Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1479

Cover Renegade Immortal 1

1479. ดาราจักรทุกชั้นฟ้าเตรียมตัวรบ

ในดาราจักรทุกชั้นฟ้ามีบรรยากาศตึงเครียด พื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของดาราจักรมีค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากดาวทั้งสี่ร้อยสามสิบเก้าดวง มีเซียนหลายคนอยู่ด้านนอกค่ายกล กำลังวางผนึกลงไปเพื่อเสริมกำลังค่ายกล

ไกลออกไปมีลำแสงสีแดงหลายเส้นร้องคำรามพร้อมกับเหล่าเซียนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวภายใต้คำสั่ง พวกเขาทำการเลือกดาวเคราะห์เซียนจำนวนมากที่ถูกบังคับให้ลากมาที่นี่

พื้นที่ชั้นในของค่ายกลดาวเคราะห์มีเมฆหมอกอยู่จุดหนึ่ง หมอกที่นี่ไม่ได้หนาแน่นและมองเห็นชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างในได้ชัดเจน

ชายชราผู้นี้สวมชุดคลุมเต๋าและเปล่งสัมผัสแห่งบารมีออกมาโดยไร้ความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อยแต่ภายในร่างเขามีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับบรรจุสายฟ้าเอาไว้มากมาย

ชายชราผู้นี้คือเซียนขั้นที่สามแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้า เซียนขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้น ปรมาจารย์ลั่วฟู่!

ในดินแดนชั้นในนั้นพบเจอเซียนขั้นที่สามได้ยากยิ่ง สถานะของปรมาจารย์ลั่วฟู่จึงสูงส่งเทียมฟ้า เหล่าเซียนคนอื่นๆทั้งหมดเป็นเพียงแค่มดแมลง!

กล่าวได้ว่าปรมาจารย์ลั่วฟู่เป็นองครักษ์ของทั้งดาราจักรทุกชั้นฟ้าและเป็นคนที่เริ่มสงครามต่อสู้กับดาราจักรพันธมิตรเซียน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ต้าเสินได้บังคับให้เขาต้องหนีเอาตัวรอดจนตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่

ตอนที่ต้าเสินปรากฏตัวขึ้นในทุกชั้นฟ้าอีกครั้ง ปรมาจารย์ลั่วฟู่หวาดกลัวยิ่งและซ่อนตัวเองด้วยวิธีพิเศษ จนกระทั่งต้าเสินจากไปแล้วเขาจึงได้กลับมา

เขาฟื้นฟูตัวเองมานานหลายปี แม้ไม่ได้มีเพลิงนรกานต์เพียงพอแต่เขามีวิธีของตัวเองในการฟื้นฟูพลังจากการต่อสู้กับต้าเสิน แต่มันก็ช้ามาก

ทุกอย่างสงบสุข จนกระทั่งวันนี้ เมื่อหวังหลินออกมาจากสุสานโบราณและมาถึงดาราจักรทุกชั้นฟ้า ปรมาจารย์ลั่วฟู่ลืมตาขึ้นและดวงตาส่องสว่าง!

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้คิด เขาสัมผัสถึงแรงกดดันทรงพลังของหวังหลินที่แพร่กระจายข้ามผ่านทุกชั้นฟ้าได้ ปรมาจารย์ลั่วฟู่สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและรีบลุกขึ้นยืน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง มองไปข้างหน้าราวกับสายตาสามารถ เจาะทะลุทุกอย่างและเห็นหวังหลิน!

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้เห็นอะไรชัดเจน พลังรุนแรงสายหนึ่งพุ่งเข้าหาสัมผัสวิญญาณเขา ก่อกวนจิตใจและทุกอย่างเบื้องหน้าจึงพร่ามัว

ปรมาจารย์ลั่วฟู่สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้งและขมวดคิ้ว

‘เขาเป็นใครกัน…ข้ามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาเลย แต่สัมผัสวิญญาณเขาดูคุ้นๆ…เขาน่าจะยังไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกหวาดกลัวเขาขนาดนี้แม้จะเป็นเพียงร่างพร่ามัว?’

