1684. มังกรเทพแสดงเต๋า
หวังหลินไม่เข้าใจความทรงพลังอำนาจตอนที่เขายังเยาว์วัย เขารู้แต่เพียงว่าเด็กข้างบ้านแข็งแรงกว่าตัวเอง เช่นนั้นแล้วจึงเป็นคนที่แข็งแกร่ง
หวังหลินเข้าใจคำว่าความรับผิดชอบก็เมื่อไม่กี่ปีก่อนเท่านั้น
จ้าวดินแดนปิดผนึกเป็นคนที่ทรงพลังและเป็นคนที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ หวังหลินไม่ได้ครองตำแหน่งนี้นานนัก แต่มันก็ได้ผลักดันให้เขาสัมผัสถึงวุฒิภาวะของการเป็นเซียนที่แท้จริง
ภาวะเช่นนี้เป็นความรู้สึกทางจิตวิญญาณ สัมผัสแห่งการรับรู้ในพลังอำนาจ
เพียงเข้าใจหน้าที่ความรับผิดชอบเท่านั้นจึงจะสามารถกลายเป็นผู้ทรงพลังที่แท้จริง! บางครั้งเรื่องนี้ดูเหมือนไร้สาระ แต่ตัวอย่างโดยตรงของคนที่ทรงพลังสำหรับหวังหลินก็คือพ่อของเขา
พ่อเขาเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ตอนที่หวังหลินเยาว์วัย ท่านพ่อเป็นคนที่ทรงพลังมาก ขณะเดียวกันเขาก็แบกรับภาระของครอบครัวเอาไว้ ดุจดั่งภูเขาที่เป็นโล่ให้แก่หวังหลินและแม่จากสายลมและสายฝน
ตราบใดที่ท่านพ่ออยู่ บ้านก็ยังอยู่
นี่คือตัวอย่างของคนที่ทรงพลัง!
หวังหลินบ่มเพาะมามากกว่าสองพันปี ตอนนี้เขาค่อยๆ เข้าใจมากขึ้นจากความทรงจำ
หลายสิ่งหลายอย่างในโลกมักจะเป็นเช่นนี้ ใช้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อมองเห็นภาพที่กว้างกว่าเดิม
เขาคุ้มกันดินแดนชั้นในมาสามปี สร้างแดนสวรรค์แห่งใหม่ เข่นฆ่าจนฝ่ามือย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน แต่เขาก็ไม่อาจหันกลับได้ เขาได้แต่เดินหน้าต่อไปจนกว่าจะตายหรือทำลายอุปสรรคข้างหน้าเท่านั้น!
เขาต้องเดินบนเส้นทางสู่อนาคตต่อไป
ร่างสีขาวของเขาดุจใบไม้แห้งเหี่ยวกำลังลอยไปตามดวงดาว มันไม่มีรากแต่มันก็ไม่หลงทาง เขาเคลื่อนกายพัดพลิ้วราวกับมองหาอะไรบางอย่าง จนในที่สุดก็กลืนไปกับความมืดในอวกาศ จากไปโดยไม่เหลือร่องรอย
ร่างดั้งเดิมของหวังหลินยังคงนั่งอยู่ในค่ายกลกงล้อที่อยู่ในทะเลเมฆา สามวันสุดท้ายก่อนครบปีที่สาม เขาค่อยๆ ลืมตาเยือกเย็นขึ้นมา
หวังหลินหันกลับมาและมองเข้าไปในดินแดนชั้นใน ในสายตาเขามีร่างอวตารของตนเองกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ฝีเท้าเหยียบย่ำแต่กลับไม่มีระลอกคลื่นและไม่ส่งเสียง ทุกฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง
ร่างอวตารของหวังหลินปรากฏขึ้นข้างกายร่างดั้งเดิม เขาหันกลับไปมองดินแดนชั้นในเหมือนร่างดั้งเดิม
