Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1661

Cover Renegade Immortal 1

1661. พักผ่อน

ในสี่ดาราจักรดวงดาว เซียนดินแดนชั้นนอกทั้งหมดที่รุกรานเข้ามาต่างก็ตายไปจากกงล้อที่เหล่าเซียนดินแดนชั้นในช่วยกัน

มีเพียงคนเดียวที่หนีไปได้คือนางสนมจักรพรรดิเทพซึ่งเปิดรอยแยกได้ทันและ หนีด้วยความตื่นตระหนก และอีกคนที่ไม่ตายคือยอดปรมาจารย์หยุนลั่ว!

ยอดปรมาจารย์หยุนลั่วเป็นคนที่หวาดกลัวหวังหลินที่สุดในดินแดนชั้นนอก นางเห็นการพยากรณ์เมื่อคราวนั้นจนกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีวันลืม ตอนที่เกาทัณฑ์ของหวังหลินบังคับให้ราชันย์ล่าถอย นางบีบหินหยกช่วยชีวิตที่อาจารย์มอบให้โดยไม่ลังเล

หินหยกนี้อาจารย์ได้หลอมไว้ก่อนตายและถูกผสานเข้ากับอวกาศ มันสามารถเคลื่อนย้ายนางจากจุดไหนก็ได้เพื่อไปที่แท่นของเผ่าในดาราจักรโบราณ หลังจากใช้ไปหนึ่งครั้ง หินหยกจะแตกสลาย

นางเก็บหินหยกนี้ไว้กับตัวตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่ร่างอวตารเสียไปนางก็ไม่ได้ใช้ วันนี้นางจึงจำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาชีวิต

ส่วนหวังหลินในยามนี้ กลิ่นอายไม่มั่นคง แม้จะมีร่างเทพโบราณแต่เขาก็บาดเจ็บสาหัส อาการบาดเจ็บนี้มาจากตอนที่เขาสังหารนางสนมจักรพรรดิเทพซึ่งมีชื่อหรือตำแหน่งอะไรเขาก็ไม่ทราบ อาการบาดเจ็บเหล่านี้มาจากตอนที่เขาใช้เตาหลอมจักรพรรดิเพื่อจับกุมชายชราชุดดำและนางสนมจักรพรรดิเทพอีกคน

แต่อาการบาดเจ็บที่เลวร้ายที่สุดมาจากการผสานสามกงล้อแก่นแท้ให้กลายเป็นค่ายกลที่สามารถเปลี่ยนวิถีของโลกแห่งนี้ได้ การสร้างแก่นแท้นี้แทบจะใช้พลังเกือบทั้งหมดและการหมุนกงล้อครั้งที่สี่จึงทำให้เขาหอบหายใจหนัก

แม้เขาจะอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง การแบกรับภาระนี้สาหัสยิ่ง

ตอนนี้หวังหลินใบหน้าซีดจนไร้สีและไม่ดูแข็งแกร่งเหมือนก่อน ราวกับเพียงแค่สายลมเบาๆ พัดมาก็ทำให้เขาสลบได้ อย่างไรก็ตามดวงตายังคงเยือกเย็นและมุ่งมั่น

หวังหลินไม่ล่าถอยหรือสลบไปแต่ก็พูดไว้ว่าจะคุ้มกันเป็นเวลาสามปี!

เพียงหวังหลินเอ่ยกล่าวนั้น ซือถูหนานและเซียนหลายพันคนก็มาถึง พวกเขามาสายแต่เพราะมาสายจึงไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้และไม่บาดเจ็บ พวกเขากลายเป็น กลุ่มกองกำลังคุ้มกันกลุ่มเดียวในดินแดนชั้นในนอกจากหวังหลิน

หวังหลินไม่มีเวลากล่าวคำพูดอันใดสักคำแก่ฉิงชุ่ยหรือคนอื่นๆ ที่รู้จักก่อนจะจากมา เวลาเป็นสิ่งมีค่า แม้ตอนนี้ดินแดนชั้นในจะสงบสุข หวังหลินรู้ว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้น

