Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1211

Cover Renegade Immortal 1

1211. จักรพรรดิมังกรฟ้า

ณ อารามมังกรฟ้าที่ซึ่งจักรพรรดิมังกรฟ้าพำนักอยู่มีผู้อาวุโสสี่คนนั่งอยู่ด้านนอก ทั้งสี่คนต่างก็เป็นผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้าและต่างก็ร้อนใจ

เสียงคำรามดังออกมาจากอารามอย่างต่อเนื่องและดังสะท้อนไปทั่วโลก เสียงคำรามเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมหาศาล ทำให้ใครต่อใครที่ได้ยินถึงกับสั่นเทา

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปิดด่านบ่มเพาะมามากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว…” หนึ่งในผู้อาวุโสที่กำลังฟังเสียงคำรามพลันเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยท่าทีกังวล

คนด้านข้างกำลังจะเอ่ยออกมาแต่เมื่อเสียงคำรามดังขึ้นกว่าเดิม ราวกับเหมือนคนกำลังเอาศีรษะทุบตีกำแพงจนดังสนั่น

อารามสั่นไหว ปรากฏเขตอาคมจำนวนมากขึ้นมาป้องกันไม่ให้มันล่มสลาย

ทั้งสี่คนด้านนอกอารามต่างก็มองหน้ากันเองและเห็นความกระวนกระวายใจในสายตากันและกัน

ข้างในอารามมังกรฟ้ามีชายหราอยู่ผู้หนึ่ง เขารูปร่างผอม ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดมิอาจจินตนาการถึง หยาดเหงื่อเม็ดเท่าลูกปัดชุ่มโชกไปทั่วเสื้อผ้า ส่งเสียงคำรามดังสะท้อนผ่านห้องโถง

ตามเนื้อตัวทั้งไหล่ สองขา สะโพก หน้าอกล้วนมีโซ่ตรวนสีดำกักขังเขาเอาไว้ พวกมันเชื่อมกันเป็นห้องกักขัง มีสมบัติสี่อย่างลอยอยู่รอบตัว ใครก็ตามที่เป็นคนของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์คงจดจำได้ว่ามันคือสี่สมบัติสวรรค์!

สี่สมบัติสวรรค์นี้เรืองแสงปกคลุมชายชราราวกับกำลังยับยั้งเขา!

ชายชราคนนี้คือจักรพรรดิมังกรฟ้า! ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด บนแขนขวามีเนื้องอกยาวเจ็ดนิ้วโผล่ออกมาใต้ผิวหนัง มันเคลื่อนไหวไปสู่หน้าอกเขาและวนโคจรไปทั่วทั้งร่าง

จักรพรรดิมังกรฟ้าร้องคำรามลั่น ร่างกายดิ้นรนทำให้โซ่ตรวนสั่นไหว เขาทั้งยังพุ่งออกมากระแทกศีรษะเข้าใส่ผนังห้องอีก

บนผนังปรากฏรอยปริแตก แต่ในไม่นานก็กลับคืนสู่ปกติ แสงจากสี่สมบัติสวรรค์ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ปรากฏภาพมายาของวิหคเพลิง เต่าดำและพยัคฆ์ขาว พวกมันดูเหมือนกำลังกดมังกรฟ้าให้จมลงกับพื้น

มังกรฟ้าที่ดูอ่อนแอปรากฏขึ้นเหนือจักรพรรดิมังกรฟ้า มังกรฟ้าตัวนี้แก่ชรามากและปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณออกมา เนื้องอกโลหิตมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนร่างมันโดยไม่รู้เหตุผล เป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงยิ่ง!

หลังจากผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน เสียงคำรามของจักรพรรดิมังกรฟ้าก็ค่อยๆสงบนิ่งลง เนื้องอกเจ็ดนิ้วค่อยๆหดลงจนหายไป โซ่ตรวนไม่ทำให้เกิดเสียงอีกและจักรพรรดิมังกรฟ้าจึงสงบลง เขานั่งลงหายใจอย่างหนักหน่วง หลังจากนั้นสักพักเขาก็เผยใบหน้าขมขื่น

‘ข้าชนะอีกครั้งแล้ว…’ เขาควบคุมลมหายใจและกำลังจะเริ่มบ่มเพาะขึ้นมา ทว่าศีรษะพลันเงยขึ้นมองออกไปไกลด้วยสายตาแฝงความยินดี ขบคิดเล็กน้อยจึงหัวเราะอย่างสุขสม น้ำตาไหลรินออกมาสองสาย

‘เยี่ยม! เยี่ยมมาก! ช่างคู่ควรต่อตำแหน่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกจักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าเลือกไว้จริงๆ เขาสามารถจุติใหม่ผ่านเปลวเพลิงและบรรลุการตื่นครั้งที่สามได้อย่างสมบูรณ์ ข้าคิดว่าเขาเป็นคนแรกที่สามารถทำได้สำเร็จนับตั้งแต่ยุคโบราณด้วยซ้ำ! ยอดเยี่ยม! เพื่อให้เจ้าได้รับวาสนาเช่นนี้ ไม่เสียแรงที่ข้าทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดนี่!’ จักรพรรดิมังกรฟ้าหัวเราะ เสียงฝีเท้าดังสนั่นอยู่ในอาราม สี่ผู้อาวุโสก้าวเดินเข้ามาข้างใน น้ำเสียงดังออกมาจากด้านนอกห้อง

‘เราขอยินดีต้อนรับท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ออกจากการปิดด่านฝึกตน!’

จักรพรรดิมังกรฟ้าสร้างผนึกและชี้ไปรอบๆ โซ่ตรวนรอบตัวเขาหายไป สี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงก่อนจะเข้าไปในร่างเขา

เขาสะบัดแขนเสื้อและเดินออกมาจากห้อง

มองทั้งสี่คนเบื้องหน้าด้วยสายตาไม่สนใจ “บนดาวซูซาคุมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม?”

“เทพโบราณที่อยู่ในรอยแยกอวกาศซึ่งเชื่อมต่อกับดาวซูซาคุกำลังจะตื่นขึ้น! ทว่าเรารับฟังคำสั่งของท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และวางมหาค่ายกลดั้งเดิมโดยใช้เลือดของสี่สำนักแล้ว!”

ยามที่จักรพรรดิมังกรฟ้าได้ยินเช่นนี้ เขาพยักหน้าเงียบๆ มองออกไปไกลด้วยสายตาซับซ้อน ผ่านไปสักพักจึงเกิดแววตาเย็นเยียบ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ดินแดนฟ้ากระจ่างตกอยู่ในความวุ่นวายนานเกินไปแล้ว ฝ่ายทุกชั้นฟ้าใช้โอกาสนี้เข้าบุกรุก จงเรียกระดมพลสำนักสี่จตุรศักดิ์สิทธิ์มาทั้งหมด ข้าจะไปยึดคืนการควบคุมดินแดนฟ้ากระจ่าง เซียนทั้งหมดต้องยอมจำนนไม่เช่นนั้นก็ตาย!”

สี่ผู้อาวุโสเบื้องหน้าพลันตกตะลึง แต่พวกเขามองขึ้นมาด้วยสายตาตื่นเต้น รีบพุ่งออกไปส่งคำสั่งให้แก่สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์

ทั้งสำนักเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!

“เหล่าคนของดินแดนชั้นนอกจะมาถึงในอีกไม่นาน ยังพอมีเวลา…” จักรพรรดิมังกรฟ้าพึมพำกับตัวเอง

ในดินแดนเจ็ดสี ขณะที่วิหคเพลิงสีฟ้าทะยานขึ้นไปในอากาศ ร่างหวังหลินค่อยๆก้าวเดินออกมาจากเพลิงสีฟ้า มองดูโลกเบื้องหน้าด้วยสายตาเปล่งประกาย

‘หากเปลวเพลิงข้า สายฟ้าของข้าและเจตนาต่อสู้สามารถผสานเข้ากับเขตแดนแห่งความจริงเท็จได้ ระดับบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มพูนขึ้นไปอีกครั้ง จะไม่มีใครหน้าไหนที่ระดับต่ำกว่าขั้นทลายสวรรค์จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!’ หวังหลินมองออกไปไกล ณ ส่วนลึกของดินแดนเจ็ดสีเขามองเห็นภูเขาแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไกลลิบ เขามองเห็นถ้ำข้างในหุบเขานั้นและมองเห็นฉากเหตุการณ์ประหลาดข้างใน!

