1663. ทำลายค่ายกล
เหล่าเซียนดินแดนชั้นนอกควบแน่นแก่นแท้จากพลังของเพลิงนรกานต์เพื่อ หล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและกลายเป็นอมตะ ทว่าในดินแดนชั้นใน เพลิงนรกานต์หาได้ยากยิ่งและเกิดปัญหา ไม่เพียงแต่ป้องกันผู้คนไม่ให้บรรลุขั้นที่สามเท่านั้น แต่หลังจากบรรลุขั้นที่สามแล้ว หากใช้งานแก่นแท้มากเกินไป การจะฟื้นคืนทำได้ยากมาก
หวังหลินไม่ได้พึ่งพาเพลิงนรกานต์เพื่อบรรลุขั้นที่สาม เขาเพิ่งพาความรู้ความเข้าใจของตัวเองเพื่อทำแก่นแท้นามธรรมทั้งสามให้สมบูรณ์ เขากลืนกินสายฟ้าและเปลวเพลิงเพื่อทำให้แก่นแท้สายฟ้าและแก่นแท้เพลิงสมบูรณ์แบบ
เป็นผลให้หวังหลินไม่จำเป็นต้องใช้เพลิงนรกานต์ในขั้นที่สาม เขาเพียงต้องการแก่นแท้ที่คนอื่นสร้างขึ้นมา การกลืนกินแก่นแท้จำนวนมหาศาลจะทำให้ฟื้นคืนระดับบ่มเพาะและเพิ่มพูนขึ้น!
เช่นเดียวกันนั้นร่างกายเขาไม่ได้มีดินแดนเพลิงนรกานต์เหมือนเซียนขั้น วิญญาณดับสูญตามปกติ จึงไม่จำเป็นต้องผสานดินแดนเพลิงนรกานต์เข้ากับร่างกายเพื่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม
ร่างหวังหลินคือร่างเทพโบราณซึ่งมันเหนือล้ำกว่าคำว่าสมบูรณ์ เป็นการผสมผสานพลังเทพโบราณและระดับบ่มเพาะจนเขาสามารถสังหารเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นได้ขณะที่ตัวเองอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง!
หวังหลินกล้าแม้แต่กระทั่งต่อสู้กับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับกลาง แม้จะเอาชนะได้ยาก แต่อีกฝ่ายก็สังหารหวังหลินได้ยากเช่นกัน!
เส้นทางขั้นที่สามที่หวังหลินกำลังก้าวเดินนั้นยากยิ่งกว่าเซียนคนอื่น แม้แต่ราชันย์เทพสีรุ้งยังเลือกเดินบนเส้นทางที่แตกต่าง ราชันย์เทพสีรุ้งต้องการ เพลิงนรกานต์ เพียงแต่เพลิงนรกานต์ที่เขาดูดซับนั้นไม่เป็นพิษ
ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเลือกเดินบนเส้นทางของหวังหลิน แต่มันเพียงแค่ยากยิ่งเท่านั้น มันเป็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้มากมายไร้ที่เปรียบ หากเขาต้องการกลายเป็นเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญ เขาเพียงต้องได้รับแก่นแท้ให้มากขึ้นและทำให้มันสมบูรณ์แบบ!
ยามที่คนอื่นบรรลุขั้นที่สาม การทำให้อีกแก่นแท้สมบูรณ์แบบนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามมันแตกต่างจากหวังหลิน เขายังสามารถได้รับแก่นแท้ที่เจ็ด แปด เก้าและกระทั่งแก่นแท้ที่สิบก็ยังได้
อีกทั้งเพราะเขาไม่ได้ดูดซับเพลิงนรกานต์ หลังแก่นแท้สมบูรณ์จึงไม่มีข้อตำหนิ! สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือหาแก่นแท้ที่เจ็ด เมื่อได้แก่นแท้ที่เจ็ดมา เขาก็จะบรรลุ ขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง!
หากแก่นแท้ที่แปดปรากฏขึ้นและทำให้สมบูรณ์ได้ เขาก็จะสามารถบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุด!