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ขั้นแรก

หายนะจริงๆ จะพุ่งขึ้นถึงขีดสุดในอีกสามปีหลังจากนี้ เหตุการณ์นั้นอาจจะทำให้ดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้ในสายตาของพวกคนจากแผ่นดินเซียนดารา แม้คนในโลกถ้ำจะตายกันหมดพวกเขาก็ไม่สนใจ ตราบใดที่เต๋าแห่งสวรรค์คงอยู่ สิ่งมีชีวิตก็ยังคงเกิดขึ้นได้ จากนั้นอีกหลายล้านปีจะมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากขึ้นมาอีก ท่ามกลางพวกเขาก็จะมีเซียนขั้นที่สามที่พยายามดิ้นรนให้แข็งแกร่งขึ้น!

แต่หวังหลินไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เขามีแผนการของตัวเอง เป็นความคิดบ้าๆ ด้วยแผนนี้เขาจึงผลักดันสามแก่นแท้ทะลุผ่านดาราจักรดวงดาว

ด้านหลังเขามีมู่ปิงเหมยมองร่างหวังหลินที่กำลังจากไปและกัดริมฝีปาก แววตาของนางไม่ซับซ้อนอีกต่อไปแล้ว มีแต่ความสงสัยบางอย่าง ผ่านไปสักพักนางจึงก้มศีรษะและคำพูดของหวังหลินก่อนหน้านี้ดังขึ้นในใจ

“แม้นางจะไม่ใช่ผู้หญิงของข้า นางคือแม่ของลูกชายข้า แม่ของหวังผิง…” มู่ปิงเหมยเงยใบหน้างดงามขึ้นมา แววตาสงสัยหายไปแล้วและแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น นางลอยเข้าไปในอากาศดุจนกฟินิกซ์สีน้ำเงินสวยงามและตามหลังหวังหลิน

ห่างออกไปอีกไกล วิญญาณดั้งเดิมของฉิงชุ่ยกลับคืนมาและลืมตา เขามองสตรีชุดชมพูข้างๆ ที่กำลังมองหวังหลินจากไป จึงถอนหายใจและเอ่ยขึ้น

“เจ้ารู้จักเขา ถูกหรือไม่…”

สตรีชุดชมพูขบคิดชั่วครู่และหันหน้าไปมองฉิงชุ่ย นางพยักหน้าเบาๆ

“ชีวิตของเขาช่างโหดร้ายและเขาก็โดดเดี่ยวมานาน หากเจ้าต้องการอยู่กับเขา ก็จงอย่าลังเล…บางครั้งหากเจ้าลังเล เจ้าจะสูญเสียสิ่งที่ต้องการ อย่าเป็นเหมือนข้า ในอดีต…” ฉิงชุ่ยผุดแววตาคิดถึงขึ้นมา

สตรีชุดชมพูก้มหน้า ผ่านไปชั่วครู่นางจึงเอ่ยถามเบาๆ “ท่าน…ทำไมถึงช่วยข้า?”

ฉิงชุ่ยขบคิดมานานมากและจากนั้นเผยสีหน้าขมขื่น เขาส่ายศีรษะและไม่เอ่ยอะไร บางอย่างก็พูดออกไปไม่ได้ จะเป็นอย่างไรเล่าถ้าเขาบอกว่าทำลงไปเพราะรู้ว่านางคือลูกสาว แต่ไม่รู้จะแสดงออกมาอย่างไร

หลังจากรออยู่สักพัก นางมองหน้าฉิงชุ่ยด้วยท่าทีซับซ้อน นางไม่เข้าใจและ ถอนหายใจ หันหน้ามองท้องฟ้าและไล่ตามหวังหลิน

ฉิงชุ่ยยืนขึ้นมองดวงดาวและหลับตาลง

‘บางทีเขาเข้าใจความจริงบางส่วน…เหมือนที่อาจารย์บอกข้าตอนนั้น…ตอนนั้นข้าไม่เชื่อมันและเลือกจะหลอกตัวเอง…เขาแข็งแกร่งกว่าข้า เขาไม่เลือกหลอกตัวเองแต่ตัดสินใจเผชิญหน้ามัน’

