Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1468

Cover Renegade Immortal 1

1468. หยิบยืมพลัง

เขาเห็นภูเขาซากศพจำนวนแปดลูกอยู่นอกแปดเหลี่ยม!

โลหิตบนซากศพนับไม่ถ้วนล้วนแห้งกรังไปแล้ว พวกมันกองขึ้นจนเป็นภูเขา ส่งกลิ่นอายมืดมนหนาแน่นขณะที่หวังหลินมองเข้าไป

อย่างไรก็ตามมันไม่จบแค่นี้ หวังหลินกวาดสายตาไปจึงเห็นมากขึ้นและความคิดสั่นเทา

เบื้องหลังภูเขาซากศพคือมังกรยักษ์แปดตัวขนาดหลายแสนฟุต พวกมันอ้าปากออกและเปล่งกลิ่นอายดุร้าย อย่างไรก็ตามพวกมันเป็นเพียงแค่ก้อนหินแต่ก็มีพลังลึกลับที่ทำให้ลอยอยู่นิ่งๆได้

หัวเหล่ามังกรหันมาเผชิญหน้ากับแท่นราวกับกำลังร้องคำรามใส่คนที่เคยนั่งบนบัลลังก์!

ด้านหลังเหล่ามังกรยังมีราชรถสงครามขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ราชรถเหล่านี้ดูน่ากลัวและปกคลุมด้วยหนามแหลม ทั้งยังมีคราบโลหิตสีดำติดอยู่ เห็นได้ชัดว่าเคยร่วมรบในการต่อสู้ครั้งใหญ่ในอดีต

มีเหล่าเซียนนับไม่ถ้วนอยู่บนกระบี่เหินซึ่งลอยอยู่ด้านหลังราชรถสงคราม แม้ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นหินไปแล้วแต่พวกเขายังลอยนิ่งอยู่บนอากาศและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ด้านหลังพวกเขามีเหล่าเซียนไม่ถ้วนกว่าล้านคน พวกเขายังมีท่าทีเหมือนตอนที่ยังมีชีวิต ราวกับต้องการพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง

จำนวนของเหล่าเซียนดูเหมือนจะมีมากมายสุดลูกหูลูกตา…

ยังมีร่างสูงตระหง่านหลายร้อยตนที่หันหลังให้กับแท่นหิน พวกเขาสะบัดแขนตนเองราวกับกำลังขับเคลื่อนบางอย่างออกไป…ห่างออกไปไกลมีร่างเงาแปดร่างขนาดใหญ่เท่าตำหนักและดูเหมือนกำลังปรากฏตัว พวกเขาอยู่ท่ามกลางเหล่าเซียนและเริ่มการสังหารหมู่

ยิ่งหวังหลินเห็นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น เขาค่อยๆเลื่อนสายตาไปที่บัลลังก์และเห็นร่างเซียนผู้หนึ่งด้านหน้าบัลลังก์

เซียนคนนี้กำลังถือร่มคันหนึ่งพร้อมกับลอยตัวอยู่ในอากาศ แม้เขาจะเปลี่ยนเป็นหินไปแล้วแต่แขนซ้ายยกขึ้นและชี้ไปที่บัลลังก์!

ขณะที่หวังหลินเลื่อนสายตาไป เขาเห็นคนสุดท้ายในตำหนักที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังคนที่ถือร่ม!

เขาเป็นเซียนที่กำลังหลับตา แต่กลับลอยตัวในอากาศโดยที่แขนซ้ายกำหมัดเสมือนคว้าอะไรบางอย่าง แขนขวาโน้มออกไปราวกับกำลังดึงบางอย่าง

ราวกับวางคันธนูในมือและรั้งสาย!

ในตำหนักมีเพียงแค่เสียงเทียนที่กำลังเผาไหม้อยู่เบาๆ หลังจากผ่านไปสักพัก หวังหลินจึงถอนสายตาและมองไปที่แท่นขนาดยักษ์ ขบคิดเล็กน้อยจึงร่อนลงบน แท่นหิน

เมื่อยืนอยู่ตรงนี้หวังหลินจึงเห็นเหล่าเซียนมากมายที่มีท่าทีดุร้าย สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับจิตสังหารทั้งหมดนี้ถูกรวมกันมาใส่หวังหลิน

จิตสังหารจากแปดทิศทางดูเหมือนจะเป็นรูปร่างและพุ่งเข้าหาเขา

หวังหลินถอยหลังไปหลายก้าวเบื้องหน้าบัลลังก์ ใบหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม

รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้บังลังก์ได้เปล่งจิตสังหารมหึมา ราวกับลูกธนูทะยานผ่านเหล่าเซียนนับไม่ถ้วน ราชรถ สมาชิกเผ่าโบราณและทุกๆอย่าง ผ่านตรงเข้าหาคนบนบัลลังก์!

ขณะที่กำลังขบคิด มีพลังสายหนึ่งกำลังดึงเขา เสียงที่ปรากฏขึ้นห้าครั้งในจิตใจหวังหลินได้ทำให้หวังหลินค่อยๆนั่งลงบนบัลลังก์!

