Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1241

Cover Renegade Immortal 1

1241. เขามาไหม?

เฟิ่งไฮ่หรี่ตาแคบแทบมองไม่เห็นและรีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสหกคนด้านหลังติดตามไปด้วยความสงสัย

การเคลื่อนไหวของแต่ละคนทำให้สมาชิกสำนักอมตะด้านหลังเคลื่อนที่ไปด้วย การเคลื่อนไหวของคนมากกว่าร้อยได้ทำให้เซียนทุกคนบนสนามสนใจทันที!

ทั้งหมดเริ่มคาดเดาไปต่างๆนานา บางคนใจร้อนเหาะไปทางเหนือ พอมีคนนำก็มีคนตามไปมากขึ้น

ตอนนี้การแข่งขันเริ่มเปลี่ยนเป็นโกลาหล เดิมทีคนของสำนักระดับสี่สองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ตอนนี้พวกเขายิ้มขมขื่นและมองไปทางเหนือ

กระทั่งไกลออกไป ลำแสงหลายสิบสายพุ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น คนข้างหน้าเป็นผู้อาวุโสผมสีแดงปลดปล่อยกลิ่นอายขั้นทลายสวรรค์ ส่วนคนหลายสิบที่ติดตามมาเป็นผู้อาวุโสและทั้งหมดต่างก็มีระดับบ่มเพาะสูงส่ง

พอเข้ามาใกล้ ชายชราผมแดงเห็นความโกลาหลเพราะเซียนหลายหมื่นคน พลันขมวดคิ้วและร้องตะโกน “ห้ามบิน!”

หลังเอ่ยออกไปสองคำ มันเปลี่ยนกลายเป็นเสียงดังสนั่นแพร่กระจายออกไป เซียนบางส่วนที่พึ่งจะเหาะขึ้นสู่อากาศเกิดการสั่นสะท้านและร่อนลงพื้นทันที

น้ำเสียงเขาแพร่กระจายออกไปดุจคลื่นกระแทก ระงับความโกลาหลและทำให้ทุกคนใจเย็นทันที

ชายชราผมแดงขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างหลี่เฉียนเหมย เขาพุ่งเข้าไปพร้อมกับผู้อาวุโสที่ติดตามด้านหลังมากกว่าสิบคน

หลี่เฉียนเหมยเหาะเหินอย่างรวดเร็วโดยไม่สนว่านางจะกระตุ้นเตือนทั้งสำนักอมตะ นางบินตรงไปทิศเหนือที่สำนักต้นกำเนิดตั้งอยู่ พอเข้าไปใกล้นางจึงร่อนลงไป สายตากวาดไปข้างหน้า

หลิวหยิงเจี๋ยมีความสุขมากขึ้น ก่อนหน้านี้เขาเห็นเพียงหลี่เฉียนเหมยจากไกลๆและไม่กล้าแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่ได้ยินหลี่เฉียนเหมยถามถึงสำนักต้นกำเนิด เขาสูดหายใจลึกพลางยิ้มแป้น “แม่นางหลี่เราเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อร้อยปีก่อน ข้าสงสัยว่าท่านยังจำข้าได้ไหม”

จ้าวหลงซึ่งอยู่ด้านข้าง เผยท่าทีเคารพและคำนับฝ่ามือด้วยรอยยิ้ม “สหายเซียนหลี่รู้จักหลิวหยิงเจี๋ยสินะ ข้าจ้าวหลงแห่งสำนักระดับเจ็ด ส่องภูผา”

หลังจากทั้งสองพูดขึ้นมา คนรอบด้านทั้งหมดตื่นตระหนก ไม่มีใครคิดว่าธิดาแห่งสวรรค์เร่งรีบเข้ามาหาหลิวหยิงเจี๋ย!

“ลือกันว่าหลิวหยิงเจี๋ยเป็นคนโรแมนติก ไม่คิดว่าแม้แต่หลี่เฉียนเหมยจะรู้จักเขา หรือกระทั่งมาที่สำนักอมตะเพื่อหาเขา”

“หากเรื่องนี้เป็นจริง สำนักเพลงสวรรค์คงจะมีชื่อเสียงยิ่งกว่าการชนะการต่อสู้ ข้าไม่คาดคิด ข้าไม่คาดคิด!”

