1552. เจ้าว่าอะไรนะ?
ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ตอนนี้แดนสวรรค์อัสนีแทบถูกทำลายจนเป็นเศษซาก ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ที่นี่
มีรอยแยกอวกาศแตกหักเกิดแสงกะพริบวาบและหายไป พวกมันเหมือนเศษแก้วที่แตกสลายจนถูกสายลมพัดพา
ปรมาจารย์จงเฉินได้เอาแผ่นดินของแดนสวรรค์อัสนีไปจำนวนมาก สิ่งที่เหลืออยู่เป็นเพียงก้อนหินไร้ค่าที่ล่อยลอยไปในโลกอันล่มสลายแห่งนี้
ลึกเข้าไปในซากปรักหักพังของแดนสวรรค์อัสนี มีวงกลมแสงอยู่แห่งหนึ่ง วงกลมนี้มีขนาดกว้างเกือบหมื่นฟุตและดูเหมือนทรงกลมแสง
ข้างในมองเห็นเป็นกระท่อมหญ้า ล้อมรอบด้วยต้นไม้และดอกไม้บางส่วน ข้างในกระท่อมมีชายชราชุดดำนั่งอยู่ เขาไม่ได้บ่มเพาะแต่ถือใบไม้สีเขียวราวกับกำลังสังเกตเส้นใยของมัน
ชายชราผู้นี้เป็นเซียนทรงพลังมากที่ปรากฏขึ้นมาในการรบครั้งแรก ผีเฒ่าจาง!
ไม่มีใครรู้ว่าที่ที่ผีเฒ่าจางซ่อนตัวอยู่หรือไม่คาดคิดว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ใน แดนสวรรค์อัสนีที่ล่มสลาย!
ผีเฒ่าจางกำลังถือใบไม้สีเขียวในมือ สังเกตมันอย่างละเอียดยิบแต่วินาทีนั้นพลันมองออกไปไกล ดวงตาส่องประกาย หากดูใกล้ๆ จะเห็นแสงสีทองจางๆ
อย่างไรก็ตามสีทองนี้เบาบางยิ่งจนแทบมองไม่เห็น
“เทพ!!” ผีเฒ่าจางหรี่ตาแคบ ใบไม้สีเขียวในมือแตกสลาย
ผีเฒ่าจางเคลื่อนไหวและลุกขึ้นช้าๆ ดวงตาส่องสว่างราวกับกำลังมองทะลุผ่านอวกาศและเห็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้
สายตาของเขาสามารถมองทะลุโลกได้ทั้งดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นใน แต่ในยามนี้เขามิอาจค้นหาคนที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้!
‘หรือจะเป็นเทพสายเลือดราชวงศ์?’ ผีเฒ่าจางตกตะลึงและสูดหายใจลึก เขาสงบนิ่งลงสักพัก เขารู้ว่าหากเป็นสายเลือดของเทพตัวจริงจะบริสุทธิ์และสูงส่งมาก มันทำให้เขาสัมผัสพลังปราณสวรรค์ได้แต่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน!
นี่เป็นวิชาลึกลับยิ่ง วิชาสายโลหิต!