ขณะมู่ปิงเหมยและสตรีชุดชมพูทะยานออกไป ลำแสงที่สามลอยออกไปจาก ดาวเคราะห์ที่ยังไม่แตกสลาย

ในลำแสงเป็นสตรีผู้หนึ่ง นางมีนามว่า ซื่อจื่อเฟิง

หลังการรบครั้งนี้มีคนเหลืออยู่ไม่ถึงห้าหมื่นคน การรบครั้งแรกในทะเลเมฆานั้นดินแดนชั้นในมีเซียนเกือบห้าแสนคน ผ่านไป 97 ปี ตายไปมากกว่าเก้าในสิบ

คนที่เหลืออยู่คือกำลังสำคัญของดินแดนชั้นใน

จำนวนคนเสียชีวิตในสงครามเกือบร้อยปีเป็นสิ่งที่ดินแดนชั้นในไม่เคยประสบมาก่อน ดินแดนชั้นในไม่ได้มีเซียนขั้นที่สามมากอยู่แล้ว ตอนนี้เสียชีวิตไปหลายคน ส่วนคนที่เหลือล้วนบาดเจ็บ

ทั้งยังไม่ได้มีเพลิงนรกานต์มากพอ ดังนั้นการที่พวกเขาจะฟื้นคืนเป็นไปได้ยากยิ่งและอาจจะไม่มีวันถึงจุดสูงสุดเดิมอีกครั้ง

หลังสงครามนี้ มีดาวเคราะห์เหลืออยู่ในค่ายกลดวงดาวเพียงสิบเก้าดวง เซียนห้าหมื่นคนพักอยู่บนดาวเคราะห์นี้เพื่อฟื้นฟูกำลัง

กลุ่มนี้ได้กลายเป็นโลกเซียนแห่งใหม่สำหรับดินแดนชั้นใน!

ภายใต้การคุ้มกันของซือถูหนานและคนอื่นๆ ทุกคนเลือกหนึ่งในดาวเคราะห์ สิบเก้าดวงเพื่อพักผ่อนและฟื้นตัว คนที่มีทักษะด้านการปรุงยาต้องอดทนต่อการบาดเจ็บ กลุ่มเซียนของซือถูหนานคุ้มกันให้พวกเขาทะยานเข้าไปในดาราจักรอีก สามแห่งเพื่อหาสมุนไพร พวกเขาต้องการหลอมยาเพื่อช่วยฟื้นฟูทุกคนให้เร็วขึ้น

ทุกอย่างดูเหมือนสงบลง เซียนหลายหมื่นเริ่มฟื้นคืนพลัง ทว่ายังไม่ผ่อนคลายเนื่องจากสงครามยังไม่จบ

ยามนี้ลำแสงที่สี่ลอยเข้าหาจุดที่หวังหลินหายตัวไป ข้างในเป็นสตรีอีกคน นางคือสตรีชุดม่วง เซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญจากอัญเชิญนที!

นางมีต้นกำเนิดลึกลับ ไม่มีใครรู้จักนางนอกจากคนเพียงแค่ไม่กี่คนในดินแดนชั้นใน ทว่าการกระทำของนางในสงครามครั้งนี้ได้ทำให้ทุกคนเกิดความเคารพ

สามสิบปีก่อน น้องสาวของนางตายในสงคราม นางเป็นคนเงียบๆ ตั้งแต่ตอนนั้นนางก็ไม่เอ่ยคำพูดอะไรออกมาสักคำ

เหล่าคนที่ประจำการในดินแดนชั้นในต่างก็อาศัยอยู่อย่างเงียบๆ เป็นเวลาสามปี

หวังหลินผลักดันกงล้อสามแก่นแท้ขนาดยักษ์เข้าหาทะเลเมฆาพร้อมกับความเหน็ดเหนื่อย ช่องว่างในค่ายกลดินแดนปิดผนึกที่อยู่ในทะเลเมฆานั้นเป็นอันตราย อันใหญ่หลวงในช่วงสามปีนี้