หากเก้าแก่นแท้ เขาจะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นแก่นแท้ดับสูญ! จากนั้นเก้าแก่นแท้คงผสานกลับเป็นหนึ่ง หากเขามีปัญญาและโชควาสนามากพอจนผสานแก่นแท้ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้และเปลี่ยนมันเป็นพลังที่คนบนแผ่นดินเซียนดาราเรียกกันว่าพลังดับสูญ เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับหายนะของขั้นที่สามได้ เมื่อรอดจากหายนะนั้น เขาจะกลายเป็นขั้นวิบากดับสูญ!
ความแตกต่างระหว่างขั้นวิบากดับสูญและแก่นแท้ดับสูญคือหายนะแห่งชีวิตและความตาย ผ่านได้สำเร็จจะมีชีวิตต่อไป พ่ายแพ้คือความตายเท่านั้น ตลอดหลาย ชั่วอายุคน มันคือช่องว่างที่ทุกคนต้องเผชิญโดยไม่มีข้อยกเว้น!
หายนะนี้เรียกกันอีกชื่อว่า ด่านวิบากแก่นแท้ มันถูกแบ่งออกเป็นเก้าขั้น หลังจากรอดได้ทั้งหมดเก้าขั้น เมื่อสำเร็จได้จะบรรลุเข้าสู่ขั้นวิบากดับสูญ
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งดั่งราชันย์ยังผ่านด่านวิบากแก่นแท้ไปแค่สามด่านเท่านั้นและไม่กล้าอดทนพอไปถึงด่านที่สี่
ปรมาจารย์เต๋าความฝันยังไม่ทะลวงผ่านด่านแรกและยังคงอยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับสูงสุด เขาไม่กลัวตายแต่ยังมีสิ่งที่ทำไม่สำเร็จและไม่กล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา มีคนที่มีพรสวรรค์หลายคนถือกำเนิดในดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก บางคนบรรลุขั้นที่สามแต่จวบจนถึงวันนี้มีเพียงเซียนถ้ำเพียงคนเดียวที่ทะลุผ่านไปถึงด่านที่แปด เพียงอีกแค่หนึ่งด่านเขาจะถือว่าเป็นผู้สูงส่งแล้ว!
นั่นคือ ผีเฒ่าจาง! ตอนนั้นเขาล้มเหลวในด่านวิบากแก่นแท้ในด่านที่ห้าและ ควรจะตายไปแล้ว ราชันย์เองก็รู้ดี แต่ราชันย์กลับไม่รู้ว่าผีเฒ่าจางได้รับโชควาสนา แห่งเทพ!
โชควาสนาแห่งเทพนี้ได้ทำให้ระดับบ่มเพาะระเบิดขึ้น จึงอดทนขับสู้ไปถึงด่านที่แปดและหยุดอยู่เบื้องหน้าขั้นที่เก้า
คนที่บรรลุขั้นวิบากดับสูญบนแผ่นดินเซียนดาราถูกนับถือว่าเป็นยอดผู้สูงส่ง! เป็นระดับบ่มเพาะที่เป็นสูงสุดของขั้นที่สาม หากสามารถก้าวต่อไปสู่ขั้นในตำนานได้ นั่นเรียกว่า ขั้นย่ำสวรรค์!
ราชันย์เทพสีรุ้งถือเป็นผู้สูงส่งขั้นวิบากดับสูญ เพียงแต่ระดับบ่มเพาะไม่ได้อยู่ในขั้นวิบากดับสูญสูงสุด แต่อยู่ในระดับกลาง!
แม้เขาจะอยู่ระดับกลาง แค่นั้นก็ทำให้เขามีชื่อเสียงอยู่บนแผ่นดินเซียนดาราได้และเริ่มก่อตั้งสำนักของตัวเองในชื่อสำนักเจ็ดเต๋า!
