1438. พี่สาม น้องสี่
ขณะที่นิ้วมือของชายชราในชุดคลุมสีดำกำลังสัมผัสกับผิวน้ำ แสงสีฟ้าพร่าเลือนโผล่ออกมาจากน้ำ พริบตานั้นมีแสงสีฟ้าเต็มไปทั่วน้ำและปะทะกับนิ้วมือ
เสียงเงียบสนิทแต่กลับมีระลอกคลื่นออกมาจากจุดที่นิ้วมือและแสงสีฟ้าเข้าปะทะกัน ระลอกคลื่นปะทะกับเสื้อคลุมสีดำของชายชราและพลิ้วไหว
“ข้าเมินเฉยอักขระตกจันทราในบ่อน้ำที่เจ้าทิ้งไว้บนตัวเขาได้…แต่หากเจ้าฆ่าเขา ข้าคิดว่า…” น้ำเสียงสงบนิ่งดังออกมาจากแสงสีฟ้าและหลังจากหยุดชะงัก จึงเอ่ยต่อไป
“ข้าจะลงมือ”
ชายชราในชุดคลุมสีดำขบคิดเล็กน้อยและจากนั้นค่อยๆเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
“ข้าสามารถทำให้อาการบาดเจ็บของเจ้าย่ำแย่ได้” น้ำเสียงในแสงสีฟ้ายังคงสงบนิ่ง
ชายชราในชุดคลุมสีดำไม่ได้เอ่ยอันใด หลังจากนั้นสักพักจึงถอนหายใจและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เราตกลงกันแล้ว…”
“ตอนนั้นเจ้าขอให้ข้าลงมือ และข้าก็ลงมือแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องการนำร่างภรรยาเจ้ากลับมาหรือ…อย่าลืมว่าเจ้าเป็นหนึ่งใน ห้าปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ…”
น้ำเสียงในแสงสีฟ้าขบคิดเงียบๆอยู่สักพัก หลังจากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนดังกึกก้องภายในตำหนัก
“ข้าก็เป็นพ่อด้วย”
ตำหนักเงียบสงัดเหลือเพียงแต่เสียงเทียนกำลังเผาไหม้
“แค่ครั้งนี้เท่านั้น…” ชายชราในชุดคลุมสีดำหันกลับมาและเดินเข้าไปในส่วนลึกของตำหนัก
แสงสีฟ้าในบ่อค่อยๆเลือนหายไป
…..
“สหายเซียน เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่?”
ด้านนอกรอยแยกสู่สุสานบัญชาโบราณ ลึกเข้าไปในสายหมอก การก้าวเท้าของหวังหลินไม่ได้หยุดชะงักจากคำพูดนี้หรือน้ำเสียงไพเราะ
ดูเหมือนเขาจะหูหนวกและไม่ได้ยินประโยคนี้เลย ร่างกายเปลี่ยนเป็นลำแสงและเข้าสู่รอยแยก
เมื่อหวังหลินก้าวเข้าไปในรอยแยก โลกรอบตัวบิดเบือน ดูเหมือนเขาจะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยเบื้องหน้าสตรีนิรนามผู้นั้น เขาหายวับเข้าสู่สุสานบัญชาโบราณ
หวังหลินไม่ใช่เด็กและไม่ได้เป็นคนอยากรู้อยากเห็น เขาจะไม่เข้าไปช่วยคนโดยไม่รู้อะไรเลย สตรีที่ดูเหมือนผู้รอบรู้วัยกลางคนสามารถมาที่นี่ด้วยกำลัง นั่นหมายความว่าการบ่มเพาะของนางช่างน่าหวาดกลัว หวังหลินไม่ต้องการติดต่อกับคนแบบนี้โดยไม่มีเหตุผล
ถึงแม้นางจะสัญญาด้วยผลประโยชน์หลายอย่างเพื่อแลกกับการให้หวังหลินช่วยเหลือ เขาก็ยังจากไปโดยไม่ลังเล ตอนนี้ความคิดหวังหลินกระจ่างชัดยิ่ง เขาตอนนี้กับก่อนที่จะเข้ามาในสายหมอกมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทว่าความแตกต่างนี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายด้วย
ยิ่งคิดเรื่องการกระทำทั้งหมดในดาราจักรโบราณก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ตัวเองแต่มีพลังแข็งแกร่งเข้ามาในร่าง ควบคุมความคิดอย่างเงียบงัน…เป็นผลให้เขายิ่งตกตะลึงและยิ่งระมัดระวัง เขาไม่สนผู้รอบรู้วัยกลางคนนั้นอย่างสิ้นเชิง
