1332. คู่แข่ง
เซียนร่างผอมเอ่ยคำพูดจำนวนมากออกมาซึ่งทั้งหมดเต็มไปด้วยความจริงใจ ส่วนคนในสำนักด้านล่างต่างก็ประหลาดใจกันหมด พวกเขาอยู่ในสำนักสายฟ้าสวรรค์มาสักพักแต่ไม่เคยเห็นท่านจ้าวสำนักที่มีบารมีเสมอมากลับกล่าวคำพูดเช่นนี้
หวังหลินที่มักจะมีท่าทีสงบนิ่งตลอดได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของเซียนร่างผอม
เซียนร่างผอมไม่ได้แฝงคำพูดหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย ราวกับทุกอย่างที่พูดเป็นธรรมชาติและกล่าวออกมาจากใจ สีหน้าท่าทางของเขาทำให้หวังหลินลำบากใจที่จะโจมตี
ด้วยไหวพริบของหวังหลินจึงมองเห็นแผนการทั้งหมดของเซียนร่างผอมคนนี้ได้ อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองไม่สามารถต่อต้านได้และนี่เป็นเพียงวิธีเดียวในการรักษาระดับบ่มเพาะของตนเอง
“เจ้าชื่ออะไร?” หวังหลินร่อนลงบนพื้นดุจใบไม้แห้งลอยล่องในอากาศ เขายืนอยู่ตรงใจกลางลานกว้างของสำนักสายฟ้าสวรรค์
“ข้าชื่อ จงต้าหง ผู้น้อยเคยมีคนเคารพคนเดียวเท่านั้น ให้ข้ากรุยเส้นทาง ให้ข้า…”เซียนร่างผอมกำลังจะกล่าวต่อแต่ถูกหวังหลินขัด
“พอแล้ว ส่งทุกอย่างที่เจ้ารวบรวมมา เอาที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้า”
ถึงแม้จงต้าหงจะดูสงบนิ่งแต่เขาหวาดกลัวสุดขีด ก่อนหน้านี้เขากำลังบ่มเพาะในห้องโถงหลักพลันได้ยินเสียงของหนักสี่ชิ้นตกกระแทกใส่ลานกว้างจึงส่งสัมผัสวิญญาณออกไปพบกับหัวผู้อาวุโสสี่คนถูกโยนไปที่พื้นพร้อมกับระดับบ่มเพาะสูญสิ้น เขาตกตะลึงและโกรธแค้นมาก
ทว่าความโกรธนั้นหายไปสิ้นเมื่อได้เห็นหวังหลินและเกิดการสั่นเทา เขาเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นและถึงแม้จะไม่ได้บ่มเพาะเขตแดนเหมือนเหล่าเซียนชั้นใน แต่อักขระของเขากระตุ้นมาได้สามในสิบส่วนแล้ว อีกทั้งเนื่องด้วยระดับบ่มเพาะของตนเองจึงมีการติดต่อกับเซียนคนอื่นๆ ระดับบ่มเพาะสูงที่สุดที่เขาเคยเจอคือขั้นเทวะ
ตอนที่เขาสัมผัสหวังหลินได้ เขาหวาดกลัวจนถึงจุดที่รู้สึกเหมือนโลกกำลังล่มสลาย ความรู้สึกนั้นทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่เขาพบเจอเซียนขั้นเทวะหลายร้อยหลายพันเท่า โชคดีที่เขาฉลาดยิ่งและเปลี่ยนความหวาดกลัวนั้นเป็นความตื่นเต้นได้ จึงตามมาด้วยคำพูดคำจาเอาอกเอาใจ
เขาใช้กลเม็ดเคล็ดลับเช่นนี้มาแล้วสามครั้งในชีวิต ครั้งแรกตอนที่เป็นขั้นพื้นฐานลมปราณและผ่านวิกฤตไปได้ ครั้งที่สองเป็นขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เขาหนีจากเซียนขั้นเทวะมาด้วยความหวาดกลัวและกระทั่งได้ประโยชน์มาบางส่วน นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาใช้วาทศิลป์เช่นนี้
ในมุมมองของจงต้าหง นอกจากวิชาทั้งหมดของเขาแล้ว วาทศิลป์นี้คือไพ่ตายที่แท้จริงของตนเองและกล่าวได้ว่ามันช่วยเขาในตอนวิกฤตมาหลายรอบ ดังนั้นเขาจึงฝึกฝนมันอย่างลับๆจนเชี่ยวชาญ เนื่องจากมันคือไพ่ตาย เขาจึงใช้มันในยามจำเป็นเท่านั้น
