1437. เบาะแสน่ากลัว!
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกซ่อนอยู่ในร่างส่งเสียงดังสนั่น หญิงสาวที่ซ่อนตัวอยู่บนไหล่ชายร่างกำยำและเตรียมการลอบโจมตีหวังหลินจึงถูกบังคับให้ออกมา!
ไม่ว่าคนผู้นั้นระดับบ่มเพาะอะไร ทุกคนต้องพบเจอกับการทดสอบของ สายหมอกจากสุสานบัญชาโบราณ แม้แต่เซียนขั้นที่สามยังต้องเผชิญหน้า คงไม่ต้องกล่าวถึงเด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกเลย!
วินาทีที่นางปรากฏตัว ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง ลำตัวแห้งเหี่ยวและโดนกัดกร่อนจนเหลือแต่โครงกระดูก
นางตายอีกครั้งในสายหมอก!
ทว่าขณะที่นางตาย โครงกระดูกไม่ได้แตกสลายแต่กลับมีแสงสีเทาโผล่ออกมาจากภายใน เลือดเนื้อเริ่มผุดขึ้นมาจากกระดูกอีกครั้ง เพียงไม่กี่ลมหายใจนางก็เกิดใหม่!
ในแววตามีความหวาดกลัว เพียงช่วงเวลาสั้นๆนางถูกฆ่าด้วยแผนการของ หวังหลิน นางยังรู้สึกขอบคุณตอนที่ถูกสายหมอกนี้กระทบใส่และตายโดยไม่อาจต่อต้าน
สามชีวิตที่มี นางใช้ไปแล้วสอง!
อย่าไรก็ตามนี่ไม่ใช่ต้นตอของความหวาดกลัว สิ่งที่นางกลัวจริงๆคือถึงแม้นางจะฟื้นคืนชีพ นางยังอยู่ในสายหมอกและเป็นชีวิตสุดท้ายแล้ว!
สายหมอกสังหารโดยไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย หากนางเกิดใหม่ขึ้นมาในสายหมอกนี้ ผลลัพธ์คงจะ…เป็นการตายจริงๆ!!
นางใบหน้าซีดเผือดทันทีและรีบล่าถอยขณะที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา นางต้องการออกไปจากสายหมอกนี้ แต่นางจะเทียบความเร็วของสายหมอกได้อย่างไร?
ขณะที่ร่างกายก่อเกิดขึ้น สายหมอกเข้าไปในร่างก่อนที่นางจะถอยไปได้ไกลเสียอีก แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เผ่าทำลายผนึกแทบจะมีร่างกายไร้เทียมทาน แต่ตอนนี้ความกลัวตายเข้าปกคลุมนางจนหมดสิ้น!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา นางถูกสายหมอกล้อมรอบอีกครั้ง รู้สึกสิ้นหวังเมื่อสายหมอกโคจรผ่านร่างกายนาง แต่ทว่าไม่เพียงแต่นางจะไม่ตาย กลับมีพลังชีวิตมากมายเข้าสู่ร่าง ก่อเกิดเป็นตัวเลขนอกจากอักขระเผ่าพันธุ์!
เพียงชั่วเวลาสั้นๆแค่นี้ นางเจอกับความเป็นความตาย เหงื่อเย็นชุ่มบนเสื้อผ้า ก่อนที่นางจะได้สติ พลังดึงดูดเข้าห่อหุ้มทำให้นางดิ้นรนด้วยความหวาดกลัวและถูกดึงเข้าไปในสายหมอก
ทางด้านชายกำยำแห่งเผ่าหมาป่าสวรรค์ เขาถูกดึงเข้าไปในหมอกก่อนนางเสียอีก!
หวังหลินเห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้ ดวงตาส่องสว่าง ฉากเหตุการณ์ที่นางตายและชุบชีวิตขึ้นมาทำให้ความคิดหวังหลินสั่นไหว!
