Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1501

Cover Renegade Immortal 1

1501. ไล่ล่าอสูรโลกันตร์ 1

ภายหลังออกมาจากดาวรานหยุน หวังหลินไม่ได้หยุดที่ไหนเลย ระลอกคลื่นดังกึกก้องใต้ฝ่าเท้า ท่องทะยานผ่านดวงดาวอย่างรวดเร็ว

เรื่องสุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่หวังหลินต้องทำ!

ในดาราจักรทุกชั้นฟ้ามีสถานที่โดดเดี่ยวที่สุดแห่งหนึ่ง มันเต็มไปด้วยสายหมอก หากเข้าไปมั่วๆจะหลงทางได้ง่ายๆและถูกขังไว้ข้างในตลอดกาล

มันคือแดนต้องห้ามในดินแดนทุกชั้นฟ้า!

เหล่าเซียนมักไม่ค่อยมาที่นี่ หากมีคนผ่านมาก็เลือกจะหลีกเลี่ยงและไม่กล้าเข้าไป

ข้างในสายหมอกอันกว้างใหญ่มีอสูรดุร้ายหน้าตาประหลาดอยู่พอประมาณและดูคุ้นตาในทะเลเมฆา แม้จะไม่ได้มีมากแต่พวกมันมีพื้นที่ของตัวเองอยู่ที่นี่!

สายหมอกส่งผลกระทบต่อสัมผัสวิญญาณ ดังนั้นจึงครอบคลุมพื้นที่ได้ยากขึ้น

หวังหลินปรากฏร่างอยู่นอกพื้นที่แถบนี้พร้อมกับเสียงระลอกคลื่น ขณะมอง สายหมอกหนาแน่นเบื้องหน้า ดวงตาพลันส่องสว่าง

หลังออกมาจากแดนสวรรค์อัสนี เขาถูกส่งเข้ามาในร่างอสูรประหลาดตัวนั้น จากนั้นก็พาเหล่าคนของเผ่าอมตะที่ถูกเลือกออกมาพร้อมกับเจอสายหมอกไปด้วย

เขายังเห็นอสูรขนาดยักษ์คล้ายปลาวาฬตัวนั้น อสูรโลกันตร์!

สิ่งสุดท้ายที่หวังหลินต้องทำในทุกชั้นฟ้าคือ…ไล่ล่าอสูรโลกันตร์!

อสูรโลกันตร์มีขนาดใหญ่และทรงพลังยิ่ง ทว่ามันกลับขี้ขลาดและซ่อนตัวจากศัตรูทั้งหมด นิสัยขี้ขลาดของมันเทียบไม่ได้กับร่างอันใหญ่โตได้เลย

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งใดในโลกนี้กลับกล้าจะไปล่วงเกินมันน้อยมาก แม้ปรมาจารย์ลั่วฟู่จะรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ เขากลับไม่กล้าคิดจะไล่ล่ามัน

แม้แต่ปรมาจารย์ลั่วฟู่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่ามันทรงพลังแค่ไหน หากมันมีนิสัยดุร้าย ดาราจักรทุกชั้นฟ้าคงพบกับภัยพิบัติ

ถึงเจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์จะตัวใหญ่กว่า มันก็ยังไม่กล้าตอแยกับอสูรโลกันตร์!

อสูรโลกันตร์รู้จักเพียงแค่สองวิชา วิชาแรกคือไร้ตัวตน แม้ร่างมันจะใหญ่ยักษ์หากมันไม่เผยตัวเอง ถึงแม้จะอยู่ข้างๆ ก็ยังยากจะสังเกตเห็น!

ด้วยนิสัยขี้ขลาดตามธรรมชาติ เมื่อมันรู้สึกถูกรบกวน มันจะเลือกเปลี่ยนเป็น ไร้ตัวตนในทันที

วิชาที่สองนั้นตรงข้ามกับวิชาแรกอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นอสรพิษพิฆาตจันทร์หรือปรมาจารย์ลั่วฟู่ ทั้งหมดต่างต้องวิ่งหนีเมื่อเผชิญหน้ากับวิชาที่สอง!

อสูรโลกันตร์มีดินแดนอยู่ในร่างกายของมัน มันจะใหญ่หรือเล็กก็มิอาจคาดการณ์ได้ วิชานี้รู้จักในชื่อ กลืนกิน!

ครั้งหนึ่งอสูรถูกบังคับให้จนมุม มันจะอ้าปากและกลืนกิน ดวงดาวสั่นเทา ไม่ว่าจะเป็นวิชา อสูร เหล่าเซียนหรือกระทั่งดวงดาว ทั้งหมดต่างถูกกลืนกินเข้าไปในร่างมันและถูกขังไว้ข้างใน!

อสูรโลกันตร์จะไม่อ้าปากไปอีกหลายหมื่นปี แต่กาลเวลายังคงไหลต่อไปเรื่อยๆ!

