1478. กลับบ้าน
มรดกแห่งปัญญาของตู่ซืออยู่กับเขามามากกว่าพันปี แต่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์แล้ว ตู่ซือเป็นแค่เทพโบราณแปดดาวขั้นสูงสุดเท่านั้น
แสงจากมรดกแห่งปัญญาพลันปรากฏขึ้นในมือ เขามองแสงนั้นชั่วครู่ก่อนจะโยนให้ต้าเสิน
“ข้ามอบให้เจ้า!”
ต้าเสินคุกเข่าอยู่บนพื้นพร้อมกับหน้าอกที่เต็มไปด้วยโลหิตและกำลังฟื้นฟูพลัง เขาไล่ล่าหาแสงนั้นจนต้องออกมาดินแดนชั้นนอก มรดกแห่งปัญญาที่ทำให้เขาบ้าคลั่ง
ร่างกายสั่นระริก
เขารอวันนี้มานานมาก…จากเศษเสี้ยวปีศาจในใจที่ถูกผนึกไว้หลายชั่วอายุคน ทำได้แค่เห็นหวังหลินขโมยมรดกแห่งปัญญาไป ความเกลียดชังและความโกรธที่เขารู้สึกช่างมีมากมายมหาศาล
การจะได้มรดกแห่งปัญญามาครอบครอง เขายอมทำทุกอย่าง หลังจากทะลวงผนึกออกมาได้เขาจึงครอบงำร่างของตู่ซือและเริ่มการค้นหาอย่างยาวนาน มันเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความขมขื่น!
เขาเฝ้าฝันถึงวันที่จะแยกมรดกแห่งปัญญาออกมาจากหวังหลินเพื่อให้การ สืบทอดของเขาสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามเขากลับไม่เคยคิดว่ามรดกแห่งปัญญาที่ฝันหามาตลอดนี้จะกลับมาหาเขาโดยที่หวังหลินยินยอม!
พอถือมรดกแห่งปัญญา ต้าเสินจึงเงียบเสียงอยู่พักใหญ่ เขาเงยศีรษะขึ้นและมองหวังหลินด้วยสายตาอันซับซ้อน
“ขอบคุณ…”
ต้าเสินไม่เคยกล่าว “ขอบคุณ” มาก่อนในชีวิต คำพูดนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัว ไม่มีใครมีค่าพอจะให้เขาพูดขอบคุณ ในใจเขาไม่จำเป็นต้องขอบคุณใครเลย!
ความเย่อหยิ่งและโอหังฝังลึกในกระดูก!
“มรดกแห่งปัญญาของตู่ซือ เมื่อมันสมบูรณ์ เขาจะตื่นขึ้นหรือไม่ เจ้าจะหายไปหรือไม่ ข้าไม่รู้…” หวังหลินเพียงแค่รับส่วนหนึ่งของมรดกบัญชาโบราณเข้ามา แต่มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครนอกจากเขาจะได้มันไปอีก
หากวันหนึ่งระดับบ่มเพาะของหวังหลินสามารถมาถึงจุดที่เขายืนต้านได้อีก เขาก็จะกลับมาที่นี่และลงไปชั้นต่อไป…หลังจากทิ้งคำพูดเอาไว้ หวังหลินจึงสะบัดแขน หลิงตงและโจวจินผู้ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเป็นพยาน พวกเขาถูกหวังหลินเก็บเข้าไปในเตาหลอมจักรพรรดิ ส่วนร่างมารโบราณถูกเก็บเข้าไปในมิติเก็บของด้วย
หวังหลินเก็บใบไม้โบราณ กระบี่โลหิตและของชิ้นอื่นๆ เขาได้รับชิ้นส่วนมรดกและตอนนี้จึงรู้จักสุสานชั้นแรกดีกว่าใคร ระลอกคลื่นผุดขึ้นใต้ฝ่าเท้าและกำลังจะหายตัวออกไปจากตำหนัก
ทว่าขณะนั้น ร่างหวังหลินสั่นเทาและหยุดชะงัก เขามองเข้าไปในอากาศที่อยู่ห่างออกไป
ด้านทิศเหนือของตำหนัก เขาเห็นระลอกคลื่นหนึ่งในอากาศว่างเปล่า ระลอกคลื่นขยายขนาดแพร่กระจายออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันผุดออกมาจากตาข่ายมายาและผุดเงาขนาดยักษ์ขึ้นมา
สิ่งที่อยู่นอกตาข่ายไม่อาจเห็นได้ในตำหนัก แต่หวังหลินมองเห็นเงาสีดำขนาดยักษ์ด้านหลังตาข่ายมายาได้ชัดเจน!
