1547. สิบปีแห่งการเปลี่ยนแปลง
เซียนเผ่านกกระจอกเพลิงหน้าซีดทันทีและรีบถอย เขาไม่รู้ว่าหนีได้หรือไม่ แต่มีความคิดเดียวในหัวตอนนี้คือหนี หนี และหนี!
อย่างไรก็ตามลืมเรื่องเขาไปได้เลย แม้บรรพชนนกกระจอกเพลิงจะมาเกิดใหม่ เขาก็ไม่สามารถหนีจากหวังหลินได้ แสงสีทองจากดวงตาหวังหลินกวาดผ่านพื้นที่ทำให้รอยแยกอวกาศทั้งหมดในบริเวณต้องพังทลาย
ด้านเซียนเผ่านกกระจอกเพลิง เขาก้าวไปได้เพียงครึ่งก้าวก่อนจะถูกแสงสีทองล้อมรอบร่างกาย ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน วิญญาณดั้งเดิมสูญสลายโดยไม่ได้ต่อต้าน
วิหคเพลิงทมิฬที่เขาอัญเชิญมากลืนกินปรมาจารย์จงเฉินถึงกับหวาดกลัว มันมีสติปัญญาและเริ่มตื่นตระหนก ทว่ามันเองก็ถูกแสงสีทองล้อมรอบและลบล้างตัวตนออกไปด้วย!
เซียนจากเผ่าหมาป่าสวรรค์ถึงกับสั่นสะท้าน เขายังไม่ทันเห็นสหายร่วมทัพเลย ทุกอย่างเบื้องหน้าเขาถูกแทนที่ด้วยแสงสีทอง เขามองเห็นแต่เพียงร่างพร่ามัวของหวังหลินจากด้านหลังแสงสีทองเท่านั้น
ร่างนี้คือฝันร้ายในอดีตหลายสิบปีของเขาตลอดมา เขาไม่เคยลืมร่างที่ถือ ขวานยักษ์ป้องกันเหล่าเซียนหลายหมื่นคนไม่ให้เข้ามา และเซียนหลายหมื่นคนไม่ให้ออกไป เขายังจำชื่อนั้นได้ดี!
จ้าวดินแดนปิดผนึก!
การมีเขาอยู่ด้วย เซียนหลายหมื่นคนไม่กล้าเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว!
พลังอำนาจแห่งขวานนั้นได้ทำลายเซียนนับไม่ถ้วนจากระลอกที่สาม รอยแยกอวกาศอันน่าตกตะลึงยังทิ้งไว้อยู่ที่นั่นด้วย!
ทุกครั้งที่เขาผ่านรอยแยกนั้นมา หัวใจจะเกิดการสั่นเทา เขาไม่ลืมว่ายามนั้นตนเองเคยอยู่อีกฝั่งของขวานนั่น พรรคพวกได้ตายไปจำนวนมากและเขาโชคดีที่ รอดมาได้ เขามีชีวิตอยู่กับฝันร้ายพร้อมกับถอยด้วยความหวาดกลัว
วันนี้เขาเห็นร่างน่ากลัวนั่นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ภายใต้ความหวาดกลัวเกินอธิบายนี้ เซียนเผ่าหมาป่าสวรรค์ถึงกับบ้าคลั่งไปโดยไม่คาดคิด!
ใบหน้าบิดเบี้ยว ลืมไปว่าต้องถอยร่น ผิวหนังหลอมละลายในทันที ดวงวิญญาณดั้งเดิมแตกสลาย ตัวตนถูกลบล้างโดยฉับพลัน!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา สำหรับหวังหลินแล้วการสังหารเซียนดินแดนชั้นนอกสองคนนี้เหมือนกับการบี้มด เขาหันกลับมาจ้องมองปรมาจารย์จงเฉินที่ยังตกตะลึง
“รองผู้บัญชาการทัพหน้าแห่งทุกชั้นฟ้าฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ จ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกลำดับที่ห้าสิบสาม ปรมาจารย์จงเฉินขอคารวะท่านจ้าวดินแดนปิดผนึก!” ปรมาจารย์จงเฉินคำนับฝ่ามือด้วยความตื่นเต้นและโค้งตัว
“ท่านจ้าวดินแดนปิดผนึก ดินแดนชั้นในได้สูญเสีย…เหล่าดินแดนเจ็ดสีที่ราชันย์ทิ้งไว้ที่นี่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน หลังจากเขาหายตัวไป ปรมาจารย์หงซานและคนอื่นได้เร่งกำลังเต็มที่เพื่อค้นหา ท้ายที่สุดซึ่งรวมถึงที่อยู่ในกองบัญชาการพันธมิตรเซียน เราพบทั้งหมดห้าแห่ง!”