นั่นหมายความว่าเมื่ออสูรโลกันตร์เริ่มคิดจะกลืนกิน จะทำให้โลกที่อยู่ในร่างกายมันเปลี่ยนแปลงเวลาตั้งแต่หลักหมื่นไปถึงแสนปี!

มันไม่มีวิชาอันใดชะลอเวลา มีแต่ผ่านไปในพริบตา!

ลือกันว่าในยุคโบราณ มีอสูรโลกันต์ตัวเต็มวัยอยู่ตัวหนึ่ง มันถูกบังคับให้จนมุมและกลืนกินพื้นที่ดวงดาวเข้าไป หลายล้านปีผ่านไปในพริบตา พื้นที่ดวงดาวเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงและศัตรูทั้งหมดตายกันเป็นแถบ!

มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจอสูรโลกันตร์ พวกเขารู้แต่เพียงว่ามันไม่ได้เร่งเวลาขึ้นทุกครั้งที่กลืนกิน การทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดความกดดันหนักแน่นต่อตัวอสูรโลกันต์เอง

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังมีน้อยคนที่กล้าตอแย!

ความเข้าใจส่วนใหญ่ของหวังหลินเกี่ยวกับอสูรโลกันมาจากดินแดนชั้นนอก หลังจากดูดซับเซียนไปหลายคน ความเข้าใจเรื่องอสูรโลกันตร์จึงค่อยๆ ตกผลึก

เป็นเหตุที่ทำให้เขาสนใจอสูรโลกันตร์ตัวนี้เป็นอย่างยิ่งและตัดสินใจจับมัน!

“สิ่งเดียวที่ข้าสงสัยคือจักรพรรดิแห่งแดนสวรรค์อัสนีสามารถใช้อสูรโลกันตร์ได้อย่างไร…” พอจ้องสายหมอก ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เขาไม่เห็นอสูรโลกันตร์และรู้สึกว่ามันมีพลังเกินจินตนาการ เขาคิดว่ามันมีแค่ร่างกายที่ใหญ่โตและไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก

“จักรพรรดิเทพเป็นคนเก่งกาจ บางทีเขาอาจจะมีวิธีอื่นในการยืมพลังอำนาจของอสูร…” หวังหลินท่าทีเคร่งขรึมพลางก้าวเท้าพุ่งไปในสายหมอก!

เขาพุ่งไปอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา วินาทีที่เข้ามาจึงทำให้สายหมอกปั่นป่วน ราวกับภูติผีคร่ำครวญข้างๆหู

สายหมอกนี้ทำให้หวังหลินตื่นตัว ครั้งล่าสุดเขาพึ่งพาโชคมหาศาลและการเชื่อมต่อกับร่างดั้งเดิมจนค่อยๆ ออกมาได้ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจและท่องทะยานผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบๆ แม้จะไม่ได้ครอบคลุมทั้งดินแดน แต่พื้นที่ระยะหลายแสนฟุตกระจ่างชัดในใจ

หวังหลินคงไม่ใช้โจวจินและหลิงตงช่วยค้นหาเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย อสูรโลกันตร์ตัวนี้ไม่ใช่เซียนและขี้ขลาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมันรู้สึกมีสัมผัสวิญญาณรบกวน มันจะหนีทันที

หากมันแค่ทะยานหนีไปคงไม่อะไรมากนัก แต่เมื่อมันใช้วิชาไร้ตัวตน หวังหลินคงหามันได้ยากนัก! เขาไม่ได้ต้องการฆ่ามันแต่ต้องการให้เป็นอสูรแก่นชีวิตเทพโบราณ!

หวังหลินเคลื่อนร่างไปข้างหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม ทุกก้าวข้ามผ่านระยะหลายแสนฟุต ทะยานผ่านสายหมอกไปอย่างต่อเนื่อง มองหาร่องรอยของอสูรโลกันตร์

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แต่หวังหลินไม่เหน็ดเหนื่อยเลย เขาเหมือนนักล่าที่กำลังหาเหยื่ออย่างระมัดระวัง ในระหว่างกระบวนการนี้มีอสูรประหลาดหลายตัวปรากฏในสัมผัสวิญญาณ อย่างไรก็ตามถึงแม้พวกมันจะดุร้ายแค่ไหน เมื่อสัมผัสวิญญาณของหวังหลินผ่านเข้าไป ทั้งหมดตัวสั่นและไม่กล้าขยับ พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงด้วยซ้ำ

ภายในสายหมอก ร่างสีขาวกระพริบวูบวาบบ่อยครั้งและข้ามผ่านระยะทางมหาศาล หวังหลินทำการสืบค้นพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้ไปทั่วด้วยความระมัดระวัง