“ข้าสงสัยว่าสิ่งใดกันที่หลิวหยิงเจี๋ยทำให้หลี่เฉียนเหมยชื่นชอบ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ”

กระนั้นคนของสำนักอมตะที่ติดตามมาที่นี่ได้มองหลิวหยิงเจี๋ย แต่เฟิ่งไฮ่และพรรคพวกขมวดคิ้ว พวกเขาได้ยินหลี่เฉียนเหมยถามถึงสำนักต้นกำเนิด แต่ตอนนี้หลิวหยิงเจี๋ยปรากฏตัวขึ้น ความสงสัยแต่ละคนจึงมีมากกว่าเดิม

หลิวหยิงเจี๋ยยิ้มกว้างเนื่องจากทุกคนให้ความสนใจ เขาก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะตามทันหลี่เฉียนเหมยที่พึ่งร่อนลงมาถึง

หลังจากหลี่เฉียนเหมยได้ยินคำพูดของหลิวหยิงเจี๋ย นางหันสายตาไปมองเขาและขมวดคิ้ว พอหลิวหยิงเจี๋ยเดินเข้ามา นางเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส

นางต่อสู้กับกองทัพอสูรในรอยแยกมาเกือบร้อยปีและพึ่งออกมาจากสนามรบโดยไม่ได้พักผ่อน ร่างกายจึงเต็มไปด้วยจิตสังหารตามธรรมชาติ เพียงแค่สายตานางก็ทำให้จิตใจหลิวหยิงเจี๋ยรู้สึกเย็นเฉียบได้แล้ว ใบหน้าพลันแข็งทื่อแต่สักพักก็กลับเป็นปกติได้ เขาคำนับฝ่ามือพร้อมกับยิ้มแย้ม “ผ่านมาร้อยปีแต่แม่นางหลี่ยังคงกล้าแกร่งและน่าเกรงขาม…”

แต่ก่อนหลิวหยิงเจี๋ยจะพูดจบ หลี่เฉียนเหมยเดินผ่านเขาไปโดยไม่หยุดชะงัก ทำให้เขาแข็งทื่อและกลืนคำพูดลงคอ

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่กระทั่งจ้าวหลงที่ยิ้มยังต้องแข็งค้าง

ฉากที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เซียนรอบด้านเลิกคิ้ว สถานการณ์เปลี่ยนกลับหัวไปอย่างสิ้นเชิง ในแววตาเซียนรอบด้านมีกระทั่งการเยาะเย้ย

หลี่เฉียนเหมยไม่ได้มองหลิวหยิงเจี๋ยและตรงไปที่สำนักต้นกำเนิด ตอนที่นางเข้าใกล้ขึ้น สายตากวาดผ่านทุกคนและร่อนลงที่หลิวหยานเฟย

หลิวหยานเฟยปาดโลหิตออกไปจากมุมปากพร้อมกับปิดความเจ็บปวดบนร่างกาย มองดูหลี่เฉียนเหมย

หลี่เฉียนเหมยขบคิดเงียบๆและกัดริมฝีปาก ผ่านไปสักพักนางจึงเอ่ยขึ้นมา “เขามาไหม…”

คำพูดนี้ดังเข้าสู่หูของเซียนรอบด้านอย่างชัดเจนและทำให้เกิดความวุ่นวายทันที ทุกคนกำลังเดาว่า “เขา” ที่นางพูดถึงเป็นใครกัน!

แม้กระทั่งคนของสำนักอมตะก็สงสัยในสิ่งเดียวกัน ดวงตาเฟิ่งไฮ่ส่องสว่างและคำตอบที่เขาสงสัยค่อยๆขมวดกันเป็นปม ตอนนี้ผู้อาวุโสผมแดงพร้อมกับอีกมากกว่าสิบคนก็มาถึง ในแววตาแฝงความตกตะลึงพลางมองเฟิ่งไฮ่ ทั้งคู่มีความคิดของตัวเอง