ปรมาจารย์ลั่วฟู่ไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในค่ายกลดาวเคราะห์ มีผู้อาวุโสอีกสี่คนที่นั่งอยู่รอบๆเขา เมื่อปรมาจารย์ลั่วฟู่ยืนขึ้น ผู้อาวุโสอีกสี่คนสั่นสะท้านและมองมาที่ปรมาจารย์ลั่วฟู่

หากหวังหลินอยู่ที่นี่คงจะจำทั้งสี่คนนี้ได้!

คนแรกคือปรมาจารย์จงเฉินแห่งอารามเทพอัสนี คนที่สองคือลี่หยุนจื่อที่หวังหลิน ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส คนที่สามคือบรรพชนตระกูลเหยาผู้ไล่ล่าหวังหลินและถูก ฉิงชุ่ยหยุดเอาไว้ เทพโลหิต!

นอกจากทั้งสามคนนี้แล้ว คนสุดท้ายคือเซี่ยงหยุนตง!

เซี่ยงหยุนตงเป็นคนที่พาหวังหลินมาที่ดาวตงหลินและให้บรรพชนตระกูลเซี่ยงหลอกหวังหลินจนเกือบโดนสูบพลังชีวิตไปเกือบหมด!

ปรมาจารย์จงเฉินติดตามปรมาจารย์ลั่วฟู่มานานที่สุด เมื่อเห็นสีหน้าของปรมาจารย์ลั่วฟู่เปลี่ยนไปเขาจึงตกตะลึง หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อยจึงคำนับฝ่ามือและเอ่ยถามอย่างเคารพ “ผู้อาวุโส เกิดอะไรขึ้น?”

ลี่หยุนจื่อและคนอื่นๆมีสายตามืดมน พวกเขาเกิดความรู้สึกแย่ๆขึ้นในใจ ปรมาจารย์ลั่วฟู่เป็นตัวตนที่ทรงพลังเกินจินตนาการในขั้นที่สาม ตัวตนเช่นนี้คือตำนานและมีน้อยมากที่จะทำให้พวกเขาตะลึงจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้

อย่างไรก็ตามก่อนที่ทั้งสี่คนจะได้รับคำตอบจากปรมาจารย์ลั่วฟู่ พวกเขาพลันรับรู้ถึงแรงกดดันข้ามผ่านดวงดาวเข้ามาจนทำให้หัวใจต้องสั่นสะท้าน

แรงกดดันนี้ทรงพลังยิ่งยวดและทำให้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างทรงพลังกระแทกเข้าใส่ สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาล ความคิดสั่นไหว พวกเขาเกิดภาพมายาว่าคงจะแตกสลายภายใต้แรงกดดันนี้

โชคดีที่แรงกดดันเพียงแค่ผ่านไปในพริบตา อย่างไรก็ตามเพียงแค่ชั่วพริบตาก็ทำให้สีหน้าแต่ละคนซีดเผือดและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาคาดเดาได้เลือนลางว่าทำไมตัวตนที่เป็นตำนานเช่นปรมาจารย์ลั่วฟู่ถึงได้มีท่าทีเช่นนี้!

ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดวงตาส่องสว่างขึ้น เขาระมัดระวังอยู่เสมอและไม่ชอบเสี่ยง ครั้งที่เขาเสี่ยงเป็นผลให้เขาสูญเสียครั้งใหญ่จากต้าเสิน ไม่เพียงแต่จะเกือบถูกสังหารแต่เขาหลบหนีต้าเสินเหมือนหมาจรจัด

ดังนั้นการกระทำของเขาจึงระมัดระวังยิ่งขึ้น แรงกดดันจากก่อนหน้านี้ทรงพลังมากพอจะสั่นสะเทือนเขาได้เลย ในเวลานี้ขณะที่หลายสิ่งยังไม่ชัดเจน เขาไม่ยอมไปตรวจสอบด้วยตัวเองแน่ พอคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าทั้งสี่ จัดตั้งกระจกทุก ชั้นฟ้า ข้าอยากเห็นว่ามันเป็นใครและทำไมถึงมาที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า!”

