Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1890

Cover Renegade Immortal 1

1890. หายนะ? อนาคต?

คนที่เดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งที่สี่เป็นชายวัยกลางคน เขาสวมชุดคลุมเต๋าสีขาวสลับดำ ร่างกายสูงและเปล่งกลิ่นอายไม่ธรรมดา รูปร่างหล่อเหลาแต่ริมฝีปากบางจนเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบ

คนผู้นี้โหดเหี้ยมและอำมหิตแน่นอน เขาคงไม่เคยใช้พลังของทั้งสำนักเพียงเพื่อสังหารคนเพียงคนเดียว

วินาทีที่ก้าวออกมาจากค่ายกล กลิ่นอายเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับปลายสูงสุดได้แผ่กระจายออกมา นาทีนั้นโลกพลันเปลี่ยนสีสันราวกับเทพมารนับไม่ถ้วนปรากฏตัวและเริ่มร้องคำราม

เขาห่างจากขั้นวิบากดับสูญระดับสูงสุดเพียงแค่ขั้นเดียว!

เหล่าเซียนสำนักเต๋ามารทั้งหมดคุกเข่าหนึ่งข้างและก้มหน้า

ชายคนนี้เพียงแค่ยืนมองหวังหลินที่กำลังหนีเข้าไปในแคว้นเมิ่งตูด้วยสายตาไม่แยแส

หวังหลินจิตใจสั่นเทา ตอนที่อีกฝ่ายก้าวออกมาจากค่ายกล เขารู้สึกถึงวิกฤติที่ระเบิดออกมาทันที

วิกฤติแห่งชีวิตและความตายนี้มาจากชายวัยกลางคนด้านหลังเขา จ้าวสำนักเต๋ามาร!!

หวังหลินทะยานหนีด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยไม่หันกลับไปมอง เขายังไม่สามารถใช้บิดมิติได้ ดังนั้นจึงต้องเคลื่อนร่างเหมือนเงา

เขาสัมผัสได้ว่าเพียงทะยานออกไปอีกนิด พลังปิดผนึกอาณาเขตแห่งนี้ก็จะหายไป จากนั้นเขาก็จะสามารถผสานกับโลกได้

อย่างไรก็ตามจ้าวสำนักเต๋ามารกลับมีทีท่าสงบนิ่ง ก้าวเข้าสู่แคว้นเมิ่งตูโดยไม่ลังเลเหมือนเซียนคนอื่น!

พอเขาเข้ามาได้ จึงลอยตัวมองหวังหลินในอากาศ ค่อยๆ ยกแขนขวาขึ้นมาชี้ไปยังท้องฟ้า

“เต๋า มาร!” เขาเอ่ยขึ้นเพียงแค่สองคำแรก!

นาทีนั้นเทือกเขาไร้ขอบเขตตรงชายแดนของทั้งสองแคว้นจึงเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แรงสั่นสะเทือนแผ่กระจายจนกลายเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้อง

เทือกเขาคล้ายมังกรขนดราวกับโดนพลังที่มองไม่เห็นดึงออกมา ด้านซ้ายสุดของเทือกเขามีพลังรวมตัวกันกลายเป็นร่างยักษ์

ร่างนี้เป็นชายวัยกลางคนผมขาวสวมชุดคลุมสีขาว เขามีกลิ่นอายของความเป็นเทพ สะบัดแขนเสื้อใส่เทือกเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของเทือกเขามีร่างเงาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมา ร่างเงานี้ปกคลุมไปด้วยพลังมารซึ่งเป็นชายหนุ่มท่าทีเย็นชาสวมชุดคลุมสีดำ เปล่งกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและกระหายโลหิต

พอเขาปรากฏตัวจึงชี้ไปที่เทือกเขาด้านล่าง

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าเซียนสำนักเต๋ามารทั้งหมดเกิดความตกตะลึง พวกเขามองจ้าวสำนักของตัวเองด้วยสายตาหลงใหล

ด้วยวิชาของชายชราชุดขาวและชายหนุ่มชุดดำ เทือกเขาไร้ขอบเขตเกิดเสียงดังสนั่นและถูกยกขึ้นมาจากพื้นดิน!

