15. ความสงสัย
จางฮู่วิ่งไปที่โต๊ะอย่างงุนงง เขาพยายามเทน้ำจากเหยือกลงในแก้วเป็นเวลานานแต่ไม่มีสักหยดหลุดออกมา เขาเกลือกตาและมองไปที่ผ้าห่มที่ยับยู่ยี่เป็นลูกบอลจากนั้นจ้องไปที่หวังหลิน “หวังหลินนายกลับมาเมื่อไหร่? นี่…นี่เป็นผีหรือนี่?”
หวังหลินยิ้มจากนั้นเขาเปิดประตูก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่รู้ ตอนข้ากลับมามันก็เป็นแบบนี้แล้ว ทำไมนายไม่ลองถามศิษย์คนอื่นดู? ถึงอย่างนั้นถ้าเหล่าผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้มันคงอธิบายได้ยากว่าเกิดอะไรขึ้น”
จางฮู่ส่ายหัว “ลืมมันไปเถอะว่าข้าไม่ได้ถาม ถ้าข้าโดนผู้อาวุโสถามเข้ามันคงยากที่จะหนีบทลงโทษได้”
หวังหลินไม่คิดอะไรมากและเดินออกประตูไป ข้างนอกยังคงฝนตกดังนั้นเขาจึงก้าวเดินอย่างรวดเร็วกลัวว่าลูกปัดจะทำให้เกิดเรื่องฝุ่นวายในสายฝน เขาเดินไปเส้นทางเปลี่ยวเพื่อไปยังประตูทิศตะวันออก น้ำทั้งหมดที่ตกระทบเขาได้ดูดซึมเข้าไปยังลูกปัด และเขากลัวว่าใครสักคนจะสังเกตได้ แต่เดิมเขาต้องการซ่อนมันไว้ในห้องตัวเองแต่หลังจากคิดใคร่ครวญดูแล้วมันปลอดภัยกว่าถ้าจะนำไปไว้ข้างนอก
หวังลินไปที่ที่เขาได้ซ่อนน้ำเต้าเอาไว้ก่อนหน้านี้ มันยังเช้าตรู่และยังไม่ค่อยมีคนตื่นนัก เขาให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาก่อนจะฝังหินลูกปัดเอาไว้ตรงนี้
หลังจากนั้นเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก หวังหลินรอให้ฝนหยุดตกก่อนจากนั้นค่อยกลับไปนำสมบัติกลับ หวังหลินออกจากที่นี่อย่างรอบคอบ พอแน่ใจว่าไม่มีใครแถวนี้เขาจึงเดินไปทางบ้านที่โอ่งน้ำตั้งอยู่ เมื่อเขามาถึงจึงได้หยิบถังน้ำและได้เจอหน้ากับศิษย์ชุดเหลืองที่ออกมาพอดี ศิษย์หลิวผวาเล็กน้อยเมื่อเห็นหวังหลินแต่เขาก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วไปกระตือรือร้นที่ช่วยหวังหลินเต็มที่ เขารีบไปฉวยถังน้ำจากที่หวังหลินถืออยู่ก่อนจพูด “โอ้ ศิษย์น้องหวัง! กลับบ้านเป็นเช่นไรบ้าง? ครอบครัวเจ้าสบายดีนะ? พี่ใหญ่คิดถึงเจ้าเหลือเกินตอนที่เจ้าไม่อยู่”
หวังหลินตกตะลึง เขาคุ้นเคยเอามากๆกับใบหน้าแบบนี้ มันช่างเหมือนกับใบหน้าของเหล่าญาติของเขาในงานวันเกิด แต่หวังหลินไม่แน่ใจว่าศิษย์พี่หลิวต้องการทำไปเพื่ออะไร
“ศิษย์พี่หลิว ครอบครัวข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” หวังหลินตอบอย่างระมัดระวังคำพูด เขาไม่แน่ใจว่าพี่หลิวจะมาไม้ไหน
ศิษย์พี่หลิวพูดอย่างอบอุ่นราวกับอกเขากำลังพองออก “ศิษย์น้อง ตอนนี้เจ้าไม่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว พี่ใหญ่ของเจ้าแค่ล้อเล่นให้เจ้าเติมโอ่งให้เต็มสิบโอ่งในวันเดียวแต่เจ้ากลับทำมันได้และเชื่อข้าอย่างสนิทใจ จากนี้ต่อไปเจ้าเติมแค่โอ่งเดียวต่อวันก็พอ แม้เจ้าจะทำไม่เสร็จทันเวลาก็สามารถกินอาหารได้ ถ้าใครมีปัญหาอะไร แค่มาบอกพี่ใหญ่คนนี้!”
