1703. ทันหลางปรากฏตัวอีกครั้ง
เสียงคำรามของหวังหลินเปลี่ยนกลายเป็นพายุและเข้าสู่แตรในทันที หลังจากดังกึกก้องอยู่ข้างในสักพัก พายุจึงโผล่ออกมาจากด้านปลายของแตร
เสียงคำรามทรงพลังยิ่งอยู่แล้ว ตอนนี้มันถูกขยายออกไปอีกหลายเท่า ภาพมายาชั้นแรกเริ่มแตกสลายในระดับที่เห็นด้วยตาเปล่า
เสียงคำรามก่อเกิดเป็นเสียงอันเหนือจินตนาการและร่อนลงใส่วิหคเพลิงเก้าตัวรอบเซียนเต๋าสีรุ้งดุจพายุ วิหคเก้าตัวเผยอาการแตกดับ น้ำเสียงตรงเข้าสู่หูของ เซียนเต๋าสีรุ้ง!
ภายในภาพมายาชั้นที่สอง เซียนเต๋าสีรุ้งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ปกติแล้วความตื่นเต้นคงไม่มากมายขนาดนี้แต่เขาอดไม่ได้ เขารอมานานมาก กล่าวได้ว่ารอมา ทั้งชีวิต!
วันนี้ในที่สุดก็ค้นพบเบาะแสในการตามหาวิญญาณดวงที่สามผ่านพลังอำนาจจากแผ่นดินเซียนดารา เขาไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเขาจินตนาการไปเอง แต่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าใกล้วิญญาณดวงที่สาม!
ในสายตาเขา ได้เห็นวิญญาณดวงที่สามทะลุผ่านดาราจักรอัญเชิญนทีและมุ่งหน้าสู่ดาราจักรฟ้ากระจ่าง ฝ่ามือสร้างผนึกเพื่อต้องการมองดูใกล้ๆ แต่ขณะนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงขึ้น!
เขาได้ยินเสียงคำรามดังสนั่นในสองหู ตอนแรกมันไม่ดัง แต่ไม่นานมันก็เพิ่มขึ้นมหาศาลและกลายเป็นเสียงเดียวที่อยู่ในหูของเขา!
ครืนนนนน!!
ด้วยเสียงคำรามนี้ ทุกอย่างเบื้องหน้าเซียนเต๋าสีรุ้งจึงดูเหมือนถูกฉีกกระชากด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ราวกับต้องการดึงเขาออกจากภาพมายาชั้นที่สอง!
วิญญาณดวงที่สามที่เขาเห็นได้กลับหายวับไปต่อหน้าต่อตา แผนที่ดวงดาวเบื้องหน้าพร่ามัวและพังทลาย ไม่เพียงแค่แผนที่ดวงดาว แต่ทุกอย่างรอบตัวเขาแตกสลาย!
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป นี่คือช่วงเวลาที่เขาตื่นเต้นที่สุด แต่ขณะที่กำลังจะได้เห็นว่าวิญญาณดวงที่สามไปทางไหน ทุกอย่างก็หายไป
เซียนเต๋าสีรุ้งตกตะลึง เขาไม่สามารถหยุดมันได้ เป็นเพราะมีคนในภาพมายา ชั้นแรกกำลังปลุกเขา
“ไม่!!!” หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ จึงส่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวทันที!
เสียงคำรามโผล่ออกมาจากปากและดังออกมาในภาพมายาชั้นแรกด้วย มันปะทะกับเสียงคำรามของหวังหลิน ก่อเกิดเป็นพลังทำลายล้าง!
แตรจากหกแก่นแท้แตกสลายในทันที หวังหลินกระอักโลหิต รู้สึกเหมือนทั้งร่างกำลังแตกละเอียด ขณะเดียวกันวิหคเพลิงเก้าตัวที่แตกสลายพลันพุ่งเข้าใส่เขาด้วย
ช่วงจังหวะอันตรายนี้ หวังหลินได้ใช้วิชาไร้เทียมทานเพื่อฟื้นคืน เขาสะบัดแขนให้ใบเรือหน้าปีศาจห่อหุ้มตัวเอง เมื่อแรงกระแทกเข้าใกล้ หวังหลินจึงหายตัวไป
หวังหลินลืมตาขึ้นมาด้านนอกอวกาศอันลึกลับห่างออกไปจากเซียนเต๋าสีรุ้งในระยะพันฟุต เขากระอักโลหิตและดวงตาหม่นหมอง แต่ก็ต้องล่าถอยโดยไม่ลังเล
หวังหลินหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยเพียงก้าวคราเดียว เขาปรากฏตัวอีกครั้งในระยะไกลและกระอักโลหิต หวังหลินไม่มีแม้แต่เวลาฟื้นตัวเองเพียงเพราะต้องหนีอย่างบ้าคลั่ง
เซียนเต๋าสีรุ้งพลันลืมตาขึ้นมาขณะนั่งอยู่ท่ามกลางซากศพอสูรจำนวนมาก ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าท่าทางบิดเบี้ยว จ้องมองตรงไปและส่งเสียงคำรามรุนแรง
“หวังหลิน หากข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าไม่ขอเป็นคน!!!” เสียงคำรามดังสนั่นออกไปนอกอาณาเขตดวงดาว ซากศพอสูรจำนวนมากสั่นสะท้าน พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงและกระจายไปทั่วทิศทาง
เซียนเต๋าสีรุ้งไล่ตามหวังหลินด้วยจิตสังหารมหึมา!