‘ข้าฆ่านางไปแล้ว หมอกประหลาดนี้ฆ่านางอีก แต่นางก็ยังไม่ตาย!! เผ่าทำลายผนึก…ประหลาดเกินไปแล้ว!’
‘แต่สีหน้าท่าทางของนางดูไม่ใช่เรื่องโกหก ความสิ้นหวังที่นางเผยออกมาสื่อถึงความคิดของนาง หากนางตายอีกครั้งคงไม่สามารถกลับมาได้อีก!’ หวังหลินช่างสังเกตและมีไหวพริบ ดังนั้นการจะคาดเดาอะไรแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก
สิ่งที่เขาตะลึงงันจริงๆคือสถานะปัจจุบันของตนเอง เมื่อสายหมอกพุ่งเข้าหาเขามันกลับไม่ได้สร้างอักขระตัวเลขบนร่างกาย แต่กลับเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพโบราณและถูกดวงดาวกลางหน้าผากดูดซับ
อย่างไรก็ตามพลังเทพโบราณนี้เต็มไปด้วยพลังความตายและความแค้น หลังจากหวังหลินดูดซับมันจึงมีความคิดรุนแรงหลายอย่างในจิตใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาระงับพวกมันไว้อย่างรวดเร็วและหยุดการดูดซับ ความคิดเหล่านี้คงครอบงำเขา แต่หลังจากสลายความรุนแรงจากพลังเทพโบราณ จิตใจ หวังหลินกระจ่างชัดโดยไม่คาดคิด เป็นความรู้สึกชัดเจนยิ่งเหมือนความแตกต่างระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว
กลางหน้าผากเขาไม่มีตัวเลข ดังนั้นจึงไม่ถูกพลังดึงดูดเข้าไป ในสายหมอกนี้หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเริ่มวิเคราะห์
ดวงตาเริ่มเปล่งประกายเจิดจ้าและเจิดจ้ายิ่งขึ้น นึกถึงอักขระตัวเลขและตำแหน่งของเขา รูม่านตาจึงหดแคบ
‘อักขระตัวเลขนั้น คนภายนอกมิอาจเข้าใจ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นภาษาเทพโบราณ! หรือว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ทันหลางออกมาจากสุสานบัญชาโบราณ?’ หวังหลิน หัวใจเต้นระรัว ดวงตาส่องสว่าง มองไปทิศทางที่เด็กสาวและชายร่างกำยำถูกดึง เข้าไป
‘ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงไม่มีภาษาเทพโบราณเกิดขึ้นบนกลางหน้าผากข้า…ไม่สงสัยเลยว่าหมอกที่เข้าไปในร่างกาย ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นพลังเทพโบราณ…ตัวเลขบนชายกำยำคือสิบสี่…ตัวเลขบนเด็กสาวคือยี่สิบแปด…’ หวังหลินเลียริมฝีปากและขบคิด
“สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย สุสานบัญชาโบราณยิ่งอันตรายมากกว่า…ข้าควรไปหรือไม่!”
หลังจากผ่านไปสามลมหายใจ ดวงตาหวังหลินจึงแน่วแน่ นิสัยเขามักจะเป็นแบบนี้ คือหาประโยชน์ในสถานการณ์อันตราย! หากล้มเลิกตอนนี้ ใครจะรู้ว่ามันจะเปิดอีกครั้งเมื่อไหร่? เขาอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย!
ดวงตาส่องสว่าง สายตาเลื่อนเข้าหาส่วนลึกของสายหมอกอย่างละเอียด
ยิ่งอันตราย ยิ่งมีโอกาสและโชคลาภดีๆอยู่ที่นั่น!
‘สุสานบัญชาโบราณ ให้ข้าเจอว่ามันอันตรายขนาดไหนและมีอะไรดีดีรออยู่! ในฐานะเทพโบราณ ที่นี่จะเป็นประโยชน์ต่อข้ายิ่งกว่าคนอื่น!’