พอเห็นผู้เยาว์ประหลาดจากไปหลังจากเอ่ยคำพูด ผู้รอบรู้วัยกลางคนถึงกับขมวดคิ้ว แม้สุสานโบราณจะอยู่ห่างไปไม่ถึงพันฟุต แต่ด้วยระดับบ่มเพาะของนางและสมบัติอันทรงพลัง นางสามารถมาได้ไกลเท่านี้ ไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้แล้ว
พอเห็นสายหมอกเริ่มจะรุนแรงขึ้น นางจึงถอนหายใจ
‘ดูเหมือนข้าไม่สามารถเข้าไปในสุสานบัญชาโบราณด้วยกำลังของร่างดั้งเดิมได้…สหายน้อยนั่นไม่ได้มีอักขระกลางหน้าผาก…ตัวตนของเขาอยู่นอกเหนือการคาดเดาของข้า นอกจากเจ้าอันธพาลต้าเสินแล้ว เขาต้องเป็นเทพโบราณอีกคนที่สังหาร ร่างอวตารของน้องเจ็ด…’
แววตาผู้รอบรู้วัยกลางคนพลันส่องสว่าง ฝ่ามือสร้างผนึก มีลำแสงโผล่ออกมาจากเก้ารูปปั้นรอบตัว พอนางสะบัดแขน ลำแสงยิ่งส่องสว่างขึ้นและห่อหุ้มร่างกาย
วินาทีต่อมา ร่างสตรีผู้หนึ่งเดินออกมาจากลำแสง รูปร่างหน้าตานั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง เรือนผมยาวออกไปถึงเอว นางสวมชุดสีขาวและค่อนข้างโปร่งใสจนมองเห็นลำแสงทั้งเก้าสายกำลังโคจรอยู่ในร่าง
วินาทีที่นางปรากฏตัว สายหมอกพุ่งเข้าไปในร่างกายและปรากฏอักขระเบาบางขึ้นกลางหน้าผากทันที
นางถอนหายใจ ก้าวเท้าและเข้าสู่รอยแยกที่นำทางไปถึงสุสานบัญชาโบราณ
เมื่อนางเข้าไป แสงในสายหมอกหายไป ผู้รอบรู้ใบหน้าซีดและรีบล่าถอยพร้อมกับเอ่ยพึมพำ “ข้าส่งได้แค่ร่างอวตารเข้าไปข้างใน…มีสัญญาณของวิชาตกจันทราในบ่อน้ำในร่างเด็กเทพโบราณนั่น นอกจาก ‘เขา’ ไม่มีใครในดาราจักรโบราณสามารถใช้วิชานั้นได้…พี่หญิงและน้องแปดได้หายไปหลายปีแล้ว พี่สองเองก็พบผู้ร่วมทาง แม้แต่น้องสี่เจ้าเล่ห์ยังหายตัวไปขโมยเจ้าอันธพาลต้าเสิน…น้องห้านำร่างนั้นและเดินบนเส้นทางเดียวกับปรมาจารย์เต๋าความฝัน…หากข้าไม่พบคนที่ร่วมมือกันได้ ข้ากลัวว่าข้าจะถูกทิ้ง…” ร่างวัยกลางคนเคลื่อนห่างออกไปไกลขึ้น
ขณะที่นางกำลังจะออกไปจากสายหมอก พลันหยุดชะงักและมองออกไปไกล
สายหมอกปั่นป่วนไกลๆและมีเสียงคำรามดังออกมา กลิ่นอายกดขี่แพร่กระจายและมีเสียงคำรามแฝงความบ้าคลั่ง
“แม้เจ้าจะไม่ขอ ข้าก็ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง!! สตรีบัดซบ หุบปาก!! หุบปาก!! หุบปาก!!”
เสียงหัวเราะที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจดังกึกก้องอยู่ในเสียงคำราม เสียงหัวเราะนี้เต็มไปด้วยความยั่วยวนราวกับมนต์เสน่ห์
“ข้าจะไม่พูดถึงมันอีกแล้ว แต่ยิ่งเจ้าบ้าคลั่งเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งชอบเจ้า…การอยู่กับเจ้ามันน่าสนุกยิ่งกว่าราชันย์สวรรค์ไร้ประโยชน์นั่น…”
ชั่วขณะต่อมาจึงมองเห็นร่างยักษ์ตนหนึ่งก้าวเดินออกมาจากสายหมอก ร่างนี้ใหญ่ยิ่งราวกับดาวเคราะห์เซียน ทว่าขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ร่างกายจึงหดลงอย่างรวดเร็ว
มันคือต้าเสิน!