“แต่ไม่มีใครคิดว่าดินแดนเจ็ดสีทั้งห้าแห่งนั้นถูกราชันย์วางกับดักเอาไว้ ตอนที่สองแห่งถูกเปิดขึ้น มีเซียนดินแดนชั้นนอกจำนวนมากปรากฏตัว…จากนั้นจึงได้เริ่มการรบครั้งที่สอง…”
“ดินแดนเจ็ดสีทั้งห้าแห่งกลายเป็นห้าแท่นเคลื่อนย้ายเข้าสู่ดินแดนชั้นใน ทำให้เซียนดินแดนชั้นนอกเข้ามาได้ พอมีดินแดนเจ็ดสีเป็นฐาน พวกเขาจึงสามารถรุกรานดินแดนชั้นใน…ความเสียหายหนักหนาสาหัส…”
“ช่วงการรบครั้งที่สอง ปรมาจารย์หงซานถูกเจ้าเด็กเย็นชาโจมตีร่วมกับเซียน ขั้นที่สามจากดินแดนชั้นนอกคนอื่นๆ ท้ายที่สุดเขาก็ถูกขังไว้ในดินแดนเจ็ดสีที่อยู่ในดาราจักรอัญเชิญนที พร้อมกับเซียนสามหมื่นคนที่คอยคุ้มกัน! ตอนนี้คนที่นำทัพดินแดนชั้นในเป็นหนึ่งในร่างอวตารของเขา!”
“ผู้อาวุโสจ้าวเมฆาใต้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากราชันย์และปิดด่านบ่มเพาะ กระทั่งวันนี้เขายังไม่มีสัญญาณว่าจะออกมาเลย!”
“การรบครั้งที่สองส่งผลกระทบถึงสี่ดาราจักร ในช่วงวิกฤตที่สุด จักรพรรดิเทพ ฉิงหลินได้ออกมาจากแดนสวรรค์พิรุณและนำการรบ แม้จะมีเซียนขั้นที่สามจากอัญเชิญนทีก็ทำได้แค่ชะลอเวลา เราไม่สามารถหยุดการรุกรานจากกองทัพดินแดนชั้นนอกได้เลย!”
“ดินแดนชั้นนอกมีเซียนขั้นที่สามมากกว่าดินแดนชั้นในของเรา ท้ายที่สุดจักรพรรดิเทพฉิงหลินได้ใช้วิชาเทพโบราณอัญเชิญแสงโบราณเข้าปิดผนึกการเชื่อมต่อระหว่างดินแดนเจ็ดสีและดินแดนชั้นนอก ทำให้ผู้ผ่านทางถูกปิดผนึกเอาไว้ใน ชั่วระยะเวลาสั้นๆ จนเราสามารถรอดชีวิตในการรบครั้งที่สองได้!”
“เซียนดินแดนชั้นนอกที่เข้ามาดินแดนชั้นในถูกแบ่งออกเป็นห้ากองกำลังที่เหลืออยู่ในดินแดนเจ็ดสีทั้งห้าแห่ง พวกเขาเป็นเหมือนเล็บทั้งห้านิ้วที่แทงเข้าใส่ดินแดนชั้นในและไม่อาจถอนออกได้…”
“การรบเบาบางลงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดินแดนชั้นนอกจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทะลวงเปิดแสงโบราณ ซึ่งทำให้เซียนที่เหลืออยู่เริ่มการรบครั้งที่สาม เป้าหมายของการรบครั้งที่สามคือการทำลายดินแดนเจ็ดสีทั้งห้าแห่ง…”
“แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราทำได้แค่ทำลายไปสามแห่ง สองฝ่ายประสบกับการสูญเสียอย่างหนัก เซียนขั้นที่สามของดินแดนชั้นนอกหลายคนถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเราเองก็เช่นกัน จักรพรรดิฉิงหลินได้รับบาดเจ็บสาหัส เซียนอัญเชิญนทีตายไปสองคน ส่วนที่เหลือทั้งหมดถูกบังคับให้ปิดด่านบ่มเพาะเพื่อฟื้นฟู”
“ตอนนี้เป็นปีที่เก้าหลังการรบครั้งที่สามแล้ว ตามที่ปรมาจารย์หงซานคาดการณ์เอาไว้ อีกไม่นานดินแดนชั้นนอกก็จะทะลวงแสงโบราณได้ เมื่อนั้นพวกมันจะเข้ามารวมกับกองกำลังที่เหลืออยู่อีกสองแห่งของดินแดนเจ็ดสี ดินแดนชั้นในจะตกอยู่ในอันตราย!”