หวังหลินไม่ได้รู้เรื่องอะไรเหล่านี้ เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก ยามนี้ลืมตาและ ยืนขึ้นมองเข้าไปในดวงดาว เขาไม่ได้สูงส่งแต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาราวกับสามารถค้ำจุนสวรรค์ได้ แผ่นหลังของเขาหันเข้าหาดินแดนชั้นในและเปล่งสัมผัส ดุจวิชาเทพประทานพรจากถุงมือเทพโบราณ
แววตาเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง สองเท้าก้าวไปข้างหน้า ร่อนลงบนค่ายกลดินแดนปิดผนึก ค่ายกลสั่นเทาและเผยแสงที่อ่อนแอยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
หวังหลินยกเท้าขวาและย่ำลงไป เสียงดังปัง ทั้งค่ายกลสั่นเทาและปรากฏโครงสร้างคล้ายตาข่ายขนาดยักษ์ขึ้น ค่ายกลเผยตัวเองทั่วดินแดนชั้นใน
แม้แต่เซียนหลายหมื่นคนที่กำลังฟื้นฟูพลังในดาราจักรทุกชั้นฟ้าถึงกับลืมตาขึ้นและมองไปที่ค่ายกลดินแดนปิดผนึก!
พลังอำนาจของการเหยียบย่ำครั้งนี้ทำให้ค่ายกลปรากฏขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ การทำให้มันเผยตัวออกมาได้ทำให้หวังหลินเห็นมันทำหน้าที่ปกป้องครั้งสุดท้าย
“เจ้าผนึกดินแดนชั้นในมานานหลายปี เจ้าป้องกันดินแดนชั้นนอกไม่ให้รุกรานมา นับครั้งไม่ถ้วนและเป็นองครักษ์ให้กับดินแดนชั้นใน…เพราะเหตุนี้ ข้าจึงขอคำนับ ให้เจ้า!” หวังหลินคำนับฝ่ามือและโค้งคำนับแก่ค่ายกลดินแดนปิดผนึก
“แต่ด้วยเรื่องเดียวกันนี้ เป็นเพราะตัวตนของเจ้าจึงทำให้ยากจะมีเซียนขั้นที่สามในดินแดนชั้นใน พลังอำนาจของดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกจึงไม่สมดุล การคงอยู่ของเจ้าได้กักขังและปิดผนึกดินแดนชั้นในเอาไว้!” หวังหลินยกแขนและกดลงไปอย่างโหดเหี้ยม
ประทับเวรกรรมปรากฏขึ้นตรงจุดที่หวังหลินประทับฝ่ามือลง จากนั้นดัชนีงอเป็นกำปั้นและดึงออกมา
“เวรกรรม แยกส่วนจิตวิญญาณ!” หวังหลินคำราม แขนขวาดึงกลับไป ค่ายกลสั่นเทารุนแรง สายฟ้าสายหนึ่งถูกแยกออกมาจากค่ายกล
มันเป็นหอกมายาที่สร้างขึ้นจากสายฟ้า หอกนี้มีสายฟ้าไร้ขอบเขตและเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าสายฟ้ากระจาย!
หวังหลินบีบรัด หอกสายฟ้าพังทลาย ประกายสายฟ้าแตกกระจายไปทุกทิศทางและส่องสว่างขึ้นทั่วอวกาศ
ตั้งแต่ที่หอกสายฟ้าถูกผสานเข้ากับค่ายกลก่อนอันดับแรก มันจึงเป็นครั้งแรก ที่ถูกแยกออกมาและถูกทำลาย นับตั้งแต่นี้ไปจิตวิญญาณดวงนี้จะไม่คงอยู่ในค่ายกลอีกต่อไป!
เมื่อหอกแตกสลาย ค่ายกลเริ่มสั่นเทาและเกิดรอยแตกร้าวละเอียดขึ้น!
“ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างเจ้า แต่วันนี้เจ้ากำลังจะตายและหายไป ข้าหวังหลินจะสร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ค่ายกลนี้จะถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อดินแดนชั้นในเท่านั้น จะคงอยู่เพื่อดินแดนชั้นในและเป็นของดินแดนชั้นในอย่างสมบูรณ์!” หวังหลินยกแขนและกระแทกลงใส่ค่ายกลหกครั้ง!
