรค์นี้เพื่อบังคับให้แก่นแท้เต๋าออกมา! หากข้าดื่มแก่นแท้เต๋านี้ไป ข้าสามารถได้รับเต๋าของเขา!’

‘คัมภีร์บนโครงกระดูกถูกแกะสลักไว้บนนั้นทีหลัง ไม่รู้ว่าเซียนคนนั้นทรงพลังแค่ไหนถึงได้เปลี่ยนวิชาแต่ละอันให้กลายเป็นคัมภีร์ เป็นความคิดที่น่าหวาดกลัวยิ่ง!’

‘อย่างไรก็ตามแก่นแท้เต๋านี้ไม่สามารถใช้งานได้ทันที เมื่อดื่มไปจะสลบไสลไม่รู้เวลา แผนของปรมาจารย์คังจงซื่อคือการหาสถานที่ปลอดภัยที่นี่ ดื่มมันและรอคอยวันที่ตื่นขึ้นมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาไม่ดื่มมันตอนที่กำลังต่อสู้กับหญิงชราชุดเขียว!’

สถานที่เขาเลือกคือภูเขาในส่วนลึกของดินแดนเจ็ดสี! เพียงแต่ที่ตรงนั้นไม่มีสัญญาณว่ามีชายชราผมขาวในความทรงจำของคังจงซื่อ

หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นจ้องมองไปยังขวดในแขนซ้าย

‘น่าสนใจ ทุกอย่างที่นี่ดูเหมือนจะสร้างเต๋ามาเพื่อให้แผ่นจารึกดูดซับ แม้กระทั่งเหล่าอสูรก็เหมือนกัน เรื่องที่ว่าทำไมไม่มีอสูรระดับสิบสามเลย ดูเหมือนทั้งหมดจะถูกฆ่าและโดนเอาวิญญาณเต๋าไป’

‘ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแก่นแท้เต๋าในขวดหยกนี้ ทว่าความสำคัญของแก่นแท้เต๋าต่อเซียนทรงพลังที่ทำแบบนี้ขึ้นมาดูเหมือนการดื่มมันไม่ใช่เรื่องง่าย…’

‘ตาเฒ่าบนภูเขานั่นต้องคุ้มกันอะไรบางอย่าง บางทีสิ่งที่เขาคุ้มกันนั้นเชื่อมกับทั้งหมดนี่!’ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและเก็บขวดไป

‘หินหยกของซือหม่าโม่บอกว่ามีแผ่นจารึกสี่แห่ง แต่ตอนที่ความคิดข้าแพร่กระจายออกไปมันมีอยู่เพียงสองเท่านั้น หนึ่งในนั้นไม่มีแม้กระทั่งโครงกระดูกหรือขวดด้านล่าง…นี่ค่อนข้างประหลาด’

หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินมองไปยังถ้ำทั้งเก้าบนภูเขา เขาตรวจสอบแค่สามถ้ำแรกเท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เปิดออกมา ร่างกายกะพริบวูบวาบและมาถึงถ้ำแห่งที่สี่

หวังหลินวางแขนขวาลงไปบนก้อนหินที่ปิดผนึกถ้ำเอาไว้ พลังดั้งเดิมในร่างพรั่งพรูออกมา ค่อยๆกดไปบนก้อนหินและมีเสียงปังออกมา เขตอาคมทั้งหมดพังทลายและเคลื่อนออกไปข้างๆ

ยามที่ก้อนหินขยับเขยื้อน สายตาประกายแสงหวังหลินมองเข้าไปข้างในและขมวดคิ้ว

ถ้ำแห่งที่สี่ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง

ขณะก้าวเข้าไป หวังหลินสำรวจรอบๆอย่างละเอียดแต่ก็ยังไม่พบอะไร

เขามาถึงข้างๆถ้ำที่ห้า ถ้ำแห่งนี้มีเขตอาคมผนึกเอาไว้เช่นเดียวกันและเป็นเขตอาคมแห่งเวลาจริงๆ ระลอกคลื่นของเขตอาคมนั้นทรงพลังยิ่งยวด