เงาสีดำนี้เป็นรูปทรงวงรีและมีขนาดใหญ่มาก หนวดนับไม่ถ้วนปัดป่ายไปมาและมีกลิ่นอายเทพโบราณจำนวนมากผุดออกมาจากปากมันพร้อมกับโจมตีตาข่ายมายาไปด้วย!
มันคืออสรพิษพิฆาตจันทร์!!
มีเซียนสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนหัวเจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์ พวกเขาคือจี่เฉียนเทียนและหวู่ต้าวซาน! ทั้งคู่ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งราวกับเฝ้าระวังเรื่องที่ไม่คาดฝัน
ทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องใช้แท่นหินเพราะอสรพิษพิฆาตจันทร์ทำให้พวกเขาเคลื่อนผ่านสุสานมาได้เหมือนต้าเสิน ทั้งสองกำลังจะใช้อสรพิษพิฆาตจันทร์บังคับเข้ามาในตำหนักแห่งนี้
อย่างไรก็ตามเขตอาคมรอบๆตำหนักล้วนแข็งแกร่งเกินไป ตามการวิเคราะห์ของแต่ละคน แม้กระทั่งอสรพิษพิฆาตจันทร์ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะหลอมละลายเขตอาคมนี้ได้
ทั้งสองคนจึงเคร่งเครียด ทำได้แค่รออย่างไม่ประมาทเท่านั้น
หวังหลินดวงตาสว่างวาบและเผยท่าทีเยาะเย้ย ก้าวเท้าไปข้างหน้าและมาถึงด้านข้างตาข่ายมายาด้านทิศเหนือของตำหนัก จากนั้นแขนขวายื่นออกไปและฉีกกระชากตาข่าย!
รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ถูกฉีกเปิดออกพร้อมกับเสียงดังสนั่นกึกก้อง จี่เฉียนเทียนและหวู่ต้าวซานต่างก็ตกตะลึงกันทั้งคู่ พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเนื่องจากมีสายลมรุนแรงพัดออกมาจากรอยแตกร้าว
พลังในสายลมไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อต้านได้ จึงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและกระอักโลหิต พวกเขากระทั่งไม่เห็นหวังหลินหรือไม่รู้ว่าสายลมมาจากไหน ขณะที่กระอักโลหิตจึงถูกดึงเข้าไปในมิติเก็บของของหวังหลินไปด้วย
แม้กระทั่งร่างยักษ์ของอสรพิษพิฆาตจันทร์ก็ยังถูกสายลมกรรโชกดึงเข้าไป ดวงตามืดมนของมันเปลี่ยนเป็นชัดเจน ผนึกบนร่างอสรพิษพิฆาตจันทร์กะพริบอย่างรุนแรง
หวังหลินก้าวออกมาจากรอยแยกและสะบัดสองแขนโดยไม่ลังเล อสรพิษพิฆาตจันทร์สั่นเทาและเกิดรอยแยกอวกาศขนาดใหญ่ขึ้นเบื้องหลังมัน จากนั้นดูดเจ้าอสรพิษเข้าไปในมิติเก็บของ