ลอยขึ้นไปในอากาศ มองไกลๆ ราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

เพียงแค่จ้าวสำนักเต๋ามารชี้ออกไป กลับทำให้เทือกเขาขนาดหลายหมื่นลี้ทะยานเข้าสู่แคว้นเมิ่งตู ความเร็วของมันไม่อาจจินตนาการได้ มันลอยผ่านหวังหลินในพริบตา

หวังหลินตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาเห็นเทือกเขาลอยผ่านเหนือศีรษะไปและร่อนลงห่างอีกสองพันลี้ในทะเลทรายของแคว้นเมิ่งตู หากเทือกเขานี้นับว่าเป็นชายแดนระหว่างสองแคว้น เช่นนั้นหวังหลินก็ยังคงอยู่ในแคว้นมารเขียว!

ความรู้สึกถึงความเป็นความตายได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นเงาขนาดยักษ์เกาะกุมจิตใจหวังหลิน

“แบบนี้ เจ้าก็ยังอยู่ในแคว้นมารเขียว…” จ้าวสำนักเต๋ามารเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ ขณะเดียวกันเขาได้ก้าวออกไปและปรากฏตัวห่างจากหวังหลินไม่เกินพันฟุตเพียงชั่วพริบตา

หวังหลินกัดฟันและพุ่งออกไป เขารู้ว่าการที่จะหนีไปได้ถือว่าเป็นเรื่องยากแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ!

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะใช้เจ้าให้เป็นประโยชน์ที่สุด!” จ้าวสำนักเผยแววตาเป็นแสงประหลาดทั้งยังแฝงท่าทีดูถูกราวกับกำลังมองดูมดแมลง เขาสะบัดแขนเข้าหาหวังหลิน

จ้าวสำนักนั้นทรงพลังเกินไป ตอนนี้เพราะวิญญาณของหวังหลินได้หายไปแล้วและระดับบ่มเพาะกลับคืนสู่ขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย หลังจากใช้ไปหลายวิชาหวังหลินจึงเหมือนตะเกียงไร้น้ำมัน ระดับบ่มเพาะของทั้งสองถือว่าแตกต่างกันมหาศาลเกินไป เพียงแค่อีกฝ่ายสะบัดแขน หวังหลินได้เผยสายตามุ่งมั่นและหลับตาเพื่อเชื่อมต่อกับร่างอวตารในมิติว่าง

จังหวะที่จ้าวสำนักเต๋ามารสะบัดแขน กลิ่นอายพิเศษได้ปรากฏขึ้นรอบตัวหวังหลิน ดวงตาเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีทองและสะบัดแขนกลับมา

ทั่วบริเวณเกิดเสียงดังสนั่น ร่างหวังหลินสั่นเทาอย่างรุนแรง เขากระอักโลหิตและกระเด็นถอยกลับมาหาเทือกเขา คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป แม้หวังหลินจะยืมพลังจากร่างอวตารก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกร!

การปะทะที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสและแทบสลบไป หวังหลินกัดฟันเพื่อฝืนให้ตัวเองตื่น

จ้าวสำนักเต๋ามารอุทานขึ้นเบาๆ ดวงตาเผยแสงแปลกประหลาดพร้อมมองหวังหลินที่กำลังถอยหนีและส่ายศีรษะ

“เป็นจริง…คนที่โชคชะตากำหนด…ถึงตอนนี้ยังต่อต้านการโจมตีจากข้าได้…เยี่ยมมาก แบบนี้ให้ข้าได้แสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังที่แท้จริงของฝ่ามือสำนักเต๋ามาร…เจ้าไม่ได้รู้จักมันใช่หรือไม่?” จ้าวสำนักยกแขนขวาขึ้นมาผลักไปยังท้องฟ้า

ท้องฟ้าดูเหมือนพังทลาย ระลอกคลื่นคล้ายเกล็ดปลาผุดขึ้นมา พริบตานั้นชายชราชุดขาวดุจเทพปรากฏตัว เขายืนอยู่ในอากาศเหมือนกำลังมองข้ามทุกชีวิตทั้งหมดและส่งสายตาไปยังหวังหลินที่กำลังหนี เขาพุ่งทะยานลงมาหาหวังหลินจากท้องฟ้า

ขณะนั้นพลันเปลี่ยนกลายเป็นประทับฝ่ามือขนาดยักษ์สีขาว ประทับฝ่ามือนี้ไม่ได้มีห้านิ้วแต่มีถึงเจ็ด!