หวังหลินมาได้ไกลแล้วแต่ยังได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว ใบหน้าซีดเผือดพลางกระอักโลหิตและหนีด้วยวิชาหลบหนีโลหิต!
‘ไร้สาระ แม้ข้าไม่ทำลายโอกาสการตามหาวิญญาณดวงที่สาม เขาก็ยังไล่ล่าข้าไปสุดขอบฟ้าอยู่ดี!’ หวังหลินไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเอง
นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำ หากเขาไม่ทำลายแผนของเซียนเต๋าสีรุ้งและไปที่แท่นพิธี เขาก็แค่ชะลอความตายให้ช้าลงเท่านั้น
หากทุกอย่างในภาพมายานั้นเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเมื่อเซียนเต๋าสีรุ้งค้นพบวิญญาณดวงที่สาม ทั่วทั้งถ้ำแห่งนี้คงไม่มีความหวัง!
มันคงตกอยู่ใต้การควบคุมของราชันย์เทพสีรุ้งคนใหม่อย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นหวังหลินคงไม่สามารถกุมชะตาชีวิตของตัวเองได้!
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นจึงต้องทำลายแผนของเซียนเต๋าสีรุ้ง แม้ผลที่ตามมาจะทำให้เขาเกือบตายก็ตาม!
ยามนี้ขณะที่กำลังหนี อวกาศด้านหลังสั่นเทาและสัมผัสได้ว่าเซียนเต๋าสีรุ้งกำลังไล่ล่าตามมา อีกฝ่ายทรงพลังยิ่งและสามารถส่งสัมผัสวิญญาณไปได้ไกลมาก ดังนั้นการที่จะตามหาหวังหลินได้จึงเป็นเรื่องง่ายดาย!
‘ตอนนี้ข้าได้แต่มุ่งหน้าไปที่แท่นพิธีเท่านั้น บางทีแท่นพิธีอาจจะสามารถช่วยขจัดอันตรายของข้าได้ ข้าหวังเช่นนั้น!’ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนการตัดสินใจเข้าสู่ภาพมายาของเซียนเต๋าสีรุ้ง
ไม่เพียงแต่เขาต้องชั่งน้ำหนักโอกาสความเป็นไปได้ เขายังใช้วิญญาณของ เทียนหยุนเพื่อทำนายอนาคตอีก เขาพบว่ามีแต่แท่นพิธีแห่งนั้นที่มีเส้นทางทำให้ เขารอด!
ฟ่านชานลิ่วกล่าวว่ารอยแยกอวกาศในทะเลเมฆาแห่งนี้ถูกเปิดขึ้นช่วงที่ เหลียนต้าวเฟยถูกเต๋าแห่งสวรรค์กลืนกินและราชันย์เทพสีรุ้งแตกสลาย
นางยังบอกว่าสถานที่แห่งนี้เชื่อมต่อกับอวกาศอันลึกลับซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงมีอสูรดุร้ายจำนวนมากปรากฏขึ้นมา
ลึกเข้าไปในภายในรอยแยกอวกาศมีแท่นพิธีขนาดยักษ์ลอยอยู่ แท่นพิธีแห่งนี้ตกอยู่ในซากปรักหักพัง แต่มันไม่เคลื่อนไหว มันนิ่งอยู่เช่นนั้น
แท่นพิธีเป็นสีดำสนิทแบบเดียวกับอวกาศรอบตัว อย่างไรก็ตามมุมหนึ่งของมันเปล่งแสงเบาบาง
เหตุผลที่แท่นพิธียังอยู่ที่เดิมเป็นเพราะมุมหนึ่งของมันเชื่อมต่อกับอวกาศอีกแห่ง ระลอกคลื่นดังกึกก้องออกมาจากมุมนั้นจนทำให้มันติดอยู่ที่นี่มาหลายหมื่นปี
อวกาศที่เชื่อมต่อกับมันไม่ใช่ว่าไม่ได้รับความเสียหาย มีรอยแยกอวกาศหลายแห่งอยู่ด้วยซึ่งมีแสงออกมาเช่นกัน
ราวกับมีลูกดอกปักใส่กระดาษและติดอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมดาที่จะมีรูตรงจุดที่ลูกดอกแทงทะลุ
ตอนนี้มีกลิ่นอายเก่าแก่ระเบิดออกมาจากแท่นพิธีแต่ไม่ได้แผ่กระจายออกไปไกล มันมีพลังที่มองไม่เห็นกำลังป้องกันเอาไว้