หลิวหยิงเจี๋ยได้ยินคำพูดนี้เช่นกัน แม้จะมีจิตใจแข็งแกร่งแต่อาการเปลี่ยนไป หลังจากได้รับสิ่งที่พึ่งเจอมาจึงทำให้สงบลงได้ยาก ท่าทางพลันน่าเกลียดแต่ก็เกิดความรู้สึกหลายอย่างว่าสิ่งแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น

สีหน้าของจ้าวหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาแตกต่างจากหลิวหยิงเจี๋ยและมองลั่วหยุนคงทันที หลังจากลั่วหยุนคงสัมผัสสายตาเขาได้ เขาจึงเยาะเย้ยและแฝงท่าทีดูถูกโดยไม่ปิดเอาไว้

จ้าวหลงรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารู้สึกว่าคนลึกลับที่ลั่วหยุนคงพูดถึงนั้น…ไม่ธรรมดาเหมือนที่เขาคิด!

หลิวหยานเฟยขบคิดเงียบๆ หลังจากนั้นสักพักนางก็ส่ายศีรษะ แม้นางจะไม่ได้เจอหลี่เฉียนเหมย นางก็เข้าใจได้ทันทีว่า “เขา” ที่หลี่เฉียนเหมยพูดถึงเป็นใคร

“เขาไม่มา…” หลี่เฉียนเหมยถอนหายใจพลางเงยศีรษะขึ้นมองบนท้องฟ้าแฝงความเศร้า เส้นผมสีฟ้าของนางพลิ้วไสวไปกับสายลม แฝงความรู้สึกคิดคำนึง

“ร้อยปีนี้ไม่มีข่าวอะไรของเขาเลย” หลิวหยานเฟยเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับมองหลี่เฉียนเหมย นางลังเลอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้เอ่ยต่อ

หลี่เฉียนเหมยกัดริมฝีปากพลางส่ายศีรษะและเอ่ยขึ้น “ช่างมันเถอะ” กระนั้นแววตากะพริบเย็นเยียบพลางมองหลิวหยานเฟย “เจ้าบาดเจ็บ? อาการบาดเจ็บพึ่งสดใหม่ ใครทำเจ้า?”

หลิวหยานเฟยสงบนิ่งราวกับนางไม่ใส่ใจ “ก่อนหน้านี้หลิวหยิงเจี๋ยพูดว่าหลังจากสำนักต้นกำเนิดถูกยุบ ข้าจะกลายเป็นเตาหลอมระดับบ่มเพาะของเขา และเขาขู่ว่าจะสู้กับอาจารย์ลุง ต่อไปก็เป็นจ้าวหลง ผู้อาวุโสของสำนักระดับเจ็ดส่องภูผา เขาคิดว่าน้ำเสียงของผู้น้อยเช่นข้าไม่เป็นที่พอใจและไม่มีสิทธิ์พูด จึงลงโทษข้า”

หลังหลิวหยิงเจี๋ยได้ยินเช่นนี้ สีหน้าอาการจึงเปลี่ยนไป เขามองหลิวหยานเฟยก่อนจะร้องตะโกน “นางพูดจาไร้สาระที่สุด!” เขาไม่ได้พูดว่าอยากจะให้หลิวหยานเฟยกลายเป็นเตาหลอมเซียนของเขา แต่เขามีเจตนาจะให้นางเป็นที่หนึ่ง

จ้าวหลงสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป แววตากะพริบหนาวเย็น

หลี่เฉียนเหมยมีท่าทีสงบนิ่ง นางหันกลับมามองจ้าวหลงและหลิวหยิงเจี๋ย หลิวหยิงเจี๋ยกำลังจะพูดขึ้นมาแต่จ้าวหลงรีบถอย ฝ่ามือสร้างผนึกและวิชาเซียนเริ่มปรากฏ

อย่างไรก็ตามขณะที่จ้าวหลงถอยตัว หลี่เฉียนเหมยเคลื่อนร่างทันที นางเร็วมากจนเกิดเป็นภาพลวงตาพุ่งออกไป ข้ามผ่านฝูงชนเพียงชั่วจังหวะเดียวด้วยระดับบ่มเพาะขั้นทลายสวรรค์ระดับปลาย ปรากฏตัวด้านหลังจ้าวหลงก่อนจะสะบัดมืออย่างแผ่วเบา

กลิ่นอายสังหารมหึมาปรากฏทันที จิตสังหารอันน่าตะลึงและคำรามลั่นปลดปล่อยความรู้สึกชั่วร้ายและครอบคลุมร่างจ้าวหลง

จ้าวหลงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน กระอักโหลิตและถูกโยนขึ้นไปในอากาศทันที ทันใดนั้นแขนซ้ายกลายเป็นกองโลหิต ขณะเดียวกันแขนขวาและขาทั้งสองระเบิดออกมาพร้อมกัน ตามมาด้วยร่างกายระเบิด!