ปรมาจารย์จงเฉินรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับหวังหลิน เขาบาดเจ็บสาหัสในการรบครั้งที่สาม ระดับบ่มเพาะตกลงไป ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกเซียนขั้นทลายสวรรค์สองคนนั้นไล่ล่า
หลังจากเอ่ยเรื่องราวทั้งหมดนี้อย่างตื่นเต้น เขากระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำและ ดูอ่อนแอยิ่ง อาการบาดเจ็บของเขาปะทุขึ้นมาและใกล้จะตายแล้ว
“จ้าวดินแดนปิดผนึก!! ดินแดนชั้นในตกอยู่ในอันตราย ในดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่มีดินแดนเจ็ดสีแล้ว แห่งที่อยู่ในทะเลเมฆาถูกท่านทำลายไป หลังจากท่านหายตัวไป เราพบอีกห้าแห่ง นอกจากแห่งที่อยู่ในฟ้ากระจ่าง ที่เหลือทั้งหมดอยู่ในอัญเชิญนที!”
“เป็นผลให้อัญเชิญนทีถูกยึดครองเมื่อเริ่มการรบรอบที่สอง…จนวันนี้เรายังไม่สามารถชิงอัญเชิญนทีกลับมาได้ มันกลายเป็นฐานทัพของเซียนดินแดนชั้นนอก พวกมันมักจะย่ำยีเซียนอัญเชิญนทีอยู่บ่อยครั้ง”
“ช่วงการรบในครั้งแรก ทะเลเมฆาแทบพังทลาย แต่มันยังอยู่ในการควบคุมของเรา ทุกชั้นฟ้าสงบนิ่งที่สุดและไม่พังทลายมากนัก แต่ฟ้ากระจ่างนั้นคล้ายกันกับอัญเชิญนที เนื่องจากดินแดนเจ็ดสีอยู่ในกองบัญชาการพันธมิตรเซียน ดาราจักรแห่งนี้จึงถูกควบคุมทั้งสองด้าน!”
“ปรมาจารย์หงซานพยายามทำลายดินแดนเจ็ดสีที่เหลืออยู่เพราะเขากลัวว่าจะไปเผชิญกับทัพหน้าทั้งสองแห่งเมื่อการรบครั้งที่สี่เริ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเขาพยายามไปหลายครั้ง แต่ดินแดนชั้นในไม่มีพลังอำนาจพอจะทำลายพวกมันเลย…ทุกคนปิดด่านบ่มเพาะกันหมด…”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ แววตากะพริบแสงเย็นเยียบ เขาไม่คาดคิดว่ากาลเวลาไหลผ่านข้างในอสูรโลกันตร์แตกต่างกันขนาดนี้ ข้างนอกเกิดการต่อสู้ไปมากแล้ว!
