1210. วิหคเพลิงสีฟ้า
ภูเขาที่หวังหลินอยู่ได้หายไปเหลือเพียงก้อนแสงเจ็ดสีล้อมรอบวิญญาณอสูรอยู่เพียงไม่กี่ดวง เปลวเพลิงเผาไหม้อย่างต่อเนื่องทำให้แสงเจ็ดสีกะพริบวูบวาบราวกับสามารถทำลายได้ทุกเวลา
เขตอาคมรอบพื้นที่บริเวณแตกกระจายกลายเป็นเศษชิ้นส่วนเผาไหม้นับไม่ถ้วนและถูกผลักออกไป แม้แต่สายหมอกในเทือกเขายังถูกเพลิงฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆและหายไปอย่างสิ้นเชิง
เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันหลายหมื่นปีที่สายหมอกหายไปจากเทือกเขาลูกนี้
เหล่าผู้รู้แจ้งข้างในสายหมอกลอยซึ่งลอยอยู่ในอากาศกำลังต่อต้านเปลวเพลิง หุบเขาด้านนอกเทือกเขาถูกปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิงและกลายเป็นนรกอันเลวร้าย
คลื่นเผาไหม้และเสียงปะทุสั่นสะเทือนพื้นปฐพี ภูเขารอบๆหุบเขาแตกสลายทีละแห่งกลายเป็นเถ้าถ่านเผาไหม้
ณ ตอนนี้ในหุบเขาแห่งหนึ่ง หญิงชราชุดเขียวหน้าซีดเผือดและหวาดกลัวยิ่ง ฝ่ามือสร้างผนึกไปเรื่อยๆและวางเขตอาคมเพื่อต่อต้านเปลวเพลิง
ด้านนอกหุบเขาคือเขตชั้นนอกของดินแดนเจ็ดสีซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของเหล่าอสูรร้าย ณ ขณะนี้เฉินเทียนจุนกำลังกระโจนจากอสูรตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งเพื่อเสี่ยงค้นหาผลึกดั้งเดิมอย่างระมัดระวัง
แม้เขาจะมีวิชาของสำนักอสูรรบ แต่การเอาผลึกดั้งเดิมมาจากอสูรระดับสิบสองพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับการถอนฟันจากปากเสือ มันทั้งอันตรายและแทบตายได้หลายครั้ง
ตอนนี้เขากำลังเหาะเหินอยู่ห่างจากอสูรหมอกตัวหนึ่ง จิตใจเต้นรัวอย่างรวดเร็วเหาะห่างออกไปไกล เสียงคำรามดังออกมาจากหมอกด้านหลังและก่อเกิดสายลมกรรโชกพุ่งเข้ามาตามหลัง
วินาทีนี้เองเส้นขอบฟ้าเปลี่ยนไปเป็นสีขาวและแสงเจ็ดสีมลายหายไป จากนั้นคลื่นความร้อนเหนือจินตนาการพุ่งพรวดออกมาจากเส้นขอบฟ้า มองไกลๆราวกับฉากเหตุการณ์สั่นสะเทือนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า
อสูรหมอกที่กำลังไล่ล่าเฉินเทียนจุนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ล้มเลิกการไล่ล่าทันทีและกลับเข้าไปในหมอก
ตอนนี้เองทะเลเพลิงสีขาวได้ล้อมรอบพื้นที่ ทั่วทั้งดินแดนชั้นนอกถูกเปลวเพลิงสีขาวกลืนกิน ทะเลเพลิงหลีกเลี่ยงเพียงแค่เฉินเทียนจุนเท่านั้น เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน
เขายืนอยู่อย่างตะลึง เหงื่อไคลไหลย้อย ตัวสั่นเทาเนื่องจากสัมผัสได้ชัดเจนว่าตนเองไม่สามารถทนอยู่ในความร้อนนี้ได้นานนัก
เขายังสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลินอยู่ในทะเลเพลิงนี้ด้วย
เปลวเพลิงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งล้อมรอบพื้นที่ชั้นนอกของดินแดนเจ็ดสีเอาไว้อย่างสมบูรณ์ อสูรบางส่วนพุ่งออกมาและร้องคำราม พวกมันดูเหมือนไม่หวาดกลัวเปลวเพลิง มีอสูรคล้ายอสรพิษเพลิงตัวหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในเปลวเพลิงโดยไม่มีผลกระทบอะไร คล้ายกับดูถูกเปลวเพลิงนี้เสียด้วย
ยามที่เปลวเพลิงแพร่กระจายไปทั่วดินแดนเจ็ดสี การตื่นขึ้นครั้งที่สามของวิหคเพลิงก็ได้เริ่มขึ้น!