อีกด้านหนึ่งของชายชราดุจเทพคือชายหนุ่มชุดดำ เขาก้าวออกมาด้วยท่าทีเย็นชาและเปลี่ยนกลายเป็นประทับฝ่ามือเจ็ดนิ้วสีดำขนาดยักษ์พุ่งลงมาหาหวังหลิน!

มองไกลๆ ราวกับโลกได้เปลี่ยนกลายเป็นภาพวาด ประทับฝ่ามือสีดำขาวและกำลังตกจากท้องฟ้าเข้าหาหวังหลิน ไม่นานนักทั้งสองได้ผสานกันเหนือหวังหลินเพียงหมื่นฟุตจนกลายเป็นประทับฝ่ามือเทพมารสีขาวดำ!

โลกบริเวณนี้ดูเหมือนกลับตาลปัตร ทุกสิ่งทุกอย่างพร่าเลือน หวังหลินหยุดวิ่งและมองขึ้นไปยังประทับฝ่ามือเทพมารที่กำลังตกลงมา เขาขบคิดอย่างเงียบๆ

ภายในใจไม่มีความสิ้นหวังหรือโศกเศร้า

หวังหลินเข้าใจดีว่าไม่สามารถรอดพ้นหายนะครั้งนี้ได้แล้ว เขาเสียใจที่ไม่ได้ชุบชีวิตลี่มู่หวานและยังไม่ได้เจอสหายที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดารา

หวังหลินหลับตาพลางถอนหายใจ เขาไม่ได้ล้มเลิกความพยายามแต่ทันใดนั้นได้เรียกหาลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่อยู่ในวิญญาณ ซึ่งเขาไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว!!

ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!

ประทับฝ่ามือเข้าประชิดหวังหลินในพริบตา วินาทีนั้นจ้าวสำนักเต๋ามารรู้สึกจิตใจเต้นผิดจังหวะ สัมผัสความตกตะลึงซึ่งอธิบายไม่ถูกได้ผสมเข้าไปในใจ เขาสะบัดแขนออกไปโดยไม่ลังเล

คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปทั่วสารทิศ ประทับฝ่ามือคว้าจับหวังหลินเอาไว้แต่ไม่ได้สังหารเขา เพียงเท่านี้ฝ่ามือได้จับหวังหลินให้อยู่ตรงกลางอย่างมั่นคง

จ้าวสำนักเต๋ามารทะยานร่างขึ้นสู่อากาศและผสานกับประทับฝ่ามือ จากนั้นทะยานลงไปในส่วนลึกของแคว้นมารเขียว เหล่าเซียนในสำนักจึงติดตามจ้าวสำนักออกไป

หลังจากทุกคนจากไปแล้ว เทือกเขาจึงค่อยๆ กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม แคว้นเมิ่งตูไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ราวกับพวกเขาบรรลุข้อตกลงกันแล้ว

ลำแสงหลายเส้นเต็มไปทั่วฟ้า จ้าวสำนักเต๋ามารดูสงบนิ่งแต่ในใจเกิดความสงสัย ตอนนี้เขารู้สึกว่าหากพยายามสังหารหวังหลินคงจะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่

ความรู้สึกเช่นนี้สำหรับเขาถือว่าหายากยิ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถเมินเฉยไปได้!

‘คนผู้นี้…เป็นคนที่ฟ้าลิขิต ดังนั้นจะต้องซ่อนแผนการลึกลับ…เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก หากเราทำตามแผนเดิมคงไม่ได้สูญเสียไปขนาดนี้…’

จ้าวสำนักเต๋ามารเคลื่อนทะยานเข้าสู่ใจกลางแคว้นมารเขียวพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย ตำแหน่งนั้นคืออารามแมงป่องมารเขียว!

‘จองจำเขาไว้ในอารามแมงป่องมารเขียว ใช้ร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงมารเขียวและใช้วิญญาณมันเพื่อชุบชีวิตมารเขียว!!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version