หกเสียงดังสนั่น หกเวรกรรมและหกกำปั้น ค่ายกลเริ่มพังทลายอย่างจริงจังในทันที ตาข่ายไร้ขอบเขตเริ่มส่งเสียงและแตกกระจาย
แสงโลหิตปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน ทั่วทั้งค่ายกลดูเหมือนจะเปล่งแสงสีโลหิต เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมากึกก้อง ทันใดนั้นค้อนอุกกาบาตเก้าหัวปรากฏขึ้นมาพร้อมเสียงร้อง ค้อนสั่นเทาและมีโลหิตสีดำไหลเยิ้มจากหัวของมัน ทว่าหลังจากออกมาจากค่ายกล มันแตกสลายและหายไปเบื้องหน้าหวังหลิน
ต่อจากค้อนอุกกาบาต คลื่นความร้อนพรั่งพรูออกมาและกลายเป็นเครื่องยิงลูกไฟขนาดยักษ์ ดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกเสียชีวิตไปเพราะมันมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นดินแดนชั้นใน!
ยามนี้เครื่องยิงถูกดึงออกมา หนามของมันเปลี่ยนกลายเป็นหมอก จากนั้นมันก็สลายหายไปรวดเร็ว
ตามหลังเครื่องยิงคือแสงสีทองส่องประกายและปรากฏกระบี่สีทอง หลังกระบี่จึงเป็นแสงสีม่วงมหึมา ปรากฏแส้สีม่วงขนาดยักษ์ มันเต็มไปด้วยอักขระรูนและบิดเบี้ยวเหมือนอสรพิษ!
ต่อจากแส้ ค่ายกลสั่นเทาปรากฏกลิ่นอายเก่าแก่ ผุดเป็นคทาหัวสุนัขและเต็มไปด้วยหนาม มีภูติผีนับไม่ถ้วนอยู่รอบๆ แสดงให้เห็นว่ามันสังหารไปมากมายแค่ไหนก่อนหน้านี้
กระนั้น ไม่นานนักที่จิตวิญญาณค่ายกลปรากฏขึ้น ทั้งหมดล้วนระเบิด หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล ค่ายกลดินแดนปิดผนึกจึงหายไป!
สิ่งที่ถูกทำลายไปด้วยกับพวกมันคือจิตวิญญาณค่ายกลอีกดวงซึ่งไม่ได้ก่อเกิดรูปร่างและยังคงเป็นก้อนสายหมอก เมื่อมันปรากฏขึ้นมาจึงถูกทำลายไปด้วย
ตอนนี้เจ็ดในเก้าจิตวิญญาณค่ายกลได้ถูกทำลายไปแล้ว
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งพลางมองค่ายกลดินแดนปิดผนึกที่สูญเสียจิตวิญญาณ ค่ายกลไปหกตัว มันเริ่มพังทลายอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน ทำให้สายฟ้าดังสนั่นกึกก้อง มันเริ่มพังทลายไปทั่วดินแดนชั้นใน เหล่าเซียนดินแดนชั้นในทั้งหมดมองเห็นค่ายกลพังทลายไปทีละชั้น! ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกอีกแล้ว!
“จิตวิญญาณค่ายกลดวงที่แปด สมบัติสวรรค์ของเผ่าโบราณของข้า ขวานแยกสวรรค์ เจ้าจะกลับมาในมือข้าหรือถูกทำลายไปพร้อมกับค่ายกลแห่งนี้? ข้าจะให้เจ้าเลือก!” หวังหลินยกแขนขึ้น เสียงดังสนั่นกึกก้อง จิตวิญญาณค่ายกลดวงที่แปดปรากฏ!
พลังอำนาจของจิตวิญญาณดวงนี้เหนือล้ำยิ่งกว่าเจ็ดดวงที่ผ่านมา!
จิตวิญญาณนี้คือ ขวานแยกสวรรค์ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเทพโบราณ!
เงาขวานยักษ์พร้อมกลิ่นอายเทพโบราณหนาแน่นพลันล่องลอยออกมาอย่างช้าๆ