ขณะที่หวังหลินนั่งอยู่ ร่างเนื้อเทพโบราณแห้งเหือดราวกับน้ำทั้งหมดในร่างระเหยออกไป ผิวหนังแห้งดูคล้ายชายสูงอายุ ช่างเป็นฉากที่น่าตื่นตะลึง
เปลวเพลิงรอบร่างเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด คลื่นความร้อนมากมายโผล่ออกมาจากร่างก่อตัวเป็นวังวนค่อยๆหมุนอยู่เหนือเขาอย่างช้าๆ
เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากร่างกาย วิหคเพลิงสีขาวดิ้นรนจะบินขึ้นไป ดูเหมือนการตื่นครั้งที่สามจะเป็นบททดสอบและเป็นวิกฤตสำหรับมันด้วย!
ความคิดหวังหลินขาวโพลนคล้ายตนเองจะกลายเป็นวิหคเพลิงตัวหนึ่ง เมล็ดพันธุ์อัคคีในร่างกายปลดปล่อยคลื่นความร้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยิ่งปลดปล่อยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความร้อนสูงขึ้นมากเท่านั้น ท้ายที่สุดดูเหมือนมันกำลังจะเผาไหม้ตนเอง!
เขาเกิดความรู้สึกว่าคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านถ้าหากปลดปล่อยคลื่นความร้อนออกไปช้าลงนิดเดียว
นี่คือวัฏจักรอันไร้ขอบเขต ยิ่งปลดปล่อยความร้อนออกไปมากก็ยิ่งมีความร้อนเพิ่มพูนขึ้น วงโคจรนี้ดำเนินต่อไป วิหคเพลิงส่งเสียงร้องสั่นสะเทือนปฐพีราวกับเสียงคำรามอันดุร้ายก่อนตาย
ก่อนหน้านี้หวังหลินไม่พบความรู้สึกแบบนี้ในช่วงการตื่นขึ้นทั้งสองครั้ง ครั้งที่สามถือว่ายากยิ่งที่สุด! เขารู้สึกเหมือนความร้อนจากร่างกายกำลังเผาไหม้วิญญาณดั้งเดิมซึ่งทำให้หวังหลินประหลาดใจ ไม่คิดว่าการตื่นครั้งที่สามจะแตกต่างกันเพียงนี้
ความร้อนเพิ่มพูนขึ้นมาจนถึงจุดที่ร่างกายเขาไม่สามารถปลดปล่อยมันได้เร็วพอ ความรู้สึกเผาไหม้ยิ่งชัดเจนขึ้น ผิวหนังบนร่างแตกออกมาเล็กน้อย รอยร้าวเชื่อมต่อกันดูเหมือนผิวหนังเขากำลังพังทลาย
หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมา ส่งเสียงร้องราวกับต้องการปลดปล่อยความร้อนทั้งหมดในร่าง คลื่นความร้อนรุนแรงโผล่ออกมาจากปากพร้อมเสียงคำรามอันเจ็บปวด คลื่นความร้อนหมุนอยู่รอบๆตัวเขา เส้นผมทุกเส้นดิ้นรนต่อสู้กับคลื่นความร้อน
‘วิหคเพลิง…การตื่น…วิหคเพลิง…’ สติหวังหลินเริ่มพร่ามัวเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังปลดปล่อยความร้อนด้วยสัญชาตญาณ ทว่าวิธีนี้ทนได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่สามารถจัดการกับต้นตอปัญหาได้
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หวังหลินคงตายโดยไม่ต้องสงสัย!