ตอนที่ได้ยินคำสั่งของหวังหลิน เขารีบสร้างผนึกและตีใส่หน้าผากตนเอง แสงกะพริบวาบและมีสิ่งของที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าลอยอกมาจนกองเท่าภูเขาย่อมๆ
“ผู้อาวุโส นี่คือของทุกอย่างที่ผู้น้อยรวบรวมมาตลอดหลายปี ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรที่มีค่ามากนักแต่มันมีจำนวนมาก ผู้น้อยประเมินว่าของพวกนี้น่าจะตีค่าได้ประมาณผลึกสายฟ้าห้าหมื่นก้อน” หลังจากเอ่ยออกมาเขาก็ตรวจสอบทีท่าหวังหลินอย่างละเอียด พอเห็นหวังหลินขมวดคิ้วจึงหวาดกลัวทันที จากนั้นกัดฟันแน่นและพูดอีก
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยมีสมบัติอย่างอื่นจะให้ท่านด้วย” แขนขวาตีใส่อักขระอีกครั้งและมีของอีกสามชิ้นลอยออกมา
ชิ้นแรกคือกิ่งไม้ขนาดเท่าท่อนแขนแต่กะพริบสายฟ้าวูบวาบ ชิ้นที่สองเป็นเม็ดยาเรืองแสงสีเขียว ส่วนชิ้นที่สามคือกระจกโบราณ
“ของสามชิ้นนี้ผู้น้อยเตรียมการให้ผู้อาวุโสเป็นกรณีพิเศษ เพียงแค่สามชิ้นก็สามารถแลกผลึกสายฟ้าได้หมื่นก้อนแล้ว”
หวังหลินมองจงต้าหงด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม สายตาของเขาทำให้จงต้าหงศีรษะด้านชา ขณะที่กำลังจะเอ่ยขึ้นมา หวังหลินสะบัดแขนเสื้อให้ทุกอย่างที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าหายไป
ไม่มีใครสังเกตว่าเขาเปิดรอยแยกอวกาศ สัมผัสวิญญาณแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยความยินดีพลันพุ่งออกมา
“นายท่านในที่สุดท่านก็จำข้าได้ อาา ฉวี่น้อยสอนบทเรียนให้หลิวจินเปียวแล้วและไม่ขี้เกียจเลย!” แม้ฉวี่ลี่กั๋วจะร้องออกมาจากมิติเก็บของแต่กับคนอื่นแล้วดูเหมือนมันจะออกมาจากความว่างเปล่า
ขณะเดียวกันฉวี่ลี่กั๋วก็ปรากฏตัวขึ้นในสำนักสายฟ้าสวรรค์
หลังจากจงต้าหงได้ยินเสียงฉวี่ลี่กั๋ว ดวงตาหรี่แคบราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจที่สุดในชีวิต
“นายท่าน ข้าทำตามคำสั่งของท่านและทรมานหลิวจินเปียวอยู่ เจ้าเด็กเฒ่านั่นน่าสงสารจริงๆ มันยั่วยุทุกคนแต่ก็ต้องยอมสยบต่ออำนาจนายท่านผู้หล่อเหลาและทรงพลัง!” วินาทีที่ฉวี่ลี่กั๋วปรากฏตัว มันไม่มองรอบด้านเลย ใบหน้าประจบสอพลอพลางลูบมือและจ้องหวังหลินด้วยท่าทีน่าสงสาร
หวังหลินมีท่าทีเป็นปกติแต่จงต้าหงรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ รูม่านตาหดแคบลงจ้องมองฉวี่ลี่กั๋วด้วยความเป็นไม่เป็นมิตร เขารู้สึกเพียงน้อยนิดว่าฉวี่ลี่กั๋วเป็นศัตรูทรงพลังยิ่ง แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายมีวาทศิลป์เหมือนเขา พอเห็นว่าอีกฝ่ายสามารถเปลี่ยนสิ่งที่พูดให้เป็นจริงได้แค่ไม่กี่คำ มันเป็นระดับเหนือกว่าคำพูดของเขาไปอีก!