ยิ่งสายโลหิตของเทพบริสุทธิ์มากเท่าไร คนอื่นยิ่งหาเทพตนนั้นได้ยากขึ้น แม้กระทั่งตำแหน่งโดยประมาณดูเหมือนจะปกคลุมด้วยสายหมอก
ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจากอัญเชิญนทีจึงเข้าใจผิดและคิดว่าเทพนั้นได้จุติลงมา เขามองไม่เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกองบัญชาการพันธมิตรเซียน เขาสัมผัสได้เพียงแค่พลังปราณสวรรค์ออกมาจากดินแดนชั้นในเท่านั้น
‘เทพที่จุติลงมามีสายโลหิตบริสุทธิ์มากและน่าจะมีสถานะสูงส่งด้วย อย่างไร ก็ตามระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้มากมาย เป็นเพียงเทพระดับเจ็ด…ครั้งหนึ่ง ข้าได้รับโชควาสนาอันยิ่งใหญ่และพิชิตมรดกเทพ ระดับบ่มเพาะของข้าตอนนี้คือ ขั้นวิบากดับสูญระดับต้น ซึ่งเท่ากับเทพปฐพี หากข้าได้สายเลือดนี้มาครอบครอง…’ ผีเฒ่าจางขบคิดเงียบๆ
ณ อีกสถานที่หนึ่งในดินแดนชั้นใน สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่และมีท้องฟ้ามัวหมอง มันอยู่ในดินแดนชั้นในแต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยู่ดินแดนชั้นในเช่นกัน
กล่าวให้ถูกก็คือมันเป็นโลกที่ทับซ้อนกับดินแดนชั้นในแต่ตั้งอยู่ด้านบนดินแดนชั้นใน
มันคือภาพวาดที่ซ่อนอยู่ในภาพวาด มีเพียงการฉีกเปิดภาพวาดแรกเท่านั้นจึงจะมองเห็นความจริงข้างในได้
พื้นที่บริเวณนี้มีเหล่ารูปปั้นเทพโบราณ มารโบราณและปีศาจโบราณอยู่นับไม่ถ้วน ที่นี่เป็นสถานที่ที่หวังหลินเห็นตอนที่เขาทะลวงผ่านทัณฑ์สวรรค์ เป็นสถานที่ที่ ชายหนุ่มจากอัญเชิญนทีได้จากมา
ที่นี่ถูกดาราจักรโบราณลือกันว่าได้หายไปในดินแดนชั้นใน…
ที่แห่งนี้มีรูปปั้นเกือบหมื่นชิ้น พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ มีรูปปั้นอยู่สี่ตนในทางเข้าที่ใหญ่กว่ารูปปั้นตัวอื่นที่เหลือ
รูปปั้นเทพโบราณที่ไม่มีดาวกลางหน้าผาก ราวกับมันถูกใครสักคนดูดซับไป ยิ่งมองไกลๆ จะเห็นหลุมลึกกลางหน้าผากของเทพโบราณ
ข้างในหลุมมีร่างที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองกำลังนั่งอยู่
รูปปั้นอีกสามตนก็เช่นเดียวกัน
“พลังปราณสวรรค์…พลังปราณสวรรค์ทรงพลังอะไรกัน…หากนายท่านได้ไป มันจะสามารถเร่งการตื่นและฟื้นคืนความทรงจำได้!” ร่างสีทองในรูปปั้นแรกเอ่ยพึมพำก่อนจะยกแขนขวาขึ้นมายื่นออกไปนอกรูปปั้นเทพโบราณ อย่างไรก็ตามไม่นานที่เขายกแขนขึ้น มีพลังประหลาดสายหนึ่งจากเทพโบราณได้รวมกันกลางหน้าผากและเปลี่ยนเป็นผนึกประหลาด
แขนขวาของรูปปั้นเข้าสัมผัสกับผนึกและกระเด็นกลับไป เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากในหลุม
ข้างในรูปปั้นที่สอง ร่างสีทองอีกร่างเอ่ยขึ้นช้าๆ “บัดซบ อย่าเสียพลังปราณสวรรค์อีกเลย ผนึกนี่กักขังเราไว้ตลอดเวลา แต่อีกไม่นานเราก็จะสามารถทะลวงออกไปได้แล้ว!”
“วิหคศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเก่งด้านการวางแผน แผนนั่นมีโอกาสสำเร็จสักเท่าไร?” น้ำเสียงอึมครึมดังออกมาจากรูปปั้นที่สาม
“มันจะไม่ล้มเหลว ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน…”
รูปปั้นขนาดใหญ่สี่รูปได้ผนึกยอดแม่ทัพทั้งสี่ของจักรพรรดิเทพโบราณไว้ที่นี่ มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว วิหคศักดิ์สิทธิ์และเต่าดำ!
หากหวังหลินอยู่ที่นี่และเห็นทั้งหมดนี้เขาคงตกตะลึง ความคิดแรกคงเป็น วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงถูกผนึกไว้ที่นี่ใช่หรือไม่? แล้วใครเป็นคนป่าวประกาศบอกตัวเองว่าเป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก?