ฉากนี้ราวกับภาพวาด หากสามารถถ่ายเก็บไว้ได้มันคงกลายเป็นตำนาน ในภาพนี้มีทะเลดวงดาวอยู่เป็นเบื้องหลัง ค่ายกลกงล้อมีสีสัน สองร่างที่มีใบหน้าเหมือนกันกำลังส่งสายตาออกไปไกล
ผ่านไปสักพัก ร่างอวตารของหวังหลินหันกลับมาและก้าวเข้าหาร่างดั้งเดิม แสงอ่อนนุ่มเปล่งประกายพร้อมกับร่างอวตารเข้าผสานกับร่างดั้งเดิม ส่งเสียงดังปะทุขึ้นไปทั่ว เรือนผมสีขาวสะบัดพลิ้ว หวังหลินยืนขึ้นมา ส่งสายตาเยือกเย็นเข้าหาดินแดนชั้นนอก
‘สามวันสุดท้าย จากนั้นสี่แม่ทัพแดนสวรรค์โบราณจะปรากฏตัว ความลับสุดท้ายของถ้ำแห่งนี้จะถูกเปิดเผย…น่าเสียดาย แม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องที่สาม!’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ
‘แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สงครามครั้งสุดท้ายนี้นับว่าน่าสนใจยิ่ง …เซียนเต๋าสีรุ้ง ผีเฒ่าจาง สี่แม่ทัพเทพที่ต้องการให้ราชันย์ตื่น และสุดท้ายคือเซียนจากแผ่นดินเซียนดาราที่เข้ามาจากทางผ่านในแดนสวรรค์วายุ…’
‘ก่อนอื่น ข้าจะเป็นคนเริ่มทำให้สงครามโกลาหลยิ่งขึ้น!’ หวังหลินดวงตาเปล่งประกาย ก้าวเท้าออกไปจากค่ายกลกงล้อ มุ่งหน้าเข้าหาดาราจักรโบราณ
‘ข้าจะทำลายแดนสวรรค์โบราณของดินแดนชั้นนอก!’ หวังหลินพุ่งเข้าไปในดาราจักรโบราณด้วยแววตาสังหาร เขาเปลี่ยนเป็นลำแสงและปลดปล่อยระดับบ่มเพาะสูงสุด
หวังหลินไม่ซ่อนกลิ่นอาย เขาตรงเข้าไปบอกดินแดนชั้นนอกว่า หวังหลิน มาถึงแล้ว!
ดวงดาวสั่นเทา สัมผัสวิญญาณของหวังหลินแผ่กระจาย เซียนทรงพลังทั้งหมดจากหลายเผ่าต่างก็สั่นไหว ไม่ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ทั้งหมดมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
พวกเขาสัมผัสถึงจิตสังหารจากดินแดนชั้นในได้ชัดเจน
หวังหลินไม่รู้ว่าแดนสวรรค์โบราณของดินแดนชั้นนอกนั้นอยู่ที่ไหนและเขาก็ไม่ได้ค้นหาสุ่มสี่สุ่มห้า แต่กลับพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของดาราจักรโบราณ มันอยู่ไหนไม่สำคัญ ในสามวันนี้เมื่อแดนสวรรค์โบราณที่อยู่ในดินแดนชั้นในเปิดขึ้นและสี่แม่ทัพลงมา เขาจะสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของแดนสวรรค์แห่งดินแดนชั้นนอกได้ในเวลาเดียวกัน!
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินแผ่กระจายไปดาราจักรโบราณ ราชันย์อยู่ในตำหนักของตนเอง สายตาจ้องออกไป แขนแห้งเหี่ยวกำหมัดอยู่พักใหญ่
เขาขบคิดอยู่นาน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถตั้งมั่นสังหารหวังหลินได้ เขากลัวคันศรของหวังหลินมาก และหากหวังหลินยังไม่ได้ยิงไปอีกสองดอก เขาก็ไม่กล้าลงมือ!