ขณะที่เขานั่งลง ร่างกายสั่นเทาและขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นเขาก็เผยเป็นร่างเทพโบราณที่มีขนาดสูงหลายพันฟุต!

ดาวเทพโบราณหกดวงปรากฏขึ้นกลางหน้าผากและเริ่มหมุนวน ทว่าขณะนั้นพลังปีศาจโผล่ออกมาจากบัลลังก์และพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลินจากแขนซ้าย ท้ายที่สุดมันก็รวมกันในดวงตาข้างซ้าย ก่อเกิดเป็นดาวปีศาจหกดวง

พริบตาต่อมามีพลังมารมหึมาพุ่งออกมาจากบัลลังก์ มันพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลินผ่านแขนขวา รวบรวมในตาข้างขวา ก่อเกิดเป็นดาวมารหกดวง!

แม้ดวงดาวในตาทั้งสองข้างเสมือนเป็นภาพมายา แต่เมื่อพวกมันปรากฏขึ้นกลับหมุนโคจรเหมือนดาวหกดวงกลางหน้าผาก

พริบตานั้นความคิดหวังหลินสั่นเทา กาลเวลาดูเหมือนจะย้อนคืน เขาค่อยๆลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง ร่างกายปลดปล่อยสัมผัสแห่งบารมี เป็นกลิ่นอายกดขี่ทรงอำนาจ กลิ่นอายที่เป็นของคนที่มองหายนะอย่างเยือกเย็นจนทำให้โลกต้องถึงคราวล่มสลาย!

เขามองตรงหน้าและค่อยๆสงบนิ่งลง แต่สัมผัสแห่งอำนาจยิ่งรุนแรง ตอนนี้ กลิ่นอายที่หวังหลินเปล่งออกมาแม้แต่เซียนขั้นที่สามยังหายใจไม่ออก!

คนแรกที่สัมผัสกลิ่นอายนี้ได้คือหลิงตงที่อยู่ในเตาหลอมจักรพรรดิของหวังหลิน เขาเพ่งสมาธิเต็มที่เพื่อระงับโจวจินเอาไว้และร่วมกับเตาหลอมเพื่อหลอมเขา อย่างไรก็ตามในวินาทีที่กลิ่นอายกดขี่รวบรวมขึ้นมา หลิงตงหน้าซีดและท่าทีเปลี่ยนไปมหาศาล เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่ เขาถูกบังคับให้ออกจากเตาหลอมจักรพรรดิ ออกจากมิติและออกจากร่างหวังหลิน

ราวกับว่าหากเขาไม่ออกมาคงจะถูกกลิ่นอายนี้บดขยี้และสังหารไป ดวงดาวของหวังหลินหมุนติ้วอย่างรวดเร็วพร้อมกับบังคับหลิงตงออกมา เมื่อเขาเห็นหวังหลินจึงคุกเข่าลงบนแท่นในทันที

เพียงแค่เขาคุกเข่า แรงกดดันนั้นสลายลงไปเล็กน้อยแต่มันก็ยังรุนแรง ราวกับมีภูเขามากมายกำลังทับลงบนศีรษะ เขารู้สึกว่าตนเองไม่ใช่เซียนขั้นที่สามแต่เป็น คนธรรมดา ร่างกายสั่นเทาและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

ยังมีโจวจินที่เป็นเซียนขั้นที่สามอีกคนในเตาหลอมจักรพรรดิ เขาเป็นคนโอหังยิ่งและไม่ยอมรับใช้ใครแม้จะถูกหลอมอยู่ก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงตงกำลังขังเขาอยู่และถูกล้อมด้วยหยดน้ำพิษทั้งแปด เขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

อย่างไรก็ตามตอนนี้แรงกดดันที่ออกมาจากร่างหวังหลินได้ทำให้โจวจินถึงกับหน้าซีดและเกิดความคิดตื่นตระหนก แรงกดดันยังทำให้หยดน้ำพิษทั้งแปดรอบตัวเขาคลายลงโดยไม่คาดคิด ใบไม้โบราณยี่สิบใบถึงกับอ่อนลง!

วินาทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ร่างโจวจินกะพริบวาบและพุ่งออกมาจากเตาหลอมจักรพรรดิที่กักขังเขาเอาไว้ เขาพุ่งออกมาจากดวงดาวที่อยู่กลางหน้าผากหวังหลิน

วินาทีที่เขาปรากฏตัว แรงกดดันน่าตกตะลึงจากหวังหลินก็ร่อนลงใส่เขา ทำให้ สีหน้าเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จากนั้นเขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แววตาเกิดความหวาดกลัวรุนแรง

กลิ่นอายนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนร่างสั่นเทาและรู้สึกราวกับอีกฝ่ายเพียงแค่คิดก็ทำให้เขาแตกสลายได้แล้ว แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นที่สามระดับสวรรค์ดับสูญ เขาก็เป็นเพียงแค่มดแมลงเบื้องหน้าแรงกดดันนี้!

แม้กระทั่งห้าปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณก็ไม่สามารถทำให้โจวจินรู้สึกเช่นนี้ได้!

ราวกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกนี้ต้องรู้สึกหวาดกลัวและคุกเข่าต่อหน้าคนที่มี กลิ่นอายกดขี่ หากไม่คุกเข่าลง เจ้าคงต้องตาย!

กลิ่นอายทำการสะสมในร่างหวังหลินอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้ปะทุออก อย่างไรก็ตามการสะสมได้บรรลุระดับเหนือจินตนาการไปจนเหนือล้ำยิ่งแล้ว เขาราวกับเป็นจักรพรรดิของโลกใบนี้!

แม้กระทั่งสวรรค์ยังต้องก้มหน้าให้เขา!

แม้กระทั่งโลกยังต้องเทิดทูนบูชาเขา!

ร่างโจวจินสั่นเทาและมีโลหิตไหลออกจากมุมปากก่อนจะถอยไปหลายก้าว ขณะที่แรงกดดันตกลงมา เสียงปะทุดังออกมาจากสองขา ราวกับมีพลังสายหนึ่งกำลังกดไหล่เขาเพื่อให้ยอมจำนน!

อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่หลิงตงและไม่ได้ถูกหล่อหลอม ในฐานะเซียนขั้นที่สาม ผู้ทรงพลังและเป็นบรรพชนของเผ่าหมาป่าสวรรค์ เขาไม่ยอมคุกเข่าให้สวรรค์หรือเทิดทูนเทพตนใด ยิ่งมีแรงกดดันมากขึ้นก็ยิ่งทำให้เขาดิ้นรน เขาร้องคำรามและไม่ยอมคุกเข่า!

เขารู้แน่ชัดว่าหวังหลินไม่สามารถได้กลิ่นอายทรงพลังเช่นนี้ได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เขายังรู้ด้วยว่ากลิ่นอายนี้ไม่ใช่ของหวังหลิน หวังหลินแค่หยิบยืมมันมาใช้!

พลังนี้ถูกหยิบยืมมาจากบัลลังก์ประหลาดนั่น!

ด้วยเหตุนี้แรงกดดันจึงสามารถสลายไปได้ทุกเวลา อย่างไรก็ตามหากเขายอมแพ้ก่อนที่มันจะหายไปคงเป็นการทิ้งตำหนิไว้บนจิตใจแห่งเต๋าและเขาคงไม่อาจเดินออกมาจากเงาของคนอื่นได้ในฐานะเซียนขั้นที่สาม! ไม่เพียงแต่ระดับบ่มเพาะเขาจะหยุดลง แต่เขาคงกลายเป็นทาสรับใช้เหมือนหลิงตง!

เสียงคำรามดิ้นรนของโจวจินดังกึกก้องอยู่ในสถานที่เงียบงันแห่งนี้ หน้าผาก ปกคลุมด้วยเม็ดเหงื่อ เสียงปะทุดังออกมาจากร่างกาย สองขาสั่นเทาแต่เขากัด ฟันแน่น โลหิตไหลออกมาจากมุมปากและย้อมไปบนเสื้อผ้าให้แดงฉาน!

อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านแรงกดดันนี้ กลิ่นอายในตัวหวังหลินดูเหมือนสะสมจนเสร็จสิ้น ดาวสิบแปดดวงที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็วพลันหยุดลง!

วินาทีที่พวกมันหยุดหมุน แรงกดดันและกลิ่นอายที่รวมในร่างหวังหลินจึงระเบิดออก มันรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้นับสิบนับร้อยเท่าจนกวาดออกไปผ่านตำหนัก!

โจวจินกระอักโลหิต ความคิดไม่ปะติดปะต่อ จิตใจแห่งเต๋าแตกสลายและ การต่อต้านทั้งหมดพังทลาย ตอนนี้หวังหลินเป็นเหมือนจักรพรรดิไร้เทียมทานที่ครอบครองกลิ่นอายที่สามารถทำให้โลกนี้สั่นสะเทือนได้!

ชายร่างกำยำจากเผ่าหมาป่าสวรรค์กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาและเป็นเหมือนหลิงตง เขาไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นเลย…เขายอมจำนน…

หวังหลินดูเหมือนไม่ได้สังเกตสิ่งเหล่านี้เลย สายตาดูเหมือนทะลุหลิงตงกับโจวจินและมองไปตรงหน้า ในสายตาเขานั้นเหล่าเซียนรอบๆแท่นหินดูเหมือนได้สูญหายไปตามกาลเวลาเมื่อครั้งอดีตแล้ว

การฆ่าล้างสังหาร! สิ่งที่เคลื่อนไหวไม่ใช่เหล่าเซียนที่ตายไปแล้วรอบๆแท่นหิน แต่เป็นในใจหวังหลิน ฉากเหตุการณ์ที่ถูกฝังไว้ในอดีตได้ปรากฏขึ้นในสายตาเขา…

ร่มคันหนึ่งถูกกางออกในภาพเหตุการณ์นั้น

มีชายวัยกลางคนอยู่ใต้ร่ม เขามองเหล่าเซียนนับไม่ถ้วนที่กำลังพุ่งมาข้างหน้า ทั้งนี้ยังมองไปยังตัวตนที่อยู่บนบัลลังก์และชี้ใส่ด้วยมือซ้าย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version