‘ลั่วเฉิน…น่าจะยังอยู่ในอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้…’ ก่อนหน้านี้ลั่วเฉินช่วย หวังหลินเอาไว้ หวังหลินคิดขึ้นมาก่อนจะเก็บเจ้าอสรพิษไปและหายตัวไปจากที่นี่
ทั้งตำหนักแห่งนี้เกิดความเสียหายและไม่สมบูรณ์ ตอนนี้เหลือเพียงต้าเสินที่ตะลึงงันอยู่ในตำหนัก เขารู้สึกไม่มีความสุขกับการได้รับมรดกแห่งปัญญา มีเพียงความลังเลและความงุนงง
มรดกที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือยัง ‘ตู่ซือ…ตั้งแต่ที่ข้าเกิดมา ข้ารู้ว่าข้าเป็นเศษเสี้ยวมารในใจของเจ้ามาเสมอ…อย่างไรก็ตามความทรงจำนี้คือความจริงหรือหลอกลวง…เจ้าตายไปด้วยเคล็ดวิชาธารหมึกจริงหรือไม่…หรือ…เป็นข้าที่อยู่ในส่วนของเคล็ดนั้น…ข้าคือต้าเสิน…หรือตู่ซือ…’ แววตาสับสนของต้าเสินได้รุนแรงยิ่งขึ้น เขาคุกเข่าอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆและดูเหมือนลืมเลือนกาลเวลาไปเสียสนิท
ภายในสุสานโบราณ ขณะที่รอยแยกอวกาศออกไปสู่ดาราจักรโบราณได้ปิดลง สายหมอกก็ยิ่งหนาแน่นและโหมกระหน่ำเหมือนทะเล ตอนนี้เซียนบางส่วนยังมีชีวิตอยู่ในสุสานโบราณ
ใครก็ตามที่สามารถรอดชีวิตได้จากความโกลาหลก่อนหน้านี้ต่างก็เป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการและทรงพลังยิ่ง มีแค่พวกเขาเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถใช้วิธีการหลายอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายทั้งหมดได้
ต้องกล่าวได้ว่าพวกเขาคือหัวใจสำคัญของหลากหลายเผ่าในดาราจักรโบราณ!
เวลานี้ในแผนที่แห่งที่เก้า ภายในความผันผวนไร้ที่สิ้นสุด หวังหลินก้าวเดินออกมาในพื้นที่ที่แตกต่างจากตำหนัก หลีกเลี่ยงสตรีทรงเสน่ห์ไปได้
หวังหลินไม่สนใจเซียนคนใดในสุสาน ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน จอมมารเก้าสวรรค์ เฒ่าพิษเดียวดายและเซียนผู้แข็งแกร่งอื่นคนอื่นๆทั้งหมด แม้พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บจากเสียงคำราม ในฐานะที่พวกเขาเอาชีวิตรอดมาได้หลายหมื่นปี พวกเขาต่างก็มีวิธีของตัวเองอยู่แล้ว
หวังหลินไม่ได้มีความคิดบ้าๆที่จะสังหารพวกเขาทั้งหมดเหมือนตอนที่ต่อสู้กับราชันย์ ซึ่งมันอยู่ในแผนการของหวังหลิน
สุสานโบราณถูกหวังหลินปิดผนึกไปแล้ว คนเหล่านี้ถูกขังไว้ที่นี่ ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อีกนาน นี่ก็เพียงพอแล้ว!