“คู่แข่ง!! เขาต้องเป็นคู่แข่งข้าแน่!!” จงต้าหงสูดหายใจลึกและเริ่มสังเกต
“นายท่าน อย่างรีบส่งข้ากลับไปเลย ลองคิดดูว่าฉวี่น้อยทำงานหนักและภักดีแค่ไหน…” ฉวี่ลี่กั๋วเผยท่าทีเศร้าเสียใจ
จงต้าหงมองฉวี่ลี่กั๋ว สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด “แม้กระทั่งสีหน้ายังแฝงนัยยะที่แท้จริงของวาทศิลป์!”
หวังหลินเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม สายตาเลื่อนระหว่างฉวี่ลี่กั๋วและจงต้าหง เหตุผลที่เขาเรียกฉวี่ลี่กั๋วออกมาเพราะเกี่ยวข้องกับจงต้าหง
‘บางทีการใช้ฉวี่ลี่กั๋วรวบรวมผลึกสายฟ้าในเผ่าสายฟ้ากระจายคงทำได้ดีกว่าข้า…’ หวังหลินคิดขึ้นในใจ จากนั้นพยักหน้าเบาๆ “หากเจ้าทำเรื่องนี้ได้ดี เราค่อยคุยกันใหม่อีกที”
เพียงแค่นั้นหวังหลินจึงส่งข้อความให้ฉวี่ลี่กั๋ว มอบคำสั่งออกไปและฉวี่ลี่กั๋วรับฟัง ร่างกายสั่นเทาเนื่องจากตื่นเต้น หลังจากหวังหลินกล่าวจบมันก็มองขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและหัวเราะ
“ไม่มีใครดีกว่าปู่ฉวี่…เอ๊ย ฉวี่น้อย นายท่านสบายใจได้ แค่ผลึกสายฟ้าพันล้านก้อน วางใจข้าเถอะ!”
ความรู้สึกแย่ๆภายในจงต้าหงยิ่งรุนแรงขึ้น เขารีบก้าวออกมามองหวังหลินด้วยสายตาเคารพ “ผู้อาวุโส ผู้น้อยยังพูดไม่จบ ข้ายังมีสมบัติที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าได้หมื่นก้อน! มีเพียงคนเช่นผู้อาวุโสเท่านั้นที่สามารถครอบครองสมบัติเช่นนี้ได้!” หลังกล่าวจบเขาตีหน้าผากอีกครั้งและเกิดแสงกะพริบ กระบี่เหินเล่มหนึ่งออกมาและปล่อยกลิ่นอายเย็นวาบ
หวังหลินเผยรอยยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อยและเก็บกระบี่เหินกลับไป
ฉวี่ลี่กั๋วมองไปรอบๆและจากนั้นมองจงต้าหง ก่อนหน้านี้มันไม่ได้ความสนใจคนรอบด้านเลย แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังผิดพลาด
‘คนผู้นี้มีกลิ่นไร้ยางอายอยู่จางๆ…อย่างไรก็ตามมันก็ยังอีกไกลเมื่อเทียบกับปู่ฉวี่ ปู่ฉวี่ประจบสอพลอเจ้าอสูรร้ายตนนี้มาตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด!’ ฉวี่ลี่กั๋วเผยรอยยิ้มเมตตาพลางมองจงต้าหงและยิ้ม “สหายเซียนคือ?”