ณ ดาราจักรฟ้ากระจ่าง กองบัญชาการพันธมิตรเซียน หวังหลินชี้แขนขวาใส่ท้องฟ้า ประทับฝ่ามือขนาดยักษ์ตกลงมาใส่ภาพวาดขุนเขาและแม่น้ำ
หวังหลินสีหน้าสงบนิ่งแต่เคร่งเครียด ตอนที่ปรมาจารย์หลงผานเพิ่งตื่นขึ้นมา เขาอยู่ในขั้นสวรรค์ดับสูญเท่านั้น ดังนั้นหวังหลินจึงสามารถทำลายแขนทั้งสองได้
ทว่าในตอนที่ภาพวาดขุนเขาและแม่น้ำปรากฏขึ้น ปรมาจารย์หลงผานซึ่งผสานเข้ากับดาวเคราะห์ เปล่งกลิ่นอายของเซียนขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง!
ด้วยเพลิงนรกานต์จากภาพวาดขุนเขาและแม่น้ำ กลิ่นอายของเขาจึงเป็นรูปร่างและสมจริง!
หวังหลินไม่ประหลาดใจที่ปรมาจารย์หลงผานเป็นเซียนขั้นที่สามที่มี เพลิงนรกานต์ เขาคืออาจารย์ของปรมาจารย์จงซวนและมีชีวิตมาก่อนที่แดนสวรรค์จะล่มสลาย เขาอยู่ในยุคเดียวกับจ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อน
ก่อนที่แดนสวรรค์ทั้งสี่แห่งจะล่มสลาย พวกเขาเคยสร้างเพลิงนรกานต์ขึ้นมา ปรมาจารย์หลงผานต้องได้รับโชควาสนามหาศาลในช่วงเวลานั้นเป็นแน่
แม้จะไม่รู้ว่าเขาผสานกับดาวเคราะห์ไปนานแค่ไหน เขาต้องทรงพลังยิ่งแน่นอน!
‘วิญญาณดับสูญระดับกลาง…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ ดวงตาส่องประกาย แม้จะดูเหมือนเขาสังหารเทียนจ้าวได้ง่ายๆ ความจริงแล้วเขาผสานพลังเต็มที่โดยไม่สนใจผลกระทบของพลังต่อต้านต่างหาก
นั่นเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว! ผลกระทบที่ได้รับนั้นรุนแรงยิ่งและพลังต่อต้านก็ยากเกินควบคุม มันทำให้ร่างกายเขาปั่นป่วนจนเหมือนร่างกายกำลังพังทลาย แม้คนอื่นๆ จะมองไม่เห็นแต่หวังหลินกำลังอดทนอย่างเจ็บปวด
ตอนนี้หวังหลินกำลังเผชิญหน้ากับเซียนขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง หวังหลินไม่มีความมั่นใจเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเสี่ยงใช้ประทับวิญญาณสงคราม!
หวังหลินใช้ประทับวิญญาณสงครามเป็นครั้งที่สองด้วยพลังเต็มที่โดยไม่สนใจ พลังต่อต้าน พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดในตัวเขาปะทุขึ้นมา พลังต่อต้านปั่นป่วนไปทั่วร่างกาย เส้นโลหิตใต้เสื้อผ้ากำลังบวมเป่งและเห็นได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่สน เขามาที่นี่เพื่อช่วยฉิงชุ่ย! หวังหลินจะช่วยฉิงชุ่ยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
หวังหลินมีสีหน้าดุดันและก้าวเข้าไป จากนั้นลดแขนลงมา เสียงดังสนั่นกึกก้อง หลังจากหวังหลินดูดซับพลังปราณสวรรค์ไปจำนวนมาก ประทับวิญญาณสงครามจึงกลายเป็นวิชาเทพของจริง!