สองปีก่อน เขาต้องการลอบโจมตีท่ามกลางความปั่นป่วน แต่ท้ายที่สุดก็ถูกหวังหลินตรวจจับได้ จากนั้นก็ได้ถูกบังคับให้ถอยกลับมาตอนที่หวังหลินเรียกเขา
‘มันปรากฏตัวในดาราจักรโบราณ ทำไมถึงมา… พยายามล่วงเกินข้าเพื่อล่อให้ข้าออกไปโดนสังหารหรือ…’ ราชันย์เต็มไปด้วยสายตาสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหวังหลินถึงปรากฏตัวในดาราจักรโบราณอย่างโอหังขนาดนั้น
‘ข้าจะไม่เข้าไปใกล้ ข้าอยากเห็นว่ามันจะทำอะไรได้!’ ราชันย์ทำได้แค่ทนทุกข์อย่างเงียบๆ ระดับบ่มเพาะของเขาสูงส่งเทียมฟ้าและถ้าไม่กังวลเรื่องคันศร เขาสามารถสังหารหวังหลินได้ทันที
ในดาราจักรโบราณอีกแห่งหนึ่ง ในวังวนที่ก่อเกิดจากดวงดาวหลายดวง ซึ่งมีแสงสีรุ้งเปล่งประกาย ที่แห่งนั้นคือที่ที่มีเซียนเต๋าสีรุ้ง เขามองออกไปไกลด้วยสายตาไม่แยแสและเผยรอยยิ้มเบาบาง
‘คันศรและเกาทัณฑ์ลี่กวงอยู่ในมือเขา แม้ข้าเป็นคนบอกให้ราชันย์มอบให้ มันก็ยังขึ้นอยู่กับโชคชะตาของตัวเอง ตอนนี้เขามาที่นี่อีกครั้ง กำลังจะทำอะไรกัน… เขาช่างเหมือนกันผีเฒ่าจาง ถ้าเขาไม่ใช่คนที่สาม เช่นนั้นก็คงเป็นตัวตนลึกลับในถ้ำนี้’
‘เซียนแบบเขา ถ้าไม่ใช่คนที่สาม สังหารไปก็คงน่าเสียดาย… แต่เขามีข้อเสียอยู่ ถ้าไม่ตายในตอนจบก็อาจถูกข้าใช้งาน’ เซียนเต๋าสีรุ้งถอนสายตา
‘ค่ายกลโลหิตสมบูรณ์แล้ว อีกไม่นานข้าจะรู้ว่าคนที่สามที่กลับมาเกิดใหม่อยู่ที่ไหน! ข้าค้นหาเจ้ามานานหลายปี ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้เจ้าเป็นใคร!!!’
ณ ดาราจักรโบราณ บนดาวเคราะห์เซียนที่มีสตรีชุดขาว นางงดงามแต่มีกลิ่นอายเยือกเย็นจนรู้สึกเหมือนภูเขาน้ำเข็ง ราวกับนางถูกสร้างขึ้นจากหิมะ ดวงตาหลับพริ้ม แต่วินาทีนั้นพลันลืมตาขึ้น
‘นั่นเขา!’ นางคือนางสนมจักรพรรดิเทพลำดับสาม!