จงต้าหงมองฉวี่ลี่กั๋วด้วยรอยยิ้มเดียวกันและคำนับฝ่ามือ “ข้าจงต้าหง จงที่ยิ่งใหญ่ และเจินคือสีแดงที่แดงสุด!”
สายตาทั้งสองประสานกันในพริบตา รอยยิ้มฉวี่ลี่กั๋วคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะถอนสายตามาแล้ว ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด จงต้าหงก้าวมาข้างหน้าและเอ่ยคำพูดประจบ “ผู้อาวุโส ทางสำนักสายฟ้าสวรรค์มีผู้คนจำนวนมาก ให้ข้าเอาสิ่งที่พวกเขามีมาแลกผลึกสายฟ้าให้ผู้อาวุโสเถิด”
หลังกล่าวขึ้นมา เขาหันไปร้องคำรามใส่คนในสำนักที่กำลังประหลาดใจกับฉากเบื้องหน้า
ภายใต้แรงกดดันของเขา ทุกอย่างที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าได้ถูกเขารวบรวมมาและส่งให้กับหวังหลิน หวังหลินเก็บทุกอย่างไปและดวงตากะพริบโดยไม่มีใครสังเกตออก เขาสะบัดแขนนำเม็ดยาหนึ่งออกมา
เขานำเม็ดยาที่ไม่รู้จักออกมาอย่างลวกๆ มันเป็นเม็ดยาที่เขาหลอมจากวิญญาณอสูรระดับสี่ในทะเลเมฆา ทว่าตอนที่จงต้าหงเห็นเม็ดยานี้ ดวงตาเบิกกว้างและร้องอุทาน “เม็ดยาวิญญาณ!! เม็ดยานี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกสายฟ้าได้สองหมื่นก้อนและถือเป็นของหายามาก!”
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและสะบัดแขน เม็ดยาร่อนลงในมือจงต้าหง
“ข้าจะมอบเม็ดยานี้ให้เจ้า นับแต่วันนี้ต่อไปเจ้าจะต้องช่วยข้าเก็บรวบรวมสิ่งของเพื่อแลกเป็นผลึกสายฟ้า!” หวังหลินกล่าวเบาๆ เขาไม่ได้จะเอาเม็ดยาของตัวเองไปแลกกับผลึกสายฟ้าเพราะคงทำให้เผ่าสายฟ้ากระจายทรงพลังยิ่งขึ้น แต่กลับใช้จงต้าหงไปรวบรวมสมบัติจากสมาชิกเผ่าให้เองและใช้สิ่งที่พวกเขาครอบครองอยู่แล้วมาแลกผลึกสายฟ้า!
จงต้าหงสูดหายใจลึก ถือเม็ดยาและเอ่ยขึ้นทันที “ผู้อาวุโสวางใจได้ ผู้น้อยจะทำให้ดีที่สุด!!”
ฉวี่ลี่กั๋วจ้องจงต้าหงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แม้จะไม่สนเรื่องเม็ดยา แต่จงต้าหงคนนี้มองดูไม่น่าสบายใจและมีสายตาดุดัน
‘บัดซบ เจ้ากล้าท้ากับปู่ฉวี่เรื่องการยกย่องเจ้าอสูรร้ายต่อหน้าต่อตางั้นหรือ? เด็กสารเลว เจ้ากล้าดีอย่างไร! รอก่อนเถอะ ข้าจะจำเจ้าไว้ ในเวลาเกือบสองพันปี คนที่กล้าท้าสู้เรื่องการยกย่องอสูรร้ายตนนี้ไม่ได้เจอโชคดีสักคน ปู่ฉวี่มีเวลาฆ่าเจ้าเหลือเฟือ! ข้าจะทรมานเจ้าจนตายเหมือนที่ข้าทรมานหลิวจินเปียว!’
ฉวี่ลี่กั๋วดวงตาส่องสว่างและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
…………………….