ปรมาจารย์จงเฉินและพรรคพวกพลันพยักหน้าอย่างเคารพและสงบนิ่งลง พวกเขารีบเคลื่อนตัวไปคนละทิศในสี่มุมและนั่งลง สองฝ่ามือรีบสร้างผนึก วิชานี้เป็นวิชาที่ปรมาจารย์ลั่วฟู่มอบให้และให้พวกเขาทั้งสี่ฝึกฝนจนกระทั่งเชี่ยวชาญ

สองฝ่ามือแต่ละคนสร้างผนึก แสงสีขาวกะพริบวูบวาบ แสงสีขาวส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆระหว่างทั้งสี่คน วินาทีต่อมาจึงปรากฏกระจกขาวทันที!

กระจกเต็มไปด้วยระลอกคลื่นและยังพร่ามัว ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดวงตาส่องสว่าง แขนขวาสร้างผนึก จากนั้นชี้นิ้วไปตรงๆใส่ผิวกระจก

ระลอกคลื่นบนกระจกหยุดในทันที ภาพในนั้นไม่บิดเบือนอีกแล้ว ดาราจักรดวงดาวปรากฏขึ้นในกระจกและมีคนผมขาวผู้หนึ่ง สวมชุดคลุมสีขาวกำลังทะยานร่างผ่านดาราจักรไปอย่างช้าๆ!

หวังหลินค่อยๆเคลื่อนร่างผ่านดาราจักรทุกชั้นฟ้า ทุกอย่างทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย แม้ดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่ใช่ดาราจักรพันธมิตรเซียน หวังหลินก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ที่นี่มากมาย

‘ข้าสงสัยจริงว่าคนที่ข้ารู้จักยังอยู่ดีหรือไม่…’ หวังหลินถอนหายใจ ทันใดนั้นพลันขมวดคิ้วและมองขึ้นไปบนดวงดาว อักขระสายฟ้าในตาขวากะพริบวาบ

“ไปซะ!”

หลังเอ่ยปากออกไป อักขระสายฟ้าลอยออกมาจากดวงตา โลกสั่นสะท้านในทันที อักขระสายฟ้าแทงทะลุผ่านอวกาศและหายวับไป!

ขณะที่กระจกผุดขึ้นและเห็นร่างผมขาวคนนั้น คำพูดของหวังหลินดังกึกก้องในหูของแต่ละคน

สายฟ้ามหึมาปะทุออกจากกระจกพร้อมกับเสียงดังลั่นกึกก้อง สายฟ้าแล่นวาบออกมาจากผิวกระจกและกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ

ปัง!

กระจกแตกละเอียดเป็นเศษเสี้ยว สีหน้าปรมาจารย์ลั่วฟู่เปลี่ยนไปและผลัก แขนเสื้อดันการทำลายนี้ให้ห่างจากตัวเอง!

อย่างไรก็ตามสายฟ้าไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นสู่อากาศ เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนไร้ก้นบึ้งใส่เซียนรอบๆ! สำหรับพวกเขาแล้วการเห็นสายฟ้าปกคลุมผืนดาราจึงเหมือนทัณฑ์สวรรค์กำลังตกลงมา!

ปรมาจารย์จงเฉินกระอักโลหิตและรีบล่าถอย แววตาไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น วินาทีนี้มีเสียงหนึ่งดังอุทานขึ้นในใจ!

‘หวังหลิน!!! มันคือหวังหลิน!!!’ เขาเห็นผมสีขาวและชุดสีขาวของหวังหลินได้ชัดเจน เขาไม่มีวันลืมร่างของหวังหลินไปชั่วชีวิต!

ลี่หยุนจื่อกระอักโลหิตออกมาเช่นกันพลางถอยไปด้วยความหวาดหวั่น เขาโต้ตอบกับหวังหลินมากที่สุดโดยเฉพาะครั้งสุดท้ายที่ถูกหวังหลินบังคับให้จนมุม ความทรงจำคราวนั้นสลักไว้ในใจเขา!

เขาจำได้ทันทีว่าร่างชุดขาวผู้นั้นคือหวังหลิน เขาทั้งตะลึงงันและไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้!