หวังหลินเคลื่อนไหวดุจมัจฉาแหวกว่ายในธารธารา เขาตัดสินใจล้มเลิกการดูดซับสายหมอกที่เต็มไปด้วยความตายและความแค้น แม้มันจะสามารถทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น เขารู้ว่าหากดูดซับมัน ความคิดคงไม่เป็นของเขาอีก เขาคงโดนกลิ่นอายความแค้นและความตายควบคุมเหมือนหุ่นเชิดที่มีชีวิต!
หวังหลินเดินทางรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆแต่ท่าทางระมัดระวังมากกว่าเดิม แม้จะไม่ได้ก้าวช้าแต่ก็ใกล้ขึ้น เขามีชีวิตรอดผ่านสถานการณ์ความเป็นความตายก็เพราะความระมัดระวัง
สิ่งเดียวที่เขาถือว่ามุทะลุคือแผนการที่ใช้กับราชันย์ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุมีผล แต่เพิ่งคิดขึ้นมาหลังพูดคุยกับวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก
ในใจเขามีเหตุผลและข้อแก้ตัวหลายอย่าง เขาต้องเข้าไปในวิญญาณของเทียนหยุนเพื่อทำนายถึงโอกาส เขายังคิดในใจว่าหากราชันย์อยู่จริงๆและฟื้นคืนพลังแล้ว เขาคงต้องใช้หินหยกเพื่อกลับเข้าไปในดินแดนชั้นใน
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นความคิดของตัวเองที่เกิดขึ้นมาเอง
แต่หลังจากหนีออกมาจากเผ่านกกระจอกเพลิง ตอนที่หวังหลินเริ่มสงสัยว่าชายวัยกลางคนคือราชันย์จริงหรือไม่ เขามีความสงสัย…ความสงสัยนี้ทำให้ร่างกายเย็นวาบ!
‘ทำไมข้าถึงทำอะไรบ้าบิ่นและมีความคิดบ้าๆเช่นนี้…’ ขณะที่เริ่มสงสัย ความคิดมลายหายไปและสิ่งอื่นขัดจังหวะ ซึ่งทำให้เขาลืมความสงสัยที่เกิดขึ้นนี้ตอนที่กำลังคิดถึงตัวตนของราชันย์
หลังจากเข้ามาในสายหมอก ความคิดพลันกระจ่างสดใส ราวกับสายหมอกเป็นโลกที่แตกต่างจากด้านนอก ราวกับพลังไม่ทราบบางอย่างตกลงใส่หวังหลินและขัดขวางออกไปด้วยสายหมอก!
การหายไปของพลังนี้ทำให้ความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจหวังหลินปรากฏอีกครั้ง ความสงสัยนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนั้นเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
เขามองกลับไปทันทีและจ้องมองสายหมอกปั่นป่วนด้านหลัง สายตาดูเหมือนเจาะทะลุผ่านสายหมอกไปและเจอกับดาราจักรโบราณอันสงบนิ่ง
ผ่านไปสักพักหวังหลินถอนสายตาออกมาและยังแฝงความหวาดกลัว คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมาถึงดาราจักรโบราณ หวังหลินรู้สึกชัดเจนว่ามีพลังกำลังควบคุมเขา
หลังจากขบคิดเล็กน้อย ความหวาดกลัวในแววตาหวังหลินจึงถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา เขาขบคิดอยู่นาน ความมุ่งมั่นจะเข้าไปในสุสานบัญชาโบราณเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจหลังจากวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ความคิดไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล จากนั้นจึงหันหน้าไปและพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของสายหมอก
หวังหลินเดินทางรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆจนเปลี่ยนเป็นลำแสง ขณะที่เข้าใกล้เขาได้เห็นเซียนหลายคนที่กำลังดิ้นรนและถูกดึงเข้าไปข้างใน
คนทั้งหมดนี้มีอักขระตัวเลขอยู่กลางหน้าผาก!
“สามสิบเจ็ด, สี่สิบห้า, เจ็ดสิบเอ็ด…” หวังหลินค่อยๆเข้าใกล้และเห็นรอยแยกน่ากลัวที่อยู่บริเวณใจกลาง!