ไม่มีสัญญาณของอสูรโลกันตร์ ตั้งแต่ที่มันปรากฏตัวในครั้งก่อน ดูเหมือนมันจะหายตัวไป สีหน้าหวังหลินยังคงเคร่งเครียดและค้นหาต่อไปโดยไม่ย่อท้อ

หวังหลินทะยานร่างเข้าไปในหมอกลึกขึ้น เขาทิ้งรอยเท้าไว้เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้ไปแล้ว

ยังไม่พบเจอร่องรอยหรือเบาะแสของอสูรโลกันตร์ ราวกับมันจากไปแล้วและไม่อยู่ที่นี่

หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากขบคิดสักพักจึงล้มเลิกความคิดจะใช้โจวจินและหลิงตง เขาสงบนิ่งตัวเองก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งและค้นหาอย่างละเอียด

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ พื้นที่ที่หวังหลินค้นไปแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยจากครึ่งพื้นที่ดวงดาวไปจนเกือบแปดในสิบส่วน ตอนนี้หวังหลินหยุดลง ดวงตาส่องสว่าง สัมผัสวิญญาณจับจ้องไปยังสายหมอกเบื้องหน้า

ห่างจากหวังหลินไปสามหมื่นฟุตมีก้อนกรวดอยู่ส่วนหนึ่งและก้อนหินหลายสิบก้อนลอยอยู่เงียบๆลอยเคว้งคว้างในสายหมอก

สายตาหวังหลินมองทะลุสายหมอกเข้าไปและร่อนไปบนก้อนหิน จากนั้นทะยานดุจสายฟ้า พุ่งตรงผ่านสายหมอกมาถึงข้างหน้าก้อนหิน

พอมองพวกมันใกล้ๆแล้ว ก้อนหินแต่ละก้อนมีหลายสีราวกับเป็นอัญมณี พวกมันผสานเข้าด้วยกันด้วยพลังลึกลับจนเป็นค่ายกล

หวังหลินยืนอยู่บนก้อนหินขนาดพันฟุต แขนขวาเคาะเข้าใส่จนเกิดเสียงดังก้องจากข้างใน หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงยื่นมือออกไปคว้าเศษมันมา

หวังหลินมองดูอย่างละเอียด เผยแววตาด้วยแสงประหลาด

ก้อนหินพวกนี้เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่และเต็มไปด้วยพลังปราณ แค่เศษก้อนหินขนาดพันฟุตยังเปล่งพลังปราณมากเท่ากับดวงดาวรกร้างครึ่งดวง!

กระนั้นถึงแม้พลังปราณนี้จะน่าตกตะลึง มันกลับไม่มีชีวิตชีวา ราวกับมันไร้ชีวิต

“ข้าไม่เคยเจอหินวิญญาณแบบนี้มาก่อน…ก้อนหินนี้แม้แต่หินวิญญาณระดับสูงก็เทียบไม่ได้ หากเอาไปในโลกแห่งเซียน มันขายได้ราคาสูงเทียมฟ้าแน่!”

“แต่กลับมีร่องรอยแห่งกาลเวลา ราวกับผ่านเวลาไปหลายหมื่นปี…ของแบบนี้…” ขณะที่หวังหลินวิเคราะห์ เขาพลันหยุดคิด ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองก้อนกรวดในมือ

“ร่องรอยแห่งเวลา…ร่องรอยแห่งเวลา…” หวังหลินสังเกตบางอย่างได้ สัมผัสวิญญาณผ่านก้อนกรวดเข้าไปจนรู้สึกถึงร่องรอยแห่งเวลา ดวงตาส่องสว่างขึ้น

“อึของเจ้าอสูรโลกันตร์!!” หวังหลินมองก้อนกรวดและเผยใบหน้าปิติยินดี

“ใช่แล้ว เจ้าอสูรโลกันตร์ต้องกลืนกินดาวเคราะห์ไปหลายดวงด้วยเหตุผลบางอย่าง พอเวลาในร่างมันผ่านไป ถึงแม้ดาวเคราะห์จะหมดซากและดวงวิญญาณสลายไปแล้ว พลังปราณข้างในควบแน่นกันกลายเป็นก้อนหินพวกนี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงดูไร้ชีวิตแม้จะมีพลังปราณมหาศาล! และยังเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งเวลา…”

“อสูรโลกันตร์ การไล่ล่ามัน ข้าต้องผนึกมันก่อน ไม่เพียงแต่ข้าต้องผนึกมันข้างนอก ข้าต้องผนึกมันในร่างกายด้วย…”

หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้น ความกล้าในการไล่ล่าอสูรโลกันตร์นั่นหมายถึงเขาเตรียมพร้อมมาแล้ว

“ผนึกข้างนอกทำได้ด้วยสายฟ้ากระบวนท่าเดียว! ส่วนที่ยากจะเป็นผนึกมันข้างใน…และผนึกวิญญาณมัน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version