หากเขาต้องการให้ดินแดนชั้นในมีเวลาฟื้นฟูพลังไปสามปี ไม่เพียงต้องปิดผนึกแต่หวังหลินต้องคุ้มกันสถานที่แห่งนั้นด้วยตัวเองไปทั้งวันทั้งคืนมากกว่าหนึ่งพันวัน

จริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เขาจะหลอกตัวเองและหาที่พักอยู่จนหมด อายุขัยเลยก็ได้ แต่หวังหลินทำไม่ได้และไม่ต้องการทำเช่นนั้น

ขณะที่ท่องทะยานไป เสียงหวีดหวิวดังกึกก้องในดวงดาว เสียงนี้ออกมาจาก กงล้อสามแก่นแท้ขนาดยักษ์ แววตาหวังหลินมีแต่ความเหน็ดเหนื่อยพลางผลักดัน กงล้อไปข้างหน้า

ไม่นานนักเขาก็มาถึงชายแดนทะเลเมฆา หวังหลินก้าวเท้าและเคลื่อนร่างเข้าไปในทะเลเมฆาอย่างรวดเร็ว

สายหมอกที่เคยห่อหุ้มทะเลเมฆาได้หายไปนานแล้วกลายเป็นดาราจักรที่กระจ่างชัด กลิ่นคาวเลือดเต็มไปทั่วดาราจักร มีแต่แผ่นดินตกอยู่ในซากปรักหักพัง

หวังหลินผลักกงล้อยักษ์ผ่านทะเลเมฆาที่ทรุดโทรม ไม่นานสนามรบแห่งแรกในทะเลเมฆาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ที่ตรงนี้มีเพียงไม่กี่แห่งที่มีสายหมอกเหลืออยู่ ทว่าเมื่อหวังหลินมาถึง กงล้อส่งเสียงคำรามและเกิดสายลมรุนแรงขึ้นมา

สายลมทำให้สายหมอกรอบหลุมในค่ายดลดินแดนปิดผนึกต้องพัดออกไป ไม่นานสายหมอกเบื้องหน้าหวังหลินก็จางหาย ปรากฏหลุมขนาดหมื่นฟุตขึ้นเบื้องหน้าสายตาเขาอย่างชัดเจน

หลุมนี้เหมือนรอยแผลและคงอยู่มาเกือบร้อยปี มันไม่สามารถฟื้นฟูได้ เหล่าเซียนดินแดนชั้นในพยายามซ่อมแซมแล้วแต่ในท้ายที่สุดก็ต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง หลุมนี้ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เพราะในระหว่างเกิดสงคราม ค่ายกลดินแดนปิดผนึกได้เกือบพังทลายจนสิ้น

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างค่ายกลดินแดนปิดผนึกขึ้นมา ตลอดหลายชั่วอายุคนมีการโจมตีอยู่หลายครั้งและจากนั้นเกิดเป็นหลุมไปร้อยปี มันอ่อนแอราวกับกำลังจะตาย

หวังหลินยืนอยู่เบื้องหน้าหลุม ขบคิดเงียบๆ มองค่ายกลดินแดนปิดผนึกและใช้สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านไป เขาสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณค่ายกลข้างใน แต่พวกมันอ่อนแอมาก ราวกับค่ายกลดินแดนปิดผนึกที่อ่อนแรงกำลังทำให้พวกมันแตกสลาย

‘ค่ายกลนี้หมดทางช่วยแล้ว…’ หวังหลินเสียใจ หันกลับมามองอวกาศเบื้องหน้า ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งมีกลิ่นอายของเซียนขั้นที่สามกำลังทะยานเข้ามาหาเขา

แสงสีม่วงนี้คือ คนสุดท้ายที่พุ่งออกมาแต่มาถึงหวังหลินเป็นคนแรก นางคือ เซียนสตรีจากอัญเชิญนที!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version