เสียงดังสนั่นกึกก้องสั่นสะเทือนสวรรค์ ระลอกคลื่นจำนวนมากรอบฝ่ามือเข้าใกล้ภาพวาดขุนเขาและแม่น้ำ มองไกลๆฉากเหตุการณ์นี้ดูน่าตกตะลึงยิ่ง
ฝ่ามือดูเหมือนกำลังจะฉีกภาพวาดขุนเขาและสายน้ำออกเป็นชิ้นๆ ทว่าเมื่อระลอกคลื่นรอบฝ่ามือเข้าสัมผัสภาพวาด พลังดึงดูดจากภาพวาดเพิ่มขึ้นและทำให้ระลอกคลื่นบิดเบือน
เมื่อระลอกคลื่นบิดเบือน ฝ่ามือยักษ์จึงสัมผัสกับภาพวาดขุนเขาและสายน้ำ!
เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วโลก เปลี่ยนกลายเป็นพลังอันแข็งแกร่งกระจายออกไป ทั่วทิศทาง หวังหลินร่างกายสั่นเทา โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก เขาถอยไป หลายก้าว พลังต่อต้านในร่างกายปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว มันกระหน่ำอยู่ในร่างเขา!
ร่างเทพคล้ายวิญญาณดั้งเดิมของเขาถูกมันกระหน่ำโจมตีใส่อย่างเมามัน เลือดเนื้อปะทุขึ้นมาเพื่อพยายามทำลายร่างเทพ
การปะทะกันของสองพลังนี้ทำให้เกิดเสียงฉีกขาดดังออกมาจากร่างหวังหลิน ทำให้ราวกับร่างเขาจะถูกฉีกจนขาดครึ่ง
ด้านประทับวิญญาณสงคราม มันร่อนลงใส่ภาพวาดขุนเขาและสายน้ำ และทำให้มุมหนึ่งฉีกออกมาโดยไม่คาดคิด มันเข้าไปในภาพวาด ป่นทำลายภูเขาและสายน้ำข้างในทั้งหมด!
ทว่าภาพวาดนี้ลึกลับยิ่ง ชั่วจังหวะที่ขุนเขาและแม่น้ำพังทลาย พวกมันถูกวาดขึ้นมาใหม่ ขณะเดียวกันประทับฝ่ามือแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นและเริ่มจะศึกษาประทับวิญญาณสงคราม จังหวะต่อมามันเปลี่ยนรูปร่างและปะทะเข้ากับประทับฝ่ามือของหวังหลิน
โลกสั่นสะเทือนและเกิดเสียงดังกึกก้อง กลิ่นอายจากชายชราในดาวเคราะห์ดูเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เผยให้เห็นพลังอันน่ากลัวของเซียนขั้นสวรรค์ดับสูญระดับกลางสูงสุด!
“ใครที่โจมตีพันธมิตรเซียนจะต้องถูกทำลาย!” เสียงเก่าแก่ดังออกมา จากนั้นภาพวาดขุนเขาและสายน้ำที่ฉีกขาดพลันฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว มันแผ่กระจายออกและตกลงใส่หวังหลิน
หวังหลินยิ้มอย่างโกรธเกรี้ยวและจ้องมองชายชราในแสงสีขาว เขาสะบัดแขนขวา คันศรโผล่ออกมาจากร่างกาย!
“พันธมิตรเซียนของเจ้าทำอะไรได้? ดินแดนชั้นนอกรุกรานเข้ามาและดินแดนชั้นในได้รับความเสียหายหนัก ทะเลเมฆาแทบถูกกวาดล้าง อัญเชิญนทีถูกครอบครอง ทุกชั้นฟ้าทำสุดกำลังและฟ้ากระจ่างก็ยังดิ้นรนอยู่อีก! แต่ศิษย์ของเจ้ากลับเป็นสายให้ดินแดนชั้นนอก พันธมิตรเซียนของเจ้าถูกดินแดนชั้นนอกครอบครอง! ทั้งยังมีดินแดนเจ็ดสีซ่อนอยู่ที่นี่ด้วย!”
“ข้าเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึกคนปัจจุบัน ข้ามาเพื่อทำลายดินแดนเจ็ดสีและช่วยศิษย์พี่ฉิงชุ่ยของข้า สังหารเซียนดินแดนชั้นนอกทั้งหมด เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาหยุดข้า!?”
“อะไร…เจ้าว่าอะไรนะ?” น้ำเสียงเก่าแก่หยุดชะงักไปชั่วขณะ