แท่นพิธีแห่งนี้ขนาดเท่าภูเขาย่อมๆและมีแปดเหลี่ยม มีขั้นบันไดอยู่รอบ ใจกลางแท่นมีพื้นที่ราบเรียบขนาดพันฟุต หากมองใกล้ๆ คงเห็นว่าเป็นค่ายกลโบราณอยู่บนแท่นพิธี
ใจกลางแท่นมีแขนอยู่หนึ่งข้าง กลิ่นอายบัญชาโบราณออกมาจากแขนข้างนี้
ทว่าแขนนี้ไม่ได้ใหญ่มาก มีขนาดเพียงไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น มันนิ่งเงียบไม่ไหวติง
เป็นเพราะมีรอยแยกอวกาศ มุมหนึ่งของแท่นจึงติดอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกด้านนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และวิหคหลายนิด พื้นดินปกคลุมด้วยหญ้าเทพ มีสัตว์ตัวเล็กหลายตัวกำลังวิ่งเล่น ราวกับสวนของทวยเทพ
ขณะนี้มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากมิติแห่งนั้น เสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความอ้อนวอนและน่าเวทนา ใครก็ตามที่ได้ยินคงรู้สึกสงสารจับใจ
“บรรพชนน้อย ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่มีเรื่องอะไรให้เล่าแล้วจริงๆ แม้ท่านจะมอบสมบัติให้ข้าอีก ข้าก็ไม่มีเรื่องจะเล่าแล้ว อ๊าก อีกร้อยปี ปากข้า คงเปื่อย ข้าทนไม่ไหวแล้ว!!!”
ขณะที่เสียงกรีดร้องดังกึกก้อง ร่างมนุษย์ผู้หนึ่งมีใบหน้าซีดเซียว ดวงตาหมองหม่นและท่าทีเจ็บปวดกำลังพยายามโผล่ออกมาจากรอยแยกอวกาศ
รอบรอยแยกอวกาศมีม่านล้อมไว้อย่างชัดเจน แต่ไม่มีผลกระทบอะไรกับคนผู้นี้ ร่างครึ่งซีกของเขาโผล่ออกมา เผยรูปร่างหน้าตา
มองลอดผ่านรอยแยกไปสามารถเห็นสาวน้อยสองคน อายุราวเจ็ดถึงแปดขวบ กำลังนั่งย่ออยู่ด้านหลังคนผู้นี้ สองสาวน้อยน่ารักน่าชัง คนหนึ่งสวมชุดสีม่วงและ อีกคนสวมชุดสีเขียว
“ฮานฮาน เราจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? เขาดูน่าสงสารนะ” สาวน้อยชุดเขียวทนดูไม่ได้และหันไปมองสหาย
เมื่อบุรุษได้ยินคำพูดนั้น หยาดน้ำตาจึงเริ่มไหลและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“หวาหวา เขายังเล่าเรื่องไม่จบ อย่าไปสงสารเขา จำได้ไหมว่าเขาข่มขู่เราว่าอย่างไรตอนที่เขามาที่นี่?” สาวน้อยฮานฮานคว้าขาของอีกฝ่ายและลากเขากลับไปทั้งที่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
“ทันหลาง รีบเล่าเร็วๆ เจ้าเพิ่งพูดเรื่องอสรพิษพิฆาตจันทร์ รีบเล่าที่เหลือมา”
สาวน้อยผู้มีนามว่าหวาหวา หันยิ้มไปมองทันหลาง ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น
“เอาแบบนี้ เล่าเรื่องให้เราฟังอีกพันปี ข้าจะตัดสินใจว่าจะปล่อยเจ้าไปดีหรือไม่”
ทันหลานส่งเสียงร้อง มองดูร่างตัวเองถูกลากเข้าไปในสถานที่อันน่ากลัวแห่งนี้ พอเขาได้ยินคำพูดของหวาหวา น้ำตาไหลออกมาเป็นสายยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าสองคนคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว… เจ้าสองคน… มันก็เหมือนครั้งล่าสุด ข้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าอยากดื่มน้ำ…”