โลกในรอยแยกไม่มีสายหมอกแต่เต็มไปด้วยการบิดเบือน แม้มันจะบิดเบือนแต่หวังหลินยังเห็นศีรษะดุร้ายบนแท่นหินลอยอยู่เหล่านั้น!!
สุสานบัญชาโบราณ!
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและกำลังจะก้าวเข้าสู่รอยแยก ขณะนั้นสายหมอกรอบด้านดังสนั่น หวังหลินหันตัวกลับ รูม่านตาหรี่แคบ
ขณะที่หมอกด้านหลังเขาปั่นป่วน คนผู้หนึ่งค่อยๆปรากฏตัวออกมา คนผู้นั้นมีรูปลักษณ์ดูเป็นวัยกลางคนหน้าตาสง่างามราวกับเป็นหญิงสาว! แต่ใบหน้าซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าการที่นางมาถึงที่นี่ได้นับว่ายากเย็นแสนเข็ญ
รอบๆร่างของนางมีรูปปั้นประหลาดอยู่เก้าชิ้น แต่ละชิ้นเผยสีหน้าท่าทางที่แตกต่างกัน พวกมันเรืองแสงสีเหลืองคล้ายกับทำให้หญิงผู้นั้นมาถึงที่นี่ได้!
กลางหน้าผากนางไม่มีอักขระตัวเลขด้วย! เมื่อเขาเห็นหวังหลิน ใบหน้าเหน็ดเหนื่อยจึงเผยท่าทีตกตะลึง แม้หวังหลินจะดูปกติแต่กลับมีคลื่นตกตะลึงเกิดขึ้นในใจ เขารู้ว่าหมอกนี้ทรงพลังแค่ไหนแต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาถึงที่นี่ได้ หวังหลินไม่ได้เอ่ยคำใดก่อนจะหันตัวกลับและกำลังเดินเข้าสู่สุสานบัญชาโบราณ!
“สหายเซียน ท่านช่วยข้าได้หรือไม่?” น้ำเสียงออดอ้อนของหญิงสาวดังออกมาจากคนผู้นั้น
ในดาราจักรโบราณ ในพื้นที่ดวงดาวไร้ขอบเขต มีตำหนักขนาดใหญ่แห่งหนึ่งลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาว พื้นที่ดวงดาวแห่งนี้ดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่และไม่มีใครพบเจอ
ตำหนักแห่งนี้หมองหม่นราวกับแท่งเทียนที่กำลังเผาไหม้ เปล่งเสียงแตกร้าวดังเบาๆ
หากใช้แสงจากเปลวเพลิงนี้จะสามารถมองเห็นบ่อน้ำข้างในได้เบาบาง น้ำข้างในราวกับกระจก สะท้อนกับแท่งเทียนสามกลุ่มและมิอาจบอกได้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ
ร่างหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำซ่อนรูปร่างกำลังยืนอยู่ข้างบ่อน้ำ ในบ่อน้ำมี แท่งเทียนสามกลุ่มสะท้อนออกมาและมีร่างผมสีขาว
ร่างนี้คือ…หวังหลิน
ร่างหวังหลินถูกล้อมรอบด้วยแท่งเทียนทั้งสามราวกับกำลังถูกผนึก!
ทว่าขณะที่หวังหลินเข้าไปในสายหมอก ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในบ่อน้ำ พลังดูเหมือนไม่ได้มาจากโลกนี้และเกิดระลอกคลื่นดังกึกก้อง ร่างหวังหลินค่อยๆหายไป
“สุสานบัญชาโบราณเปิดขึ้นมาและขัดขวางแผนของข้า…น่าเสียดาย…น่าเสียดาย…ตกจันทราในบ่อน้ำ อีกนิดเดียว…” คนที่ซ่อนตัวในผ้าคลุมสีดำเอ่ยพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขายกแขนขวาขึ้นมาเผยนิ้วอันแห้งเหี่ยวชี้ไปที่ผิวน้ำ
…………………………………………