‘อัญเชิญนทีถูกทำลาย…กองบัญชาการพันธมิตรเซียนถูกเซียนดินแดนชั้นนอกครอบครองเอาไว้…’ หวังหลินกะพริบจิตสังหาร
“ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่?” จิตสังหารของหวังหลินทำให้แสงสีทองรั่วไหลโดยไม่รู้ตัวเมื่อมันร่อนลงใส่ปรมาจารย์จงเฉิน เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นมดแมลงเบื้องหน้าหวังหลิน และหวังหลินเป็นเสมือนฟ้าดิน เขารู้สึกว่าหวังหลินแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
“ท่านจ้าวดินแดนปิดผนึกกล่าวว่าท่านคงจะมาที่นี่…ข้า…ข้าไม่เชื่อว่าท่านตาย และข้าเดาว่าท่านคงจะมาที่นี่เมื่อท่านปรากฏตัว ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่หลายครั้งในตลอดหลายปี…”
“นอกจากนี้ข้ามีคำสั่งจากปรมาจารย์หงซานให้เฝ้าสังเกตที่นี่ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับดินแดนเจ็ดสี ข้าจำเป็นต้องรายงาน” ปรมาจารย์จงเฉินมีแต่ความเคารพและไม่กล้าสบสายตาหวังหลิน แสงสีทองนั้นทำให้เขารู้สึกกลัว
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาสะบัดใส่ปรมาจารย์จงเฉินพร้อมกับขบคิดไปด้วย ลำแสงสีทองลอยเข้าไปในร่างปรมาจารย์จงเฉินและทำให้ร่างเขาสั่นเทา เส้นเลือดบนใบหน้าปูดพอง หยาดเหงื่อผุดขึ้นจำนวนมากแต่แววตาส่องสว่างยิ่งขึ้น
พริบตาเดียวเขาร้องคำรามอย่างเจ็บปวด หยาดเหงื่อบนร่างกายเป็นสีดำและ ส่งกลิ่นเหม็น แต่กลิ่นอายเริ่มควบแน่น มันเผยสัญญาณการทะลวงระดับ!
พริบตานั้น แววตาปรมาจารย์จงเฉินส่องสว่าง ผมสีขาวพลันเปลี่ยนเป็นสีดำ รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนจากชายชราไปเป็นวัยกลางคน เขาจ้องมองร่างกายด้วยความไม่เชื่อและยิ่งตื่นเต้น
“นี่…นี่มัน…ขอบ…ขอบคุณท่านจ้าวดินแดนปิดผนึก!!” แววตาปรมาจารย์จงเฉินยิ่งเคารพเทิดทูนและยิ่งโค้งคำนับหวังหลินอย่างซาบซึ้ง เห็นได้ชัดว่าแสงสีทองทำให้ร่างกายเขาได้เกิดใหม่ แสงสีทองที่ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกนั้นได้เปลี่ยนแปลง ทุกอย่าง!
เขาไม่รู้ว่าแสงสีทองนี้คืออะไร แต่เดาว่ามันมาจากต้นตออันทรงพลังยิ่ง!
“ตามข้าไปทำลายให้สิ้นซาก!” หวังหลินก้าวเข้าหาอดีตกองบัญชาการพันธมิตรเซียนซึ่งตอนนี้เหล่าเซียนจากดินแดนชั้นนอกได้ครอบครองอยู่
หนึ่งประโยคของหวังหลินนี้ได้เผยความมั่นใจและมุ่งมั่นออกมา ทำให้ปรมาจารย์จงเฉินเต็มไปด้วยสัมผัสความมั่นใจที่อธิบายไม่ถูกด้วย ตราบใดที่หวังหลินเข้าไป ไม่ว่าดินแดนเจ็ดสีจะอันตรายแค่ไหน ศัตรูคงไม่สามารถหยุดยั้งหวังหลินได้เลย!
ปรมาจารย์จงเฉินกะพริบสายตาเป็นจิตสังหารและพยักหน้า เขาระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้และติดตามหวังหลิน เมื่อมองดูร่างสีทองจางๆ ของหวังหลิน เขารู้สึกว่าหวังหลินไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน
แสงสีทองทำให้เขารู้สึกเกรงขาม กระทั่งกระตุ้นการเคารพเทิดทูนด้วย
ปรมาจารย์จงเฉินติดตามหวังหลินและเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “เรียนท่าน จ้าวดินแดนปิดผนึก เทียนจ้าวซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการของสภาราชันย์ เขาอยู่ในดินแดนเจ็ดสีที่อยู่ในกองบัญชาการพันธมิตรเซียน เขาเป็นเซียนขั้นที่สามในระดับวิญญาณดับสูญชั้นต้น! ในพันธมิตรเซียนยังมีเขตอาคมและสมบัติเหลืออยู่จำนวนมาก แม้กระทั่งปรมาจารย์จงซวนก็ยังมีชีวิตอยู่และเป็นสุนัขรับใช้ให้แก่ดินแดนชั้นนอก!”
“ไม่มีปัญหา” หวังหลินเข้าใกล้กองบัญชาการพันธมิตรเซียนด้วยความสงบนิ่ง