ดวงตาแดงฉานและดูบ้าคลั่ง
‘ข้าจะถูกเผาไหม้จนตายหรือจะจุติในเปลวเพลิง!’ หวังหลินเชื่อมั่นในความบากบั่นและมุมานะด้วยเจตนาการฝืนลิขิตอันทรงพลัง ยิ่งมีเปลวเพลิงเข้มข้นรุนแรงมากเท่าไหร่ การต่อต้านของเขาก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น!
‘เมื่อข้าไม่สามารถระบายออกไปได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่ระบาย ให้มันอยู่ในร่างข้าเสียเถอะ ข้าอยากเป็นว่าเพลิงนี้จะทำอะไรข้าได้!’ หวังหลินหัวเราะอย่างเจ็บปวด สีหน้าท่าทางยิ่งบ้าคลั่ง เขาปิดทุกรูขุมขนบนร่างกายไม่ให้ออกมาภายนอก ให้ความร้อนในร่างเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงและไม่ปล่อยมันออกมาเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว!
ความกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ดูเหมือนเรียบง่าย แต่จะมีสักกี่คนในโลกทำแบบนี้จริงๆ?
ยามที่หวังหลินผนึกตนเอง เปลวเพลิงในร่างก็เพิ่มระดับอย่างน่ากลัว อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงหลังจากผนึกร่างกายที่กำลังแตกสลาย แต่เขาก็อดทนมันทั้งหมด
เวลาค่อยๆผ่านไป ความร้อนในร่างหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเป็นสีแดงและขาวทำให้พื้นที่รอบตัวเขาถึงกับพังทลาย วินาทีนี้เปลวเพลิงในร่างหวังหลินได้เพิ่มระดับขึ้นถึงขีดสุดและพลันระเบิดอยู่ในร่างเขา!
ความร้อนที่มิอาจอธิบายได้พรั่งพรูออกมาเผาไหม้ร่างกาย เขาตกอยู่ในเปลวเพลิงจนมองไม่เห็นร่างกาย เปลวเพลิงนี้เริ่มแรกเป็นสีขาวและค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้า!
เปลวเพลิงสีฟ้าแพร่กระจายออกมาทันที มันร้อนแรงยิ่งกว่าเพลิงสีขาวและแทนที่ทุกอย่างในโลก!
มันแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง ทำให้โลกทั้งใบเปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้า แพร่กระจายไปทั่วดินแดนและทำให้ทั้งดินแดนเจ็ดสีเปลี่ยนกลายเป็นเปลวเพลิงนรกสีฟ้าในพริบตา!
สถานที่เดิมทีมีแต่อสูรดุร้ายเต็มไปด้วยเพลิงสีขาว แต่วินาทีนี้เปลวเพลิงสีขาวหายไปและถูกแทนที่ด้วยแสงสีฟ้าอันชั่วร้าย
เพียงแสงสีฟ้ากะพริบ เปลวเพลิงสีขาวทั้งหมดก็เปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้า!
อสูรดุร้ายพวกนั้นจากเดิมไม่ได้สนใจเปลวเพลิงมากนักแต่กลับแสดงท่าทีว่าหวาดหวั่น พวกมันเปลี่ยนเป็นสายหมอกเพื่อต่อต้าน คล้ายกับหวาดกลัวเปลวเพลิงสีฟ้าเป็นอย่างยิ่ง
อสูรอสรพิษเปลวเพลิงที่เผยท่าทีดูถูก มันเริ่มร้องคำรามเปลี่ยนเป็นสายหมอกเพื่อต่อต้านอย่างรวดเร็ว มีตัวหนึ่งช้าไปนิดเดียวและถูกแสงสีฟ้าสาดส่อง เจ้าอสรพิษร้องอย่างเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้จนตาย วิญญาณมันถูกเพลิงดูดซับและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน!