‘หวังหลิน!! นั่นมัน!!’ เทพโลหิตใบหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นระรัวและล่าถอย เขาไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น ไม่เคยคิดว่ามดตัวน้อยที่ถูกเขาไล่ล่าและคงต้องตายหากไม่ได้ฉิงชุ่ยมาช่วยนั้นจะปลดปล่อยแรงกดดันจนเขาต้องสั่นเทาขนาดนี้!

ทางด้านเซี่ยงหยุนตงแห่งตระกูลเซี่ยงด้วย ใบหน้าพลันซีดขาว เขามีระดับ บ่มเพาะอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม วินาทีนี้สายฟ้าจากวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้ทิ้งรอยแตกร้าวส่วนลึกไว้ในเต๋าแห่งจิตใจของเขาไปแล้ว

‘หวังหลิน!!’ เซี่ยงหยุนตงเผยแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ความคิดแรกคือเรื่องที่บรรพชนของเขาสูบพลังชีวิตของหวังหลินจำนวนมากไปเพื่อเป็นข้ออ้างในการรักษาภรรยา เป็นผลให้ทั้งสองคนมีความบาดหมางกัน!

เดิมทีแล้วตระกูลเซี่ยงไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว ไม่ว่าหวังหลินจะแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อเทียบกับตระกูลเซี่ยงก็เหมือนใช้ไข่ตีเข้ากับก้อนหิน อีกทั้งบรรพชนตระกูล เซี่ยงปิดด่านบ่มเพาะมาหลายหมื่นปี การมีเขาอยู่ที่นี่จึงยากจะมีใครมาล่วงเกิน

“ผู้อาวุโส ระดับบ่มเพาะของเขา…” เซี่ยงหยุนตงระงับความหวาดกลัวในใจและมองไปที่ปรมาจารย์ลั่วฟู่

ปรมาจารย์ลั่วฟู่มีท่าทีมืดมนพลางมองไปยังก้อนเมฆสายฟ้าสูงส่งที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วดาราจักร หลังจากผ่านไปสักพักจึงค่อยเอ่ยขึ้น “หวังหลิน…ข้าจำได้แล้ว ตอนที่อยู่ในดินแดนเทพโบราณในดาราจักรพันธมิตรเซียน ข้าพบเขาที่นั่น…”

ปรมาจารย์ลั่วฟู่กะพริบแววตาอันซับซ้อน จากนั้นก้าวเดินเข้าไปในส่วนลึกของ วังวนในค่ายกล

“เขาไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม…แต่…ข้าไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้ ข้าไม่สนว่าเรื่องระหว่างเจ้าและเขาเกิดอะไรขึ้น จงพักอยู่ที่นี่และเจ้าจะปลอดภัย!”

เมื่อประโยคนี้เข้าสู่จิตใจแต่ละคน พวกเขาจึงขบคิดเงียบๆ

ปรมาจารย์จงเฉินดวงตาส่องสว่างและค่อยๆสงบลง เขาถามตัวเองและรู้ว่าไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีต่อหวังหลิน เขากระทั่งช่วยหวังหลินไปอีกเล็กน้อยจึงเกิดความมั่นใจ แต่ก็ยังมีความตกตะลึงค้างอยู่ในใจด้วย

ลี่หยุนจื่อสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปหลายครั้ง หลังจากนั้นสักพักจึงถอนหายใจ

คนที่เคร่งเครียดที่สุดคือเทพโลหิตและเซี่ยงหยุนตง

ขณะต่อมาเซี่ยงหยุนตงคำนับฝ่ามือให้กับปรมาจารย์ลั่วฟู่และมองไปที่อีกสามคนด้วยสายตาซับซ้อน เขาต้องการส่งข่าวนี้กลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมการ หวังหลินเป็นคนที่แม้กระทั่งปรมาจารย์ลั่วฟู่ซึ่งเป็นถึงบรรพชนแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้าก็ไม่กล้าต่อสู้ด้วย แล้วตระกูลเซี่ยงของเขาเล่า? เพียงแค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกกลัวแล้ว

ส่วนทางด้านเทพโลหิต เขาขบคิดเล็กน้อยและจากนั้นก็นั่งลง เขาเอง…ไม่กล้าออกไปไหน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version