นางไม่ได้เข้าร่วมสงครามระหว่างดินแดนชั้นใน แต่หลังจากออกมาจากสุสานโบราณ นางก็อยู่ที่นี่อย่างเดียว รอบางอย่างเงียบๆ
‘เขาปรากฏตัวที่นี่ กำลังทำอะไร…’
ณ ดาราจักรโบราณอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน มีรอยแยกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในรอยแยกนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และเหล่าวิหค มีนางสนมลำดับเจ็ดนั่งอยู่ในนั้น
นางพลันลืมตาขึ้นมา สายตาเผยประกายประหลาดใจ
‘เขากำลังจะทำอะไร…’
ไม่ใช่แค่คนเหล่านี้เท่านั้นที่คาดเดาการกระทำของหวังหลิน แม้แต่ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน จอมมารเก้าสวรรค์และคนอื่นๆ ทั้งหมดยังตื่นขึ้นจากการฟื้นฟูพลัง พวกเขามองดวงดาวด้วยท่าทีมืดมน
ตัวตนของหวังหลินสร้างแรงกดดันให้พวกเขามหาศาลเพราะมีคันศรอยู่ในมือ
เซียนขั้นที่สามแทบทั้งหมดจับจ้องไปยังกลิ่นอายหวังหลิน พวกเขาไม่รู้ว่าหวังหลินกำลังทำอะไร ดังนั้นจึงเคร่งเครียดยิ่ง
เมื่อเซียนขั้นที่สามใช้สัมผัสวิญญาณจับจ้องหวังหลิน เขาพลันหยุดลง บางทีเขาอาจเข้าไปใกล้ใจกลางดาราจักรโบราณแล้ว ซึ่งไม่ว่ามันจะอยู่ตรงไหน เขาก็สามารถไปถึงตรงนั้นได้แทบในทันที
หลังจากหยุดลง หวังหลินนั่งและหลับตา เริ่มบ่มเพาะและรอคอยอย่างเงียบๆ
การกระทำของเขาทำให้เซียนขั้นที่สามเกือบทั้งหมดต้องตกตะลึง
กาลเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เหลืออีกเพียงสิบสองชั่วโมงจะครบสามปี เมื่อสิบสองชั่วโมงนี้ผ่านไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงขึ้นในโลกถ้ำ!
อย่างไรก็ตามตอนนี้นอกจากหวังหลินแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม้แต่เซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางก็ไม่อาจควบคุมเรื่องที่จะเกิดได้
ถ้ามีก็คงมีอีกคนที่มีความรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น นั่นคือเทียนหยุนผู้นั่งอยู่บนเศษก้อนหินในดาราจักรอัญเชิญนทีซึ่งหวังหลินไม่สามารถตรวจพบ!
เทียนหยุนเผยแววตาประหลาดใจพลางก้มศีรษะ สองฝ่ามือเปลี่ยนไปมาเบื้องหน้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทำการพยากรณ์ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้นและเผยท่าทีดีใจ
‘เกือบแล้ว… สิบสองชั่วโมงสุดท้าย…’
หวังหลินบ่มเพาะเพื่อประคองกลิ่นอายให้อยู่ระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง เขายังใช้งานโลหิตเทพด้วยเพื่อกระตุ้นตัวเองให้อยู่ระดับสูงสุด
อีกไม่นาน ช่วงเวลาสามปีก็จะสิ้นสุด เมื่อเหลือเวลาอีกแค่สี่ชั่วโมงสุดท้าย หวังหลินพลันลืมตา
ทุกคนที่กำลังสังเกตเขาต่างก็ตกตะลึงและคาดการณ์หลายอย่าง
‘เจ้านั่น…’ หวังหลินหันศีรษะไปด้านขวาและค่อยๆ เผยท่าทีประหลาดใจ
ทางด้านขวาของหวังหลิน ห่างออกไปไกลในหมู่ดาว มีกลุ่มเซียนนับร้อยของดาราจักรโบราณกำลังเหาะเหินเข้ามา เรือนผมแต่ละคนยุ่งเหยิงและมีอะไรบางอย่างป้ายอยู่บนใบหน้า มีหลายสีสันและน่าประหลาด
ขณะที่เดินหน้า พวกเขาร้องคำรามเสียงดังออกมาในเวลาเดียวกัน
“มังกรเทพเผยเต๋า จงเชื่อคำพูดข้าถึงจะหลีกเลี่ยงหายนะล้างโลกนี้ได้ หากไม่เชื่อข้าจะถูกลงโทษทั้งหมด… มังกรเทพคืออำนาจ… มังกรเทพคืออำนาจ…”
“มังกรเทพเผยเต๋า เชื่อมั่นในเหล่าสาวก มันจะพาเราไปยังแดนสวรรค์ไร้ขอบเขตและกลายเป็นอมตะ…”
เซียนนับพันโผล่ออกมามากขึ้นหลังจากชุดแรกไม่กี่ร้อยคน ทั้งหมดส่งเสียงร้องคำรามแบบเดียวกัน