กลิ่นคาวโลหิตแพร่กระจายออกไปพร้อมกับวิญญาณของจ้าวหลงหนีด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

หลี่เฉียนเหมยมองดูเฟิ่งไฮ่แห่งสำนักอมตะและผู้อาวุโสผมแดงด้วยความสงบนิ่ง นางเอ่ยขึ้นเบาๆ “หากท่านทั้งสองคิดมาก ข้าจะชี้แจงให้สำนักอมตะ” หลังนางกล่าวจบจึงมองหลิวหยิงเจี๋ยและเอ่ยขึ้น “เมื่อเจ้าอยากจะสู้กับเขา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หากเขาไม่มา ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าและคนแซ่จ้าวซะ!”

คำพูดเรียบง่ายและแหลมคมได้ก่อเกิดผลกระทบอันรุนแรง มันทำให้ทุกคนที่เห็นต้องอ้าปากค้างและเต็มไปด้วยสายตาตกตะลึง

คนของสำนักอมตะต่างก็เงียบลง เฟิ่งไฮ่มองดูผู้อาวุโสผมแดงก่อนจะกระแอมและเอ่ยขึ้น “สหายเซียนหลี่ ข้าสงสัยว่าใครเป็นคนที่ท่านพูดถึง? อาจารย์ลุงของหลิวหยานเฟยแห่งสำนักต้นกำเนิด?”

หลี่เฉียนเหมยพยักหน้า จากนั้นถอนหายใจและมองบนท้องฟ้า ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่

หลิวหยานเฟยกล่าวออกไปโดยไม่ลังเลอีก “อาจารย์ลุงบอกไว้เมื่อร้อยปีก่อนว่า…เขาจะมา!”

ตอนนี้ “เขา” ที่ทุกคนกำลังคาดการณ์อยู่นั้นกำลังเดินทางข้ามผ่านแดนสวรรค์พร้อมกับอสูรยุงสีแดงเกือบห้าพันตัวและอสูรยุงสีฟ้าหลายร้อยตัว ราวกับเมฆสีแดงปกคลุมท้องฟ้า กวาดผ่านปลายขอบชั้นนอกของแดนสวรรค์วายุ

สายลมหวีดหวิวผ่านแดนสวรรค์วายุที่ว่างเปล่า ทว่าสายลมนี้เทียบไม่ได้กับเสียงหึ่งๆของอสูรยุง ใจกลางฝูงยุงมีราชายุงตัวสีทองส่งเสียงคำรามดังลั่น! ทุกเสียงคำรามจะทำให้อสูรยุงรอบด้านสั่นเทาด้วยความเกรงกลัวและบินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หวังหลินนั่งอยู่บนราชายุงพร้อมกับเส้นผมสีขาวปลิวไสว เขามองดูพื้นที่ส่วนในของแดนสวรรค์ ดวงตาส่องสว่างขึ้น อาการบาดเจ็บฟื้นฟูขึ้นมามากกว่าหลายวันที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือจำนวนอสูรยุงที่เขารวบรวมได้มีจำนวนมากขึ้นอย่างมหาศาล!

‘ข้าต้องการเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของแดนสวรรค์วายุ! จากนั้นพอได้อสูรยุงเพียงพอ ข้าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับสำนักต้นกำเนิด!’ ราชายุงสีทองด้านใต้หวังหลินส่งเสียงร้อง ก้อนเมฆสีแดงที่เกิดขึ้นจากอสูรยุงหลายพันตัวได้เปลี่ยนทิศทางทันที พุ่งเข้าหาตำแหน่งที่มีอสูรยุงรวมตัวกันในแดนสวรรค์มากที่สุด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version