‘ปลูกเต๋าเพื่อหล่อเลี้ยง…เมื่อผลไม้สุก ใครจะเป็นคนมาเอา…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างพลางยกแขนขวาและชี้ออกไป!

วิหคเพลิงสีฟ้าส่งเสียงร้องและเคลื่อนไหวทันที มันนำพาเปลวเพลิงสีฟ้ารอบตัวพุ่งไปข้างหน้า ส่งเสียงดังสนั่นกึกก้องพุ่งตรงเข้าหาชายชราผมขาว!

ชายชราผมขาวมีเศษกระดูกเก้าชิ้นรอบๆตัวเอง เขาออกห่างจากเปลวเพลิงรอบๆซึ่งทำให้เข้าไปใกล้ขึ้นได้ ทว่าขณะนั้นพลันหยุดชะงักมองออกไป เปลวเพลิงสีฟ้าคล้ายมหาสมุทรปกคลุมโลกทั้งใบกำลังพุ่งเข้าหาเขาด้วยความร้อนหนาแน่น กระดูกอสูรเก้าชิ้นส่งเสียงปะทุดังออกมารอบๆชายชรา

ดูเหมือนพวกมันไม่สามารถทนต้านทานคลื่นความร้อนได้และกำลังพังทลาย

‘ช่างเป็นเพลิงที่น่าตกตะลึง ของแบบนี้หาได้ยากยิ่ง ระดับบ่มเพาะเจ้าเด็กนี่ไม่ได้สูงมากแต่ด้วยเปลวไฟนี้เขาสามารถต่อกรกับเซียนขั้นทลายสวรรค์ได้และไม่พ่ายแพ้! น่าเสียดาย…’ ชายชราสร้างผนึก พลังดั้งเดิมเริ่มเคลื่อนไหว ระดับบ่มเพาะขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายของเขาแพร่กระจายออกมาและปรากฏก้อนยักษ์ขึ้นตรงระหว่างฝ่ามือ

ก้อนพลังนี้บรรจุพลังดั้งเดิมจำนวนมากเอาไว้ ขณะที่มันหมุนนยิ่งแพร่กระจายกลิ่นอายทำลายล้างอย่างบ้าคลั่ง

‘ท่านราชันย์ต้องการวิญญาณเขา ข้าคิดว่านอกจากวิญญาณอันบริสุทธิ์ของเขาแล้ว ท่านราชันย์ต้องการความเข้าใจด้านเปลวไฟของเขาด้วย!’ ยามที่ชายชราคิดถึงคำตอบ ดวงตาพลันส่องสว่าง เขากำลังจะฆ่าหวังหลินและนำวิญญาณหวังหลินมา ไม่มีใครจะหยุดเขาได้!

เขาผลักฝ่ามือออกไป เสียงหวีดหวิวดังออกมาจากก้อนพลังนั้นราวกับกำลังเรียกหาบางอย่าง ขณะเดียวกันน้ำเสียงชายชราดังกึกก้องไปทั่วโลก

“อัญเชิญ เหล่าผู้ฝืนชะตา!”

ขณะที่เอ่ยเสียงดังออกไป แสงเจ็ดสีทะลวงผ่านเปลวเพลิงสีฟ้าเข้ามาคล้ายกำลังจะต่อสู้ ร่างมายาหนึ่งปรากฏขึ้นในแสงสีฟ้าและจากนั้นปรากฏเข็มทิศยักษ์เต็มไปทั่วฟ้า

ยังไม่จบแค่นี้ ลำแสงเจ็ดสีหลายเส้นก่อตัวเป็นกระบี่เจ็ดสีขนาดยักษ์ กวัดแกว่งไปรอบๆราวกับกำลังตัดเปลวเพลิงสีฟ้าออกเป็นครึ่ง

เหล่าวิชาที่เกิดขึ้นจากแสงเจ็ดสีนี้ล้วนเป็นวิชาจากเหล่าผู้ฝืนลิขิต ในฝ่ามือของชายชรานั้น พลังพวกมันแต่ละคนแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่ปรมาจารย์คังจงซื่ออัญเชิญเสียอีก

ยามที่กระบี่เจ็ดสีปรากฏ มันพุ่งออกไปเปลี่ยนกลายเป็นปราณกระบี่เจ็ดสีพุ่งเข้าหาวิหคเพลิงสีฟ้าข้างในเปลวเพลิง!