ใบหน้าของหวังหลินเปลี่ยนสี เขาถามอย่างอ้อมๆ “พี่ใหญ่ ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรหรือเปล่า?”
ศิษย์พี่หลิวแสดงใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจและทำเป็นโกรธ “ศิษย์น้อง ทำไมเจ้ามองข้าเหมือนคนแปลกหน้า เจ้าเป็นศิษย์น้องข้านะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าดีกับเจ้า การที่ข้าให้ความยุติธรรมในการทำงานก็เป็นเรื่องปกติ หลิวซิงรักษาคำพูดของเขาเสมอ วันนี้ฝนตกเจ้าไม่ต้องทำงานละกัน ยังไงก็ตามน้องรัก เจ้ารู้หรือเปล่าว่าไม่กี่วันก่อนผู้อาวุโสซุนมาหาด้วยตัวเอง แต่ว่าเจ้ากลับไปแล้ว เจ้าน่าจะไปพบเขาหน่อยนะ” พูดจบเขาก็มองไปที่หวังหลินเพื่อดูปฎิกิริยา
หวังหลินพึมพำกับตัวเองและเก็บเสียงหัวเราะออกมาดังๆ ในตอนนี้ เขาเดาได้ครึ่งทางแล้วหลังจากฟังศิษย์ที่หลิวพูด ผู้อาวุโสซุนมาเพื่อพบเขานั่นเอง และหลิวซิงคงจะเข้าใจผิดและพยายามประจบเขา นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงดูเป็นกันเองขนาดนี้ เขาไม่ได้รำคาญว่าศิษย์พี่จะเข้าใจผิดและทำเลียนแบบตอนที่เขาเจอศิษย์พี่หลิวครั้งแรกและถอนหายใจ
ศิษย์พี่หลิวกำลังดูท่าทีของหวังหลิน เพราะนี่จะทำให้เขายืนยันข้อสงสัยของตัวเองว่าขยะคนนี้กำลังมีชีวิตอยู่ในความฝันหรือไม่ เพื่อสามารถได้รับความสนใจจากผู้อาวุโส ไม่งั้นคงไม่กล้าทำตัวหยิ่งขนาดนี้ เด็กคนนี้ดูคล้ายกับคนที่ดูระวัง เขาคิดเข้าข้างตัวเอง “เขาจะต้องเอาคืนข้าภายหลังแน่ๆ”
ศิษย์พี่หลิวเป็นศิษย์สายนอกมา 13 ปีแล้วและเขาพึ่งพ้นจากการทำงานหนักเมื่อ 6 ปีก่อน เขาไม่เคยเห็นมาก่อนว่าผู้อาวุโสต้องการหาศิษย์สายนอกด้วยตัวเองมาก่อน มันต้องเป็นเรื่องที่หาได้ยากสำหรับศิษย์สายในที่ถูกส่งมาโดยผู้อาวุโส
ศิษย์พี่หลิวไม่ได้คิดว่าหวังหลินทำอะไรผิดต่ออาจารย์ แต่ที่เขาทำก็แค่การคาดคะเน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่แน่ใจ มันไม่น่าจะเป็นปัญหาถ้าหวังหลินเป็นฝ่ายถูก แต่จะเป็นเรื่องน่ากลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเรื่องนี้หวังหลินเป็นฝ่ายผิด เขาอยู่สำนักเหิงยั่วมาหลายปีและรู้ว่าเขาไม่ใช่คนสำคัญอย่างแน่นอน