มีเปลวเพลิงอยู่ไม่กี่จุดที่สามารถเผาอสูรเพลิงซึ่งเทียบเท่ากับเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับสูงสุดได้!
ยิ่งเปลวเพลิงสีฟ้าแพร่กระจายออกไปมากขึ้น ถ้ำในหุบเขาจึงพังทลาย เขตอาคมถึงกับแตกหักต่อหน้าเปลวเพลิง!
นาทีนี้ทั้งดินแดนเจ็ดสีกำลังถูกเผาไหม้ เพลิงสีฟ้าคล้ายกำลังร้องคำรามกู่ก้องโลก! ณ ส่วนลึกของดินแดนเจ็ดสี ชายชราผมขาวพุ่งเข้าหาหวังหลินอย่างตกตะลึง แต่เมื่อเข้ามาใกล้หวังหลิน สีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนไปมหาศาล
เขาเห็นแสงสีฟ้าสั่นสะเทือนสวรรค์ต่อหน้าต่อตาพร้อมกับเปลวเพลิงสีฟ้าพุ่งเข้าหาราวกับคลื่นอันโกรธเกรี้ยว ชายชราสีหน้าซีดเผือดจากนั้นฝ่ามือรีบสร้างผนึกนำสมบัติวิเศษออกมา ด้วยการลงมือเช่นนี้เขาจึงโชคดีพอเอาชีวิตรอดจากเพลิงสีฟ้ามาได้
ทว่าหยาดเหงื่อเต็มหน้าผาก แววตาตกตะลึงแสดงให้เห็นว่าน่าหวาดกลัวแค่ไหน
‘นี่…นี่มันเพลิงอะไรกัน?’ เขาพบเจอหลายอย่างในระหว่างที่ใช้ชีวิตเป็นเซียน แต่เขาไม่เคยเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าเช่นนี้มาก่อน เปลวเพลิงนี้สามารถเผาทำลายร่างของเซียนขั้นทลายสวรรค์และเผาไหม้วิญญาณดั้งเดิมได้ ซึ่งทำให้เขาตกตะลึงมหาศาล!
ตรงต้นตอของเปลวเพลิงสีฟ้าซึ่งเป็นตำแหน่งที่หวังหลินกำลังนั่งอยู่ มีแสงสีฟ้าสั่นสะเทือนสวรรค์จนไม่อาจเห็นแสงสีอื่นปรากฏขึ้นได้เลย ภายในเปลวเพลิงอันงดงามมิอาจอธิบายได้นี้ มีเสียงร้องของวิหคเพลิงดังกึกก้อง!
วินาทีที่เสียงร้องดังลั่น วิหคเพลิงสีฟ้าปรากฏขึ้นมาในเปลวเพลิงราวกับพึ่งจุติ นาทีนั้นเปลวเพลิงสีฟ้าทั้งหมดในดินแดนเจ็ดสีพลันบ้าคลั่งวุ่นวายราวกับกำลังส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง!
ด้านใต้วิหคเพลิงสีฟ้า มีร่างผอมบางก้าวเดินออกมา…
การตื่นครั้งที่สามของวิหคเพลิงราวกับเป็นการกำเนิดใหม่ในเปลวไฟ!
ณ ขณะนี้ห่างออกไปไกลจากทะเลเมฆา ในพื้นที่ต้องห้ามของพันธมิตรเซียนซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ สมาชิกสำนักวิหคเพลิงทั้งหมดต่างรู้สึกถึงเปลวเพลิงเผาไหม้ในร่างตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสูญเสียการควบคุมเปลวเพลิง มันพุ่งออกมาจากร่างกายและล้อมรอบเอาไว้