การทำลายเขตอาคมนี้ถือว่ายากมาก หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาสร้างผนึกให้ปรากฏเขตอาคมขึ้นมาทันที ฝ่ามือแตะไปบนก้อนหิน เกิดการสั่นสะเทือนออกมาจากข้างใน ระลอกคลื่นจำนวนมากปรากฏทันที

ตอนที่มันเปลี่ยนเป็นโปร่งใส หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาตกตะลึงเมื่อเห็นก้อนหินโปร่งใสและเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

มีคนอยู่ในถ้ำนี้ด้วย

เซียนสี่คนเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ไร้เส้นผมและดวงตาตายด้าน เดินงุนงงอยู่ในถ้ำราวกับไม่เคยหยุดเดินเลยสักครั้งและเดินต่อไปเรื่อยๆ

บนพื้นถ้ำมีค่ายกลหนึ่งปลดปล่อยแสงนุ่มนวลล้อมรอบทั้งสี่คนและเจาะเข้าไปในร่างพวกเขาอย่างช้าๆ ตรงกลางมีหินหยกอยู่ก้อนหนึ่งด้วย

‘ผู้หลงทาง!’ หวังหลินจดจำพวกเขาทั้งสี่ได้ทันที เขาคิดถึงข้อมูลที่ซือหม่าโม่ทิ้งไว้เบื้องหลังและจึงอ้าปากค้าง หวังหลินรีบมาถึงเบื้องหน้าถ้ำที่หกและใช้วิธีเดียวกันเพื่อทำให้ก้อนหินโปร่งใสเพื่อมองดูข้างใน

ในถ้ำที่หกมีคนอยู่ข้างในสามคน ทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่มีร่างกายหยาบและเป็นเพียงภูตผีเท่านั้น พวกเขาลอยอยู่ในถ้ำคล้ายจะร่ายอะไรบางอย่าง แต่ก้อนหินขวางทางเอาไว้ หวังหลินจึงไม่ได้ยินอะไร

‘ผู้รู้แจ้ง…’ หวังหลินเห็นได้ว่ามีเขตอาคมข้างในอีก เขตอาคมเหล่านี้เอาไว้ผนึกพวกเขาอย่างสิ้นเชิงเพื่อที่ไม่ให้ออกมาได้เว้นแต่จะมีใครสักคนในนั้นตื่นขึ้นมาและเปิดเขตอาคมขึ้นมาด้วยตัวเอง

ข้างในถ้ำมีหินหยกอยู่หนึ่งก้อนเช่นกัน

หวังหลินสูดหายใจลึกเดินไปยังถ้ำที่เจ็ดและทำให้ก้อนหินโปร่งแสงเช่นเดียวกัน ดวงตาหรี่แคบมองเห็นชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างใน

เส้นผมชายชราคนนี้สีเทา ใบหน้าซีดเผือดใกล้ตาย เขานั่งอยู่ที่นี่ราวกับอยู่มาเนิ่นนาน ในถ้ำมีเขตอาคมมากกว่าของเหล่าผู้รู้แจ้ง และปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา

เมื่อหวังหลินมองไปที่ชายชรา อีกฝ่ายลืมตาขึ้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง พลางจ้องหวังหลินด้านนอกถ้ำและร้องคำราม พุ่งมาดุจอสูรร้าย วิชาหลายอย่างปรากฏขึ้นรอบตัวและพุ่งเข้าหาก้อนหิน

ทว่าในทันทีที่วิชาของชายชราปรากฏ เขตอาคมในถ้ำกะพริบวูบวาบและดูดซับวิชาไป ชายชราร้องคำรามรุนแรงยิ่งขึ้น ฝ่ามือตีเข้าใส่ก้อนหิน

ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา หวังหลินมองเห็นได้ว่าชายชราร้องคำรามแต่ไม่ได้ยิน ก้อนหินนิ่งเฉยไม่มีการตอบสนอง

ผ่านไปสักพัก ชายชราดูเหมือนเหน็ดเหนื่อย เขาจ้องหวังหลินพลางถอยออกมาและกลับมานั่ง เขตอาคมกลับเป็นปกติ

‘หรือจะเป็น…ผู้ฝืนชะตา!’ หลังจากมองดูถ้ำทั้งสาม หวังหลินเข้าใจแล้วว่าคนพวกนี้คือคนร่วมสำนักซือหม่าโม่ ซือหม่าโม่นำพวกเขากลับมาและผนึกเอาไว้ข้างในถ้ำเพื่อพยายามปลุกให้ตื่น

แต่เมื่อดูตอนนี้แล้ว ซือหม่าโม่ไม่ได้ทำสำเร็จ

‘หินหยกข้างในเหล่าผู้หลงทางและผู้รู้แจ้งน่าจะมีเขตอาคมแห่งเวลา! ความคิดของซือหม่าโม่คือหากมีหนึ่งในนั้นตื่นขึ้นคงจำเป็นต้องใช้มันเพื่อเรียนรู้เขตอาคมเพื่อเปิดมันออก’

หวงหลินถอนหายใจ เดินไปยังถ้ำที่แปด เขตอาคมบนถ้ำที่แปดไม่ใช่เขตอาคมแห่งเวลา หลังจากชำเลืองมองหวังหลินก็สะบัดแขน เขตอาคมหายไป ก้อนหินขยับออกไปข้างๆ

จังหวะถ้ำที่แปดเปิดออกมา หวังหลินสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าไป จ้องมองสิ่งของข้างในและในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา

ข้างในถ้ำแห่งนี้มีโครงกระดูกครึ่งร่างอยู่!

นี่คือครึ่งท่อนล่างของโครงกระดูกและมีคำมากมายแกะสลักเอาไว้ โครงกระดูกนี้มีสีดำ เขตอาคมบนพื้นได้ผนึกมันเอาไว้อย่างสมบูรณ์

‘เช่นนั้นโครงกระดูกที่หายไปจากแผ่นจารึกหินก็อยู่ที่นี่…’ หวังหลินมองโครงกระดูกและสัมผัสถึงพลังรุนแรงดึงเข้าใส่จิตใจเขา หวังหลินก้าวถอยออกมาและตัดการเชื่อมต่อโดยไม่ลังเล

หลังจากบังคับตัวเองออกมา หวังหลินขบคิดเล็กน้อย ไม่ยอมจากไปแบบนี้ มองดูโครงกระดูกและเห็นว่ามีรอยร้าวลึกอยู่บนขาขวา แม้จะไม่ได้ตัดขาดกันเสียทีเดียวแต่รอยแผลนั้นลึกมาก

ผ่านไปสักพัก หวังหลินสร้างผนึกชี้ใส่ร่างตัวเองหลายครั้งและวางเขตอาคมจำนวนมากใส่จิตใจ จากนั้นยื่นแขนออกไปนำกระบี่ผลึกของคังจงซื่ออกมา เขาทิ้งเศษเสี้ยวความคิดไว้ในกระบี่และเดินไปข้างหน้าช้าๆ ห่างเพียงไม่กี่สิบฟุตเท่านั้นแต่หวังหลินระมัดระวังทุกฝีก้าว เขาเข้าไปใกล้ๆกับโครงกระดูก ย่อตัวลงและยื่นมือออกไปหารอยร้าวบนขาขวาโดยไม่ลังเล ความคิดเขายื่นออกไปจากแขนขวาด้วย

เขากำลังใช้วิญญาณตัวเองเพื่อทำความเข้าใจ!

วินาทีที่สัมผัสวิญญาณหวังหลินเข้าแตะกระดูก รู้สึกดังปังในจิตใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version