พอคิดได้เช่นนี้เขาก็กัดฟันหยิบเอากระดาษสีเหลืองออกมาแผ่นนึงจากนั้นยื่นให้หวังหลิน “ศิษย์น้อง ตอนที่ข้าเห็นเจ้าเดือนที่แล้ว ข้าได้ทำผิดต่อเจ้าไป นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยไม่มีค่าอะไร เจ้าควรจะรับไป ถ้าเจ้าไม่ต้องการ…”
ก่อนที่ศิษย์พี่หลิ่วจะพูดจบหวังหลินก็หยิบกระดาษสีเหลืองไปเรียบร้อยแล้ว เขาได้เห็นมาก่อนแล้วว่าหวังหลินได้ใช้ยันต์เซียนเพื่อกลับบ้านมาก่อน
“ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่ ศิษย์น้องคนนี้ไม่ได้ต้องการเป็นคนอวดดีอะไร แต่ผู้อาวุโสกำลังรอข้าอยู่ แล้วเราค่อยมาเจอกันใหม่ครั้งหน้านะ” หวังหลินพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
ศิษย์พี่หลิวอิจฉาเล็กน้อยและพยักหน้า “ผู้อาวุโสสำคัญกว่า ศิษย์น้องรีบไปโดยเร็วเถอะ”
หวังหลินสงบอาการแต่ข้างในเต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับผู้อาวุโสซุน ทำไมเขาต้องการพบเขาเป็นการส่วนตัว? หวังหลินเดินไปที่ลานกลางอย่างสบายๆด้วยคำถามเหล่านี้ในหัว เขาได้คิดวิเคราะห์เหตุการณ์ไปหลายตลบ จนในที่สุดเขาก็มาถึงข้อสรุป
“หรือเขาจะพบลูกปัดข้าแล้ว?” หวังหลินคิด เขาครุ่นคิดคำถามเล็กน้อย เขาไม่มีความสามารถอะไรที่จะติดสินบนผู้อาวุโสได้ และถ้าเขาไม่ไปก็คงไปขัดใจผู้อาวุโสได้ ดังนั้นเขาอาจจะต้องแกล้งว่าเขาไม่รู้อะไร ตั้งแต่ที่ลูกปัดไม่ได้อยู่บนตัวเขา เขาก็หยุดคิดเกี่ยวกับมันและเดินไปข้างหน้าต่อไป
ไม่นานนักเขาก็มาถึงลานกลางและประกาศการมาถึงของเขา เด็กหนุ่มคนเดิมในชุดปรากฎขึ้นและตกใจ “อะไร เจ้าต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้งงั้นหรือ?”
หวังหลินยกคิ้วขึ้น แต่ก่อนจะได้พูดอะไร เสียงผู้อาวุโสซุนก็ดังออกมาจากในกลางลาน
“เร็วเข้า ส่งเขามาที่นี่! อย่าชัดช้า!”
ศิษย์ชุดขาวปากกระตุก เขานำหวังหลินและมองอย่างรอบคอบ จากนั้นนำกลับไปที่ลานกลาง หวังหลินเดินตามไปอย่างเงียบๆ
หลังจากมาถึงเขตขอบผู้อาวุโสซุน เด็กหนุ่มชุดขาวก็จากไป ก่อนจากเขามองที่หวังหลินด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม
หวังหลินหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนเขาจะเปิดประตูออกและเดินเข้าไป ขณะที่เขาเข้าไปนั้นได้เห็นชายแก่กำลังเดินออกมาจากห้องที่อยู่ในสวน ใบหน้าชายแก่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเหี่ยวย่น สายตาเป็นประกายและสำรวจหวังด้วยความเย็นชา