วิหคเพลิงสีฟ้าส่งเสียงร้อง เปลวเพลิงทั้งหมดในโลกพุ่งออกมาและปะทะกับปราณกระบี่จนส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะเดียวกันร่างหนึ่งในท้องฟ้าก้าวไปข้างหน้าและสะบัดแขน พลังสังหารหลายเส้นปรากฏขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง!

พลังสังหารเหล่านี้เต็มไปทั่วฟ้าและตกลงมาใส่วิหคเพลิงสีฟ้าดุจสายฟ้า ทว่าเมื่อวิหคเพลิงส่งเสียงร้อง พลังสังหารเหล่านั้นก็พังทลายไปทีละเส้น!

ดูเหมือนทุกวิชาในโลกนี้จะต้องแตกสลายต่อหน้าวิหคเพลิง!

หวังหลินมองดูทุกอย่างและพุ่งออกไป เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีฟ้ามุ่งตรงไปข้างหน้า ดวงตาซ้ายกะพริบเพลิงสีฟ้า จากนั้นทะเลเพลิงรอบตัวเขาพุ่งเข้าหาเข็มทิศยักษ์

เข็มทิศหันกลับมาและร้องคำราม แต่ก่อนที่จะมีวิชาใดปรากฏออกมาได้ หวังหลินเข้าประชิดจึงทำให้เข็มทิศถูกทะเลเพลิงล้อมรอบ

“พังทลาย!” หวังหลินคำราม จากนั้นเข็มทิศเริ่มเผาไหม้และพังทลายทันที!

หวังหลินลอยตัวอยู่ในอากาศ แขนซ้ายสร้างผนึกและชี้ลงไป เจ้าวิหคเพลิงสีฟ้าร้องเสียงแหลมพลางใช้เปลวเพลิงทั้งหมดรอบตัวพุ่งเข้าใส่ชายชราผมขาว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา แทบเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายชราใช้วิชาพวกนั้น การโต้ตอบของหวังหลินทำลายทุกอย่าง ขณะเดียวกันจิตสังหารของเขาก็จับไปที่ชายชราผมขาวเรียบร้อย

ชายชรามองหวังหลินด้วยท่าทีเคร่งขรึม แขนขวาชี้ใส่ท้องฟ้าและร้องคำราม “ในนามแห่งองครักษ์ของดินแดนเจ็ดสี ข้าขอสั่งการเหล่าผู้ฝืนชะตาทั้งหมดให้ปรากฏตัว!”

แสงเจ็ดสีดูเหมือนจะบ้าคลั่ง แทงทะลุผ่านทะเลเพลิงปรากฏร่างมายาขึ้นหลายสิบตนจากรอบด้านทั้งหมด

ร่างมายาเหล่านี้มีทั้งผู้เยาว์และคนชรา ทั้งชายและหญิง แต่ทั้งหมดต่างปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดกลัว พวกเขามองหวังหลิน จากนั้นไม่นานปรากฏวิชาขึ้นมากมายนับไม่ถ้วนรอบๆเหล่าคนนับสิบเหล่านี้ แต่ละวิชาเทียบได้กับดัชนีสวรรค์และหทั้งหมดต่างพุ่งเข้าหาหวังหลิน

“ไม่ว่าเปลวเพลิงของเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน เจ้าก็แค่เซียนขั้นทลายสวรรค์ ดังนั้นเจ้าไม่สามารถต่อต้านวิชาของเหล่าผู้ฝืนชะตาได้…เปลวเพลิงของเจ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ข้ามีสมบัติที่ราชันย์มอบให้ เปลวเพลิงเจ้าไม่สามารถทะลวงสมบัติพวกนี้ออกมาได้” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version