ดวงตาต้าเสินแดงฉานจนดูเหมือนบ้าคลั่ง สีหน้าท่าทางดุดันโหดเหี้ยม เขาเดินทางด้วยแรงกดขี่และกำลังจะผ่านด้านหน้าผู้รอบรู้วัยกลางคน
“นั่นพี่สามผู้เย็นชาเสมอไม่ใช่หรือ? หรือว่าแม้จะมีระดับบ่มเพาะของพี่สาม ท่านก็ยังเข้าสุสานบัญชาโบราณไม่ได้?” น้ำเสียงมีเสน่ห์ค่อยๆดังออกมาจากหน้าผากต้าเสิน
ผู้รอบรู้เยาะเย้ยและถอยห่างออกไปด้านข้าง น้ำเสียงค่อยๆดังเข้าหา
“ฮู่เหมยจื่อ นิสัยเจ้าเปลี่ยนยาก ข้าได้กลิ่นอายน่ารังเกียจออกมาตั้งแต่ไกลแล้ว”
“ข้ายังเทียบไม่ได้กับความบริสุทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเต๋าสวรรค์หรอก ข้าเชื่อว่าท่านยังคงบริสุทธิ์จนวันนี้ ท่านถูกราชันย์สวรรค์จับไปและถูกยกให้เป็น เตาหลอมที่สมบูรณ์แบบ แต่ไอ้เฒ่านั่นก็ไม่ยินดีร่วมสุข ข้าสงสัยจริงว่าใครจะได้ไป…” น้ำเสียงยั่วยวนดูเหมือนไม่สนใจ จากนั้นหายวับไปพร้อมกับร่างของต้าเสิน
ในแววตาผู้รอบรู้ขุดขาวพลันกะพริบเย็นชา จากนั้นก้าวเดินออกไปด้วยลมหายใจเย็น
เมื่อหวังหลินเข้าสู่รอยแยกสุสานบัญชาโบราณ เขารู้สึกถึงพลังการเคลื่อนย้าย ก่อนที่จะเห็นรอบตัวได้ชัดเจน เขาถอยไปหลายสิบฟุตและมีแสงเริ่มส่องสว่าง ปรากฏโล่เงาแสงขึ้นมารอบร่างกาย
นี่คือความระมัดระวังของเขา นอกจากนี้ยังเป็นสุสานบัญชาโบราณ มีผู้คนเข้ามาก่อนเขาจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องระวังอย่างสูง
ขณะที่หวังหลินปรากฏตัว เขาได้ยินเสียงดังลั่นและมีพลังรุนแรงลงมาในร่างกาย ตกลงใส่โล่เงาแสงรอบตัวเขา
โชคดีที่นิสัยของหวังหลินทำให้เขาใช้โล่เงาแสงก่อนจะมีการลอบโจมตี การโจมตีจึงสะท้อนกลับออกไป!
เสียงคร่ำครวญดังออกมาและมีคนรีบหนี
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา เมื่อหวังหลินเข้าไปในรอยแยก มีคนลอบโจมตีเขาแต่ก็รีบถอยไป
ขณะนั้นหวังหลินเห็นรอบด้านชัดเจน สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากที่เห็นด้านนอก มันขรุขระเหมือนกันแต่ไม่ใช่ที่เดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าตอนที่เข้ามาในรอยแยก ทุกคนถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่แตกต่างกัน
ท้องฟ้ามืดมนและพื้นดินมีแต่สายหมอกหนาแน่น สายหมอกเป็นเหมือนทะเล ไร้ก้นบึ้ง บางครั้งก็มีหลุมดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาราวกับกำลังรอกลืนกินทุกอย่าง
มีแท่นหินและศีรษะมากมายลอยอยู่ในอากาศจนสุดลูกหูลูกตา
มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมเต๋ากำลังถอยหนีอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดเผือด โลหิตไหลย้อมบนมุมปาก เขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัว
เขาคือคนที่โจมตีหวังหลิน!
ในท้องฟ้ามีเซียนหลายสิบคนและทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง เมื่อสายตาหวังหลินกวาดผ่านไป ทั้งหมดล่าถอยอย่างไม่รู้ตัว
กลิ่นคาวโลหิตล้อมรอบบริเวณ หวังหลินใช้สายตาตัดสินทันทีว่าคนเหล่านี้ร่วมมือกันเป็นกองกำลัง พวกมันโจมตีเซียนที่เพิ่งมาถึงและยังตกตะลึงและหวาดกลัว
ฆ่าคนอื่นเพื่อขโมยสมบัติ!
ไกลออกไปมีเซียนที่กระจัดกระจายตัวพยายามเข้าหาแท่น แต่กลับมีพลังประหลาดล้อมรอบแท่นและไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิชาอะไรก็ไม่สามารถเข้าไปได้
แค่ชำเลืองสายตามอง เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีเซียนอยู่หลายร้อย ทว่าสถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปมันจึงไม่รู้สึกแออัด!
…………………………………………………