หลังจากปรากฏตัวขึ้นมา หวังหลินยื่นแขนขวาออกไปในความว่างเปล่า แผนที่แห่งที่เก้าสั่นเทา ระลอกคลื่นดังกึกก้องราวกับกำลังฉีกขาด ปรากฏรอยแยกอวกาศขนาดใหญ่ขึ้นมา
เสียงดังลั่นออกมาจากรอยแยกและมีตำหนักสีทองขนาดยักษ์โผล่ขึ้นข้างใน
‘ตำหนักปฐพี…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาได้รับความทรงจำส่วนหนึ่งของเย่โม่มา ดังนั้นจึงรู้วิธีการผ่านตำหนักปฐพีแห่งนี้
ตำหนักสีทองขนาดยักษ์มีหน้าต่างสามบานและประตูที่ถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา อย่างไรก็ตามหวังหลินสามารถเห็นเงาทั้งสามที่นั่งอยู่ข้างในได้ชัดเจน
แรงกดดันรุนแรงโผล่ออกมาจากตำหนักและล้อมรอบพื้นที่ไปด้วย
เมื่อตำหนักปรากฏ เหล่าเซียนทั้งหมดใจสุสานจึงสังเกตได้โดยเฉพาะปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน จอมมารเก้าสวรรค์และเฒ่าพิษเดียวดาย
วินาทีที่ตำหนักปฐพีถูกอัญเชิญออกมา หวังหลินย้ายมันเข้าไปในมิติเก็บของของตัวเอง จากนั้นหันกลับมาและก้าวเท้า
หายวับไปทันที
หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งในแผนที่แห่งที่ห้าซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีใบไม้โบราณ สถานที่แห่งนี้ยังคงมีรูปร่างเหมือนเดิมตอนที่หวังหลินจากไปและยังไร้สัญญาณพังทลาย หวังหลินสะบัดแขนขวาและปรากฏใบไม้โบราณขึ้นมาหนึ่งใบ เขาใช้มันเพื่อเปิดดินแดนแห่งนี้และเก็บใบไม้กลับ
ทุกอย่างเหมือนเดิมเช่นก่อนหน้านี้ วังวนที่ลอยอยู่เหนือพื้นยังคงอยู่ดีและหมุนอย่างช้าๆ
หวังหลินมาถึงใกล้วังวนและขบคิดเงียบๆ เนื่องด้วยเขามีการเชื่อมต่อกับสุสานโบราณจึงได้รู้ว่าเซียนที่รอดชีวิตทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ามาหาเขา บางส่วนที่ทรงพลังได้จับเป้าหมายเป็นเขาไว้แล้ว
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง แขนขวาสร้างผนึก สะบัดใส่ท้องฟ้า จากนั้นผนึกหายไปอย่างไร้ร่องรอย สายหมอกด้านล่างแผนที่ทั้งเก้าแห่งกู่ร้องคำรามและมีเสียงแหลมดังกึกก้อง ราวกับดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนกำลังเผยตัวตนจากเบื้องล่าง!
‘ข้าจะขอมอบของขวัญไว้ให้ก่อนไป!’ ผนึกของหวังหลินใช้เพื่อเปิดสุสานชั้นที่สอง!
ขณะที่หวังหลินก้าวเท้าเข้าไปในวังวน พลันเผยสีหน้าเยาะเย้ย วินาทีที่เขาหายวับไป แขนขวายื่นออกมา ดินแดนผนึกทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับวังวน!
เมื่อดินแดนผนึกหายไปแล้ว ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินและคนอื่นๆก็มาถึง! อย่างไรก็ตามพวกเขาช้าเกินไปแล้ว เบื้องหน้าไม่มีอะไรอยู่!
ขณะเดียวกันที่หวังหลินจากไป ต้าเสินดูเหมือนจะคิดขึ้นได้ในใจ เขาถือมรดกแห่งปัญญาและกดมันใส่กลางหน้าผาก!
ณ ดินแดนชั้นใน ด้านล่างแดนสวรรค์อัสนี ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ตอนนี้รอยแยกอวกาศแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาเงียบๆในจุดที่ทันหลางหายตัวไปก่อนหน้านี้ ร่างสีขาวผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา
เมื่อร่างนั้นก้าวเดิน กลิ่นอายน่าตกตะลึงพรั่งพรูออกจากร่างและเปลี่ยนกลายเป็นแรงกดดันกวาดผ่านทุกชั้นฟ้า แรงกดดันนี้ทรงพลังมากพอทำให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่นี่ต้องสั่นสะท้าน!
ปรมาจารย์ลั่วฟู่เป็นคนแรกที่สัมผัสมันได้ชัดเจน! เขาตื่นจากการบ่มเพาะทันที!
‘ไม่ใช่ดินแดนชั้นนอกจริงๆแต่เป็นดาราจักรทุกชั้นฟ้าในดินแดนชั้นใน…ถึงเวลากลับบ้านแล้ว…’ ร่างชุดขาวขบคิดอยู่ชั่วขณะและเผยรอยยิ้ม